ตอนที่ 707 มีตัวอักษร
“เจ้าไปหามาจากไหน?” อวี้อาเหราก้าวไปข้างหน้า
ฉู่ป๋ายนิ่งงัน ราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่นางพูด
อวี้อาเหราสงสัย ยื่นมือออกไปกระตุกแขนเสื้อของเขา “เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ?”
ไม่ค่อยเห็นเขาใจลอยเช่นนี้เลย ก็แค่ปิ่นหงส์เองมิใช่หรือ? มีอะไรให้มองถึงเพียงนั้น
เมื่อถูกนางกระตุก ฉู่ป๋ายจึงค่อยหันมาทางนาง “เจ้าว่าอะไรนะ”
อวี้อาเหราหมดความอดทน “เมื่อครู่นี้เจ้าคิดอะไรอยู่ เหตุใดถึงใจลอย”
“ปิ่นประดับอันนี้” ฉู่ป๋ายยื่นปิ่นประดับในมือให้นางดู แล้วจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าด้านหลังของปิ่นประดับอันนี้มีตัวอักษรอยู่สองตัว”
“มีตัวอักษรหรือ?” อวี้อาเหราสนใจขึ้นมา รีบจับมือของเขาเอาไว้ เพื่อดู “มีตรงไหน ขอดูหน่อย”
“อยู่ข้างหลังตรงนี้” ฉู่ป๋ายพลิกปิ่นประดับไปอีกด้าน ด้านหน้ามีปักหงส์หนึ่งปีก ด้านในมีหยก อวี้อาเหรามองตามสายตาของเขาแล้วมองเห็นตัวอักษรสองตัวท่ามกลางแสงเหลืองสลัว “จีซู”
จีซูหรือ?
จำได้หรือไม่ว่าองค์หญิงของราชวงศ์ก่อนชื่อจีซู? และนางก็คือองค์หญิงจีซู
อวี้อาเหรามองเห็นแล้วก็สงสัย ฉู่ป๋ายจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบๆ “ปิ่นประดับชิ้นนี้เจ้าซื้อมาจากตลาดมืดเมื่อคราวนั้น ได้ยินมาว่าเป็นของฮองเฮาราชวงศ์ก่อน?”
“ไม่ผิด” อวี้อาเหราพยักหน้า “ในเมื่อเป็นของของฮองเฮา เหตุใดจึงมีชื่อจีซูสลักอยู่ด้วยเล่า หรือว่าเป็นของปลอมกัน?”
หรือว่านางถูกหลอก? คิดแล้วก็ปวดใจ ทว่าฉู่ป๋ายกลับส่ายหน้าเป็นการตอบแทน “ไม่ใช่ของปลอมหรอก หลังจากที่องค์หญิงจีซูประสูติแล้ว ฮองเฮาพระองค์ก่อนจึงสั่งให้สลักเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันได้มอบให้องค์หญิงจีซู”
เมื่อพูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นมองนางด้วยความสงสัย
“หากเจ้าเป็นองค์หญิงจีซูจริงๆ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ ปิ่นประดับชิ้นนี้ก็ได้ตกมาอยู่ในมือของเจ้าอีกครั้ง นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง”
“ข้า…” อวี้อเหราลังเล
เวลาผ่านไปยาวนาน แล้วตกลงมาสู่มือนางอีกครั้งหรือ? แม้ว่าจะยังอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่ชัดเจน แต่เขากลับพูดเช่นนี้ พูดว่านางเป็นองค์หญิงจีซูตัวจริงหรือ?
ฉู่ป๋ายก็ถอนสายตาไปมองที่ปิ่นประดับ แล้วหยิบขึ้นมาปักลงบนเส้นผมจองอวี้อาเหราด้วยตัวเอง
“สวย”
หลังจากปักลงไปแล้ว ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
อวี้อาเหราว่า “เป็นข้าที่สวยหรือปิ่นนี่ที่สวย?”
