ตอนที่ 122 เพลงกระบี่จิงหง / ตอนที่ 123 ยอมถอยเพื่อสถานการณ์

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 122 เพลงกระบี่จิงหง 

 

 

 

 

 

ถังเฉียนทำท่าชักกระบี่ออกมา แต่ท่าทางไม่ค่อยถูกต้องนัก ท่าทางใสบริสุทธิ์ของนางทำให้ฉู่จิ่งเหยาจับแขนนางดึงให้เหยียดตรง จากนั้นหยิบกระบี่ไม้เล่มหนึ่งจากชั้นวางอาวุธวางลงบนมือถังเฉียน 

 

 

“อยากเรียนเพลงกระบี่ชุดหนึ่งกับข้าหรือไม่” 

 

 

ฉู่จิ่งเหยาไม่เปิดโอกาสให้ถังเฉียนปฎิเสธแม้แต่น้อย ใช้มือจับมือนางข้างหนึ่ง ดึงไหล่นางขึ้นพาไปที่ลานฝึกวิชายุทธ ปลายเท้าแตะเบาๆ ร่างนางบินถลาออกไป ถังเฉียนไม่เคยสัมผัสความรู้สึกของลมที่พัดผ่านข้างหูเช่นนี้มาก่อน 

 

 

ลมพัดหมวกใบใหญ่ของนางปลิวไป ทั้งคู่ร่อนลงแตะพื้น ฉู่จิ่งเหยายืนอยู่ข้างหลังนาง กุมข้อมือนางไว้ จับมือนางเหวี่ยงไปข้างหลังหนึ่งรอบ ท่าของถังเฉียนค่อนข้างแข็งทื่อ ฉู่จิ่งเหยาจึงผลักเอวนางเบาๆ แล้วหมุนตัวกลับอย่างฉับไว กระบี่ในมือราวกับมีวิญญาณ วาดเป็นวงกลมขึ้นกลางอากาศอย่างงดงาม 

 

 

ฉู่จิ่งเหยาสอนนางให้ก้าวไปข้างหน้า ยืนกางขาในท่าม้าก้าว สอนนางให้รู้จักการเก็บและชักกระบี่ออก สอนให้รู้จักหมุนตัวรอบตัวกระบี่ จนในที่สุดหน้ากากของนางก็หลุดออก 

 

 

ถังเฉียนลูบคลำกระบี่ไม้ในมือด้วยความตื่นเต้น อดพูดไม่ได้ว่า 

 

 

“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ข้ารำกระบี่เป็นแล้ว ท่านอ๋องเก่งจริงๆ ฮ่าฮ่า…” 

 

 

ถังเฉียนตื่นเต้นสุดขีด ฉู่จิ่งเหยามองดูนางกอดกระบี่ไว้ กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ดวงตาชองเขาที่ดูราวกับซ่อนดวงดาราเอาไว้มองดูนางด้วยแววตารักใคร่ แต่ความรู้สึกนี้วาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

“ข้าเคยพบเจ้ามาก่อนใช่หรือไม่ หมอผีน้อย” 

 

 

ถังเฉียนดีใจเกินไป นางเอามือคลำหน้าตัวเอง แล้วรีบก้มหน้าลงพลางพูดว่า 

 

 

“โธ่ ท่านอ๋อง หน้าตาข้าไม่สวย ท่านอย่ามองเลย ข้า…” 

 

 

ฉู่จิ่งเหยาไม่ได้ฟังคำแก้ตัวอย่างสับสนของนาง และไม่ได้มองท่าทางนางที่พยายามปิดหน้า เขาหันหลังกลับ ถือกระบี่ทะลุตะวันแล้วผละไป พอหันหลังให้นางแล้วจึงพูดว่า 

 

 

“ไม่ว่าจะเป็นหมอผีหรือชาวบ้านธรรมดา อยู่ในสถานที่อย่างเหมียวเจียงเรียนรู้วิชายุทธบ้างย่อมเป็นเรื่องดี จะได้ไม่ถูกคนอื่นทำร้ายจนสลบง่ายๆ หมอผีน้อย เพลงกระบี่เมื่อครู่ชื่อจิงหง ถ้าเจ้าอยากฝึก ทุกวันยามจื่อสือให้เจ้ามาที่นี่” 

 

 

ฉู่จิ่งเหยาพูดจบก็เดินจากไป ไม่รอให้นางบอกว่าอยากฝึกหรือไม่ แต่ถังเฉียนกลับได้ยินประโยคสำคัญ นั่นคือไม่ถูกใครทำร้ายจนสลบง่ายๆ ถ้านางมีวรยุทธ์ บางทีร่างกายนางจะแข็งแรงขึ้น บางทีนางจะมีชีวิตรอดได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่น 

