1870-3 vs 1871 vs 1872-1 โดย Ink Stone_Romance

 

ตอนที่ 1870-3

หลังจากที่พ่อบ้านหนุ่มกดกริ่งประตูบ้าน ก็เห็นยัยเสือน้อยออกมาเปิดประตูทั้งอย่างนี้ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังคงใจดีเหมือนเดิม “คุณสุภาพสตรีแสนสวยครับ มีอะไรที่ผมจะช่วยคุณได้บ้าง?” พ่อบ้านผมทองแสร้งทำเป็นให้เกียรติอย่างสูง เพื่อเอาใจแม่หนูน้อย “ผมเดาว่าคุณจะต้องชอบของในมือผมแน่เลย เพราะมันดึงดูดใจคนได้เยอะเชียวละ” ว่าแล้วก็เอาภาชนะรักษาอุณหภูมิมายื่นให้ตรงหน้า

ป๋อจิ่วมองแวบหนึ่ง สองตาสว่างแวบ “ซาลาเปาถั่วดำ”

“ที่แท้เจ้านี่ก็เรียกว่าซาลาเปาถั่วดำนี่เอง” พ่อบ้านผมทองหัวเราะเบาๆ “คุณชายให้ผมเอามาให้ครับ”

คุณชาย? เจ้าหญิงน้อยเหรอ? ป๋อจิ่วกลับมากระปรี้กระเปร่าทันที หางเสือส่ายไปมา เอ่ยอย่างมีมารยาท “เชิญเข้ามาก่อนนะคะ”

คุณพ่อบ้านถอดหมวกออก เดินตามเธอเข้าไป แล้ววางกล่องอาหารรักษาอุณหภูมิไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็คุยกันเล็กน้อยถึงได้ขอตัวกลับ

ป๋อจิ่วมองดูซาลาเปาไส้ถั่วดำและโจ๊กไข่เยี่ยวม้าแล้วจับหูตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอยังกลัวว่าเจ้าหญิงจะโกรธเธอเพราะเห็นเขาโป๊แล้ว เห็นทีมันคงไม่มีอะไร เจ้าหญิงน้อยเป็นคนอ่อนโยนจริงๆ อุตส่าห์ให้พ่อบ้านเอาซาลาเปามาให้เธอ คิดแล้วรอยยิ้มยิ่งกว้างเข้าไปใหญ่ ถึงตอนนี้จะไออยู่ แต่ไม่กระทบต่อสิ่งที่เธอกระทำ

หลังจากที่กินเสร็จ ป๋อจิ่วคิดอย่างลึกซึ้ง เธอจะต้องไปขอบคุณเจ้าหญิงน้อยด้วยตัวเอง แต่จะไปอย่างนี้ไม่ได้ มันเอิกเกริกเกินไป ต้องรอให้ฟ้ามืดเสียหน่อย ต้องปลอมตัวสักนิด แล้วค่อยเข้าไปหา เจ้าหญิงน้อยอุตส่าห์เอาของกินให้เธอ เธอจะไม่ให้อะไรตอบแทนก็คงจะไม่ดี ป๋อจิ่วมองดูคีย์บอร์ดตัวเล็กในอ้อมแขนตนเอง ตัดสินใจจะให้ของเล่นของโปรดของเธอกับเขา จากนั้นเธอจะบอกเจ้าหญิงน้อยว่าเธอจะรับผิดชอบเรื่องที่เห็นเขาโป๊เอง เอาอย่างนี้แหละ ไม่เลวแฮะ!

ป๋อจิ่วชูกำปั้นต่อหน้ากระจก รอยยิ้มที่มุมปากดูทะเล้นอย่างไรชอบกล

ฉินมั่วในเวลานี้ยังไม่รู้ว่า ความยุ่งยากจากเรื่องที่เขาส่งของกินให้ยัยเสือน้อยไม่ได้มาจากการที่คุณตาถาม แต่เป็นเพราะยัยเสือน้อยที่ถูกเสิร์ฟอาหารให้เริ่มแผลงฤทธิ์แล้วต่างหาก ปกติแล้วฉินมั่วจะไม่สนเวลาที่คนมาบอกชอบตัวเอง หลายคนอ้างว่าความชอบ ด้วยต้องการแสดงออกถึงความรู้สึกของตนเองเท่านั้น ไม่สนว่าคนที่ถูกชอบจะเป็นอย่างไร ชอบทำอะไรจากมุมมองของตัวเองฝ่ายเดียว เช่นเมื่อก่อนมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่าชอบเขา แต่เขาไม่ชอบเธอ ฝ่ายนั้นก็ร้องไห้แงๆ ทำอย่างกับว่าเขาไปรังแกเธอเสียอย่างนั้น

