บทที่ 296 เลียนแบบโลกสมัยใหม่

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 296

เลียนแบบโลกสมัยใหม่

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้สนใจบาดแผลเล็กน้อยนี้ ไม่ต้องพูดถึงมีดเล่มเดียวนี้เลย ต่อให้เธอโดนมีดเป็นสิบๆเล่มกรีดเธอก็สามารถที่จะรักษามันได้ ถึงแม้มันจะเจ็บปวดอยู่นิดหน่อย แต่มันก็คุ้มค่าถ้าจะทำให้หวังฉิงปล่อยพวกเธอไปได้ ตราบใดที่เธอได้เข้าไปในมิติลับและฟื้นคืนพลังแห่งจิตวิญญาณ เธอก็สามารถรักษาแผลได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

“ไม่ต้องคิดเรื่องนี้เลย! อย่าขยับไม่งั้นข้าจะฆ่า เฟิงจือหลิง” หวังฉิงจับมือเธอและพูดด้วยน้ำเสียงโหดร้าย หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวด

“เจ้า…” มู่หรงเสวี่ยมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

หัวใจของหวังฉิงรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งกังวล และหัวใจของเขาก็เจ็บปวดอย่างมาก เขาหยิบขี้ผึ้งและผ้าพันแผลสะอาดๆออกมาจากกล่องเก็บของในรถม้า ค่อยๆเช็ดเลือดออกจากใบหน้าของเธอ รอยมีดค่อนข้างที่จะลึกจนเห็นเนื้อสดๆที่อยู่ด้านใน เธอไม่เจ็บหรือไงกัน?!

เขาค่อยๆทาขี้ผึ้งลงที่หน้าของเธอและรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อขี้ผึ้งแตะไปที่บาดแผลของเธอ เธอจะสะดุ้ง เขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้เลย ถ้ามีผู้หญิงคนไหนที่มีแผลลึกขนาดนี้ ก็คงจะร้องไห้ใหญ่โตไปแล้ว หญิงเก่งอย่างมาก แม้รู้สึกเจ็บอย่างมากและสีหน้าก็ซีดเผือดราวกับผี ไม่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดด้วยซ้ำ!

หลังจากที่ทำแผลเสร็จ หวังฉิงก็จ้องไปที่สีหน้าเย็นชาของเธอ “ถึงแม้เจ้าจะกลายเป็นคนขี้เหร่ เจ้าก็จะต้องอยู่ข้างกายข้าไปตลอดชีวิต อย่าพยายามที่จะหนีและเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ทำร้ายตัวเองแม้สักนิด ไม่งั้นข้าจะทำให้ร่างกายของเฟิงจือหลิงเจ็บปวดมากกว่าเป็นสิบเท่า!”

บ้าเอ๊ย นี่มันฆ่ากันชัดๆ! หวังฉิงบ้าไปแล้ว ในโลกนี้มีผู้หญิงที่สวยกว่าเธอมากมาย เธอคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถและไม่อ่อนหวาน แล้วทำไมเขาจะต้องมาสนใจเธอล่ะ?!!

ใบหน้าที่ซีดเผือด ความเจ็บปวดที่ไม่พูดออกมา มันไม่มีผลอะไรเลย

ถ้าไม่พูดถึงเรื่องความสงสัยของมู่หรงเสวี่ย แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังสงสัยด้วยเหมือนกัน ผู้หญิงคนนี้มีดีอะไรงั้นเหรอ? คำพูดคำจาของเธอไร้มารยาท คำพูดของเธอไม่มีคำไพเราะและไม่มีอะไรดีเลย ถึงแม้เธอจะหน้าตาสวยแต่ในโลกนี้ก็มีผู้หญิงสวยๆมากมายและยังเป็นผู้หญิงที่สวยมากกว่ามู่เทียนซะอีก แต่เขามันตาต่ำจริงๆที่มาชอบเธอ เขาโกรธเกรี้ยวและอยากที่จะฆ่าเธอมากเพื่อที่หัวใจของเขาจะยังเป็นของตัวเองอยู่และไม่เสียการควบคุมไป

“เจ้าไม่อยากที่จะฆ่าข้าซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือไง! ถ้าเป็นแบบนั้น สิ่งที่เจ้าทำก่อนหน้านี้จะไม่เสียเปล่าหรือไง?” หัวใจของ มู่หรงเสวี่ยเย็นยะเยือกและรีบอ้าปากพูดขัดความคิดของ หวังฉิงออกไปอย่างรวดเร็ว

ก็มีอยู่หลายครั้ง ถึงแม้หวังฉิงจะบอกว่าเขาชอบเธอ แต่ก็มีบางครั้งที่เขามองเธอด้วยสายตาอาฆาต ชายคนนี้เกลียดความรัก ใช่ไหม?!!

