ตอนที่ 705 จำเอาไว้ให้ดี / ตอนที่ 706 เปลี่ยนเสื้อผ้า

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 705 จำเอาไว้ให้ดี

 

 

ฉู่ป๋ายมองนางอยู่นาน ในที่สุดก็ยิ้มออกมา “เป็นอะไรไป? พอมีสติขึ้นมา ความกล้าก็หายไปหมดแล้วหรือ ก่อนหน้านี้เจ้ายังร้องไห้แล้วบอกกับข้าว่า…”

 

 

“แค่กๆ!” อวี้อาเหรากระแอมเสียงดังสองที เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูด แล้วแสร้งทำสีหน้าไร้เดียงสา “เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง เจ้าอย่าถือโอกาสตอนข้าจำไม่ได้มาพูดมั่วซั่วนนะ”

 

 

“จำไม่ได้เลยจริงๆ หรือ?” ฉู่ป่ายทำทีเหมือนหัวเราะแต่ก็ไม่ได้หัวเราะ

 

 

“จำไม่ได้” อวี้อาเหราพยักหน้าหนักแน่น นางจะยอมรับให้โง่หรือ มิเช่นนั้นก็โดนหัวเราะเยาะกันพอดีสิ?

 

 

อีกอย่าง นั่นเป็นเรื่องที่นางทำตอนไม่ได้สตินี่ ก็เท่ากับว่าคนๆ นั้นไม่ใช่นางเสียหน่อย หากเป็นยามปกติแม้จะโดนตีจนตายนางก็ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นแน่ หลังจากที่คิดเช่นนั้น นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก หลังจากคิดไปคิดมาสักครู่ จึงเงยหน้าขึ้น สีหน้าฉายแววหนักแน่น

 

 

ฉู่ป๋ายชะงัก แล้วจึงก้มหน้าลงมองเอวของตัวเองที่สายคาดเอวเกือบจะหลุดออกอยู่แล้ว “เป็นข้ากระมัง ที่ปลดสายรัดเอวนี่เอง?”

 

 

“อืม เป็นเจ้านั่นแหละ” ทำไมอวี้อาเหราถึงจะไม่เข้าใจในความหมายของเขา เขากำลังหัวเราะเยาะนางที่เมื่อครู่นี้นางทำท่าทีกล้าหาญเสียเหลือเกินแน่ๆ ปากนางกล้าที่จะพูด แต่จิตใจหรือหงอยเหงาเสียเหลือเกิน

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นว่าให้ตายอย่างไรนางก็ไม่ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นเสียที จึงไม่พูดเรื่องอะไรอีก แล้วหันไปร้องออกไปด้านนอกประตู เพื่อเรียกเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้เข้ามา

 

 

เมื่อเมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์เข้ามาแล้ว จึงเห็นว่าทั้งสองคนนั่งตัวเปียกอยู่ในถังไม้

 

 

ถังน้ำเล็กเกินไป ร่างของทั้งสองแทบจะแนบชิดกันแล้ว

 

 

ทั้งสองส่งสายตามองกันและกัน อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง รีบก้มหน้าลงในทันที

 

 

“คุณหนูของพวกเจ้าบอกว่าจำเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อครู่นี้ไม่ได้ พวกเจ้าลองบอกนางด้วยเถิด มิเช่นนั้นนางจะหาว่าเรารังแกนางได้” ฉู่ป๋ายสั่ง

 

 

เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ไม่ทันสังเกตใบหน้าแดงก่ำของอวี้อาเหราแม้แต่น้อย

 

 

เจาเอ๋อร์อธิบายว่า “คุณหนู พวกบ่าวเห็นว่าท่านเอาแต่รบเร้าพัวพันเซิ่นซื่อจื่อไม่ห่าง ทำอย่างไรก็ไม่ยอมห่าง พวกบ่าวจะพามาแช่น้ำก็ไม่ยอม ต้องให้เซิ่นซื่อจื่อพามาถึงจะยอมเจ้าค่ะ”

 

 

อวี้อาเหรานิ่งเงียบไปสักพัก ถ้าเจาเอ๋อร์ไม่พูดเสียบ้างจะตายหรือไม่?