ฉินมั่วไม่รู้สึกสนใจเด็กผู้หญิงเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเช่นเดียวกัน เพราะมันไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง แถมยังน่าเบื่ออีกด้วย ดังนั้นเมื่อยัยเสือน้อยบอกว่าชอบเขา เขาก็ไม่ใส่ใจ แต่คงเพราะรู้สึกว่าบางครั้งยัยเด็กนี่ก็ว่าง่ายดี เขาถึงได้อดทนต่อเจ้าหล่อนได้บ้าง แต่หันมาคิดดูอีกครั้ง นั่นไม่ใช่ความว่าง่าย แต่เป็นความงั่งต่างหาก

หลังจากที่ฉินมั่วตามคุณตาไปส่งแขกกลุ่มสุดท้ายกลับบ้าน ก็ถอดเสื้อตัวนอกให้พ่อบ้านผมทองที่ยืนด้านข้าง ฝ่ายคุณพ่อบ้านก็ก้มหน้ารายงานภารกิจของตนเอง “คุณชายครับ คุณหนูจิ่วกินแล้วนะครับ น่าจะไม่หิวแล้วล่ะครับ สบายใจได้”

ฉินมั่วได้ยินแล้วขมวดคิ้ว “ฉันไปสนใจว่าเขาจะหิวหรือเปล่าตั้งแต่เมื่อไรกัน”

คุณพ่อบ้านถึงกับอึ้ง ฉินมั่วเอ่ยต่อเสียงเรียบ “แต่เห็นว่าเป็นเพื่อบ้านกัน แถมเรายังจัดงานเลี้ยงครึกครื้นแบบนี้ ถ้าไม่ให้อะไรเลยจะเสียมารยาท  แถมคุณอาป๋อยังเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของคุณตาด้วย”

คุณพ่อบ้านรับคำเล็กน้อย มองดูร่างเล็กๆ ที่เดินขึ้นชั้นบน รำพึงในใจว่าเด็กชาวจีนโตเกินวัยขนาดนี้เลยเหรอ? สง่ามาก แต่ประเทศจีนเป็นประเทศที่เน้นเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี อย่างพวกเขาคงคิดไม่ถึงว่าถ้าจัดงานเลี้ยงแล้วจะต้องเอาของกินไปให้เพื่อนบ้านตัวเล็กๆ ด้วย…

……………………………………………….

 ตอนที่ 1871

เมื่องานเลี้ยงตอนกลางคืนเสร็จสิ้น บรรดาแขกก็กลับไปหมดแล้ว คุณตาอานในฐานะที่เป็นเจ้างานล้ามาทั้งวัน จึงต้องเหนื่อยมากเป็นธรรมดา แต่เป็นเพราะทำธุรกิจ ต่อให้เป็นเวลาตอนกลางคืน ท่านย่อมมีงานด่วนที่ต้องจัดการ เช่น การประชุมข้ามประเทศที่จัดขึ้นกะทันหัน คุณท่านอานเกรงว่าวันนี้หลานท่านเหนื่อยเจียนจะแย่ จึงกำชับให้คนรับใช้อย่าเอะเอะเสียงดังเวลาเก็บกวาดห้องรับแขก

หลังจากงานเลี้ยง ย่อมมีคนมาคอยดูแลความสะอาดโดยเฉพาะ เมื่อฉินมั่วส่งแขกเสร็จก็ปลดเสื้อสูทออก ก่อนจะเดินเข้าห้อง กลับสู่สภาพเจ้าชายเสี้ยวหน้าเย็นชาที่ไม่ชอบพูดดังเดิม เส้นผมของเขาที่ทั้งดำและนุ่มแนบติดหลังหู พ่อหนูน้อยยังสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่ เมื่อหันตัวปลดกระดุมที่แขนเสื้อ ความสง่างามก็เพิ่มสูงขึ้นมา

เด็กห้าขวบแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ หากใช้คำพูดของราชินีจอเงินคนสวยก็ต้องบอกว่า บางครั้งลูกเธอไม่เหมือนมนุษย์บนโลก แต่ฉินมั่วยังเหลือความไร้เดียงสาเล็กน้อย เช่นว่าเขากำลังถอนหายใจ ดูน่ารักจริงเหลือเกิน

