บุกฆ่า

“แย่แล้ว กองกำลังหนุนต้ายงมาถึงแล้ว!” ทหารซีเหลียงตะโกนเสียงดัง ถอยไปข้างหลังราวกับกระแสน้ำ เสิ่นเวยฉวยโอกาสขยายสนามรบ พาทหารซีเหลียงเข้าสู่เส้นทางสังสารวัฏ 

 

 

เสิ่นเวยยิ่งฆ่าก็ยิ่งคึก บนร่างบนมือบนหน้านางกระเซ็นเต็มไปด้วยโลหิตสด ร่างกายฮึกเหิม ทว่าตาหงส์ทั้งคู่กลับสงบนิ่งมากเป็นพิเศษ นานเพียงใดแล้วที่ไม่ได้ฆ่าอย่างสบายอกสบายใจเช่นนี้ คล้ายกับว่าหลังจากเทือกเขาเฟยหลิ่งนางก็อัดอั้นมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังจากกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว เรือนหลังเล็กๆ ก็ทำให้นางมักจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์ที่ถูกขังตัวหนึ่ง เดิมนางเป็นเหยี่ยวที่กางปีกโบยบินอยู่บนฟ้า จะใช้ชีวิตอย่างนกกระจอกได้อย่างไร 

 

 

บนหน้าเถาฮวามีรอยยิ้มที่แปลกประหลาดอยู่ตลอดเวลา ในสายตานาง ทหารซีเหลียงแต่ละคนก็เสมือนกับก้อนดินที่เกะกะ เก็บกวาดพวกเขาให้เกลี้ยงจึงจะเดินต่อไปได้ ไม่อาจเปรอะเปื้อนรองเท้าคุณหนูของนางได้ นางต้องปกป้องคุณหนู ไม่ให้นางได้รับบาดเจ็บอีก 

 

 

“คุณชาย ท่านดู” เสี่ยวตี๋ที่ปกป้องอยู่ข้างกายเสิ่นเวยพลันเอ่ยปาก 

 

 

เสิ่นเวยมองไปตามทิศทางที่นางชี้ บริเวณที่ห่างจากตรงนี้ประมาณสามสิบจั้งมีรถศึกที่หรูหราหนึ่งคัน บนรถมีคนสองคนยืนอยู่ ดูจากเครื่องแต่งกายฐานะน่าจะไม่ต่ำ เสิ่นเวยหรี่ตา ความคิดแล่นฉับพลัน “ธนู!” เสี่ยวตี๋ดึงธนูบนม้าลงมาแล้วส่งไปถึงมือนาง 

 

 

เสิ่นเวยยืนอยู่บนโกลนม้า น้าวสายธนูช้าๆ ลูกธนูเพ่งเล็งไปยังคนผู้นั้นทางด้านซ้ายของรถศึก ฝั่งซ้ายฐานะสูง ฐานะของคนผู้นั้นทางฝั่งซ้ายน่าจะสูงกว่า 

 

 

ตอนนี้ โลกภายนอกคล้ายสงบนิ่งลง มือของเสิ่นเวยมั่นคง ในดวงตาในหัวใจมีเพียงคนผู้นั้นตรงหน้า แสงอาทิตย์ตกดินเคลือบแสงทองให้นาง นางยกมุมปากวาดรอยยิ้มเย็นชา ตอนนี้นางงดงามราวกับเทพหนึ่งองค์ 

 

 

มือปล่อยออกเบาๆ ลูกธนูพุ่งออกไปยังเป้าหมาย 

 

 

คนผู้นั้นทางด้านซ้ายของรถศึกคล้ายรู้สึกถึงอันตราย หันหน้าสบสายตาที่เย็นเยียบและกระหายเลือดคู่นั้นของเสิ่นเวยพอดี เขาตะลึงงันอย่างอดไม่ได้ ชั่วพริบตาลูกธนูก็อยู่ตรงหน้าแล้ว จะหลบก็หลบไม่ทันอีกต่อไป เขากัดฟันกรอดขยับตัวครึ่งหนึ่ง ฉึก! ลูกธนูเบี่ยงออกจากจุดอันตราย แทงเข้าไปในแผ่นหลังของเขา เขารู้สึกเจ็บปวดแผ่นหลัง ร่างทั้งร่างล้มลงไปข้างหน้า ชั่วขณะที่ล้มลงในสมองก็เป็นภาพรอยยิ้มที่ส่องสว่างนั้น 