 

 

เมี่ยวอวี้รีบทำตามคำสั่งในทันที “เจาเอ๋อร์กล่าวได้ถูกต้อง เป็นเช่นนั้นจริงๆ เจ้าค่ะ”

 

 

อวี้อาเหราไม่รู้ว่าจะกล่าวเรื่องอะไรดี ฉู่ป๋ายเห็นว่าให้ตายอย่างไรนางก็ไม่ยอมรับ ดังนั้นจึงให้คนอื่นพูด จึงเห็นว่านางอับอายเสียจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แม้จะรู้ว่าตัวเองพูดเรื่องโกหกอะไรออกมามากมาย แต่เมื่อออกมาจากปากของเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ก็ยากเหลือเกินที่จะทำใจยอมรับ

 

 

ฉู๋ป๋ายยิ้มในหน้า “เจ้าจำได้หรือยัง”

 

 

“จำได้แล้ว!” อวี้อาเหรากัดฟันยอมรับ

 

 

นางจะแสร้งทำเป็นไม่ยอมรับอีกได้อย่างไร? จำต้องพูดออกไปเท่านั้น นางจำได้อยู่แล้ว ยามนั้น นางเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ทว่าเขายังกลับทำตัวเหมือนบัณฑิตสูงส่ง เอาแต่นั่งนิ่งไม่ไหวติง จะไม่สงสัยได้อย่างไรว่าเขาตั้งใจจะทำเช่นนี้?

 

 

ในยามที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉู๋ป๋ายก็ยิ้มออกมา “เจาเอ๋อร์ เมี่ยวอวี้ เจ้าไปเตรียมเสื้อผ้าแห้งๆ มาหน่อยสิ”

 

 

“เจ้าคะ” ทั้งสองมองกันอย่างสงสัย แล้วรีบออกไปในทันที

 

 

ฉู่ป๋ายลุกขึ้นจากน้ำ ทั่วทั้งร่างเปียกปอนไปหมด มองเห็นร่างกายสะโอดสะอง คิดไม่ถึงเลย ไม่เลว ว่าเขานั้นไม่ได้ผอมบางเหมือนดังที่เห็น เขาถูกโรคกระหายโลหิตเล่นงาน ทว่าหลังจากที่ฉู่เกอกลับมาแล้ว ก็สามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายได้ไม่น้อย และพลังยุทธ์ก็ฟื้นฟูมาได้มากมาย มิเช่นนั้นคงไม่สามารถต่อสู้กับประมุขของพระอารามจีซูได้นานถึงเพียงนี้หรอก

 

 

เพียงผ่านไปไม่นาน ก็มองเห็น…

 

 

 

 

ตอนที่ 706 เปลี่ยนเสื้อผ้า

 

 

เขาหยิบผ้าสะอาดขึ้นมาเพื่อเช็ดตัว ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมหรือเสื้อผ้า ก็ล้วนแล้วแต่เปียกลู่แนบไปกับร่างกายจนแทบดูไม่ได้ อากาศหนาวเย็นนัก เขาลุกขึ้นจากน้ำ แม้ว่าในห้องจะจุดเตาผิงเอาไว้ แต่เพราะหน้าต่างก็เปิดออกเล็กน้อย เมื่อลมเย็นพัดเข้ามาจึงทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปหมด

 

 

อวี้อาเหราที่แช่น้ำอยู่ก็รู้สึกหนาวเย็นที่หัวไหล่ แล้วเขาเล่า?

 

 

นางจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ทน “เจ้าออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิด”

 

 

“จะไปเปลี่ยนที่ไหนเล่า” ฉู่ป๋ายชะงัก “ในห้องนี้มีฉากกั้นเพียงฉากเดียว คงจะไม่สะดวกเท่าไหร่”

 

 

“เจ้าก็ไปเปลี่ยนที่ห้องข้างๆ สิ” อวี้อาเหราเสนอ

 

 

“เจ้าอยากให้ข้าหนาวตายหรืออย่างไร?” ฉู่ป๋ายถามกลับ

 

 

อวี้อาเหราหมดหนทาง “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รอให้พวกเจาเอ๋อร์เอาเสื้อผ้าเข้ามา เจ้าก็ออกไปเปลี่ยนที่นอกฉากกั้น ข้าสัญญาว่าจะไม่แอบมองหรอก”

 

 

“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร? เมื่อครู่นี้เจ้าเกือบจะ…” ฉู่ป๋ายไม่พูดถึงประโยคหลัง

 

 

“เจ้าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน? ถ้าไม่เปลี่ยนก็กลับไปทั้งอย่างนั้นแหละ” อวี้อาเหราจ้องมองเขาอย่างเดือดดาล เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ ทำลับๆ ล่อๆ อย่างกับผู้หญิงไปเสียได้ แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าทำราวกับจะเสียความบริสุทธิ์ นางไม่ใช่หญิงที่จะแอบมองผู้ชายอาบน้ำเสียหน่อย เห็นแก่หน้านางเสียบ้างสิ