เดิมทีฉินมั่วคิดจะอาบน้ำ จึงถอดเสื้อเชิ้ตออก แต่พอวางเสื้อลง เขาพลันขมวดคิ้วขึ้น หันไปมองยังหน้าต่างบานยาวระพื้นซึ่งมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ทำให้เด็กที่เติบโตอยู่ในเขตทหารอย่างเขาถึงกับเลิกคิ้วสูง จากนั้นใบหน้าสูงส่งก็เข้าสู่โหมดเย็นชาเต็มที่ และในระหว่างที่เขาจะต่อสายเรียกบอดี้การ์ดขึ้นมา เสียงกระถางต้นไม้ตกพื้นก็ดังขึ้นในทันใด แถมยังมีเสียงลมดังจากด้านนอก รวมถึงเสียงบ่นพึมพำกับตัวเอง “หน้าต่างบานนี้เปิดยากแฮะ สงสัยต้องเจาะ ถึงตอนนั้นพ่อต้องหาว่าเราซนอีกแน่เลย ปวดหัวจัง”

หลังจากที่ได้ยินประโยคดังกล่าว คิ้วของฉินมั่วยังไม่คลายตัว กลับขมวดหนักขึ้น การเจาะหน้าต่างทำนองนี้ เธอยังจะมาปวดหัวอีก คนธรรมดาทั่วไปที่ไหนบ้างที่เขาเจาะหน้าต่าง

ฉินมั่วรับรู้ถึงการเริ่มหายใจลึกอีกครั้งของตัวเอง มองดูท่อนบนที่ไม่ได้สวมอะไร อุณหภูมิบนใบหน้าลดต่ำไปเยอะเชียว

ด้านนอกหน้าต่าง ป๋อจิ่วที่ส่ายหางเสืออยู่กำลังก้มหน้าก้มตาศึกษาหน้าต่างบานนั้น พลังรุนแรงเหมือนเสือประเภทตะลุยดะเลยทีเดียว! หลังจากงัดแงะมานานก็รู้สึกว่าตัวเองอ่อนโยนไป จึงตัดสินใจหยิบอุปกรณ์จากในกระเป๋ามา

ป๋อจิ่วตัวน้อยคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนเห็นตัวเอง เพราะฝีมือการปีนกำแพงของเธอเป็นที่เลื่องชื่อในละแวกนี้ แม้อากาศในวันนี้จะหนาว แต่เธอยังอุตส่าห์หลบหลีกคนที่ชั้นหนึ่งไว้ได้ กระทั่งอาศัยความได้เปรียบที่ร่างเล็กหลบกล้องวงจรปิดที่มุมบ้านตระกูลอาน จึงทำอะไรได้สมใจอยาก ใบหน้าเล็กๆ นั่นมีหมวกเสือน้อยครอบไว้  ดูตั้งอกตั้งใจเอามากๆ ทำให้ฉินมั่วเปิดหน้าต่างออกก็เห็นยัยเสือน้อยที่ปีนกำแพงมาหาทันที

ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงสวมผ้าปิดปากเล็กๆ ไว้บนหน้า ตัวเธอดูเอียงๆ อีกทั้งข้างตัวมีกระถางต้นไม้ที่หมิ่นเหม่จะร่วงลงไป แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัวอีก เมื่อนัยน์ตากลมโตเห็นฉินมั่วเข้าก็พลันตะลึงงัน ก่อนจะยิ้มเอาใจ ลักยิ้มบนหน้าบุ๋มลงไปอย่างเห็นได้ชัด “มั่วมั่ว!”

ฉินมั่วเริ่มปวดหัวอีกแล้ว…

…………………………………………………………

ตอนที่ 1872-1

ไม่มีทางที่จะไม่ปวดหัวเลย ยัยโง่นี่มีสัญชาตญาณเรื่องความปลอดภัยบ้างไหม? ฉินมั่วลากหน้าต่างให้เปิดออกจนเกิดเสียงดัง เอ่ยเสียงกระด้างว่า “ลงมา”

โกรธเหรอ? ป๋อจิ่วในเวลานั้นยังเล็กมาก ไม่เข้าใจว่าเจ้าหญิงน้อยโกรธอะไร? หรือว่าเธอมาดึกเกินไป เป็นการรบกวนเขา

เมื่อหวนคิดได้ว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว แถมเมื่อวานเธอก็วุ่นวายจนเขาไม่ได้นอนหลับตามเวลา รวมถึงเรื่องที่เห็นอีกฝ่ายโป๊อีก

ป๋อจิ่วยอมรับว่าเธอมีพิรุธในใจ เธอเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ให้ลงมาก็ลงมา แต่ขณะที่กำลังจะกระโดดก็ไม่ลืมหันไปคว้าคีย์บอร์ดของตัวเอง ท่าทางของเธอทำให้หน้าผากของฉินมั่วถึงกับมีเหงื่อบางๆ ผุด เอ่ยออกมาโดยไม่คิดว่รา “เธอกำลังทำอะไร!”