 

 

เสิ่นเวยส่งคันธนูให้เสี่ยวตี๋อย่างเสียดาย นางยังคิดว่าจะสามารถยิงคนผู้นั้นให้ตายได้ แก้แค้นแทนท่านปู่ในดอกเดียว คิดไม่ถึงว่ายังพลาดไปเพียงแค่นิดเดียว นางเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า ถือดาบหมื่นโลหิตบุกฆ่าต่อ 

 

 

เมื่อคนผู้นั้นบนรถศึกล้มลง ทหารซีเหลียงก็แตกตื่นทันที “แย่แล้ว ท่านอ๋องใหญ่โดนธนูยิง รีบหนีเร็ว! กองกำลังหนุนต้ายงมาถึงแล้ว!” 

 

 

“ท่านอ๋องใหญ่ถูกสังหารแล้ว รีบหนีเอาตัวรอด ปีศาจ ปีศาจมาแล้ว!” 

 

 

เถาฮวาเป็นเพียงเด็กอายุไม่กี่สิบขวบ ตัวเล็กๆ ผอมๆ นั่งหลังตรงอยู่บนม้า แต่กำลังมากจนไม่มีขีดจำกัด ฝีมือก็ยังโหดเ**้ยมเพียงนั้น บนใบหน้ายังมีรอยยิ้ม นี่ไหนเลยจะเป็นเด็ก เห็นชัดๆ ว่าเป็นปีศาจ 

 

 

หัวใจของทหารซีเหลียงหวาดกลัวไปก่อนแล้ว เรี่ยวแรงการต่อสู่ย่อมลดฮวบ กลุ่มของเสิ่นเวยฉวยโอกาสเก็บชีวิตของทหารซีเหลียงจำนวนมาก 

 

 

ผู้บัญชาต้ายงบนยอดกำแพงเมืองเองก็พบเห็นสถานการณ์ผิดปกติของกองทัพซีเหลียงแล้ว พวกเขาจำไม่ได้แล้วว่ากองทัพใหญ่ซีเหลียงโจมตีกำแพงเมืองเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว รู้เพียงแต่ว่ากองทัพใหญ่แปดหมื่นนายที่ตั้งมั่นรักษาซีเจียงบาดเจ็บล้มตายไปเกินครึ่งแล้ว แม้แต่ท่านโหวยังนอนอยู่บนเตียงเป็นตายมิอาจรู้ เสบียงในยุ้งข้าวเล็กๆ ก็กินหมดไปเมื่อสองวันก่อนแล้ว ตอนนี้ที่ทหารบนยอดกำแพงเมืองกินล้วนแต่เป็นเสบียงที่ชาวบ้านในเมืองรวบรวมให้ 

 

 

ทหารที่ตายถูกหามออกไปที่ละกลุ่มๆ ทหารใหม่ก็เสริมทัพเข้ามา ทหารซีเหลียงร้องคำรามปีนขึ้นมาราวกับกระแสน้ำ คล้ายกับไม่ว่าจะฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่หมด 

 

 

ฟังต้าฉุย แม่ทัพใหญ่ที่บัญชาการอยู่บนกำแพงเมืองดวงตาแดงก่ำ จะรักษาไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ หรือ ข้างหลังยังมีประชาชนอยู่เต็มเมือง เขาไม่อาจเป็นนักโทษของต้ายงได้ ต่อให้ตายก็ต้องรบจนตัวตายบนยอดกำแพงเมือง ไม่อาจถอยหลังได้แม้แต่ก้าวเดียว 

 

 

“ท่านแม่ทัพ ท่านดูตรงนั้น” จู่ๆ ทหารคนสนิทข้างกายก็ชี้กองทัพใหญ่ซีเหลียงข้างล่างตะโกนเสียงดัง 

 

 

ฟังต้าฉุยเหลือบตาขึ้นมอง เห็นเพียงกองทัพใหญ่ซีเหลียงที่บุกมาข้างหน้าอย่างห้าวหาญพากันถอยหลัง ท่ามกลางกองทัพใหญ่ซีเหลียงที่กว้างสุดลูกหูลูกตามีกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งบุกฆ่าเข้ามาทางประตูเมือง พวกเขาเป็นใคร ซ้ำยังได้ยินทหารซีเหลียงตะโกน ‘ท่านอ๋องใหญ่ถูกธนูยิงแล้ว’ ใครยิง ฟังต้าฉุยงุนงงในชั่วขณะ 

