บทที่ 469 สาบาน (1)
กร๊อบ
โทจิ บีบแขนของเขาทำให้รอบๆตัว เฟนรีล เกิดแผ่นดินไหวและบดขยี้หลังของเฟนรีลจากนั้นโทจิก็โยนเฟนรีลทิ้งไป เฟนรีล กลิ้งไปจนกระทั่งเขากระแทกกำแพงอาคาร
“…ฉันแข็งแกร่งขึ้น”
โทจิยิ้มอย่างพึ่งพอใจ เขามุ่งความสนใจกลับไปสู่เป้าหมายดั้งเดิมของเขาการทำลายล้างของราชวงศ์
โกรกกกกกกก
แต่เสียงคำรามของสัตว์ต่างก็หยุดเขา โทจิหันกลับมาอย่างช้าๆ
คราวนี้เสือขนาดเท่าบ้านกำลังขวางทางของเขา
“นี่มันสวนสัตว์หรือไง…?”
ทันใดนั้นโทจิก็ตระหนักว่าเขาถูกล้อม เสือไม่ใช่สัตว์ขนาดใหญ่เพียง
ตัวเดียวที่เหลืออยู่ มีนกและม้าแปลกๆ ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าด้านบนและเขารู้สึกแปลกประหลาดอยู่ใต้ดิน แม้จะมีความรู้สึกที่น่าเบื่อในใจแต่โทจิก็รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีนัก
…ซ่าาาาาาาาา
เฟนรีลยืนขึ้นอีกครั้ง แม้ว่ากระดูกของมันจะถูกบดขยี้และอวัยวะจะถูกทำลาย แต่ความสามารถของมันทำให้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดของมันได้อย่างรวดเร็ว
“…อะไรกัน.”
ความสับสนของโทจิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โบ๊ววววววววว…
ทันใดนั้นพลังเวทมนต์ก็ระเบิดขึ้นมาในอากาศอย่างไม่ทราบสาเหตุ
พลังเวทมนต์เป็นสื่อกลางในการเรียกสัตว์ลึกลับมาสู่อังกฤษ
“เต่า.”
โทจิพูดพึมพำในขณะที่เขาเห็นสัตว์ร้ายที่ถูกอัญเชิญออกมา เต่าสีดำที่เป็นผู้พิทักษ์ของทิศทั้ง 4 ปรากฏตัวเองอีกครั้ง ยืนอยู่ด้านหลังของมัน
ผู้อัญเชิญมันมาก็คือ จอมเวทระดับ 8 ดาว ชื่อ อาแฮอิน
อาแฮอิน มองดู โทจิ จากบนกระดองเต่า
“แกเป็นคนใหม่ใช่มั้ย” อาฮะอินพูด
โทจิมองข้ามไปมาระหว่างเต่ากับเด็กที่ยืนอยู่เหนือมัน เขาค่อยๆคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เขาต้องเจอ สัตว์ร้ายที่อยู่รอบตัวเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
โฮกกกกกกกก!
โบ๊วววววววว!
เสือและหมาป่าพุ่งเข้าหาโทจิและหยุดแขนขาของเขาเอาไว้ นกยิงพลังเวทมนต์ใส่เขาจากบนท้องฟ้า
“…ฮิฮิ.”
อย่างไรก็ตามโทจิไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย เขาเปลี่ยนร่างของเขาเป็นทรายทำให้ลดความเสียหายจากการโจมตีลงอย่างสิ้นเชิง
“ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความเจ็บปวด…งั้นเหรอ?”
แต่ในไม่ช้าโทจิก็ตระหนักว่าพลังเวทย์ของเขากำลังถูกดูดซับ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่เงยหน้าขึ้นเพื่อค้นหาสิ่งที่ดูดพลังเวทย์มนตร์ของเขาออกไป ผีตัวเมีย 6 ตัวที่ลอยอยู่รอบๆเต่าคะนองและกำลังดูดซับพลังเวทย์ของโทจิ
อาแฮอินยิ้มกว้าง
“สำเร็จ การดูดซับพลังเวทมนต์เป็นพลังพิเศษของพวกเขา”
“…ไม่ให้ทำได้หรอก!”
โทจิ เหวี่ยงแขนของเขา แขนของเขากลายเป็นแส้พุ่งไปหาพวกวิญญาณทันที
เต่าคะนองสร้างบาเรียอย่างรวดเร็ว ในบรรดาผู้พิทักษ์ทั้ง 4 เต่าคะนองมีความเชี่ยวชาญในการป้องกันที่สุด
ตู้มมมม!
