เยี่ยเม่ยเอ่ยจบ ก็เปิดประตูใหญ่ออก
เดินไปข้างกายเด็กๆด้วยความเร็วแสง อุ้มเด็กห้าคนขึ้น วางพวกเขานอกประตู บุรุษสี่คนนั้นดูไม่ออกว่านางลงมืออย่างไร พวกเด็กๆ หายตัวไปจากคลองจักษุของพวกเขา
“ปัง” เสียงเยี่ยเม่ยปิดประตูดังขึ้น
นางมองบุรุษสี่คน น้ำเสียงเย็นเยียบ “สภาพต่อไปจะคลุ้งคาวเลือดยิ่งนัก ข้าไม่อยากให้พวกเขาเห็น”
บุรุษทั้งสี่นั้นเห็นนางลงมือแม่นยำเช่นนี้ ในใจค่อยรู้สึกไม่สงบขึ้นมา
ยิ่งเห็นแววตาเยี่ยเม่ย ยิ่งแตกตื่น
หนึ่งในนั้นเอ่ยปาก “พวก…พวกเรา เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเราคือใคร”
เยี่ยเม่ยฟังแล้ว หัวเราะเสียงเย็น “ข้ากำลังคิดว่าเป็นเพราะครอบครัวพวกเจ้าไม่รู้จักสั่งสอนให้ดี ถึงได้อบรมเดียรัจฉานอย่างพวกเจ้าออกมา หากพวกเจ้าคิดให้ร้ายครอบครัวตัวเองจนตาย ก็เชิญบอกมาได้เลยว่าพวกเจ้าเป็นใคร”
“เจ้า…” คนผู้หนึ่งเอ่ยปาก
สิ้นเสียงนาง ไม่รอให้เขาเอ่ยจบ ทะยานไปเข้าใกล้เขา
มือยกมีดขึ้น เลือดสาดกระเซ็นเป็นสาย บุรุษทั้งสี่ร้องเสียงโหยหวนดังไม่ขาดสาย
นางหันกลับ ยกมือดึงเชือกที่ผูกผ้าม่านไว้กับเสาไม่ไกลออกไป แล้วเดินไปหาพวกเขา
…
ระยะเวลาสามนาทีสั้นๆ ผ่านไป
บุรุษทั้งสี่นั้นถูกนางตัดมือ เท้า นอนเลือดไหลนองอยู่บนพื้น ร้องครวญครางอเนจอนาถ ซ้ำถูกนางใช้เชือกมัดไว้รวมกัน ขยับไม่ได้
สีหน้าเยี่ยเม่ยเย็นชา เอ่ยเสียงนิ่ง “ลืมบอกพวกเจ้าไป สำหรับพวกเดียรัจฉาน ข้าชอบการสังหารโหด พวกเจ้าโชคดีมาก เป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ลิ้มรสประสบการณ์เช่นนี้หลังจากข้ามายังแผ่นดินนี้”
บุรุษผู้หนึ่งหน้าตาบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด
มองทางเยี่ยเม่ย ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้า เจ้ามันเสียสติไปแล้ว เจ้า นี่…”
เยี่ยเม่ยยิ้มเย็น เดินไปข้างกายพวกเขา ถามเสียงนิ่ง “ข้าเสียสติหรือ เจ้าไม่สนใจเหรอว่า ต่อไปข้าเตรียมจัดการกับพวกเจ้าอย่างไร”
บุรุษผู้นั้นได้ฟัง สีหน้าซีดขาวในทันที
ต่อให้ถูกนางตัดแขนขาไปแล้ว แต่คนก็ยังร้องขอให้ตนมีชีวิต ใจเขายามนี้ยิ่งเกิดความหวาดกลัวขึ้นไปอีก
มองเยี่ยเม่ยเดินเข้าหาตน เขารีบอดกลั้นความเจ็บปวดเอ่ยปาก “อย่า…อย่า…ฆ่าข้า พวก พวกเราไม่ใช่ตัวการในการก่อเรื่อง เป็นบุตรชายนายอำเภอ เป็นเขา เจ้า เจ้าไปฆ่าเขาเถอะ…”
เยี่ยเม่ยสีหน้าแน่นลง กวาดตามองพวกเขา สายตาเย็บเฉียบมองพวกเขา เอ่ยถามเสียงเย็นชา “บุตรชายนายอำเถอหรือ เขาไม่อยู่ในกลุ่มพวกเจ้า?”