 

 

“ท่านแม่ทัพ หรือว่ากองกำลังหนุนมาถึงแล้ว” ทหารคนสนิทตะโกนกล่าวด้วยความดีใจ 

 

 

ฟังต้าฉุยเองก็มีสีหน้าดีใจ หลังจากนั้นก็ส่ายหน้าทันที “เป็นไปไม่ได้ คนที่พวกเราส่งไปขอกำลังหนุนเพิ่งออกเดินทางเมื่อวาน กองกำลังหนุนไม่อาจถึงเร็วเพียงนี้ อีกทั้งกองกำลังหนุนก็ไม่อาจมีคนเพียงไม่กี่คนเช่นนี้ได้” 

 

 

คนทั้งสองต่างก็คิดไม่ตกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ต้องคิดเสีย ตั้งใจเผชิญหน้ากับการต่อสู้ตรงหน้าดีกว่า 

 

 

“ท่านแม่ทัพ กองทัพใหญ่ซีเหลียงถอยทัพแล้ว พวกเราควรจะ…?” รองแม่ทัพผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามา ทำท่าทางบุกโจมตี 

 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อเสนอนี้ทำให้ฟังต้าฉุยหวั่นไหวอย่างถึงที่สุด ช่วงหลายวันมานี้ล้วนแต่ถูกโจมตี ฟังต้าฉุยอึดอัดอยู่นานแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสดี จะเปิดประตูเมืองไล่ฆ่าพวกเขาสักครั้งดีหรือไม่ 

 

 

ท้ายที่สุดฟังต้าฉุยก็ยังคงส่ายหน้า “ไม่ได้ ไม่มั่นใจว่านี่คือแผนการของกองทัพซีเหลียงหรือไม่ พวกเราไม่อาจปล่อยให้เกิดการการสูญเสียได้อีกแล้ว” เขาไม่แน่ใจกับสถานการณ์ศึกที่แปลกประหลาดตรงหน้า ไหนเลยจะก้าวออกจากเมืองไปไล่โจมตี หากนี่เป็นแผนการล่อข้าศึกของกองทัพซีเหลียงเล่า ไม่ใช่ว่าจะตกหลุมพรางหรอกหรือ” 

 

 

“ท่านแม่ทัพ โอกาสดีไม่ควรพลาด พลาดแล้วไม่มีอีกนะขอรับ!” รองแม่ทัพสีหน้าร้อนใจ ไม่ยอมปล่อยโอกาสอันดีเช่นนี้ไปได้ 

 

 

ฟังต้าฉุยครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เจ้าพาทหารม้าห้าร้อยนายออกจากเมืองไปไล่โจมตี หากเห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติให้รีบกลับมาทันที คนที่เหลือตั้งทัพบนกำแพงเมือง” ปล่อยโอกาสอันดีเช่นนี้ไป เขาเองก็ตัดใจไม่ลง 

 

 

ประตูเมืองที่หนักอึ้งเปิดออกช้าๆ ทหารม้าต้ายงห้าร้อยนายหนึ่งกลุ่มบุกออกไปทันที ไล่ฆ่ากองทัพใหญ่ซีเหลียงที่ถอยทัพ ชั่วขณะก็ตะโกนฆ่าดังสนั่นลั่นฟ้า 

 

 

“คุณชาย กองทัพของพวกเราโจมตีกลับแล้ว” เสิ่นหู่โถวตะโกนด้วยความดีใจ 

 

 

เสิ่นเวยหรี่ตามองออกไป เห็นจำนวนคนในกองทัพโจมตีกลับกลุ่มนี้มีไม่เยอะนัก ดูท่าแล้วประมาณไม่กี่ร้อยคน นางก็กล่าวหนึ่งประโยค “ปิดเป็นความลับ” แต่ในใจก็เข้าใจได้ ในเวลาที่สถานการณ์ไม่ชัดเจนการระมัดระวังตัวเป็นแผนที่ดีที่สุด 

 

 

“ออกแรงเพิ่ม ฆ่าทหารซีเหลียงอีก” เสิ่นเวยชูดาบหมื่นโลหิต ร้องตะโกนเสียงดัง นำทัพเฆี่ยนม้าหันหลังกลับไล่ฆ่าทหารซีเหลียงที่วิ่งหนี 

