นึกถึงสถานการณ์ตอนที่เขาโดนเมิ่งฉีไล่ทุบตีวิ่งไปทั่วจวน เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะ “คิกคัก” ออกมา พยักหน้า หมุนตัวเดินเข้าไป
มองดูแผ่นหลังของนางที่ลับหายไปจากประตู หวงฝู่อี้เซวียนบ่นพึมพำขึ้นเบาๆ “ไม่มีหัวใจเลย ไม่ให้ข้าเข้าไปนั่งจริงๆ ด้วย” บ่นพึมพำเสร็จ ก็หันไปมองหวงฝู่อี้ที่ยืนอยู่ห่างๆ แวบหนึ่ง กระโดดขึ้นหลังม้า แล้วก็ควบม้ากลับจวน
หวงฝู่อี้ตามหลังมาติดๆ
เดินเข้าห้องตัวเอง เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบกระจกขึ้นมามองดูหน้าตัวเอง ตกใจจากสภาพของตน ตะโกนขึ้นทันทีว่า “ชิงหลวน!”
ชิงหลวนขานรับแล้วเดินเข้ามา “นายหญิง!”
“รีบไปหาก้อนน้ำแข็งมาให้ข้า ข้าจะประคบน้ำแข็งหน่อย”
ชิงหลวนมองริมฝีปากของนางแวบหนึ่ง คิดจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไว้ทัน
“มีอะไรจะพูดก็พูด อย่าอึกๆ อักๆ”
“ไม่มีเจ้าค่ะ บ่าวไม่มีอะไรจะพูด จะไปเอาก้อนน้ำแข็งมาให้ท่านเดี๋ยวนี้” ว่าแล้วก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่านางมีท่าทางแปลกพิกล ขมวดคิ้ว
ไม่นานชิงหลวนก็เอาก้อนน้ำแข็งเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา แล้วก็ประคบที่ริมฝีปาก พอโดนความเย็นก็จามออกมาทีหนึ่ง
ชิงหลวนหมุนตัวหมายจะเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกนางไว้ “เมื่อครู่เจ้าคิดจะพูดอะไรหรือ”
ชิงหลวนเม้มริมฝีปากไม่เอ่ยคำใด
“เจ้าก็รู้จักนิสัยของข้า อย่าให้ข้าต้องกังวล”
ชิงหลวนขยับริมฝีปาก เรียกความกล้า แล้วกล่าวขึ้นว่า “นายหญิง ท่านกับซื่อทำเช่นนี้บ่อยๆ ไม่ได้นะเจ้าคะ ถ้าเกิด…”
“ถ้าเกิดอะไร” เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วถาม
ชิงหลวนกัดฟันแล้วพูดออกมา “ถ้าเกิดมีครรภ์แล้วจะแย่เอา คนในเมืองหลวงชอบนินทาว่าร้าย หากท่านยังไม่ได้แต่งงานแต่มีครรภ์ขึ้นมา ต่อไปจะโดนผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องมองนาง นานหลายอึดใจค่อยยิ้มออกมา “ชิงหลวน เจ้าคิดไปถึงไหน อี้เซวียนรู้จักแยกแยะ พวกเราไม่มีลูกหรอก”
ชิงหลวนย่ำเท้า “นายหญิง ท่านยังจะยิ้มออกได้ ถ้าซื่อจื่อแยกแยะได้ ท่านจะมีสภาพเช่นนี้หรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเสียงดัง “อี้เซวียนไม่ได้แตะร่างกายของข้า เพียงแต่จูบข้าเท่านั้น ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก”
ชิงหลวนเข้าใจทันที หน้าแดงขึ้นพลัน ละล่ำละลักพูดขึ้นว่า “นายหญิง บ่าวพูดเกินไปแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “มิน่าเล่าวันนี้อ๋องฉีถึงได้พูดจาแปลกพิกล นางจะคิดเหมือนเจ้าหรือไม่”
ชิงหลวนที่หน้าแดงพยักหน้า “น่าจะใช่เจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพลางโคลงศีรษะ
