นิ้วทั้งห้าของชางซงแตกละเอียดไหปลาร้า และแขนหัก!
ยอดฝีมือจากเขาหลงหู่ล้วนแล้วแต่เป็นนักบวชที่ฝึกตนตามแนวทางเต๋านอกจากฝึกเพลงดาบแล้ว ก็จะปลุกเสกยันต์ ร่างกายจึงไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก..
ในขณะที่ร่างกายของหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งอย่างที่สุด!
ชางซงถึงกับกระอักออกมาเป็นเลือดและรีบกระเสือกกระสนถอยกลับออกไปราวเจ็ดแปดก้าว..
แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะเขาก็ยังคงยืนถือกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ในมือนิ่ง ส่วนมืออีกข้างก็จับแส้ของชางซงหมุนเล่นพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้ายังต้องการกำจัดมารเพื่อผดุงความถูกต้องอีกหรือไม่”
หากจะเทียบประสบการณ์การต่อสู้ระหว่างหลิงหยุนกับชางซงแล้วล่ะก็..หลิงหยุนนับว่าเหนือกว่ามากมายหลายพันเท่า
พรึบ..พรึบ..
จุ้ยจู่กับชิงเฟิงเห็นชางซงได้รับบาดเจ็บและพ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุน จึงรีบกระโดดออกมายืนขวางไว้ทันที!
ส่วนซีเสียก็รีบตรงเข้าไปหาชางซงที่นอนบาดเจ็บอยู่และไม่รีรอที่จะหยิบโอสถออกมาเทใส่ลงไปปากของชางซง จากนั้นก็รีบค้นถุงผ้าหายามารักษาให้กับเขาทันที
“สวรรค์เมตตา!”
“หลิงหยุน..เจ้ามันคงชั่วช้าไร้ยางอาย จู่โจมคู่ต่อสู้ทีเผลอเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน”
จุ้ยจู่ร้องตะโกนด่าหลิงหยุนพร้อมกับรีบดึงกระบี่ยาวที่อยู่ด้านหลังของตนเองออกมาทันทีจากนั้นจึงถือกระบี่ยาวยืดอกรอรับการโจมตีจากหลิงหยุนอย่างไม่เกรงกลัว
หลิงหยุนอารมณ์ดีอย่างมากเขาจัดการโยนแส้ของชางซงทิ้งเข้าไปในป่า แล้วจึงพูดขึ้นว่า
“เจ้าโง่..ก่อนจะเริ่มการต่อสู้ ข้าก็ได้เตือนพวกเจ้าแล้วว่าให้ระมัดระวังตัวให้ดี แล้วมีกฏข้อใหนห้ามไม่ให้ข้าลงมือก่อนงั้นรึ”
“เจ้าลองใคร่ครวญดูให้ดี..นี่ไม่ใช่การประลองระหว่างพี่ชายน้องสาว แต่นี่มันคือการต่อสู้กับความเป็นความตายไม่ใช่รึ”
หลังจากที่หลิงหยุนได้ทดสอบความแข็งแกร่งของหนึ่งในสี่ไปแล้วเขาก็ไม่นึกกังวลกับนักบวชที่เหลืออีกสามคนเลย..
ชางซงดูเหมือนจะเป็นผู้นำของนักบวชสามคนที่เหลือและขั้นของเขาก็ไม่น่าจะเกินกว่าระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8
จากที่ได้ประมือกับชางซงเมื่อครู่นี้ทำให้หลิงหยุนพอจะรู้ว่าจุดอ่อนของเหล่านักบวชจากเขาหลงหู่นั้นก็คือร่างกาย.. ในเมื่อสามารถค้นพบจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้เช่นนี้ หลิงหยุนยังต้องหวาดกลัว และกังวลอะไรอีกเล่า
เมื่อจุ้ยจู่ถูกหลิงหยุนเรียกว่า‘เจ้าโง่’ เช่นนี้ ก็ถึงกับสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ และด้วยสัญชาติญาณ เขาจึงต้องการที่จะตอบโต้กลับไป แต่หลังจากที่ใคร่ครวญดีแล้ว เขาจึงได้คิดว่าไม่มีเหตุผลที่ตนเองจะต้องทำเช่นนั้น
ในเมื่อชางซงอวดดีกล้าพูดว่า..หลิงหยุนจะไม่ได้ลงจากเขาในสภาพที่มีลมหายใจ แล้วเหตุใดเขายังต้องปราณีกับผู้ที่กล้ากล่าววาจาสามหาวเช่นนี้กับตนเองด้วยเล่า
ทั้งไต้ซือเจี๋วยหยวนและนักพรตชงซวีได้แต่หันไปมองหน้ากัน หลังจากที่เห็นภาพการต่อสู้เมื่อครู่ตรงหน้า และต่างก็พบคำตอบในดวงตาของอีกฝ่าย..
