ตอนที่ 124 ไม่เป็นดั่งที่คิด / ตอนที่ 125 ไม่ยอมลำบาก

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 124 ไม่เป็นดั่งที่คิด 

 

 

เถิงเสวี่ยได้ยินนางร้องไห้อ้อนวอนก็เริ่มใจอ่อน แล้วถามว่า 

 

 

“เจ้าอายุมากกว่าหลิงเอ๋อหลายปี เหตุใดถึงไม่กล้าขัดขวางนาง เจ้าไม่ได้ด้อยไปกว่านางไม่ว่าอะไร เหตุใดไม่กล้าพูดยืนยันความเห็นตัวเอง ทำได้เพียงยอมรับผิดกับอาจารย์ เป็นความผิดของเจ้าเท่านั้นหรือ” 

 

 

เมื่อถงถงเอ๋อได้ยินคำถามของเถิงเสวี่ย กลับตีความหมายต่างออกไป เป็นการตำหนิและเป็นการบีบคั้น 

 

 

“อาจารย์ ถงเอ๋อชาติกำเนิดต่ำต้อย พรสวรรค์ก็เทียบศิษย์น้องไม่ได้ วันหน้านางจะเป็นผู้อาวุโสใหญ่ ถงเอ๋อก็แค่หมอผีผู้บวงสรวงพื้นๆ จะเอาอะไรไปคัดค้านนาง” 

 

 

เถิงเสวี่ยขมวดคิ้วแน่น ในที่สุดก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า 

 

 

“ช่างเถอะ เรื่องนี้จบลงเท่านี้ อาจารย์จะตักเตือนหงหลิงเอ๋อเอง นางชักจะไม่เคารพกฎเกณฑ์มากขึ้นทุกที เจ้ากลับไปเถอะ” 

 

 

ถงถงเอ๋อเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า ยืนขึ้นแล้วเดินออกมา พอถึงปากประตูก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมุมปาก อันที่จริงนางรู้นานแล้วว่าต้องเกิดช่วงเวลานี้ขึ้น แม้แต่ทุกรายละเอียดของการถามตอบกับอาจารย์ก็ล้วนฝึกทบทวนในสมองมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ 

 

 

“หลิงเอ๋อ อาหรูน่า ศิษย์พี่จะรอดูว่าระหว่างพวกเจ้าใครกันจะเป็นผู้ชนะ” 

 

 

มีรอยยิ้มอำมหิตวาบขึ้นบนใบหน้าถงถงเอ๋อ ในใจรอคอยละครฉากนี้ เวลานี้เถิงเสวี่ยได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกหงุดหงิด 

 

 

“อาเซิง เจ้าว่าข้าควรจัดการกับพวกนางอย่างไร” 

 

 

อาเซิงซึ่งเดิมทีเป็นเด็กสาวที่อายุน้อยนั้น ใบหน้านางกลับมีรอยยิ้มที่เป็นผู้ใหญ่ นางเดินมาด้านหลังเถิงเสวี่ย ช่วยนวดขมับให้นาง พลางพูดวิเคราะห์ถงถงเอ๋อ 

 

 

“อาเซิงเข้าใจความตั้งใจของเจ้านาย เดิมอยากให้สองคนนี้ช่วยเสริมกันและกัน คิดไม่ถึงว่าที่อ่อนแอก็ยังคงอ่อนแอ ที่วางอำนาจก็ยิ่งวางอำนาจหนักขึ้น บางทีสองคนนี้อาจไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกันตั้งแต่แรกแล้ว” 

 

 

เถิงเสวี่ยฟังที่อาเซิงพูดก็ถามว่า 

 

 

“เพราะอะไร หงหลิงเอ๋อมีพรสวรรค์สูงมาก แต่หยิ่งผยอง แม้ถงถงเอ๋อจะพรสวรรค์ด้อยแต่ก็ถ่อมตัวมีความมุมานะ สองคนอยู่ด้วยกัน หงหลิงเอ๋อน่าจะช่วยกระตุ้นให้ถงถงเอ๋อทุ่มเทมากขึ้น แต่ความจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น เป็นถงถงเอ๋อที่ขยันขึ้น แต่นิสัยไม่ถ่อมตัวแล้ว กลับอ่อนแอ ส่วนหงหลิงเอ๋อก็ยิ่งแย่ลง” 

 

 

อาเซิงถอนหายใจแล้วพูดว่า 

 

 