ประคบอยุ่สักพัก รู้สึกว่าริมฝีปากของตัวเองนั้นดีขึ้นบ้างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเอาก้อนน้ำแข็งประคบบนลำคอ เกิดความเย็นจนจามออกมา
ชิงหลวนเห็นแล้วก็ปวดใจ แนะนำว่า “นายหญิง ลำคอไม่ต้องประคบแล้ว พรุ่งนี้บ่าวจะหาเสื้อคอสูงให้ท่านใส่”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้หยุดมือลง กล่าวว่า “พรุ่งนี้ถ้าพี่รองเห็นสภาพเช่นนี้ของข้า เขาเกิดโมโหขึ้นมา แล้วจะพาข้ากลับบ้านก็จะยุ่งยากเอาได้ ข้าประคบสักครู่ รอยจะได้หายไปเร็วขึ้น ตื่นมาพรุ่งนี้ก็แทบไม่เหลือรอยแล้ว”
ชิงหลวนจนปัญญา มองนางด้วยสาวตาปวดใจ
ประคบน้ำแข็งเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวก็สั่งชิงหลวนว่า “พรุ่งนี้ถ้าพี่รองตื่นแล้วเจ้าก็ไปบอกเขา ว่าอย่าเพิ่งรีบไปที่โรงหัตถกรรม ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับเขา”
ชิงหลวนรับคำสั่งแล้วก็จำไว้ จัดปูผ้าปูที่นอนให้เมิ่งเชี่ยนโยว แล้วก็ถอยออกไป
ถอดชุดนอกออก ขึ้นนอนบนเตียง ไม่นานเมิ่งเชี่ยนโยวก็หลับสนิท
คืนนี้หลับสบาย เช้าวันต่อมา เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นขึ้นแต่เช้า แล้วออกกำลังกายในเรือนเหมือนทุกวัน
ห้องครัวทำอาหารเสร็จแล้ว สาวใช้จึงมาเรียกนาง
เมิ่งฉีรออยู่ที่ห้องอาหารแล้ว เห็นนางเดินเข้ามาจึงถามขึ้นว่า “ชิงหลวนบอกว่าเจ้ามีเรื่องจะคุยกับข้า เรื่องอะไรหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง แล้วก็เล่าเรื่องที่รับปากกับแม่ทัพว่าจะจัดแจงเหล่าทหารพิการอย่างไรให้เขาฟัง
เมิ่งฉีพยักหน้า “นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่ว่า โรงหัตถกรรมของเรายังเล็กนัก อย่างมากที่สุดก็จัดแจงได้เพียงหนึ่งร้อยสองร้อยคนเท่านั้น”
“ได้กี่คนก็ถือว่าดีแล้ว พยายามอย่างเต็มกำลังของเราก็พอ อีกอย่างข้าได้บอกแม่ทัพฉู่แล้ว ว่าพวกเราจัดแจงให้คนทำงานเท่านั้น ส่วนที่พักให้พวกเขาจัดการ”
“ได้ ทำตามที่เจ้าพูดเถอะ วันนี้หลังจากที่ข้าไปโรงหัตถกรรมแล้ว จะสั่งให้คนเตรียมของที่ใช้ทำไส้กรอกไว้ให้เรียบร้อย รอให้พวกเขากำหนดวันที่แน่นอนมาพวกเราก็เริ่มงานได้แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน อีกไม่นานก็จะถึงวันสิ้นปีแล้ว ควรจะเริ่มได้แล้ว”
กินอาหารเช้าเรียบร้อย เมิ่งฉีไปที่โรงหัตถกรรม ตอนเช้าเมิ่งเชี่ยนโยวก็ทำการรักษาให้กับเฝิงจิ้งเหวินเสร็จ เตรียมตัวว่าตอนบ่ายจะไปดูที่ร้านบะหมี่มันฝรั่ง ตั้งแต่เปิดร้านไปหลายวัน นางแทบจะไม่ได้ไปที่ร้านเลย ทิ้งให้เมิ่งอี้จัดการทุกอย่าง แต่ช่วงนี้เมิ่งอี้ก็ไม่ได้กลับมาพักที่จวนเสียที ไปอยู่ที่จวนของท่านราชครู การค้าขายในร้านบะหมี่มันฝรั่งเป็นอย่างไรบ้างนั้น นางไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
นางยังคิดไม่จบ คนเฝ้าประตูก็รีบวิ่งเข้ามารายงาน “นายหญิง ด้านนอกมีคนมาหาท่านขอรับ เป็นเด็กรับใช้จากจวนเปา ได้รับคำสั่งจากใต้เท้าของเขา มาเชิญท่านไปที่จวนหน่อยขอรับ”