 

 

“จินซิวอ๋อง ท่านรู้จริงๆ หรือว่าข้าต้องการอะไร” 

 

 

มุมปากถังเฉียนเชิดขึ้น มองดูกระบี่ในมือตัวเอง ในหัวใจรู้สึกอบอุ่น นางซาบซึ้งในบุญคุณของฉู่จิ่งเหยา ไม่เสียทีที่เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในใจนาง 

 

 

ทางนี้ถังเฉียนกำลังง่วนอยู่กับการฝึกกระบี่ ส่วนที่ห้องเถิงเสวี่ยก็คึกคักเป็นพิเศษ เมื่อเถิงเสวี่ยรู้ว่าถังเฉียนเคยหมดสติไป ทั้งก่อนและหลังที่จะหมดสติได้พบถงถงเอ๋อ ในใจนางก็พอจะรู้แล้วว่าเรื่องราวเป็นไปเป็นมาอย่างไร แต่ไม่ลงความเห็นอย่างเด็ดขาดทันที 

 

 

ดังนั้นเมื่อตกกลางคืนเถิงเสวี่ยจึงให้อาเซิงไปตามถงถงเอ๋อมาที่นี่ นางเข้ามาในห้องแล้วแสดงการคารวะ เถิงเสวี่ยกำลังดื่มชา ไม่พูดอะไร ถงถงเอ๋อจึงลุกขึ้น เดินมาด้านหลังเถิงเสวี่ย ช่วยบีบนวดให้ 

 

 

“มีศิษย์ที่รู้ใจดีกว่าเลี้ยงลูกสาว คำพูดนี้ไม่ผิดเลย ถงเอ๋อ เจ้าติดตามอาจารย์มากี่ปีแล้ว” 

 

 

ถงถงเอ๋อยิ้มแล้วบอกว่า 

 

 

“แปดปีแล้วเจ้าค่ะอาจารย์ ตอนนั้นข้ากับศิษย์น้องเข้าสู่สำนักของอาจารย์ด้วยกัน ก่อนศิษย์น้องหลิงเอ๋อเพียงไม่กี่ชั่วยาม อาจารย์ยังตั้งใจตั้งชื่อให้ข้ากับศิษย์น้องให้คล้ายกัน” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 123 ยอมถอยเพื่อสถานการณ์ 

 

 

 

 

 

ถงถงเอ๋อยิ้มพลางพูดจนจบ เถิงเสวี่ยใคร่ครวญความหมายในคำพูดนาง จึงเปลี่ยนน้ำเสียงถามว่า 

 

 

“อย่างนั้นก็แปลกสิ ตอนนั้นหลิงเอ๋อบอกว่าเจ้าชอบชื่อนาง ขอร้องให้อาจารย์เปลี่ยนชื่อเจ้าให้คล้ายกับนาง อาจารย์ยังคิดว่าเจ้าอายไม่กล้าพูด ให้ศิษย์น้องมาพูดแทน” 

 

 

ถงถงเอ๋อได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็หมองลง มือที่บีบนวดอยู่หยุดชะงัก แม้ว่านางจะตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ยิ้มแล้วพูดว่า 

 

 

“ใช่ อาจารย์จำถูกต้องแล้ว ถงเอ๋อยังเด็กกลับจำได้ไม่ชัด” 

 

 

เถิงเสวี่ยยิ้มแล้วพูดว่า 

 

 

“อาจารย์จำได้ว่า ให้ยากลืนวิญญาณแก่เจ้าเม็ดหนึ่ง เจ้าใช้ไปหรือยัง” 

 

 

ถงถงเอ๋อได้ยินคำว่ายากลืนวิญญาณก็รู้สึกเครียดทันที แต่ยังคงเม้มปากแล้วพูดว่า 

 

 

“ยังไม่ได้ใช้” 

 

 

“อืม เช่นนั้นเอาให้อาจารย์ยืมใช้สักหน่อย พิธีบวงสรวงครั้งนี้สำคัญมาก อาจจะต้องใช้ยากลืนวิญญาณ รอให้กลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อาจารย์ค่อยคืนให้ดีหรือไม่” 

 

 

ถงถงเอ๋อได้ยินเช่นนั้น มีท่าทางลังเลชัดเจน แต่ก็รีบพูดว่า 

 

 

“อาจารย์ ยากลืนวิญญาณเม็ดนั้น ศิษย์เก็บไว้ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์…” 

 

 

พออาเซิงได้ยินเช่นนี้ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย มีแสงสีแดงวาบขึ้นในดวงตา จ้องมองถงถงเอ๋ออย่างไม่วางตา 

 

 

