ตอนที่ 572 พวกคุณมาเป็นเพื่อนกันสิ
เธอเริ่มที่จะไม่ไปคิดอะไรให้มาก จากนั้นก็เคาะนิ้วลงบนคอมพิวเตอร์ต่อ เตรียมตัวที่จะลงบทความบทใหม่
แต่เหมือนว่าวันนี้จะมีเรื่องอะไรมากมายเหลือเกิน ผ่านไปได้ไม่กี่นาที ก็มีคนรับใช้มาเคาะประตูห้องของเธอ “คุณเฉียว คุณเฉียวคะ”
เธอต้องละสิ่งที่กำลังทำอย่างช่วยไม่ได้ “มีอะไรหรือ”
“คุณชายพาคุณถังกลับมาด้วย เลยเชิญให้คุณลงไปด้วยน่ะค่ะ” สาวใช้ยืนพูดอยู่ที่หน้าประตูอย่างมีมารยาท
เธอคิดแล้วเกิดลังเลขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่อยากไป แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังกินและอาศัยอยู่ในบ้านของคนอื่น จะปฏิเสธก็รู้สึกเกรงใจเกินกว่าจะพูดออกไป จึงจำต้องตอบรับออกไป “ได้ รอเดี๋ยวนะ”
เธอเปลี่ยนชุดให้ดูเรียบร้อยขึ้น แล้วเดินออกไป พอเดินไปถึงที่ห้องรับแขกแค่มองเข้าไปก็เห็นว่าศีรษะของทั้งสองคนกำลังติดกัน ทั้งสองคนถือมือถือไม่รู้ว่าดูอะไรกันอยู่ ใกล้ชิดกันสุดๆ ใบหน้ามีรอยยิ้มที่ดูสนิทสนมกันไม่น้อย ภาพแบบนี้ไม่ว่าใครก็คงไม่มีทางมองไม่ออกถึงความสัมพันธ์ของทั้งของคน
เธอชะงักฝีเท้าไปเล็กน้อย จู่ๆ ก็รู้สึกว่าแค่ตัวเองตอบตกลงก็รีบลงมาเลยแบบนี้มันดูพรวดพราดเกินไปหรือเปล่า นี่เธอคงไม่ได้มาทำให้บรรยากาศมันน่าอึดอัดใช่ไหม
หรือว่าตอนนี้เธอเดินออกไปก่อนจะทันไหมนะ
แต่ว่าเธอก็ยังช้าไปหน่อย ในขณะที่เธอกำลังชะงักอยู่นั้น ฉีหย่วนเหิงก็เห็นเธอแล้ว ดวงตาที่มีรอยยิ้มมองมาที่เธอ “คุณมาแล้วหรือ พอดีเลยครับ ผมจะแนะนำให้คุณได้รู้จักเสียหน่อย นี่คือถังจิ้งเหวินเป็นเพื่อนผมครับ คุณเรียกเธอว่าเหวินเหวินก็ได้”
พูดจบก็หันไปพูดกับถังจิ้งเหวินด้วยรอยยิ้มที่ดูสนิทสนม “นี่คือเฉียวซือมู่เพื่อนของผม เธออาศัยอยู่ที่นี่ คุณเรียกเธอว่ามู่มู่ก็ได้นะ อายุของพวกคุณพอๆ กันเลย น่าจะเข้ากันได้ง่าย”
พูดพลางมองไปที่พวกเธอทั้งสองคน เฉียวซือมู่เห็นท่าทางแบบนั้นของเขาแล้วก็ยิ่งเหมือนว่าเขากำลังพูดคุยกับแฟนสาวของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ใจที่มันฝ่อไปก่อนหน้านี้กลับมาโล่งอกอย่างเดิม
ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่กังวลเรื่องความรู้สึกที่ฉีหย่วนเหิงมีต่อตัวเธอ หัวใจของเธอยังไงก็อยู่ที่จิ้นหยวน หรือถึงแม้ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วแต่เธอก็ห้ามไม่ได้ที่จะคิดถึงเขาอยู่ดี รู้สึกกังวลมาโดยตลอดว่าจะพูดปฏิเสธอย่างไรที่จะไม่ทำให้เขาเสียใจ แต่พอเห็นตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องราวทุกอย่างมันก็ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนที่ตัวเองคิดเอาไว้แล้ว
นี่หมายถึงว่าเขาได้ตัดใจและหาแฟนแล้วไม่ใช่หรือ
พอคิดถึงตรงนี้ มุมปากมันก็ค่อยๆ ยกยิ้มอย่างรู้สึกยินดี จากนั้นก็หันไปก้มหัวให้กับถังจิ้งเหวิน “สวัสดีค่ะ พวกเราเจอกันอีกแล้วนะคะ”
“พวกคุณไปเจอกันตอนไหนครับเนี่ย” ฉีหย่วนเหิงดูตะลึงไป
รอยยิ้มของถังจิ้งหยวนดูแข็งไปเล็กน้อย “ก็ฉันเป็นนางแบบโฆษณานี่คะ มู่มู่อาจจะเคยเห็นฉันในนั้นก็ได้” เธอแสร้งยิ้ม พลางหันมาส่งสายตาให้เธอ