ป๋อจิ่วตาโต หางเสือส่ายอยู่อย่างนั้น “ฉันหยิบคีย์บอร์ดน่ะสิ” ว่าแล้วก็กระโดดลงมา สลัดเศษหิมะที่ติดศีรษะ ก่อนจะยื่นคีย์บอร์ดให้ตรงหน้าราวกับอวดของเด็ด เจ้าหล่อนยังคงสวมผ้าปิดปาก เอ่ยด้วยเสียงมึนๆ เหมือนเสือน้อย

เมื่อเห็นเธอลงมาอยู่บนพื้น ฉินมั่วก็กลับคืนสู่ความปกติ ขอพูดก่อนนะ เขาไม่ได้ห่วงว่าเธอจะเป็นอะไร แต่เด็กตัวเล็กนิดเดียว กล้าปีนระเบียงอย่างนั้น เคยกลัวบ้างไหมว่าจะตกลงมา?

ยิ่งคิดนัยน์ตาฉินมั่วก็ยิ่งเย็นยะเยือก ไม่ยื่นมือไปรับคีย์บอร์ด ทำให้ป๋อจิ่วเก้อเลยทีเดียว เธอช้อนสายตามองฉินมั่ว จากนั้นก้มศีรษะลงอีกครั้ง พลันนึกขึ้นได้ว่าใช่ว่าทุกคนจะชอบของขวัญที่ไม่ปกติประเภทคีย์บอร์ดเหมือนเธอ ดูเหมือนเธอจะให้ของผิด

เมื่อคิดได้ดังนี้ ป๋อจิ่วซึมเล็กน้อย แต่ก็ซึมได้ไม่นาน แค่หนึ่งวินาทีเท่านั้นก็เงยหน้าขึ้นใหม่ นัยน์ตาคู่นั้นยังคงสว่างไสว “มั่วมั่ว เธอไม่ชอบคีย์บอร์ดใช่ไหม งั้นเธอชอบอะไร ครั้งหน้าฉันจะได้เอามาให้เธอ ฉันมีของเล่นเยอะมากเลยนะ”

“ไม่ชอบสักอย่าง” ฉินมั่วหันหน้ากลับไป จากนั้นนิ้วก็เกร็งทื่อ เพราะไม่รู้ว่าทำไมยัยเสือน้อยถึงได้เริ่มไอ เสียงเบาๆ ดังต่อเนื่องกัน ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง สองตาจับจ้องยังใบหน้าที่ติดผ้าปิดปากเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างหยิ่งยโส “ดึกขนาดนี้แล้ว เธอจะใส่ผ้าปิดปากไปทำไม?”

“อันนี้เหรอ?” ป๋อจิ่วใช้แขนหนีบคีย์บอร์ดไว้ ละมือข้างหนึ่งมาจับหูตัวเอง “เมื่อคืนฉันเป็นหวัด ตอนแรกไม่คิดจะมาหรอก กลัวว่าทำให้เธอติดหวัดไปด้วย แต่พอให้คุณพ่อบ้านเอาของมาให้ ฉันก็เลยอยากมาขอบคุณ ที่ใส่ผ้าปิดปากเพราะจะได้ไม่แพร่เชื้อให้เธอไง เมื่อวานฉันเห็นว่าเธอร่างกายอ่อนแอกว่าฉันอีก แค่โดนฉันกระโจนเข้าใส่ เธอก็ล้มแล้ว ฉันจะปล่อยให้เธอติดหวัดจากฉันไม่ได้หรอก”

ฉินมั่วมองดูคนที่กำลังพูดพึมพำ เขาควรโกรธ ก็ผู้ชายคนไหนล่ะที่ชอบได้ยินคนอื่นพูดว่าตัวเองอ่อนแอ แต่เวลานั้นเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เป็นหวัดเมื่อวาน? ความจำของฉินมั่วดีมาตลอด ภาพที่เกิดขึ้นในสมองจึงชัดเจน

 ……………………………………………..