“อาจารย์ ศิษย์จำผิดแล้ว ศิษย์นำติดตัวมาด้วย เพียงแต่ศิษย์น้องหลิงเอ๋อสนใจ ยืมไปเล่น ยังไม่คืนให้” 

 

 

อาเซิงเห็นถงถงเอ๋อพูดเช่นนี้ สีแดงในดวงตาก็ยิ่งเข้มขึ้น เล็บมือดูเหมือนจะงอกยาวขึ้นกว่าเดิม เถิงเสวี่ยมองดูถงถงเอ๋อแล้วพูดว่า 

 

 

“พวกเจ้าศิษย์พี่น้อง อาจารย์ล้วนใช้เลือดตัวเองเปิดวิญญาณให้ เหมือนเช่นอาเซิง จิตใจเชื่อมโยงถึงกัน ถ้าพวกเจ้าบังอาจโกหกอาจารย์ เจ้าย่อมรู้ว่าอาเซิงจะทำเช่นไร” 

 

 

ถงถงเอ๋อได้ยินที่อาจารย์พูด แล้วหันไปมองอาเซิงที่ประตู เห็นเล็บนางกางออกเล็กน้อย ก็รีบคุกเข่าลงทันที 

 

 

“อาจารย์ ศิษย์สำนึกผิดแล้ว ศิษย์เอายากลืนวิญญาณให้ศิษย์น้องใช้” 

 

 

เถิงเสวี่ยวางถ้วยชากระแทกลงบนโต๊ะ แววตาแข็งกร้าวทันที บรรยากาศรอบๆ เยือกเย็นลง 

 

 

“พูดให้ชัดสิ” 

 

 

ถงถงเอ๋อรีบคลานเข้ามาเกาะขากางเกงเถิงเสวี่ย แล้วพูดว่า 

 

 

“อาจารย์ ท่านก็รู้ว่าหลิงเอ๋อมีนิสัยอย่างไร ต้องโทษที่ถงเอ๋อไม่ระวังเผลอพูดออกไป ข้าบอกนางว่าอาหรูน่ามีพรสวรรค์สูงมาก เพียงแค่เจ็ดวันก็สามารถสัมผัสถึงถาดดาวแล้ว มีพรสวรรค์สูงจนน่าตกใจ พอหลิงเอ๋อได้ฟังก็ร้อนใจ เดิมทีเพราะเรื่องคุณชายเถิงเฟิงก็ทำให้หลิงเอ๋อเกลียดชังอาหรูน่าแล้ว อาจารย์ก็รู้ว่า…” 

 

 

ถงถงเอ๋อพูดจนจบ ผ่านไปครู่หนึ่งเถิงเสวี่ยจึงถามว่า 

 

 

“ก่อนอาจารย์จะไป สั่งเจ้าไว้อย่างไร” 

 

 

ถงถงเอ๋อคุกเข่าลงบนพื้นร้องไห้โฮ แล้วพูดว่า 

 

 

“อาจารย์ ท่านเองก็รู้นิสัยหลิงเอ๋อ นางไม่เคยนับถือศิษย์พี่อย่างข้า ในสายตานาง ถงเอ๋อเป็นแค่สาวใช้เท่านั้น ถงเอ๋อพูดเตือน นางย่อมไม่ฟัง ถงเอ๋อจนปัญญาจึงบอกว่าให้สกัดพลังทิพย์ของศิษย์น้องเล็กก่อน ทำให้อาจารย์ตรวจสอบไม่ได้ แล้วค่อยหาทางกำจัดนาง ถงเอ๋อใช้ยากลืนวิญญาณที่สุดหวงแหนเพื่อช่วยชีวิตศิษย์น้องเล็ก” 

 

 

เถิงเสวี่ยฟังจบก็ถามว่า 

 

 

“เช่นนั้นพออาจารย์กลับมาแล้ว ทำไมเจ้าจึงไม่บอกให้อาจารย์รู้” 

 

 

ใบหน้าถงถงเอ๋อเต็มไปด้วยน้ำตา นางบอกว่า 

 

 

“อาจารย์ ถ้าถงเอ๋อบอก อาจารย์จะเชื่อหรือเจ้าคะ ถงเอ๋อคิดว่าจะคอยดูแลศิษย์น้องทุกวัน หลังจากครึ่งปีผ่านไปพลังทิพย์ของนางจะสูงขึ้นมาก ก็ไม่เสียทีที่นางต้องทนลำบากในช่วงนี้ ถงเอ๋อผิดไปแล้ว ถงเอ๋อสำนึกผิดแล้วจริงๆ อาจารย์โปรดให้อภัยถงเอ๋อครั้งนี้ด้วยเถอะ”