ในบรรดายอดฝีมือที่ขึ้นมาบนยอดเขาหลงเหมินในคืนนี้ผู้ที่นับว่าแข็งแกร่งที่สุดก็คงจะไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลวงจีนเจี๋วยหยวน และนักพรตชงซวี เพราะทั้งคู่ดูเหมือนจะเข้าสู่ระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-9 แล้ว
ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ต่างก็คิดว่า..ด้วยความแข็งแกร่งของตนเองเวลานี้ ต่อให้หลิงหยุนเก่งกาจมากเพียงใด พวกเขาก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นไว้ได้….ไอลีนโนเวล
แต่เวลานี้..ทั้งคู่ต่างก็รู้แล้วว่าตนเองนั้นคิดผิดไปถนัด และก้าวพลาดไปอย่างใหญ่หลวง!
นั่นเพราะพวกเขาทั้งสองคนประเมินความแข็งแกร่งของหลิงหยุนต่ำจนเกินไปหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่ง และเก่งกาจเกินกว่าที่พวกเขาทั้งคู่คาดคิดไว้มาก
จึงไม่แปลกที่คืนนี้หลิงหยุนจะสามารถเผชิญหน้ากับยอดฝีมือมากมายในยุทธภพด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและไม่มีทีท่าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หลิงหยุนสามารถยะโสโอหังเช่นนี้ได้ ก็เพราะเขามีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้นนั่นเอง!
สำหรับผู้ฝึกวรยุทธในยุทธภพนั้นผู้ฝึกมักมุ่งเน้นในการฝึกวิชาแขนงใดแขนงหนึ่ง อย่างเช่นบางคนฝึกจนเป็นเลิศด้านเพลงกระบี่ หรือบางคนอาจมีวิชาตัวเบาล้ำเลิศ บางคนเก่งในทางเพลงหมัด หรือบางคนก็เก่งในการใช้อาวุธลับ..
แต่ต่อให้มีใครบางคนเป็นเลิศในหลายๆด้านก็ย่อมต้องมีสิ่งที่ตนเองไม่เก่งอยู่บ้าง..
แต่หลิงหยุนกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น..
เพลงหมัดของเขาก็เป็นเลิศ..ดูได้จากสภาพของหลิวซุ่ยเฟิง!
เพลงกระบี่ของเขาก็เก่งกาจ..และทุกคนในที่นั้นก็ได้เห็นประจักษ์แก่สายตาตนเองแล้วจากร่างไร้วิญญาณทั้งเก้าของยอดฝีมือสำนักแดนใต้
นอกจากนี้แล้ว..หลิงหยุนยังมีความแข็งแกร่งที่น่าอัศจรรย์ มีวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศ อีกทั้งยังมีไหวพริบ และทักษะในการต่อสู้ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้การต่อสู้ในสนามของหลิงหยุนนั้นแทบจะเรียกได้ว่า.. ไร้ซึ่งจุดอ่อน!
และอย่างน้อยเวลานี้ไต้ซือเจี๋วยหยวนและนักพรตชงซวีก็ยังไม่พบจุดอ่อนของหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย!
ทั้งไต้ซือเจี๋วยหยวนและนักพรตชงซวีต่างก็ครุ่นคิดกันจนหัวแทบระเบิดก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่า.. หลิงหยุนซึ่งเป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบแปดปีเท่านั้น แต่เหตุใดจึงสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้!