 

 

ทหารซีเหลียงเห็นเทพสังหารผู้นี้หันหลังกลับมาไล่ฆ่า ก็ตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน โยนอาวุธทิ้งหมดแล้ว วิ่งสุดแรงเกิด อยากให้พ่อแม่ให้ขาเพิ่มมาอีกสักสองขาจริงๆ 

 

 

แต่ขาคนจะวิ่งสู้ม้าศึกได้อย่างไร เสิ่นเวยนำคนบุกฆ่าพักหนึ่ง เหลือไว้แต่เพียงศพทหารซีเหลียงที่วิ่งเข้ามา 

 

 

“พอแล้ว ไม่ต้องไล่ต่อแล้ว” ไล่ออกไปเจ็ดแปดลี้แล้ว เสิ่นเวยก็ตะโกนเรียกให้หยุดอย่างเฉียบแหลม หากตามต่อไปอีกก็ยากจะเลี่ยงไม่ให้กองทัพซีเหลียงหมดทางถอยจนกล้าทำได้ทุกอย่าง 

 

 

กลุ่มเด็กหนุ่มหมู่บ้านตระกูลเสิ่นมองแผ่นหลังที่วิ่งหนีตาลีตาลานของทหารซีเหลียง ปรารถนาอยากสู้ต่อ เสมือนตรงหน้าวางหมูตุ๋นน้ำแดงหนึ่งถ้วยไว้แต่กินไม่ได้ 

 

 

“คุณชาย พวกเราไล่ตามอีกหน่อยเถอะ ไล่ฆ่าทหารซีเหลียงอีกหน่อย” มีคนเอ่ยปากร้องขอ คนที่เหลือก็พากันคล้อยตาม 

 

 

ทว่าเสิ่นเวยกลับเมินเฉย ยกมือหยุดพวกเขา กล่าวอธิบาย “อย่าไล่ตามข้าศึกเดนตาย บีบบังคับจนหมดหนทางแล้ว อาจจะย้อนกลับมาแว้งกัด พวกเรายังต้องรีบกลับเมือง” 

 

 

เถาฮวากลับเชิดหน้าเล็กๆ “คุณชาย ข้ายังมีแรงยังใช้ไม่หมดเลย” นั่นหมายความว่าไม่กลัว ข้าสามารถตีพวกเขาตายหมดได้ ให้พวกเขาแว้งกัดคนไม่ได้อีก 

 

 

เสิ่นเวยดึงแขนเสื้อเช็ดโลหิตที่กระเด็นโดนหน้าเถาฮวา ยิ้มพลางกล่าว “รู้แล้วว่าเถาฮวาเก่ง แต่ว่าฟ้ามืดแล้ว เถาฮวาหิวแล้วไม่ใช่หรือ พวกเรากลับเมืองไปทานของอร่อยๆ ดีกว่า” 

 

 

เมื่อเอ่ยถึงของกินชั่วพริบตาเถาฮวาก็โยนเรื่องทหารซีเหลียงทิ้งไป กล่าวด้วยความดีใจ “อืม เถา 

 

 

ฮวาจะเชื่อฟังคุณชาย” เถาฮวาดฉลาด ตอนที่คุณหนูแต่งตัวเป็นผู้ชายก็เรียกคุณชาย ตอนที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงจึงเรียกคุณหนู นางไม่เคยเรียกพลาดแม้แต่ครั้งเดียว 

 

 

เสิ่นเวยขี่ม้ากลับเมือง เผอิญเจอกองทัพห้าร้อยนายกลุ่มนั้นพอดี ทั้งสองฝ่ายดึงบังเ**ยนหยุดม้าด้วยท่าทีระมัดระวังตัว 

 

 

“ผู้มาตรงหน้าเป็นใคร” ฝ่ายตรงข้ามมีคนตะโกนถาม 

 

 

เสิ่นเวยและคนอื่นๆ ไม่ทันได้ตอบ ก็ได้ยินเสียงตื่นเต้นดีใจของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง “น้องโอว 

 

 

หยางหรือ โอวหยางไน่! เจ้าเด็กนี่นี่เอง!” ผู้นำทัพไว้หนวดผู้นั้นมองโอวหยางไน่ด้วยสีหน้าดีใจ 

 

 

