ตอนที่ 232 ถูกบีบจนถึงขั้นหายใจไม่ออก

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยังดีที่ประเด็นหลักที่ผู้คนกำลังสนใจนั้นไม่ได้อยู่ที่ว่าฮ่องเต้กำลังทรงเลี้ยงหมู 

 

 

แต่ว่าเป็นเรื่องศพคืนชีพและองค์หญิงแคว้นเหยียนที่ถูกส่งเข้าตำหนักเย็นไปต่างหาก 

 

 

แคว้นต้าโจวของพวกเขาไปเกี่ยวพันอะไรกับพวกศพคืนชีพ? 

 

 

ก่อนหน้านี้ไม่นานพึ่งจะมีคดีเรื่องที่เสียนไท่เฟยก็คือศพคืนชีพไปคดีหนึ่ง ต้องนี้ก็มีเฒ่าศพคืนชีพผู้นี้โผล่ขึ้นมาอีก? 

 

 

ยังไงกันเนี่ย คงจะไม่ใช่ว่ายังจะมีศพคืนชีพอื่นๆ ที่กำลังจับจ้องแคว้นต้าโจวของพวกเขาตาเป็นมันหรอกนะ? 

 

 

ในตำหนักชางอู๋ อันหร่วนถึงกับนั่งไม่ติดแล้ว 

 

 

นางยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง แค่เพียงครู่เดียวก็มีนกสีดำตัวหนึ่งบินเข้ามาจากด้านนอก 

 

 

นกสีดำตัวนั้นเกาะลงบนไม้เท้าของนาง ดวงตาทั้งคู่ของมันเปี่ยมไปด้วยไอสีดำ มันกระพือปีกเอ่ยกับอันหร่วนว่า “อันตราย อันตราย” 

 

 

ใจของอันหร่วนถึงกับกระตุก นางส่งเจ้านกตัวนี้ไปแอบจับตาดูเฒ่าศพคืนชีพเฮยโยว ด้วยเกรงว่าจีเฉวียนจะเล่นลูกไม้อะไรขึ้นมา บีบบังคับให้เฒ่าศพคืนชีพนั่นแฉนางออกมา 

 

 

นกดำส่งเสียงบอกว่ามีอันตราย ก็ชัดเจนแล้วว่าทางด้านเฮยโยวนั้นไม่สู้ดี 

 

 

นางไม่อาจนั่งรอความตายอยู่เช่นนี้! 

 

 

ฮ่องเต้ทรงเกิดความสงสัยในตัวนางแล้ว ตอนนี้สิ่งที่บ่งชี้ถึงตัวนางก็ยังอยู่ในมือของเฒ่าศพคืนชีพนั่น สถานการณ์ของนางนับว่าอันตรายอย่างยิ่ง 

 

 

อันหร่วนกำไม้เท้าจนแนบแน่น ในแววตาปรากฎไอสังหาร 

 

 

ในยามนั้นเอง ที่ด้านนอกหน้าต่างของนางก็ปรากฎหมอกสีดำขึ้น เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นเงาสีดำเคลื่อนเข้ามาใกล้ 

 

 

ไอสีดำที่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนกลายเป็นร่างของคนผู้หนึ่ง 

 

 

“ท่านประมุขมีคำสั่ง เรื่องหยกของแคว้นเซอปี่ซือ เจ้าจะต้องลอบให้ความช่วยเหลือองค์ชายน้อย ให้ได้รับสมบัติเทพของแคว้นเซอปี่ซือ” เงาดำนั้นกล่าวกับนาง 

 

 

“ส่วนเรื่องของหมากที่ไร้ประโยชน์อย่างเฮยโยวนั้น ท่านประมุขจะช่วยกำจัดแทนเจ้าเอง ไม่ให้เจ้าต้องมีห่วงกังวล” 

 

 