“แน่นอนว่าย่อมเป็นปิ่นปักผมอยู่แล้ว” ฉู่ป๋ายยิ้มออกมาเล็กน้อย
อวี้อาเหรารีบดึงปิ่นปักผมออก “ปิ่นนี้จะสวยกว่าข้าได้อย่างไร เอาออกเสียดีกว่า”
ฉู่ป๋ายกลับไม่ได้ห้าม ปล่อยให้นางดึงปิ่นประดับออก
หลังจากวางลงในกล่องไม้แล้ว นางก็ชะงัก หากปิ่นปักผมนี้เป็นของที่ฮองเฮาของราชวงศ์ก่อนใช้ นางก็ไม่สามารถใช้ได้ เพราะหากมีคนสามารถพิสูจน์สถานะของนางได้ นางคงจะต้องโทษตาย แม้คนในจวนหลิงอ๋องทั้งหมดก็คงจะโดนหางเลขไปด้วย
สถานการณ์เช่นนั้น นางคิดไม่ถึงแล้ว
หลังจากที่อวี้อาเหราเก็บเรียบร้อยแล้ว เมื่อมองไปรอบๆ เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้จึงเดินเข้ามา แล้วเอ่ยกับนางว่า “คุณหนู พรุ่งนี้ในจวนจะเตรียมอาหารเพื่อให้รับประทานร่วมกัน ท่านอ๋องได้ยินว่าคุณหนูกลับมาแล้ว ก็สั่งให้ท่านห้ามออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน เกรงว่าจะหาตัวไม่พบเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว” อวี้อาเหราพยักหน้า
เจาเอ๋อร์ถามต่อ “ถ้าเช่นนั้น คุณหนู พรุ่งนี้บ่าวจะไปเอาสัมภาระของคุณหนูที่เรือนพักตากอากาศให้นะเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง” อวี้อาเหราส่ายหน้า “อยู่ที่เรือนพักตากอากาศนั้นดีนัก อีกอย่าง หากข้ากลับมาที่นี่ คงจะมีคนไม่อยากเห็นข้า เอาไว้ที่นั่นเถิด ไม่ต้องไปเก็บหรอก รอให้ผ่านไปสองสามวันเถิด ข้าจะกลับไปอยู่ที่เรือนพักตากอากาศอีก”
ตอนที่ 708 ทรมานแทบแย่
“เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์จำต้องรับคำ
แต่ธิดาเอกจวนไหนจะไปอยู่เรือนพักตากอากาศได้ตลอดเล่า?
หากหลิงอ๋องได้ยินดังนั้นคงจะไม่เห็นด้วยแน่
หลังจากลังเลอยู่สักครู่ เมี่ยวอวี้ก็เอ่ยขึ้นมาอีกว่า “คุณหนู ยังมีอะไรจะสั่งอีกหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่มีแล้ว” อวี้อาเหราโบกมือ มองไปทางฉู่ป๋ายที่นั่งอยู่ข้างๆ ตลอด “เจ้าจะกลับจวนไปนอนหรือไม่เล่า”
“วันนี้ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ไม่กลับหรอก” ฉู่ป๋ายยิ้มอย่างมีเลศนัย
อวี้อาเหราจ้องมองเขา จากนั้นจึงหันไปมองเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ ทั้งสองไม่กล้ามอง เอาแต่ก้มหน้าลงตลอดเวลา
เมื่อฉู่ป๋ายกล่าวเช่นนี้ พวกนางสองคนจะไม่เข้าใจผิดแย่หรือ
พูดตามความจริงแล้ววันนี้นางก็ทรมานฉู่ป๋ายเสียแทบตาย เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของเขาในยามนี้ นางก็ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกเช่นไรดี
เมื่อไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี นางจึงหันไปสั่งกับเจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ “พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด”
ทั้งสองคนเดินออกนอกประตูไป
เมื่ออวี้อาเหราเห็นว่าในห้องเหลือกันอยู่เพียงสองคนแล้ว ใบหน้าของนางก็นิ่งขรึมไป
“เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่”
“เจ้าจะรีบร้อนไปทำไม กลัวว่าข้าจะก่อเรื่องหรือ”
ฉู่ป๋ายถามขึ้นอย่างนิ่งๆ ท่าทีราวกับจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มนั้น ไหนเลยจะมีท่าทีเหมือนจริงจัง
อวี้อาเหราไม่พูดอะไรอีก เพราะถึงพูดไปก็ไม่ชนะเขาอยู่ดี
วันนี้นางถูกจวินจื่อหร่านวางยา แม้จะคลายฤทธิ์แล้ว แต่ร่างกายของนางก็ยังคงอ่อนเพลียนัก จำต้องรีบพักผ่อน แต่เมื่อเห็นฉู่ป๋ายนั่งลงข้างเตียง นางก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
เขาจะไม่ยอมไปไหนจริงๆ หรือ?