การโจมตีของโทจิไม่สามารถเจาะ [กระดอง] ของ เต่าคะนองได้เลย
อันที่จริงแล้ว อาแฮอิน ไม่เห็นกระดองเต่าถูกทำลายมาก่อน
ตู้มมมม! ตู้มมมม!
ถึงอย่างนั้นโทจิก็ยังคงโจมตีต่อไป มันส้รางความประหลาดใจให้กับ
อาแฮอิน รอยแตกเริ่มปรากฏบนกระดองเต่าคะนอง
“…หืม เจ้านี้น่าทึ่งมาก”
แต่ อาแฮอิน ยังไม่รู้สึกว่าถูกคุกคาม แม้เธอจะยอมรับความแข็งแกร่งและความดื้อรั้นของโทจิ แต่เธอก็รู้ว่าพลังเวทมนต์ของเขาถูกดูดออกไปมากแล้วขณะนี้
ตู้มมมม! ตู้มมมม! ตู้มมมม!
เมื่อโทจิโจมตีเต่าคะนองอย่างไม่หยุดหย่อนเขารู้สึกว่าเขาง่วงนอน สัญชาตญาณของเขาบอกให้เขาหนีและการที่เขาจะหนีนั้นเป็นเรื่องง่าย มาก เขาเพียงแค่ทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นทรายและกระจายกันออกไป
อย่างไรก็ตามกรงแห่งพลังเวทมนต์ก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา กับดักนี้ทำให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้
“…อะไรกัน?”
โทจิ ตกใจ แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้เท่าไร แต่นี่ไม่ใช่พลังเวทมนต์คาถา แต่เป็นการ ‘เปลี่ยนแปลง’ ความเป็นจริง
ตู้มมมม!
โทจิทุบกำปั้นใส่กรง แต่กรงไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
“นี่มันอะไรกัน?”
ตู้มมมม! ตู้มมมม!
กรงไม่ขยับเขยื่อนไม่ว่าจะโดนโจมตีกี่ครั้งก็ตาม แต่น่าแปลกที่การโจมตีจากนอกกรงสามารถเข้ามาได้ วิญญาณสาวยังคงดูดพลังเวทย์ของเขาต่อไป
ตู้มมมม! ตู้มมมม! ตู้มมมม!
“อย่าทำอะไรงี่เง่านักเลย”
เมื่อโทจิเริ่มทุบอย่างบ้าคลั่งเสียงแหลมๆก็ดังขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ แน่นอนเธอคือ จินซาฮยอค
“… ?”
โทจิหยุดและจ้องมองที่ผู้หญิงคนนั้น
“แกหนีไม่พ้นหรอก”
จินซาฮยอค กล่าว กรงสีน้ำเงินถูกสร้างขึ้นโดยใช้พลังเปลี่ยนแปลงความจริงที่ชื่อว่า การจัดการความจริงของเธอ เนื่องจากภายในกรงถูกแยกออกจากความเป็นจริง ความตายจึงเป็นสิ่งเดียวที่รอโทจิอยู่
“…จริงๆเหรอ? …หาวววววววววววววววว”
โทจิกลับหาวอย่างใจเย็น อาจเป็นเพราะพลังเวทมนต์ของเขาถูกดูดซึมทำให้เขาง่วงนอน เมื่อเขาหลับนั่นหมายถึงจุดจบของเขา โทจิเริ่มหลับในจนกระทั่งในที่สุดเขาก็หลับลงไป
“…เขากำลังหลับอยู่?”
จินซาฮยอค บ่นอย่างตะลึงงัน
“ว้าว…เธอแข็งแกร่งมากเลย อัศวินชินจาฮยอค”
เรเชลปรากฏตัวและชมเชยจินซาฮยอค
“ก็…แค่เรื่องง่ายๆ”
จินซาฮยอค ได้มาเยี่ยมเรเชลเพื่อขอลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการอัศวินแห่งราชวงศ์ในหอคอย ตอนนั้นเองที่โทจิโจมตีดังนั้นเธอจึงเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อบรรเทาความเบื่อหน่ายของเธอ
“ฉันเพิ่งจะผ่านการรู้แจ้งน่ะ”
หลังจากเรื่องในอดีต จินซาฮยอค ก็สามารถใช้ การจัดการความจริง
ของเธอ ได้ง่ายขึ้น
อาแฮอิน มาหา จินซาฮยอค จากบน เต่าคะนอง
“ถ้างั้น ชินจาฮยอค เธอวางแผนรับมือกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นยังไง”
“ฮะ? เธอหมายถึงอะไร ให้ฉันฆ่าเขาใช่ไหม?”