อันหร่วนได้ยินแล้วก็สบายใจขึ้นมาก นางวางไม้เท้าลง ไขว้สองมือบนทรวงอก คำนับลงไปครั้งหนึ่ง “อันหร่วนขอบคุณท่านประมุขที่เมตตา” 

 

 

ขอเพียงเฒ่าศพคืนชีพผู้นั้นตายไป ความวิตกของนางก็จะสลายไปดุจหมอกควัน 

 

 

“แต่หากว่าครั้งนี้ล้มเหลว เจ้าก็จะกลายเป็นหมากที่ถูกละทิ้งตัวหนึ่ง ท่านประมุขทั้งช่วยชีวิตเจ้าไว้และมีเมตตาต่อเจ้าเป็นพิเศษ หากเจ้าล้มเหลว จุดจบย่อมไม่มีทางเหนือไปกว่าเฮยโยวอย่างแน่นอน” 

 

 

หัวใจของอันหร่วนกระตุกวาบ นางรู้สึกเย็นวาบตลอดร่าง 

 

 

หากว่านางพลาดอีกครั้ง เกรงว่าแม้แต่ความตายสำหรับนางแล้วยังนับว่าเป็นความเมตตาเสียด้วยซ้ำ 

 

 

ที่จริงแล้ว….ด้วยฝีมือของท่านประมุข ย่อมสามารถช่วยเหลือเฮยโยวได้ 

 

 

แต่ในอาณาจักรของท่านประมุข ท่านย่อมไม่มีทางให้ความช่วยเหลือแก่หมากที่ล้มเหลวอย่างแน่นอน 

 

 

เมื่อล้มเหลว ก็คือไร้ประโยชน์ แม้แต่จะเป็นตัวหมากให้ท่านก็ยังไม่คู่ควร 

 

 

“เจ้าค่ะ อันหร่วนจะต้องพยายามอย่างที่สุดเพื่อแบ่งเบาภาระของท่านประมุขให้จงได้” อันหร่วนโค้งตัวลงไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย 

 

 

จากนั้นเงาร่างสีดำก็กลายเป็นไอหมอกสีดำและสลายตัวไปในที่สุด 

 

 

อันหร่วนยังคงตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง นางกดลงไปบนหัวใจตนเอง คล้ายดั่งหายใจไม่ออก 

 

 

…………………… 

 

 

 

 

 

เพียงไม่กี่วัน องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหยียนก็เสด็จมา 

 

 

องค์รัชทายาทเหยียนหยุน อายุยี่สิบห้าชันษา เป็นพระเชษฐาต่างพระมารดากับเหยียนเฉียวหลัว 

 

 

ยามที่รัชทายาทเสด็จมานั้น เอิกเกริกไม่น้อย 

 

 

ฟังว่า**บเครื่องเพชรเครื่องทอง ทั้งผ้าไหมแพรพรรณก็ถูกขนมามากมายหลาย**บ 

 

 

ยามที่เสด็จผ่านถนนในเมืองหลวงก็ทำเอาสายตาของผู้คนวาววับด้วยความอิจฉา 

 

 

องค์รัชทายาทประทับมาในราชรถเทียมม้าหกตัวที่หรูหรา นำขบวนผู้คนเข้าวังไปอย่างสง่างาม 

 

 

ครั้งนี้ฮ่องเต้ทรงให้การต้อนรับที่พระตำหนักจิ่นซิ่วกง 

 

 

“ฝ่าบาทพะยะค่ะ กระหม่อมได้เปิดหูเปิดตาแล้ว” องค์รัชทายาทเหยียนหยุนถวายคำนับต่อพระองค์ พลางตอบว่า “ขอฝ่าบาททรงเห็นแก่ที่ความสัมพันธ์แต่เยาว์วัยกับน้องสาวของกระหม่อม คืนตัวนางมาเถอะพะยะค่ะ” 

 

 

จีเฉวียนที่ประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง แย้มสรวลบางๆ “ได้ ส่งมอบเหยียนตงคืนมาเมื่อใด เราจะปล่อยคนไปทันที” 