ไอ้โรคจิต!!! มู่หรงเสวี่ยพึมพำอยู่ในหัวใจ!

“อืม!” หวังฉิงพ่นลมแล้วก็หันหัวไปทางอื่น ขี้เกียจเกินกว่าจะหันไปมองหน้าเธอ จะหลบความรู้สึกที่น่ามองนี้ได้ยังไง!

มู่หรงไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก เธอนั่งดื้อเงียบอยู่ตรงนั้น แน่นอนเรื่องที่สำคัญคือต้องรักษาชีวิตของตัวเองไว้ก่อน

ไม่นานพวกเธอก็เข้ามาในเขตเมือง ก็เหมือนกับเมืองอื่นๆ ดินแดนเฮ่ยเฉิงเองก็ต้องต่อแถวเพื่อที่จะเข้าไปในเมืองด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ดินแดนเฮ่ยเฉิงก็ไม่ได้น้อยหน้าสามดินแดน ไม่ว่าใครที่เข้ามาในดินแดนเฮ่ยเฉิง พวกเขาจะต้องทำตามกฎของดินแดนเฮ่ยเฉิง คนธรรมดาก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกับเจ้าหน้าที่สูงศักดิ์และไม่มีสิทธิพิเศษใดๆทั้งสิ้น

นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมประชาชนของดินแดน เฮ่ยเฉิงถึงได้ให้การสนับสนุนดินแดนแห่งนี้เป็นอย่างมาก ที่นี่เหมือนกับสวรรค์สำหรับพวกเขาที่จะใช้ชีวิตในอุดมคติ

ที่ประตูของเมือง ทุกคนในรถม้าจะต้องลงมาจากรถเพื่อให้ตรวจสอบ เพื่อเป็นการป้องกันการนำของต้องห้ามเข้ามาในเมือง

มู่หรงเสวี่ยเองก็ลงมาจากรถเช่นกันและหวังฉิงที่รู้เรื่องกฎของดินแดนเฮ่ยเฉิงอยู่แล้วก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เหตุผลหลักก็เพราะเขาไม่อยากที่จะสร้างปัญหาอะไรในตอนนี้ อีกไม่นานเขาก็จะไปที่ดินแดนหิมะแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากการล่มสลายของอาณาจักรหิมะได้สิ้นสุดลงแล้ว เขาและดินแดนสายลมสมคบคิดกันแล้ว!

ที่หน้าประตูเมือง มีสินค้าต้องห้ามมากมาย มีพวกของอย่างเช่นกัญชา และอย่างอื่นอีก ในหัวใจของมู่หรงเสวี่ยตัดสินดินแดนเฮ่ยเฉิงสูงขึ้นมาหน่อย ผู้ปกครองของดินแดนเฮ่ยเฉิงดีกว่าที่เธอคิดไว้มาก

เฟิงจือหลิงลงมาจากรถในสภาพถูกมัด มู่หรงเสวี่ยเดินไปอยู่ข้างเขาและถามออกมา “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าล่ะ หน้าเจ้าเป็นอะไร?”

“ข้าทำเองแหละ มันก็แค่แผลเล็กๆน่ะ!” มู่หรงพูดอย่างอ่อนโยน

เฟิงจือหลิงจ้องไปที่หวังฉิงที่กำลังคุยกับองครักษ์อยู่ไม่ห่าง มู่เทียนบอกว่าเขาทำเองแต่เขาไม่เชื่อหรอก ต้องเป็นเพราะไอ้สารเลวนั้นแน่ๆ มันอยากจะทำอะไรมู่เทียนหรือเปล่า?!!

“ตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไรหุนหันเลย ข้าเห็นปัญหาแล้ว!” มู่หรงเองก็สังเกตเห็นสายตาของเฟิงจือหลิงด้วยเหมือนกัน จึงพูดออกมาเสียงเบา

เดิมทีเขาเป็นลูกชายคนโปรดของดินแดนเฟิงหยุนดังนั้นการที่เขาถูกมัดแบบนี้มันไม่ถูกต้องเลย

“ทำไมเจ้าถึงสวมชุดผู้หญิงล่ะ?” เฟิงจือหลิงสังเกตเห็นว่ามู่เทียนกลายเป็นผู้หญิงแล้ว ในความคิดของเขามันจะต้องเป็นเพราะมู่เทียนใช้แหวนมังกรแน่ๆ

“เรื่องมันยาวน่ะ” มู่หรงเสวี่ยคิดถึงเรื่องนี้และรู้สึกหดหู่ขึ้นมา

สีหน้าของเฟิงจือหลิงเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาแดงระเรื่อเล็กน้อย