โอวหยางไน่เองก็ดีใจอย่างยิ่ง ยกมุมปาก เผยรอยยิ้มที่บางอย่างยิ่งออกมา “ต้าชวน ข้าเอง! นี่คือคุณชายสี่ของจวนข้า หลายชายแท้ๆ ของท่านโหว” โอวหยางไน่ชี้เสิ่นเวยแล้วกล่าวแนะนำ ทั้งยังชี้ชายไว้หนวดผู้นั้นแล้วกล่าว “คุณชาย นี่คือรองแม่ทัพหวังต้าชวน ทำศึกห้าวหาญที่สุด” 

 

 

เสิ่นเวยประสานมือคำนับหวังต้าชวนบนม้า หวังต้าชวนผู้นั้นคำนับกลับอย่างจริงจังทันที “คารวะคุณชายสี่ คุณชายสี่ไม่เสียชื่อที่เป็นหลานชายแท้ๆ ของท่านโหวจริงๆ” เขาเห็นจากยอดกำแพงหมดแล้ว คุณชายสี่วัยเยาว์ผู้นี้ร่ายรำดาบใหญ่ ทุกๆ แห่งที่ผ่านไปไม่ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว เป็นเทพสังหารจริงๆ มิเสียชื่อบุรุษห้าวหาญแห่งจวนแม่ทัพ 

 

 

เมื่อมองคนอื่นๆ ไอสังหารแต่ละคนคุกรุ่น ราวกับออกมาจากบ่อโลหิต ไอหยา เหตุใดถึงมีเด็กน้อยด้วย ในมือเด็กน้อยคนนั้นกุมทวนเหล็กยาวๆ บนใบหน้ายิ้มแย้ม แปลกยิ่งนัก 

 

 

ทว่าท่าทีของหวังต้าชวนกลับยิ่งเคารพ เพราะว่าคุณชายนำคนไม่กี่สิบคนนี้มาแก้การปิดล้อมของกองทัพใหญ่ซีเหลียง เพียงแค่ความกล้าหาญนี้ก็ทำให้คนเลื่อมใสแล้ว 

 

 

“ไปเถอะ กลับเมือง” หวังต้าชวนเชิญเสิ่นเวยเดินไปข้างหน้าด้วยความเคารพ 

 

 

เสิ่นเวยเองก็ไม่เกรงใจ ขี่ม้านำหน้าออกไป เมืองชายแดนอยู่ตรงหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านปู่เป็นอย่างไรกันแน่ ในใจนางเป็นห่วง 

 

 

เข้าเมืองแล้ว ฟังต้าฉุยก็นำคนมาต้อนรับ เมื่อเขารู้ว่าเด็กหนุ่มผอมบางที่สร้างคุณูปการใหญ่หลวงผู้นี้ตรงหน้าคือหลานชายแท้ๆ ของท่านโหว ก็ตบบ่าเสิ่นเวยหัวเราะร่าอย่างดีใจ “ดี! ดี! ดี! คุณชายกล้าหาญจริงๆ!” ในใจเขาดีใจแทนท่านโหว ท่านโหวมีหลานชายที่มีอนาคตเช่นนี้ รุ่นหลังก็มีคนสืบทอดแล้ว 

 

 

“แม่ทัพฟังกล่าวเกินไปแล้ว ข้าน้อยยังห่างไกล” เสิ่นเวยกล่าวอย่างถ่อมตัว “เรียนถามแม่ทัพฟัง อาการบาดเจ็บท่านปู่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง” เสิ่นเวยร้อนใจอยากรู้ 

 

 

เมื่อเอ่ยถึงอาการบาดเจ็บของท่านเสิ่นโหว รอยยิ้มบนใบหน้าฟังต้าฉุยก็หายไป เขาถอนหายใจหนึ่งครา กล่าว “ท่านโหวฟื้นแล้ว แต่บนธนูนั้นมีพิษ ไม่มียาถอนพิษ หมอทหารทำได้เพียงใช้เข็มเงินสกัดพิษไว้ที่หน้าอก ตอนนี้ยังนอนอยู่บนเตียง อ่อนแอยิ่งนัก” 

 

 

เสิ่นเวยถอนหายใจอย่างผ่อนคลายทันที คนฟื้นก็ดีแล้ว ถูกพิษไม่ใช่เรื่องใหญ่ นางนำยาลูกกลอนที่ถอนสารพัดพิษมาด้วย แม้ว่าจะถอนได้ไม่หมด แต่ก็ช่วยได้ประมาณหนึ่ง หมอหลิ่วเองก็ใกล้ถึงแล้วเช่นกัน 