 

 

“ฝ่าบาท” สีพระพักตร์เหยียนหยุนหม่นลง “เฉียวหลัวเป็นคนเช่นไร ท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว นับตั้งแต่สิบกว่าขวบนางก็หลงรักท่าน ตอนนั้นถึงขนาดไม่ใส่ใจฐานะตัวประกันของท่าน จะรับท่านเป็นราชบุตรเขย” 

 

 

“ครั้งนี้นางขโมยแผนที่ขุมทรัพย์ของพระบิดามามอบให้ท่าน ยังไม่ใช่เพราะในใจครุ่นคิดถึงแต่ท่านหรอกหรือ ท่านกลับพลิกเป็นฝ่ายกักขังนางเอาไว้ ในพระทัยของฝ่าบาทมีความละอายบ้างหรือไม่?” 

 

 

เหยียนหยุนยกคำพูดออกมายืดยาว แต่จีเฉวียนคร้านจะเอ่ยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นกับเขา 

 

 

วันนี้พระองค์ทรงเรียกตัวตู๋กูเจวี๋ยเขาวังมาเป็นพิเศษ 

 

 

ทันใดนั้น ไม่รอให้จีเฉวียนทรงตรัสอะไร ขุนนางอวี้สื่อ [1] แห่งเมืองหลวงตู๋กูเจวี๋ยก็เอ่ยปากขึ้นมา “องค์รัชทายาทแคว้นเหยียน พระองค์ตรัสเช่นนี้ไม่ถูกแล้ว” 

 

 

“ประการแรก: องค์หญิงแคว้นท่านหลงรักฮ่องเต้ของแคว้นเรา ก็เป็นเรื่องของนาง ฮ่องเต้แคว้นเราเคยไปขอให้นางมารักหรือเปล่า? ตัวเองมาติดพันผู้อื่น ฝ่าบาทมิได้ทรงตอบรับ พวกท่านก็เลยถือว่านางเป็นผู้เสียหายกระนั้นหรือ?” 

 

 

“ประการที่สอง: ฝ่าบาทของพวกเราเคยเป็นองค์ประกันแล้วจะอย่างไร? เนื่องเพราะฝ่าบาททรงเป็นพระราชโอรสสายตรงองค์ใหญ่ที่สูงส่ง อดีตฮ่องเต้ทรงเห็นแก่ความสัมพันธ์ของทั้งสองแคว้น จึงได้ส่งพระราชโอรสองค์ใหญ่ไปพำนักที่แคว้นเหยียนของพวกท่านเป็นช่วงสั้นๆ เพียงสิบปี พระราชโอรสองค์ใหญ่ทรงเป็นดวงพระทัยของอดีตฮ่องเต้ องค์หญิงแคว้นท่านมีคุณสมบัติอะไรจะมารับพระองค์ไปเป็นราชบุตรเขยกัน?” 

 

 

“ประการที่สาม: องค์หญิงแคว้นท่านมายังต้าโจวของพวกเรา ฝ่าบาทและผู้คนในเมืองหลวงล้วนปฎิบัติต่อนางด้วยมารยาทอันดี แต่ดูนางสิ ก่อเรื่องเหลวไหลเลอะเทอะอะไรกัน? ไม่รู้ว่านางไปหาตัวประหลาดมาจากไหน ร่วมมือกันมากล่าวหาว่าไทเฮาของต้าโจวเราไปขโมยแผนที่สมบัติของนาง?” 

 

 

“นี่ช่างน่าขันแทบตายแล้ว รู้หรือไม่ว่าในชีวิตนี้ไทเฮาของพวกเราไม่เคยสนพระทัยในสิ่งใดที่สุด? นั่นก็คือเงินทอง! จะบอกให้ท่านฟังนะ ไทเฮานับตั้งแต่เยาว์วัยก็ทรงเกิดและเติบโตมาบนกองเงินกองทองอยู่แล้ว ทรงพบเห็นแก้วแหวนอัญมณีมามากมายนับไม่ถ้วน ต่อให้ท่านยกภูเขาเงินภูเขาทองมากองอยู่ตรงหน้าของนาง นางก็คงไม่สนใจสักเท่าไหร่หรอก แล้วไหนเลยจะไปแย่งชิงเอาแผนที่ขุมทรัพย์ที่มีเพียงแค่ครึ่งแผ่นกัน?” 