“เจ้านายก็ได้ยินที่ถงถงเอ๋อพูดแล้ว เกรงว่าหงหลิงเอ๋อคิดมานานแล้วว่าตัวเองคือผู้อาวุโสใหญ่ในอนาคต จึงไม่ค่อยจะทุ่มเทอะไรนัก กลับเย่อหยิ่งไร้แบบแผนหนักขึ้น เดิมทียังเรียกอาเซิงอย่างเคารพว่าป้า แต่เดี๋ยวนี้เรียกอาเซิงเฉยๆ แล้ว” 

 

 

เถิงเสวี่ยได้ยินเช่นนี้ก็ถอนหายใจ แล้วว่า 

 

 

“เฮ้อ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี” 

 

 

อาเซิงครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วบอกว่า 

 

 

“อย่างนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ…” 

 

 

อาเซิงขยับเข้ามาใกล้ กระซิบข้างหูเถิงเสวี่ย เถิงเสวี่ยยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกดีกว่าเดิมมาก 

 

 

“ถ้านางมาเร็วกว่านี้ก็คงจะดี เวลานี้ก็ยังไม่สาย บางทีอาจจะมีอะไรต่างออกไป” 

 

 

ถังเฉียนหยิบกระบี่ขึ้นมาร่ายรำอย่างต่อเนื่องในห้องของตน เมื่อคิดว่าวีรบุรุษในสายตาตนสอนตนฝึกกระบี่ด้วยตัวเอง ยังมีความรู้สึกเหมือนถือกระบี่ร่อนถลา รู้สึกเหมือนกระบี่มีวิญญาณ ขณะที่ร่ายรำนั้นกระบี่ก็แตกต่างจากเดิมแล้ว 

 

 

“แทง ปัด…” 

 

 

ถังเฉียนกำลังฝึกตามที่เรียนมาได้อย่างน่าดู แต่จู่ๆ ก็เกิดจาม นางรีบหาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ด แต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นว่าตนลืมผ้าเช็ดหน้าไว้ที่ฉู่จิ่งเหยา วันนั้นนางเผลอทำถ้วยน้ำหก 

 

 

“แย่แล้ว ยังไม่ได้เอาผ้าเช็ดหน้ากลับมา หรือว่าเป็นเพราะท่านอ๋องพูดถึงข้า” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 125 ไม่ยอมลำบาก 

 

 

แม้ว่าปัญหาของถังเฉียนจะยังไม่ได้รับการแก้ไขแต่นางก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อาจารย์ช่วยให้นางขับเคลื่อนถาดดาวจนสำเร็จ หลังจากที่สามารถหมุนถาดดาวได้แล้ว จู่ๆ ถังเฉียนก็รู้สึกว่าตนเองสามารถใช้ไอทิพย์ได้ดั่งใจมากขึ้น ถาดดาวก็เหมือนดั่งศูนย์กลางที่สามารถสะสมไอทิพย์และใช้ไอทิพย์ได้ 

 

 

ถังเฉียนยิ่งสนใจศึกษาวิชาหมอผีมากยิ่งขึ้น 

 

 

สภาพของนางที่ดูดรับพลังทิพย์แล้วสลายไปก็บรรเทาลง นางสามารถดูดรับได้ แต่ไม่กระจายออกอย่างชัดเจนอย่างเก่าแล้ว อีกประการหนึ่งมังกรดำตัวหนึ่งของนางยังคงถูกล่ามไว้ แทบจะขยับเขยื้อนไม่ได้ แต่การที่มีเพียงมังกรแดงพันรอบตัวนางนั้น ก็ทำให้นางพอใจมากแล้ว 

 

 

“พี่หมอผี ดูเหมือนพี่จะอารมณ์ดีมากเลยนะ” 

 

 

อาห่าวจูงฮวาหวนมาหาถังเฉียน นางเพิ่งดูดรับไอทิพย์ที่สนามเสร็จ รู้สึกจิตใจปลอดโปร่งแจ่มใสมาก 

 

 

“ใช่แล้ว ข้าอารมณ์ดีมาก เพราะอาจารย์ช่วยแก้ไขปัญหาที่รุมเร้าข้ามานานแล้ว อาจารย์ข้าเก่งมากใช่หรือไม่” 

 

 

ฮวาหวนยิ้มพลางพยักหน้า จากนั้นก็ไปเล่นแถวนั้นกับอาห่าว 

 

 

หลายวันมานี้ถังเฉียนอยากไปพบเถิงเฟิง แต่น่าเสียดายที่เขานั้นงานยุ่งตลอด ได้ยินอาห่าวบอกว่าการสู้รบระหว่างเผ่าหมอผีกับเผ่าครึ่งคนยังคงไม่สงบ หลายแห่งยังคงเกิดสงคราม เจิ้งจยาเฉิงกับเถิงเฟิงจึงยุ่งมาก ถังเฉียนจึงไม่กล้าไปรบกวนพวกเขา เถิงเฟิงบอกว่าเวลานี้เรื่องที่สำคัญที่สุดของนางคือการพักฟื้น และช่วยเถิงเสวี่ยเตรียมพิธีอัญเชิญเทพ 