 

 

ขอเพียงแค่ท่านปู่ไม่เป็นอะไร จวนจงอู่โหวก็จะไม่ตกต่ำ นางยังสามารถใช้ชีวิตร่ำรวยของนางต่อไปได้อย่างสบายใจ 

 

 

“ข้าน้อยเป็นห่วงท่านปู่จริงๆ แม่ทัพฟังโปรดพาข้าน้อยไปพบท่านปู่ด้วยเถิด” เสิ่นเวยร้องขอ 

 

 

“เป็นเรื่องสมควร คุณชายสี่เชิญทางนี้” ฟังต้าฉุยกล่าวอย่างสบายๆ ตอนนี้ความประทับใจที่เขามีต่อเสิ่นเวยดีอย่างยิ่ง หากได้เป็นลูกตนเองก็คงจะดีไม่น้อย 

 

 

จุ๊ๆ หน้าตาก็ดีจริงๆ ผิวอ่อนเนื้อนุ่มราวกับสตรี แต่ฟังต้าฉุยกลับไม่กล้าดูถูกเลยแม้แต่นิดเดียว คุณชายสี่ผู้นี้ลงมือสังหารคนขึ้นมาแล้วหาญกล้าเพียงนั้น ไม่เห็นหรือว่าโอวหยางไน่เด็กทะนงตนผู้นี้ยังเคารพเลื่อมใสเขาเลย 

 

 

เมื่อเข้าไปในเรือนหน้าจวนโหว ฟังต้าฉุยก็ตะโกนเสียงดัง “ท่านโหว ท่านโหว ท่านดูสิว่าใครมา!” 

 

 

หลังจากนั้นเสิ่นเวยก็ได้ยินเสียงท่านปู่ของนาง “เจ้าไม่บัญชาการศึกอยู่บนกำแพงเมือง วิ่งมาหาข้าทำไม ใครมา” 

 

 

“อ้อ กองทัพซีเหลียงแพ้พ่ายถอยทัพ ผู้น้อยย่อมมีเวลาว่างมาเยี่ยมท่านได้อย่างไรเล่า” ฟังต้าฉุยก้าวยาวเข้ามาในห้อง กล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสทั้งใบหน้า “ท่านโหว คุณชายสี่ตระกูลท่านมาแล้ว ท่านไม่เห็น คุณชายสี่เก่งกาจนัก ยิงธนูดอกเดียวล้มท่านอ๋องใหญ่ของซีเหลียงได้ นำคนไม่กี่สิบคนไล่ฆ่ากองทัพใหญ่ซีเหลียงจนนองเลือด กองทัพซีเหลียงเห็นว่าแม้แต่ท่านอ๋องใหญ่ของพวกเขายังถูกยิง จึงแตกทัพหนีไปทันที” 

 

 

ฟังต้าฉุยสาธยายชื่นชมเสิ่นเวยไม่จบไม่สิ้น 

 

 

“ท่านปู่” เสิ่นเวยเองก็เข้ามาในห้องแล้ว เห็นปู่นางพิงหัวเตียงอยู่ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก 

 

 

ท่านเสิ่นโหวเห็นหลานสาวที่เปื้อนเลือดไปทั้งตัวก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ ทันใดนั้นก็ยิ้ม “เจ้าสี่มาแล้ว!” ประโยคต่อไปก็ถาม “เสบียงเล่า” 

 

 

ความเศร้าเล็กๆ ที่เพิ่งจะก่อตัวของเสิ่นเวยหายวับไปทันที นางกระตุกมุมปาก กล่าว “ยังตามมาไม่ถึง ข้ากลัวว่าพวกเขาจะมาช้าจึงนำคนกลุ่มเล็กขี่ม้าเร็วมาถึงก่อน” นางหยุดครู่หนึ่งแล้วจึงตั้งใจกล่าว “โชคดีที่ข้ามาก่อน มิเช่นนั้นเมืองชายแดนครั้งนี้คงตกอยู่ในอันตราย ท่านปู่ ฟังว่าท่านถูกพิษ ข้านำยาลูกกลอนถอนพิษมาด้วย ท่านลองทานสักเม็ดดีหรือไม่” เสิ่นเวยหยิบยาลูกกลอนถอนพิษออกมา ยื่นให้คนที่มีลักษณะเหมือนหมอทหารข้างๆ