“เขาได้ทำอะไรหรือเปล่า? นี่เจ้า…”

มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเขากำลังถามเรื่องอะไร?! เธอส่ายหน้า “ไม่ ไม่ต้องห่วงหรอก” พูดตามจริงก็พูดได้ว่าหวังฉิงเป็นสุภาพบุรุษมาก เขาไม่ได้ทำนิสัยอะไรที่ไม่ดีเลย ไม่งั้นเธอก็คงอดไม่ได้ที่จะต้องใช้มิติลับ

“ทำไมเราไม่แค่…” ส่วนคำพูดที่เหลือ เฟิงจือหลิงไม่ได้พูดออกมาเพราะรอบๆตัวของหวังฉิงมีองครักษ์ชุดดำหลายคนที่กำลังจ้องพวกเขาอยู่

มู่หรงเสวี่ยเข้าใจ “ไม่ ยังก่อน!” อีกอย่างก็ยังมีองครักษ์อีกสองคนที่กำลังจับเฟิงจือหลิงอยู่ด้วย ถ้าพวกเธอเข้าไปในมิติลับตอนนี้ พวกเธอก็จะต้องเข้าไปพร้อมกับองครักษ์สองคนนี้ด้วยแน่ๆ อีกอย่างที่ประตูของเมืองก็มีคนอยู่เยอะเกินไปด้วยและที่ประตูก็มีคนเฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงด้วย ถ้าถึงตอนนั้นที่พวกเธอเข้าไปและองครักษ์ก็ยังอยู่ที่เดิม งั้นมันคงไม่ค่อยสะดวกเท่าไร

หลังจากที่ทั้งสองสบตากันอยู่สักพัก หวังฉิงเองก็เดินเข้ามาด้วยเหมือนกันและเห็นว่าคนทั้งสองกำลังยืนอยู่ด้วยกันด้วยท่าทางสนิทสนม สีหน้าของเขาเครียดขึ้นและรีบดึงมู่เทียนออกมาทันที “ลืมเรื่องที่ข้าเตือนเจ้าไปแล้วหรือไง?!! เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องตัวเขา”

มู่หรงกะพริบดวงตากลมโตอย่างไร้เดียงสา “ข้าไม่ได้แตะต้องตัวเขา ข้าแค่คุยกับเขา ไม่ได้แตะต้องตัวเขาเลยสักนิด!” หลังจากนั้นเขาก็โบกมือเล็กน้อยเพื่อกันเรื่องที่จะเลยเถิด

หวังฉิงพยายามหักห้ามใจก่อนที่จะตกหลุมรักเธอ! แต่เรื่องความรู้สึกมันเป็นเรื่องที่เขาควบคุมไม่ได้ และตอนนี้ก็ยังไม่รู้ด้วยว่าหัวใจกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับเรื่องความรัก เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของหวังฉิงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

“อ่า ได้เวลาเข้าไปในเมืองแล้ว!” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงดังออกมา ทุกครั้งที่สายตาของหวังฉิงเปลี่ยนไป เขาก็มักจะมีเจตนามุ่งร้ายที่อยากจะฆ่าเธอ มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเขามีเจตนาที่อยากจะฆ่าเธอจริงๆ ไม่ใช่เรื่องโกหก มันดูเหมือนว่าเธอจะต้องหาโอกาสที่จะหนีไปกับเฟิงจือหลิงซะแล้ว

เฟิงจือหลิงจ้องไปที่หวังฉิงด้วยสายตาดุดัน ความอาฆาตในสายตาเขาไม่ได้ลดลงเลย อันที่จริงถ้าเขาอยู่คนเดียว เขาก็ไม่กลัวหรอก หลักๆก็เพราะเขากังวลเรื่องของมู่เทียน

อีกอย่างหวังฉิงก็ไม่ได้ปิดบังเจตนาในสายตาเลย จะทำได้ยังไงล่ะ! หวังฉิงเก็บสายตากลับมา ดึงมือเธอและเดินไปที่ประตูของเมือง เขารู้สึกว่ามู่เทียนไม่ยอมเดินตามเขามา เขาหันกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่ามาแข็งข้อกับข้า!”