 

 

“ยังไม่ต้องพูดว่าแผนที่นั่นเป็นของจริงหรือว่าของปลอม ต่อให้เป็นของจริง ก็มีแค่เพียงครึ่งใบ หรือต่อให้มีครบทั้งแผ่น ก็ยังต้องให้ไทเฮาทรงทุ่มเทพระทัยไปตามหา หนทางนี้จะยาวไกลเพียงไรพวกเราก็ไม่รู้ ต่อให้สามารถเดินทางไปตามหาได้อย่างสะดวก ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีอันตรายมากมายเพียงไรรอนางอยู่ นางเป็นเพียงสาวน้อยที่ไม่อาจสู้รบตบมือ ไหนเลยจะต้องไปเป็นขโมยเพื่อสมบัติที่ไม่อาจจับต้องได้เหล่านี้?” 

 

 

“องค์หญิงแคว้นท่านสมองมีปัญหาหรือไม่ คิดจะใส่ร้ายใครก็ไม่ไปหาคนที่เหมาะสมสักหน่อยมาใส่ร้าย กลับเลือกองค์ไทเฮา? วังหลังมีพระสนมมากมาย หากว่านางเลือกซูหวงกุ้ยเฟย หยวนเฟย คิดว่าผลลัพธ์ที่ได้ออกมาคงจะดีกว่าเลือกไทเฮามากมายนัก” 

 

 

“หากว่าข้าเป็นนางล่ะก็ รับรองว่าจะต้องไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้อย่างเด็ดขาด” 

 

 

รัชทายาทแคว้นเหยียน “…..” ไยต้าโจวถึงได้มีคนที่ปากมากปากกรรไกรเช่นนี้? 

 

 

พอพระองค์จะเอ่ยตรัส ตู๋กูเจวี๋ยก็ชิงกล่าวตัดหน้า “น้องสาวของท่านทำเรื่องที่ทั้งชั่วร้ายและโง่เขลาออกมา ท่านยังจะกล้ามาต่อรองขอให้เห็นแก่ความสัมพันธ์จากฝ่าบาทของพวกเราอีกหรือ? เพราะฝ่าบาททรงเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนจึงได้ละเว้นชีวิตของนางแล้วให้พวกท่านเอาดินแดนสามเหลี่ยนเหยียนตงมาแลกกับองค์หญิงที่เป็นดวงตาดวงใจของฮ่องเต้ต้าเหยียน มันขาดทุนหรืออย่างไร?” 

 

 

“ดินแดนไม่มีแล้ว พวกท่านยังสามารถขยับขยายไปทางตะวันตกได้ แต่หากองค์หญิงไม่มีแล้ว เช่นนั้นสิคือไม่มีจริงๆ พระบิดาของท่านพระชนม์มายุมากแล้ว คิดว่าคงไม่สามารถมีน้องสาวให้ท่านได้อีกแล้วกระมั้ง? องค์หญิงผู้นี้ถือเป็นต้นกล้ารุ่นสุดท้าย พวกท่านสมควรรักษาเอาไว้ให้ดี” 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

คุยกันนิดนึง 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ย: จุดพลุให้พี่รองกันเถอะ มีความสะใจ แปลอย่างลื่นไหลมากๆ ไรท์เป็นเหยียนหยุนนี่คือ เอาปี๊บคลุมหัวไม่พอนะ ต้องมุดพรมในตำหนักลงดินไปแล้ว 

 

 

[1] 御史 ตุลาการสูงสุด/ผู้ตรวจการ