 

 

คืนก่อนจู่ๆ ฉู่จิ่งเหยาก็สอนเพลงกระบี่ชุดหนึ่งให้แก่นาง ถังเฉียนอาศัยเวลาก่อนยามจื่อสือมาฝึกฝนที่ลานฝึกวิชายุทธ แต่ไม่ว่าจะฝึกอย่างไรก็ไม่สามารถรู้สึกถึงการใช้กระบี่ได้ดั่งใจเหมือนฉู่จิ่งเหยา แต่นางก็ไม่ได้ท้อใจ ยังจะพอทำท่าทางเลียนแบบได้ 

 

 

นางตั้งใจมาถึงล่วงหน้าพักหนึ่ง เพราะอยากฝึกฝนก่อน พอถึงเวลาจะทำให้อาจารย์ซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามประทับใจ ไม่เช่นนั้นถ้านางโง่เขลาอย่างนี้ เกิดฉู่จิ่งเหยาไม่สอน แล้วจะทำอย่างไรเล่า 

 

 

ขณะที่ถังเฉียนกำลังฝึกอย่างขะมักเขม้น ที่ที่นางปรากฏตัวเมื่อวานก็มีคนผู้หนึ่งปรากฎตัวขึ้น ค่อยๆ กดกิ่งไม้ลง มองดูท่าทางเงอะงะไม่คล่องแคล่วของนาง มุมปากเขายกขึ้นเป็นรูปโค้งน่าชม เขายืนอยู่หลังพุ่มไม้ มองดูนางเงียบๆ ดวงตาที่ล้ำลึกสะท้อนเงาจันทร์เย็นตาในบึงน้ำ 

 

 

“ดูตามเวลาแล้ว เขายังไม่มา ข้าไปเลี้ยงอาหารเทพมังกรก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจจะหิวอีก” 

 

 

ถังเฉียนถือกระบี่ไม้เดินอาดๆ ผ่านหน้าเขาไป ท่าทางนางดูน่าขำ แต่ฉู่จิ่งเหยาจงใจหลบนาง เห็นท่าทางกระหยิ่มใจของนางก็รู้สึกน่าขัน 

 

 

แม้ถังเฉียนยังไม่พบฉู่จิ่งเหยา แต่นางก็ยังคงอารมณ์ดี นางคิดเสมอว่าสักวันตัวนางเองจะสามารถกลายเป็นจอมยุทธที่อาศัยกระบี่ท่องไปทั่วหล้า เหมือนเรื่องราวในหนังสือและนักเล่านิทาน พอคิดก็รู้สึกสะใจขึ้นมา ทำให้ฝีก้าวเบาขึ้นมาก 

 

 

“หวังหลง วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” 

 

 

สองพี่น้องหวังหลงและหวังหู่ได้รับหน้าที่ที่สำคัญยิ่งขึ้น คือคอยเฝ้าหม้อทองเทพมังกร ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ คืนนี้หวังหู่กลับไปพักผ่อน มีเพียงหวังหลงกับสหายสองคนดูแลที่นี่ ยิ่งใกล้ถึงเวลาดังกล่าวก็ยิ่งคลายความระมัดระวังไม่ได้ 

 

 

“ไม่มีอะไร บริเวณนี้ท่านอ๋องสั่งปิดแล้ว นอกจากท่านและผู้อาวุโสใหญ่เผ่าหมอผี คนอื่นห้ามเข้ามาเด็ดขาด ท่านหมอวางใจเถอะ” 

 

 

ถังเฉียนเปิดฝาออก เทพมังกรกำลังนอนขดหลับอยู่ข้างล่างเป็นกระดูกขาวโพลน เทพมังกรช่างกินเก่งนัก พอโยนไก่ลงไปก็ไม่เหลือแม้แต่เงา เหลือเพียงกระดูกที่เทพมังกรไม่กิน 

 

 

“ก่อนนี้ข้าเคยเห็นงูกินอาหาร ล้วนแต่กลืนลงไปเลยแล้วค่อยๆ ย่อย เป็นครั้งแรกที่เห็นงูที่กินไก่แล้วคายกระดูกออกมา ข้าเล่าให้พรรคพวกฟัง ไม่มีใครเชื่อสักคน รอให้ท่านเทพมังกรไม่อยู่ในหม้อทองแล้ว ข้าจะพาพวกเขามาดู ท่านหมอดูสิ กินเกลี้ยงเลย”