ทุกคนหัวเราะครืนขึ้นอีกครั้ง
จูหลานก็ไม่โกรธ กลับหัวเราะหึๆ แล้วกล่าวว่า “ข้ารักภรรยามากจนขึ้นชื่อ จังลี่อยู่กับข้าอย่างมีความสุขดีมาก”
เสียงหัวเราะของทุกคนดังขึ้นไม่หยุด เมิ่งเชี่ยนโยวก็ผลิยิ้ม เดินมาถึงเตียง
เปาอีฝานนอนราบอยู่บนเตียง บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าสหายรักแต่เก่าก่อนมาหา หรืออาจเป็นเพราะว่าหลายวันมานี้ได้รับการดูแลอย่างดี ใบหน้าของเขาเริ่มปรากฏเลือดฝาด เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง ดึงมือของเขามาตรวจชีพจรให้กับเขา
ทุกคนหยุดหัวเราะ มองนางอย่างสงบ
หลังจากที่ตรวจชีพจรอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว ก็เอามือหลับเข้าไปในในผ้าห่ม เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ร่างกายไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพียงแต่ต้องดูแลให้ดีก็พอ”
เสียงของจูหลวนดังขึ้นมาอีก “ข้าว่าอะไรนะ พ้นภัยมีชีวิตต่ออีกพันปี เจ้าคนนี้ดวงแข็งมาก พยายามคงไม่กล้าเอาตัวเขาไปง่ายๆ”
ทุกคนหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง
หากเป็นเมื่อก่อน เปาอีฝานชายตามองแวบเดียว จูหลวนก็ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรแล้ว แต่ตอนนี้เขายังนอนซมร่างกายอ่อนแรงอยู่บนเตียง ขนาดเรี่ยวแรงจะมาคุกคามไม่มีแม้แต่น้อย อีกอย่างไม่ได้เจอสหายรักมานานหลายปี ในใจรู้สึกยินดี จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้จากจูหลวน
ถึงอย่างไรเปาอีฝานก็มีอาการสาหัส ต่อให้นอนพักผ่อนแล้วหลายวันร่างกายก็ยังอ่อนแออยู่ กำลังวังชาก็ยังน้อยอยู่ เพียงครู่เดียว ก็แสดงสีหน้าเหนื่อยล้าออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเข้า กล่าวว่า “ให้คุณชายเปาพักผ่อนสักครู่เถอะ พวกเราไปคุยกันที่อื่น เขาฝืนต้อนรับพวกเราเช่นนี้ ไม่ดีต่ออาการบาดเจ็บของเขา”
ทุกคนพยักหน้า
วันนี้เปาชิงเหอไม่ได้ไปที่ศาลาว่าการ อยู่ที่บ้านรอต้อนรับแขกโดยเฉพาะ จึงพาทุกคนเข้าไปในห้องโถงรับแขก
ซุนฮุ่ยอยู่เฝ้าดูแลเปาอีฝาน ใต้เท้าเปากับเมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามหลังออกไป
เปาชิงเหอสั่งให้คนรับใช้นำชาร้อนมา
ตอนที่อยู่มณฑลชิงเหอ เปาชิงเหอกับฮูหยินเปาต่างก็ปฏิบัติต่อทุกคนราวกับเป็นลูกขอตัวเอง แม้จแยกจากกันไปหลายปี ทว่าความรู้สึกนั้นยังคงอยู่
ฮูหยินเปากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ปีนั้นหลังจากที่ฝานเอ๋อร์กลับมา ก็ติดตามแม่ทัพใหญ่ฉู่ไปที่ชายขอบแดน จึงทันให้ที่อยู่ของจวนกับพวกเจ้า หลายปีที่ไม่ได้ยินข่าวของพวกเจ้า ข้าก็คิดถึงมากเหลือเกิน”
เซี่ยเจียงเฟิงพยักหน้า “ใช่ ปีนั้นก่อนที่พวกท่านจะมาเมืองหลวง อีฝานบอกไว้ว่าจะเขียนจดหมายส่งข่าวให้พวกเราเป็นระยะ สุดท้ายพวกเราก็รอตั้งนานก็ยังไม่เห็นเขาส่งจดหมายมา ยังคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบ้าน ข้ากับอี่หยวนพวกเราสองคนยังมาที่เมิงหลวงโดยเฉพาะ ประการแรกก็เพื่อที่จะหาข่าวคราวของพวกท่าน สองก็เพื่อที่มาตรวจร้านของที่บ้าน แต่ไม่ว่าพวกเราจะหาข่าวอย่างไร ก็ไม่ได้ข่าวของพวกท่าน ที่แท้ท่านลุงก็ถูกส่งมายังเมืองเหนือที่กันดารเช่นนี้ มิน่าพวกเราถึงหาข่าวไม่ได้”