อาแฮอิน และ จินซาฮยอค เคยทำงานร่วมกันมาก่อนใน Crevon
พวกเธอสนิทกันมาก อาแฮอิน ส่ายหัวของเธอ
“ไม่ เขาอาจจะไม่ตาย”
“…เธอหมายถึงอะไร”
จินซาฮยอค เงยศีรษะของเธอแล้วพุ่งหอกไปยังจุดหมายที่กำลังหลับ
อย่างไรก็ตามหอกของเธอไม่สามารถทำลายร่างของโทจิที่ม้วนงอได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย
“บ้าน่า?”
จินซาฮยอค ขมวดคิ้ว อาแฮอิน ไขว้แขนเธอและพึมพำอย่างจริงจัง
“เต่าคะนองมีความสามารถในการประเมินความแข็งแกร่ง…”
จากเต่าคะนองความแข็งแก่รงของร่างกาย โทจิคือ 9.9 จาก 10
“…พวกเราสามารถจับเขาได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขา”
9.9 เป็นค่าที่ ‘มีอยู่จริง’ และมันไม่สามารถทำลายได้
“ดูเหมือนว่าออร์เดนจะสร้างสัตว์ประหลาดที่ไร้สาระขึ้นมาแล้วสินะ”
*************************************************************************
[อินเดีย เทือกเขาหิมาลัย]
ผมมาถึงเชิงเขาหิมาลัยเพื่อพบกับสมาชิกของ 9 ดารา, เฮย์เนค
การเดินทางครั้งนี้ไม่เหนื่อยมากเพราะผมมาที่นี่ด้วยการ เทเลพอร์ท
“.. อืม.”
ผมจ้องมองไปที่โรงแรมของ เฮย์เนค มันแขวนอยู่บนหน้าผาและ
ดูเหมือนว่ามันจะตกลงมาเพียงแค่สายลมพัดผ่าน ผมมองไปที่ป้ายที่อ่านว่า ‘หิมาลัยเดย์เบรค’ จากนั้นก็รวบรวมความกล้าที่จะเปิดประตู
เอี๊ยดดดดดดดดดด
เสียงดังลั่นและคนที่อยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์ที่กำลังฟังวิทยุก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ผมยาวสีขาวผูกติดกับใบหน้าที่หล่อเหล่าพร้อมแผลเป็นรอบดวงตาซ้ายของเขา อย่างเดียวกับที่ผมอธิบายเขาในนิยายของผมคำว่า ‘ตรงไปตรงมา’ เหมาะกับ เฮย์เนค
“เป็นแกงั้นเหรอ?”
เฮย์เนค พูดก่อนที่ผมจะเข้าไปในโรงแรม เนื่องจากมันไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดว่าจะได้ยินจากเขาผมจึงต้องหยุดลงและคิดว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เมื่อเห็นว่าผมสับสนเฮย์คก็ขมวดคิ้ว
“แกเป็นคนที่ฆ่าพี่ชายของศิษย์รักแสนล้ำค่าของฉันสินะ”
“…ศิษย์รักแสนล้ำค่า?”
ตอนแรกผมรู้สึกตะลึงงัน ถ้า ศิษย์รักเขาเป็น แชนายอน มันก็เข้าใจได้แต่ เฮย์เนค จริงๆแล้วไม่เกี่ยวข้องกับ แชนายอน ในนิยายดั้งเดิม และเขาก็ไม่ควรใช้เวลากับเธอในโลกนี้มากนัก
“แกจะยืนอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน? เข้ามาได้แล้วไอ้กระจอก”
“… กระจอก?”
หากมีสิ่งใดที่ดูเหมือน แชนายอน ก็คงเป็นวิธีพูดของเขา
“อะไรกันแกไม่อยากเข้ามาหรือไง”
“…ไม่ๆ.”
ผมเดินเข้าไปในโรงแรม เมื่อพิจารณาถึงตอนนี้แล้วมันชัดเจนว่า
เฮย์เนค จดจำผมได้ ในฐานะที่เขามีฉายาว่า ‘จ้าวแห่งเหล็กไหล’
เครื่องมือของ เฮย์เนค ต่างก็มีสติปัญญาเมื่อต่อสู้กับมนุษย์และพวกมันก็แบ่งปัน ‘จิตใจ’ กับเขาด้วยเช่นกัน
————————-2———————-