เฉียวซือมู่เองก็ตอบกลับไปอย่างไม่เดือดร้อน “นั่นสินะคะ ไม่ว่ายังไงก็รู้สึกคุ้นหูคุ้นตาเธออยู่ดี”
พอพูดออกไปแบบนั้นก็เห็นว่าถังจิ้งเหวินถอนหายใจโล่งอกออกมาอย่างชัดเจน
ในใจของเธออยากหัวเราะจริงๆ ที่จริงแล้วเธอไม่ค่อยให้ความสนใจกับพวกข่าววงการบันเทิงสักเท่าไหร่ และไม่ได้สนใจพวกนางแบบอะไรนั่นด้วย ที่เธอพูดแบบนั้นก็แค่อยากจะแกล้งให้หล่อนตกใจก็เท่านั้น
คงเป็นเพราะว่าอย่างไรตอนนี้ก็ได้รับความรักจากฉีหย่วนเหิงแล้วก็ไม่อยากจะให้เขารู้ถึงเรื่องแย่ๆของตัวเองในอดีตด้วย คำพูดที่ทำให้หล่อนรู้สึกรนลานนั่นก็ถือว่าเอาคืนเรื่องที่พูดจาก้าวร้าวใส่ก็แล้วกัน
แต่ทว่าทั้งสองคนไม่รู้เลย ว่านี่มันคือพื้นที่ของฉีหย่วนเหิง เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้เขารู้เขาเห็นหมดทุกอย่าง แต่แค่เขาไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง
คราวนี้ฉีหย่วนเหิงเองก็แกล้งโง่ พยักหน้าออกไป “เป็นแบบนี้นี่เอง ผมนึกว่าพวกคุณเคยเจอกันเสียอีก แถมยังพูดอะไรที่ดูบังเอิญกันอีก มู่มู่ เหวินเหวินต่างก็เป็นหญิงสาวที่ดี ถ้าพวกคุณอยู่ด้วยกันจะต้องคุยกันสนุกแน่ๆ”
ตอนที่ 573 ไม่อยากจะมอง
เฉียวซือมู่ค่อยๆ ยิ้มขึ้นมาแล้วมองไปที่ถังจิ้งเหวิน “นั่นสิคะ ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
หล่อนเป็นหญิงสาวที่ดีอย่างนั้นหรือ เฉียวซือมู่ไม่คิดแบบนั้นหรอก
ดูสีหน้าอารมณ์ของหล่อนในตอนนี้สิ กลัวว่าคงจะไม่ต่างกับเธอนักหรอก ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าจะผู้หญิงคนไหนก็คงไม่มีทางวางใจเมื่อได้เมื่อเห็นว่าในบ้านของผู้ชายตัวองมีหญิงสาวอายุน้อยหน้าตาสระสวยมาอาศัยอยู่ด้วย จะต้องมีความสงสัยในสาเหตุอยู่แล้วแน่ๆ
ฉีหย่วนเหิงเองก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ หลายครั้งที่เฉียวซือมู่พยายามไม่เป็นตัวขัดคอของพวกเขา จึงขอตัวออกมาก่อนเพื่อให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน แต่ฉีหย่วนเหิงก็ไม่ยอมให้ออกมา แถมยังใช้เหตุผลต่างๆนาๆมารั้งกันไว้
พอเธอได้เห็นสีหน้าที่เริ่มแข็งไปของถังจิ้นหย่วนในใจมันก็อยากจะหัวเราะจริงๆ และเริ่มที่จะสนใจว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป ไม่ว่าจะพูดกี่ครั้งก็พบว่าตัวเองไปไหนไม่ได้จริงๆ จึงนั่งลงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ทำเหมือนว่าดูหนังก็พอ
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะผิดหวังเสียแล้ว เพราะว่าตอนนี้เหมือนว่าฉีหย่วนเหิงกำลังสนใจถังจิ้นเหวินเป็นอย่างมาก เดี๋ยวถามนู่นถามนี่หล่อนอย่างสนใจ อีกครู่หนึ่งก็ถามว่าหล่อนอยากดื่มน้ำไหม อีกครู่ก็ถามว่าหล่อนหิวหรือเปล่า อีกนิดก็แทบจะถอดเสื้อที่ตัวเองใส่ออกมาคลุมให้หล่อนอยู่แล้ว เหลือก็แค่ยังไม่ได้นวดให้หล่อนเท่านั้นเอง
นี่มันชักทำให้เธอไม่อยากจะมองแล้วนะ
แต่ในขณะเดียวกันในใจมันก็อยากจะหัวเราะด้วย นี่ฉีหย่วนเหิงกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ
อยากอวดงั้นเหรอ
จริงแล้ว ถ้าหากว่าเป้าหมายของเขาคือแบบนั้นจริงๆ งั้นเขาก็ทำสำเร็จแล้วล่ะ
เธอมองไปที่ภาพทั้งหมดตรงหน้า มันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงจิ้นหยวนขึ้นมาอีก ในใจมันเหมือนถูกเงาดำเข้าแทรก
ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่นะ ทำงานอยู่ที่บริษัทเหรอ หรือว่ากำลังออกเดทกับผู้หญิงคนอื่นกันนะ เธอหายออกมานานขนาดนี้แล้วทำไปถึงไม่ออกตามหาเธอล่ะ หรือว่าเขาจะลืมเธอไปแล้วจริงๆ
ฉีหย่วนเหิงที่ถึงแม้จะกำลังนั่งอยู่กับถังจิ้งเหวินอย่างสนิทสนม แต่ปลายตาของเขาของเขากลับเหลือบมองไปที่ตัวเธอ พอเห็นว่าเธอเหม่อลอยดวงตาของเขาก็หลุบลง
หญิงสาวที่กำลังอินกับความรักก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้เช่นกัน พอเขาแบ่งความสนใจออกไปแบบนี้ เธอก็มองออกได้ทันที จึงมองไปตามสายตาที่ของเขาก็พบว่าเขากำลังมองไปที่เฉียวซือมู่ และหล่อนก็ไม่เข้าใจขึ้นมาทันที
ทีแรกหล่อนก็แค่แอบชอบฉีหย่วนเหิง แต่ก่อนนี้เขาเองก็ไม่เคยเหลียวมองหล่อนเลยด้วยซ้ำ และไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ๆวันนี้เจาถึงได้เข้าหาหล่อนเอง แถมยังพาหล่อนมาที่นี่อีก ในใจของหล่อนมันรู้สึกมีความสุขมาก ทำให้ลืมนึกถึงความไม่สมเหตุสมผลไป และตามฉีหย่วนเหิงกลับมา
จนกระทั่งตอนนี้ หล่อนก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ฉีหย่วนเหิงเป็นอะไรกันแน่ พอหล่อนมาแท้ๆ แต่กลับแอบมองผู้หญิงคนอื่นอย่างนั้นเหรอ
หล่อนรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก หันไปจ้องเฉียวซือมู่เขม็ง จากนั้นก็หันไปมองฉีหย่วนเหิงและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ฉันรู้สึกว่าตรงนี้มันหนาวจังเลยค่ะ พวกเรากลับไปที่ห้องดีไหมคะ”
ผู้หญิงที่ฉลาดไม่ควรที่จะหักหน้าเขาต่อหน้าคนอื่น และสิ่งที่หล่อนพูดก็ฟังดูนิ่มนวลไม่น้อย และหล่อนก็ไม่คิดว่าเขาจะปฏิเสธตัวเองด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้การคำนวณของหล่อนผิดพลาดก็คือ ฉันหย่วนเหิงก็แค่หันมามองหล่อนแวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าหนาวงั้นผมสั่งให้คนเปิดฮีตเตอร์แรงอีกหน่อยละกันนะครับ”
“แต่ว่า…” หล่อนไม่คิดเลยว่าฉีหย่วนเหิงจะไม่ยอมฟังสิ่งที่ตัวเองพูด ในใจมันเริ่มร้อนรนขึ้นมาแล้ว
ฉีหย่วนเหิงที่พอเห็นสีหน้าของหล่อนแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าหล่อนเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างจึงตบๆ ลงบนหลังมือของหล่อน “เดี๋ยวพอพวกเราทานมื้อค่ำเสร็จ ผมจะพาคุณออกไปเที่ยว”
“จริงหรือคะ” ตาของหล่อนประกายขึ้นมาทันที
ได้ยินมาว่าตระกูลฉีมีธุรกิจห้างสรรพสินค้ามากมาย และข้างในนั้นก็มีแต่เสื้อผ้าเครื่องประดับแบรนด์เนม ถึงแม้ว่าบ้านหล่อนจะร่ำรวยเหมือนกัน แต่หล่อนก็ถูกอบรมเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด น้อยครั้งที่จะซื้อของมีค่าให้ ตอนนี้พอได้ยินแบบนั้น ใจของเธอมันก็เต้นขึ้นอย่างบ้าคลั่ง