 

 

“ให้ข้ากลับอย่างนี้ หากคนอื่นเห็นเข้า จะให้ข้าบอกว่าเป็นคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องเป็นคนทำหรืออย่างไร?” ฉู่ป๋ายหัวเราะเสียงเบา มองแล้วยิ่งทำให้โมโห

 

 

“ถ้าอย่างนั้นจะให้ทำอย่างไร?” อวี้อาเหราพยายามอดกลั้น แล้วกลั้นใจถาม

 

 

“ก็ทำตามที่เจ้าบอก” ฉู่ป๋ายคิด แล้วพูด

 

 

อวี้อาเหราหมดคำจะเอ่ย นี่กำลังแกล้งนางอยู่ใช่หรือไม่?

 

 

ถัดมา เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้หยิบชุดเข้ามา ฉู่ป๋ายมองเห็นเสื้อผ้าเช่นนี้ ก็ชะงักไปนิดหน่อย

 

 

เจาเอ๋อร์รีบพูดขึ้นมาว่า “นี่เป็นเสื้อผ้าของนายน้อยสามเจ้าค่ะ ในจวนไม่มีเสื้อผ้าของผู้ชายเลย ดังนั้นบ่าวจึงไปเอามาจากนายน้อยสาม ที่จริงคิดว่าจะไปยืมของท่านอ๋อง แต่กลัวว่าท่านอ๋องจะสงสัย อีกทั้งเห็นว่าท่านอ๋องและเซินซื่อจื่อมีรูปร่างที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงหยิบของนายน้อยสามมาเพคะ”

 

 

“เนื้อผ้าอาจจะด้อยกว่าของเซิ่นซื่อจื่อ แต่ขอให้อดทนใส่ไปก่อนเถิดนะเจ้าคะ ข้าน้อยจะนำอาภรณ์ของท่านไปซักให้เจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้เห็นฉู่ป๋ายมีสีหน้าเฉยเมย จึงรีบเอ่ยขึ้นมาทันที

 

 

ฉู่ป๋ายพยักหน้า แล้วหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาเปลี่ยน

 

 

อวี้อาเหรามองแล้วมุมปากก็โค้งขึ้นมาโดยไร้เสียง ทำท่ารังเกียจอะไรถึงเพียงนั้น เสื้อผ้าตัวเดียวใส่ไม่ได้หรือ?

 

 

เจาเอ๋อร์นำเสื้อผ้าเข้ามา แล้วรีบปิดประตูทันที พวกนางเพิ่งจะเคยเห็นชายหนุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงานเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของคุณหนู หากข่าวนี้แพร่ออกไปแล้ว คงจะเกิดเรื่องราวฉาวโฉ่ไปถึงไหนต่อไหน

 

 

อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้นมา มีฉากกั้นเอาไว้จึงมองไม่เห็นว่าฉู่ป๋ายอยู่ตรงไหน จึงเห็นเงาร่างที่กำลังทำอะไรตะคุ่มๆ อยู่ข้างเตียง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ทำไมต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เตียงของนางด้วยเล่า

 

 

หลังจากแช่น้ำสักครู่ ยาที่อยู่ในร่างกายก็ค่อยๆ หมดฤทธิ์ นางจึงลุกขึ้นจากถังน้ำ แล้วถอดเสื้อผ้าเปียกชื้นออกจากร่างกาย แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าแห้งและสะอาด ทั่วทั้งร่างจึงอุ่นขึ้นมาก มีแต่เส้นผมยาวที่เปียกชื้นเท่านั้นที่ยังจัดการไม่ได้ ยังคงเปียกแนบไปกับร่างกายของนาง

 

 

เมื่อเห็นว่าฉู่ป๋ายยังไม่ส่งเสียงมาอีก นางจึงชะงัก “เจ้าทำอะไรน่ะ?”

 

 

ไม่มีเสียงตอบรับ นางก็นิ่งไป แล้วค่อยๆ ย่องออกมาดู จึงเห็นฉู่ป๋ายมองปิ่นหงส์จนใจลอย ไม่รู้ว่าเขาหาเจอได้อย่างไร นางอุตส่าห์บอกเจาเอ๋อร์ให้ซ่อนเอาไว้แท้ๆ แม้แต่นางยังไม่รู้เลยว่าซ่อนเอาไว้ตรงไหน