ไต้ซือเจี๋วยหยวนหันไปมองร่างไร้ศรีษะของกัวเสี่ยวเทียนด้วยแววตาวิตกกังวลก่อนจะพูดกับนักพรตชงซวีผ่านกระแสจิต
-ท่านนักพรตชงซวี..ไม่ทราบว่าท่านคิดอ่านเช่นใด–
นักพรตชงซวีตอบกลับไปว่า-ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ พวกเราประเมินเขาต่ำไปมาก..-
ไต้ซือเจี๋วยหยวนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดต่ออย่างไม่ลังเล-แต่พวกเราคงไม่สามารถยืนมองเขาเข่นฆ่าผู้คนเช่นนี้ได้! หรือว่า..-
หลวงจีนเจี๋วยหยวนนิ่งไปครู่หนึ่งคล้ายกำลังตัดสินใจก่อนจะพูดออกมาว่า -หรือจะให้เส้าหลินเป็นฝ่ายประมือกับเขาก่อน…-
หลวงจีนเจี๋วยหยวนเสนอตัวที่จะลงมือกับหลิงหยุนก่อนแต่กลับคิดไม่ถึงว่านักพรตชงซวีจะส่ายหน้าพร้อมตอบกลับมาว่า
-ช้าก่อน..-
–การทำเช่นนั้นจะยิ่งเป็นการยั่วยุหลิงหยุนเวลานี้กลิ่นอายสังหารในตัวของเขารุนแรงยิ่งนัก หากพวกเราลงมือกับเขาในตอนนี้ ไม่เพียงจะไม่สามารถหยุดหลิงหยุนได้ แต่กลับจะยิ่งเป็นการปลุกเร้าให้หลิงหยุนต้องการสังหารผู้คนมากขึ้น และเมื่อถึงเวลานั้น.. บนยอดเขาหลงเหมินแห่งนี้ คงจะเหลือแต่ท่านกับข้าเพียงสองคนเท่านั้น..-
หลวงจีนเจี๋วยหยวนถึงกับร้องถามออกมาอย่างตกใจ–อะไรนะ นี่แม้แต่ท่านก็ไม่สามารถหยุดเขาได้งั้นรึ?-
นักพรตชงซวียิ้มพร้อมกับยอมรับออกมาตรงๆ–ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว!-
หลิงหยุนเป็นคนที่ไม่ยึดกับกฎเกณฑ์ยุทธภพจึงยากที่จะคาดเดาความคิดของเขาได้ อีกทั้งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบจุดอ่อนของเขาเลยแม้แต่น้อย และหากไม่สามารถหยุดหลิงหยุนได้ นอกเหนือจากหลวงจีนเจี๋วยหยวนกับนักพรตชงซวีแล้ว ยอดฝีมือคนอื่นๆ ในที่นี้คงต้องมีชะตากรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้อย่างแน่นอน..
หลวงจีนเจี๋วยหยวนขมวดคิ้วพร้อมกับถามต่อว่า-เช่นนั้นแล้วท่านคิดจะจัดการเช่นใด–
นักพรตชงซวีตอบกลับมาทันที“ข้าว่าพวกเราดูเขาไปก่อนเถิด..”
หลังจากที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้วแต่ยังไม่สามารถสรุปผลได้นั้น ทั้งสองคนจึงเลือกที่จะเฝ้าดูหลิงหยุนต่อไปก่อน..
ชางซงกำลังอยู่ในท่านั่งคุกเข่าสีหน้าซีเผือด และเพราะความเจ็บปวดอย่างมาก ทำให้เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มใบหน้าของเขา และได้แต่ปล่อยให้ซีเสียทำการรักษาบาดแผลให้..
และเวลานี้ชางซงก็ได้รับรู้ถึงพลังหมัดที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนแล้ว!
ระหว่างที่พักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่นั้นชางซงก็ได้ร้องเตือนศิษย์ร่วมสำนักไม่ให้ประมาทหลิงหยุน
“ศิษย์น้อง..เจ้าระวังตัวด้วย เด็กนี่เป็นปีศาจ มันไม่ใช่คนธรรมดา วิชาตัวเบาของมันนั้นเคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่งนัก!”
จากนั้น..ชางซงก็กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด และค่อยๆลุกขึ้นยืน พร้อมกับใช้มือขวาดึงดาบยาวออกมา
“ค่ายกลปราบมังกร..”
หลังจากที่ชางซงถือกระบี่ยาวไว้ในมือแล้วเขาก็กระโดดเข้าไปยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือของหลิงหยุนพร้อมกับร้องบอกให้ทุกคนตั้งค่ายกลปราบมังกรทันที แล้วซีเสีย จุ้ยจู่ และชีเฟิงก็กระโดดตามไปอย่างรวดเร็ว
เวลานี้จอมยุทธจากเขาหลงหู่ได้แยกกันยืนล้อมหลิงหยุนไว้ทั้งสี่ทิศ..
“ค่ายกลปราบมังกรงั้นรึน่าสนใจดีนี่..”
“แต่ไม่รู้ว่าเฒ่าชางซงผู้นี้จะมีชีวิตรอดหรือไม่น่ะสิ!”
หลิงหยุนยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆบิดตัว และใช้มังกรพรางร่างพุ่งเข้าไปหาชางซงอย่างรวดเร็ว!