อานอี่หยวนพยักหน้าแล้วพูดขึ้นต่อว่า “ต่อมาอีกหลายปีพวกเราก็พยายามหาข่าวตลอด แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของพวกท่านเช่นเดิม พวกเราทุกคนยังเป็นห่วงอยู่เลย ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบ้านหรือไม่ ทำไมมาถึงเมืองหลวงแล้วยังไม่ได้ข่าวอีก”
จูหลานกล่าว “หลายวันก่อนแม่นางเมิ่งเขียนจดหมายลับให้เซี่ยเจียงเฟิงหนึ่งฉบับ เขาอ่านจบแล้วก็รีบร้อนมาหาพวกเรา บอกว่ามีข่าวของพวกท่านแล้ว ทำให้พวกเราดีใจมาก รีบวางมือจากธุระในมือทุกอย่าง แล้วก็รีบเดินมาที่นี่ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้หยุดพัก ความจริง ตอนที่เห็นอีฝานนั้นข้าก็ตกใจ พยายามอย่างมากถึงควบคุมตัวเองไม่ให้ร้องออกมาได้”
ฮูหยินเปายิ้มกล่าวว่า “ตอนนี้นับว่าดีขึ้นมากแล้ว ฝานเอ๋อร์ได้รับการดูแลเช่นนี้อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น พวกเจ้าไม่รู้ตอนที่แม่ทัพใหญ่ฉู่พาเขากลับมาส่งคืนนั้น เขาหลับตาทั้งคู่ สีหน้าเขียวคล้ำ ขาข้างซ้ายทั้งข้างกลายเป็นสีม่วงคล้ำอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะตอนที่แม่นางเมิ่งบอกว่าต่อให้ตัดขาเขาออกไปก็มีเขาจะมีโอกาสรอดชีวิตแค่ครึ่งหนึ่ง ข้ารู้สึกว่าฟ้าถล่มแผ่นดินสะเทือน โชคดีที่แม่นางเมิ่งมีฝีมือการแพทย์เป็นเลิศ สามารถรักษาชีวิตเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น ตอนนี้ที่พวกเจ้าได้มาเห็นบางทีอาจจะเป็นร่างอันไร้วิญญาณก็ได้”
ทั้งสามคนแม้จะไม่อยู่ในเหตุการณ์ ได้ยินฮูหยินเปาพูดแล้วก็พอจะจินตนาการได้ว่าตอนนั้นมันอันตรายเพียงใด คิดแล้วก็เกิดความกลัวขึ้นในใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ความดีความชอบของข้า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณชายเปามีกำลังใจที่แข็งแรง ต้องรู้ไว้ ว่าเลือดไหลมากขนาดนั้น คนทั่วไปทนไม่ไหวหรอก”
เปาชิงเหอกล่าว “เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวไป ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวิชาแพทย์ของเจ้าอยู่ในขั้นสูง ถึงแม้ฝานเอ๋อร์จะมีความบากบั่นเช่นไรก็คงทนไม่ได้”
ฮูหยินเปาพนักหน้าเห็นด้วย
กลัวว่าทั้งสองคนจะกล่าวขอบคุณอะไรขึ้นมาอีก เมิ่งเชี่ยนโยวจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง ถามสามคนนั้นว่า “พวกเจ้าเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน เหนื่อยหรือไม่”
ทั้งสามคนโบกมือตอบพร้อมกัน “ไม่เหนื่อย ไม่เหนื่อยเลย”
เซี่ยวเจียงเฟิงกล่าวว่า “ผ่านมาสี่ปี พวกเราพี่น้องได้พบกันอีกครั้ง มีความสุขมาก จะเหนื่อยได้อย่างไร”
ฮูหยินเปาถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “หลายปีมานี้พวกเจ้าทุกคนเป็นอย่างไรบ้าง กิจการของที่บ้านดีไหม”