บุรุษอีกคนหนึ่ง เลือดท่วมร่าง หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดแต่แรก เขาร่ำไห้เอ่ย “เขาไม่อยู่ บ้านเขาเกิดเรื่อง ทำเรื่องเสร็จก็ไปแล้ว พวก…พวกเรา พวกเราก็แค่ร่วมสนุกด้วยเท่านั้น เจ้าปล่อย ปล่อยพวกเราไปเถอะ”
เยี่ยเม่ยไม่พูดจา มองสีหน้าหวาดกลัวของเขา รู้ว่าพวกเขาไม่ได้โกหก บุตรชายนายอำเภอผู้นั้น เกรงว่าจะจากไปจริงๆ แล้ว
ไม่เช่นนั้นตามนิสัยกลัวตายของคนพวกนั้น ตอนนี้สมควรรู้แล้วว่าบุตรชายนายอำเภอคือคนไหน พวกเขาต้องสารภาพออกมาเพื่อเอาชีวิตรอดแน่
หลังจากนางมองพวกเขาอยู่ชั่วครู่ พลันหัวเราะเสียงเย็น เอ่ยด้วยเสียงนิ่งๆ ว่า “แค่เล่นสนุกอย่างนั้นหรือ เล่นสนุกก็ทำลายเด็กหลายคนแล้วหรือไง”
“เจ้า…” พวกคุณชายเสเพลทั้งสี่มองสีหน้าของเยี่ยเม่ย มีสองคนเจ็บปวดจนพูดไม่ออก ส่วนอีกสองคนที่พูดได้ เวลานี้หน้าตาซีดเซียวราวกับศพ
ในที่สุดก็มีคนฝืนทนเค้นคำพูดออกมา “เจ้าคิด…คิดจะฆ่าพวกเราหรือ”
เยี่ยเม่ยกวาดสายตามองพวกเขา เสียงเย็นเยียบ “ข้าจะฆ่าพวกเจ้าลงได้อย่างไร”
ระหว่างที่นางเอ่ย ก็ก้าวเท้าไปอยู่ข้างโต๊ะ
บนโต๊ะมีเทียนจุดอยู่เล่มหนึ่ง ถึงแม้เป็นยามกลางวัน ทว่าแสงสว่างในห้องไม่พอ ดังนั้นจึงจุดเทียนไว้
บุรุษทั้งสี่เห็นนางเดินไปหยิบเทียน พวกเขาพลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง สีหน้ายิ่งทวีความกลัว
ดวงตาของเยี่ยเม่ยเผยประกายสนุกสนาน น้ำเสียงยังคงเย็นชาเช่นเดิมทว่าเจือความอ่อนโยน เสียงเบาลงเอ่ยว่า “ข้าไม่เพียงแต่ไม่ฆ่าพวกเจ้า ยังให้โอกาสพวกเจ้ารอดชีวิตด้วย พวกเจ้าต้องถนอมความใจกว้างของข้านี้ไว้ให้ดีเชียว”
นางหยิบเทียนขึ้นมา จากนั้นหยิบของที่สามารถเป็นเชื้อเพลิงได้ในห้องทั้งหมด โยนใส่ร่างบุรุษทั้งสี่
ผ้าห่ม ผ้าม่าน เสื้อผ้า…
เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว นางนั่งยองลง ค่อยๆ จุดไฟขึ้น ภายใต้แววตาหวาดกลัวของพวกเขา จุดไฟลุกลามเข้าหาร่างกายของพวกเขา
ไฟจุดขึ้นอย่างว่องไว ยิ่งเผาไหม้ยิ่งโหมแรง
ภายใต้แสงไฟ ใบหน้าเย็นชาราวถังน้ำแข็งของเยี่ยเม่ย มีรอยยิ้มเมตตาถึงกระทั่งปรานี ทว่าเผยความกระหายเลือด คล้ายภูตพรายออกมาจากขุมนรก
นางมองเปลวเพลิงอย่างเย็นชา ยังมีพวกที่ถูกตัดแขนขา ขยับตัวยังไม่ได้ เอ่ยปากเสียงอ่อนโยน “ไฟใกล้จะลามถึงพวกเจ้าทุกทีแล้ว พวกเจ้ารีบหนีเอาชีวิตรอดเถอะ”
บุรุษทั้งสี่ฟังดังนั้น จ้องนางตาเขม็ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลระคนหวาดกลัว สีหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บ
พวกเขาถูกตัดแขนขาแล้ว ขยับไม่ได้แล้วจะหนีอย่างไรได้
“อ๊าก…ช่วยด้วย…”
“ฮื่อ เจ็บมาก ไฟติดตัวข้าแล้ว อ๊าก…”
“ฮื่อ ช่วยด้วย…”
พวกเขาร่ำร้องอย่างอเนจอนาถ
เยี่ยเม่ยยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขา คล้ายมองไม่เห็นแววเดือดดาลในดวงตาพวกเขา ทั้งไม่ได้ยินเสียงของพวกเขา
น้ำเสียงเย็นชาของนางเอ่ย “หืม? ทำไม่ไม่หนีล่ะ มีชีวิตอยู่ลำบากแสนเข็ญ ยังรู้สึกว่าตายดีกว่าใช่ไหม ในเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจหาที่ตาย ข้าชอบช่วยให้คนสมปรารถนาก็ไม่ขัดขวาง ค่อยลิ้มรสเปลวไฟเผาพวกเจ้าทีละน้อยๆ เถอะ ให้เปลวเพลิงเผาชำระจิตวิญญาณโสมมของพวกเจ้าให้สะอาด ลาก่อน”
นางเอ่ยจบก็จากไป
คนทั้งสี่โมโหเสียจนกระอักเลือด นางสังหารพวกเขาอย่างทารุณ ยังบอกว่าชอบทำให้คนสมปรารถนาอีก
คนผู้หนึ่งฝืนลมหายใจเฮือกสุดท้าย มองแผ่นหลังของนาง แผดเสียงออกมา “นางสารเลว เจ้าไม่ได้ตายดีแน่”
เยี่ยเม่ยเปิดประตูออก หันกลับไปมองเขา เสียงเย็นชา “ก็แล้วแต่ อย่างไรเสียข้าไม่ตายอนาถเท่าพวกเจ้าแน่ ยังมีอีกเจ้าไม่ต้องร้อนใจ บุตรชายนายอำเภอผู้นั้น ข้าจะส่งเขาไปพบพวกเจ้าในไม่ช้า”