มู่หรงรีบเดินตามไปทันทีและหวังฉิงก็แหวกทางผู้คนให้ออกห่าง ถึงแม้หน้าด้านขวาของมู่หรงจะบาดเจ็บและถูกปิดผ้าพันแผลไว้แต่จากหน้าด้านซ้ายของเธอก็ยังบอกได้ว่าเธอสวยอย่างหาได้ยากมาก

เธอไม่สนใจสายตาของคนอื่น เธอค่อยๆมองทุกอย่างในดินแดนเฮ่ยเฉิงอย่างละเอียด ยิ่งเธอมองมากเท่าไร เธอก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นเท่านั้นว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนที่มาจากโลกอนาคตแน่ๆ

ถนนของไห่เฉิงกว้างขวางอย่างมาก มีป้ายบอกอยู่ทุกระยะ ที่ริมถนนทำมาจากเหล็กและถูกสร้างไว้ทั้งสองข้างทาง ที่ป้ายมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนไว้ด้วย นอกจากนี้ยังมีถังขยะตั้งเรียงรายอยู่ด้วยและผู้คนที่อยู่ในชุดเครื่องแบบก็กำลังทำความสะอาดอยู่ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นพนักงานทำความสะอาด

แล้วก็ยังมีศาลาเล็กๆอยู่ในแต่ละแยกด้วย ศาลาเล็กๆเหล่านี้ก็ยังสร้างมาจากเหล็กด้วยเหมือนกันและที่หน้าต่างก็ทำมาจากกระจกซึ่งเป็นกระจกจริงๆ ที่ดินแดนหิมะเธอไม่เคยเห็นกระจกมาก่อนเลย ซึ่งเดาว่าในยุคนี้น่าจะยังไม่มีการประดิษฐ์กระจกขึ้นมา

ถัดจากศาลาก็ยังมีผู้ชายในชุดองครักษ์ยืนเฝ้าอยู่ด้วยและมู่หรงเสวี่ยก็พูดออกมา “โอ้ เจ้าหน้าที่จราจร!”

อาคารแต่ละหลังดูเหมือนจะทำด้วยซีเมนต์ ถึงแม้จะมีไม่มากแต่มู่หรงเสวี่ยก็มองออกว่ามันเป็นรูปแบบของเมืองในอนาคต! ผู้ปกครองของดินแดนเฮ่ยเฉิงใจดีจริงๆ จากรอยยิ้มของคนสองทั้งข้างทาง ก็เห็นได้เลยว่าผู้ปกครองของดินแดนเฮ่ยเฉิงเป็นคนดี

ดูเหมือนว่าคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นจ้าวโลกอยู่ที่นี่แล้ว โชคดีที่ก่อนหน้านี้เธอไม่มีเวลาที่จะสร้างดินปืน ไม่งั้นโลกก็คงจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายแน่ๆ

“ผู้ปกครองของดินแดนเฮ่ยเฉิงมีความสามารถจริงๆ ถ้าในอนาคตเขาจะยอมอ่อนข้อ มันก็คงดีที่จะเก็บเขาไว้!” หวังฉิงพูด

ยอมแพ้งั้นเหรอ?! มู่หรงส่ายหัวอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่จะเป็นคนที่ยอมแพ้?!

“ท่าทางแบบนั้นมันอะไร?! เจ้ายังคิดว่าดินแดนเฮ่ยเฉิงนี่จะต่อต้านเมืองใหญ่ได้งั้นเหรอ?” หลังจากที่หวังฉิงเห็นสายตาของมู่เทียน สีหน้าของเขาก็เครียดขึ้นมาทันที!

“ข้าไม่ได้มีท่าทางอะไร เจ้าเข้าใจผิดแล้ว!”

บางอย่างมันก็ถูกลิขิตไว้แล้วถึงแม้เธอจะบอกเขามันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะลอกช่วงเวลาสมัยใหม่แบบนี้มาได้ ความต้องการของมู่หรงเสวี่ยคือการได้เจอผู้ปกครองของดินแดนนี้โดยเร็วที่สุด

“ข้ารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันแปลกมากๆแต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับพวกมันมาก เจ้ารู้หรือเปล่าว่าของพวกนี้มันคืออะไร?” หวังฉิงชี้ไปที่กระจกของศาลาและถามออกมา

มู่หรงมองไปที่เขา “ข้าไม่รู้!” เธอคงไม่โง่พอที่จะบอกสิ่งที่เธอรู้ให้กับเขาหรอก มันก็มีแต่จะเพิ่มปัญหาให้กับเธอ

สายตาของหวังฉิงแหลมคม แน่นอนเขารู้ว่ามู่เทียนคงจะโกหกอีกครั้งแต่เห็นได้ชัดว่ามู่เทียนไม่ยินดีที่จะบอกเขา เขาไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่เข้ามาในดินแดนเฮ่ยเฉิง เขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรเลย ถึงแม้ลูกน้องจะเคยรายงานถึงทุกสิ่งในดินแดนเฮ่ยเฉิงให้เขาได้รู้แล้ว แต่หลังจากที่ได้เห็นเขาก็อดที่จะตกใจไม่ได้!

บางทีดินแดนเฮ่ยเฉิงนี้อาจจะน่ากลัวมากกว่าที่เขาคิดไว้ก็ได้