ก็แล้วแต่เขาแล้วกัน
ยามที่นางกำลังคิดจะขึ้นไปนอนบนเตียงนั้น ฉู่ป๋ายก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าคอแห้ง เจ้าไปรินน้ำชาให้ข้าหน่อยเถิด”
“ทำไมไม่ไปเองเล่า?” อวี้อาเหราถามกลับ
“เจ้าลืมเรื่องที่ตกลงกับข้าที่พระอารามจีซูแล้วหรืออย่างไร”
ฉู่ป๋ายเงยหน้าขึ้นมา ประโยคนี้ ทำให้นางไร้ซึ่งหนทางตอบโต้
ปรนนิบัติเขาน่ะหรือ? นางต้องจำยอม
ใครขอให้นางต้องตกอยู่ในกำมือของเขากันเล่า
หลังจากที่นางเดินไปรินน้ำยาที่โต๊ะแต่โดยดีแล้ว ก็เห็นฉู่ป๋ายทิ้งกายลงนอนหลับไปเสียแล้ว
นางชะงักในทันที ที่แท้…ที่ให้นางไปรินน้ำชามานั้น ก็เพื่อจะยึดเตียงของนางเท่านั้นเอง!
ร้ายกาจ!
ขี้โกง!
อวี้อาเหรานั่งลงข้างเตียง เอาแต่มองเขาเช่นนั้น
แต่ทันใดนั้นเองฉู่ป๋ายก็ลืมตาตื่นขึ้นมอง แล้วตื่นตะลึง “ที่หน้าข้ามีดอกไม้ประดับอยู่หรืออย่างไร มีอะไรน่ามองถึงเพียงนั้นกัน?”
“ไม่ใช่” อวี้อาเหราส่ายหน้าขึ้นมาในทันที แล้วรีบเคลื่อนย้ายสายตาทันที เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งหลับไปมิใช่หรือ ทำไมจึงลืมตาตื่นขึ้นมากะทันหันเล่า ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ คนมองก็ตกใจตายเลยสิ
หลังจากที่พูดจบ ฉู่ป๋ายก็นอนหลับไปอีกครั้ง
หากอวี้อาเหราไม่เห็นว่าเขาลืมตาขึ้นมาจริงๆ นางคงคิดว่าเขานั้นต้องนอนละเมอเป็นแน่
หลังจากลังเลอยู่นาน นางก็ไม่อาจต้านทานความง่วงได้ จึงได้นอนลงไปบนเตียง
ท้องฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว ในช่วงใกล้รุ่ง หลิงอ๋องก็มีเรื่องทำให้ยุ่งเสียแล้ว ด้านนอกเกิดเสียงปะทัดดังเข้ามา ราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินจะทลาย อวี้อาเหรามองไปยังเสียงดังสนั่นด้านนอกด้วยอารมณ์ไม่ดี แล้วจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้
ฉู่ป๋ายถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงดัง จึงลืมตาขึ้นแล้วถาม “เสียงดังอะไรกัน”
“เจ้าไม่รู้หรือว่าวันนี้เป็นวันรวมญาติ เจ้าจะไม่ให้เสียงดังได้อย่างไรกัน” อวี้อาเหราตอบเขาทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ น้ำเสียงเต็มไปด้วยแววดูหมิ่นดูแคลน แค่นี้ก็ไม่รู้ ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาเสียจริงๆ
ฉู่ป๋ายชะงัก “นับตั้งแต่เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ เสด็จแม่ก็ทรงออกถือศีล เกอเอ๋อร์ยังถูกส่งไปยังค่ายทหารซีซานอีก ในจวนเหลือข้าเพียงผู้เดียว ยังไม่ได้ทานอาหารในวันรวมญาตินานแล้ว”
“หา?” อวี้อาเหราตกใจเพราะคำพูดของเขา