“บอกไหมว่าเรื่องอะไร” เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้นทันที
คนเฝ้าประตู่ส่ายหน้า “ไม่ได้บอกขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบร้อนเดินออกไป หลายวันไม่ได้ไปที่ไหน ขนาดจวนเปาก็ยังไม่ได้ไป คงไม่ใช่ว่าอาการป่วยของเปาอีฝานกำเริบขึ้นกระมัง
แล้วจึงรีบเดินไปถึงประตู เด็กรับใช้เห็นนางออกมา คำนับนางอย่างสุภาพ “แม่นางเมิ่ง นายท่านของเราเชิญให้ท่านไปหาน่ะขอรับ”
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายของเจ้าหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้นอย่างร้อนรน
เด็กรับใช้โบกมือ “แม่นางเมิ่งอย่าได้เป็นกังวล ตอนนี้คุณชายของเราอาการดีขึ้นมากแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ สหายของคุณชายมาหา บอกว่าเป็นเคยรู้จักกับท่าน นายท่านของเราจึงได้ให้ข้ามาเชิญท่านไปขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวโล่งอก ขณะเดียวกันก็แสดงสีหน้าตกใจระคนยินดี “พวกเขามาเร็วขนาดนี้เลยหรือ”
พูดจบก็สั่งชิงหลวนว่า “ให้กัวเฟยจูงม้าออกมา”
ชิงหลวนหมุนตัวเดินเข้าไปในจวน ไม่นานกัวเฟยก็จูงม้าออกมา รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นรถม้า แล้วจึงรีบเดินทางมาถึงจวนเปา
ยังเป็นพ่อบ้านเช่นเดิมที่รอคอยอยู่หน้าประตูจวนเปา พอเห็นรถม้าของเมิ่งเชี่ยนโยวมาถึง ก็ยิ้มแล้วเดินมาตรงหน้าของนาง “แม่นางเมิ่ง คุณชายทั้งหลายต่างก็อยู่ในห้องของคุณชายเราขอรับ ท่านเข้าไปได้เลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า รีบเดินเข้าไปในเรือนของเปาอีฝาน ยังไม่ได้ก้าวเข้าประตูไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าทึ่มจูหลานดังออกมา “เจ้าคนอย่างเจ้าเนี่ย รอดตายจากเหตุการณ์เลวร้ายมาได้ หลังจากนี้จะเจอแต่เรื่องดีๆ ต่อไปพวกเราทุกคนต้องได้พึ่งพิงเจ้าแล้ว”
อานอี่หยวนต่อปากต่อคำกับเขาอย่างเคยชิน “ฝันไปเถอะ นี่เป็นสิ่งที่อีฝานใช้ชีวิตแลกมา เรื่องอะไรต้องให้เจ้าได้โดยง่าย”
ภายในเกิดเสียงหัวเราะครื้นเครงขึ้น
สาวใช้เปิดม่านประตูออก เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไป ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “พวกเจ้ามาเร็วจริงๆ ข้าคิดว่าต้องรออีกสองวัน”
ทั้งสามคนหันกลับมา มองนางเป็นตาเดียว
จูหลานกล่าวขึ้นอย่างดีอกดีใจที่สุด “เจ้าคนนี้ ไม่ได้ติดต่อกับพวกเราตั้งหลายปี กว่าจะมีข่าวคราวจากเขา ก็เกือบจะตายเสียแล้ว พวกเราจึงต้องรีบมาหา”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลอกตาขาว ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นพ่อของลูกตั้งสองคนแล้ว ทำไมถึงได้ทึ่มเช่นนี้ ข้าเสียดายจริงๆ ที่ตอนนั้นจีบจังลี่ให้เจ้า ไม่รู้ว่าปกตินางทนอยู่กับเจ้าได้อย่างไร”
—————————-