เซี่ยเจียงเฟิงกับอานอี่หยวนพยักหน้าพร้อมกัน “ภายในบ้านเรียบร้อยดีทุกอย่าง กิจการก็ถือว่าไปได้ดี”
มีเพียงจูหลานที่ชะงักไปนิดหนึ่ง ครั้นแล้วจึงยิ้มตามน้ำไป
เปาชิงเหอเป็นขุนนางมานานหลายปี มีความสามารถในการสังเกตสีหน้าผู้คนอยู่แล้ว เห็นสีหน้าของเขาดูไม่ปกติ จึงถามว่า “หลานจูเสียนมีเรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกพวกเราหรือ”
จูหลานโบกมือพัลวัน “ไม่มี ไม่มี ที่บ้านของข้าเรียบร้อยดีทุกอย่างขอรับ”
“ท่านลุงเปากับท่านป้าเปาก็มิใช่ใครอื่น เจ้าพูดความจริงเถอะ จะปิดบังทำไม” อานอี่หยวนเอ่ยพูดขึ้น
จูหลานถลึงตามองเขาแวบหนึ่ง “ข้าจะมีเรื่องอะไรได้ เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล”
“ดูท่าทางเช่นนี้ของคุณชายจู ไม่เหมือนเรื่องดีอะไรเลย หรือว่าออกไปยั่วแหย่สตรีข้างนอกที่ไม่สมควรยั่วแหย่มา แล้วถูกคนบังคับให้แต่งงานกระมัง” เมิ่งเชี่ยนโยวลองแกล้งเดาสุ่ม
“พูดอะไร” จูหลวนโมโหส่งเสียงเอะอะโวยวายใส่นาง “ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ”
“มันก็ไม่แน่” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเล่นขึ้นมาอีก
จูหลานร้อนใจมากขึ้น “ไม่มีเรื่องเช่นนั้นแน่นอน ข้ารักหลิวลี่เพียงผู้เดียว ไม่มีคนอื่นเด็ดขาด”
“ถ้าเช่นนั้นเกิดอะไรขึ้น” เมิ่งเชี่ยนโยวหลอกถามขึ้นอย่างแนบเนียน
จูหลานไม่ยอมหลงกล “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทั้งหมดนั้นอานอี่หยวนเป็นกระต่ายตื่นตูมเท่านั้น”
“ข้าเป็นกระต่ายตื่นตูม” อานอี่หยวนทำตาโต ชี้จมูกของเขา “ร้านของเจ้าโดนคนตรวจสอบและอายัดไปแล้วยังจะมาบอกว่าข้าเป็นกระต่ายตื่นตูมไปอีก”
ฮูหยินเปาตกใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว
จูหลานถลึงตามองเขาอย่างฉุนๆ “เจ้าไม่พูด ก็ไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้หรอก”
เปาชิงเหอถามขึ้นว่า “เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้”
“จะเป็นเพราะเหตุใดได้อีก ไม่ใช่ว่าเรื่องของเฉียวหมิ่นนั่นหรือ” อานอีหยวนกล่าว
“เฉียวหมิ่น” ใต้เท้าเปาไม่เข้าใจ “ไม่ใช่ว่านางถูกส่งให้ไปนางรับรองของทางการแล้วหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”
อันอี่หยวนตอบกลับว่า “นางเป็นนางรับรองของทางการจริงไม่ผิด ตระกูลเฉียวก็บอกว่าจะไม่นับนางเป็นลูกสาวอีก แต่ไม่รู้ทำไม ช่วงก่อนนั้นตระกูลเฉียวมักจะไปหาเรื่องจูหลาน บอกว่าปีนั้นเป็นเพราะว่าเขา เฉียวหมิ่นถึงต้องตกต่ำมีสภาพเช่นนั้น บอกว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ให้เขาอยู่อย่างมีความสุข อีกทั้งยังได้ข่าวว่านายมณฑลที่มาใหม่นั้นเป็นญาติของตระกูลเฉียว ส่งคนไปก่อกวนร้านของจูหลาน สักพักก็บอกว่าอันนี้ทำไม่สะอาด อีกสักพักก็บอกว่าใช้เนื้อที่ไม่ดี ก่อนหน้านี้กลับมีข้ออ้างว่ามีคนกินอาหารในร้าน แล้วเกิดปวดท้องจนทนไม่ได้ จนเกือบตายใช้เป็นข้ออ้าง ไปอายัดร้านของเขา”
—————————-