ตอนที่ 576 เธอเป็นเด็กสาวที่ดี
ฉีหย่วนเหิงชี้ไปที่ประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ตอนที่ผมขึ้นมาก็เห็นว่าประตูห้องของคุณมันปิดไม่สนิท พอเคาะดูก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ผมก็เลยเข้ามาครับ“
เธอพยักหน้า ความคิดวู่วามที่มันเกิดขึ้นในใจก็เริ่มสงบลงเพราะการปรากฏตัวของเค้า พอกำลังจะพูดอะไร ฉีหย่วนเหิงก็พูดขึ้นมาก่อน “ดูข่าวของเค้าอีกแล้วหรือครับ”
เธอมองไปตามสายตาของเขา และเห็นว่าเค้ากำลังจ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธออยู่ จึงตอบกลับไปยังรู้สึกผิด “ค่ะ”
สำหรับเรื่องนี้แล้วเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี ไอ้คำเตือนก่อนหน้านี้เหมือนว่าจะกลายเป็นแค่เรื่องตลก เมื่อสักครู่เธอยังคิดอยู่เลยว่าอยากจะกลับไปหาจิ้นหยวน แต่พอนึกถึงสิ่งที่ตัวเองได้เคยพูดไว้กับฉีหย่วนเหิงเอาไว้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอาย
เธอนิ่งรออยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าเขาน่าจะพูดอะไรออกมา อย่างเช่นว่าพูดแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่กลับไปอีกแล้วทำไมตอนนี้ยังเอาแต่คิดถึงเขาอะไรแบบนั้น แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่ได้ยินเสียงของเขาเลย จึงช้อนตาขึ้นมองอย่างแปลกใจ ก็พบว่าดวงตาลุ่มลึกคู่นั้นของเค้ากำลังจ้องมองมาที่เธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ
เธอชะงักไปเล็กน้อย แล้วถามออกไป “คุณมองฉันทำไมหรือคะ” พลางยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง ในใจก็คิดว่าหรือว่าใบหน้าของเธอมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า
ฉีหย่วนเหิงยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “เปล่าครับ ผมแค่คิดว่า ก่อนหน้านี้นึกว่าคุณจะลืมเขาไปแล้วเสียอีก แต่ว่าดูตอนนี้แล้วคงยังไม่ลืมสินะครับ”
เธอก้มหน้าลงอย่างอับอายและรู้สึกผิด “ไม่หรอกค่ะ ฉันต้องลืมได้แน่นอน แต่แค่ต้องให้เวลาฉันหน่อย”
เค้าพยักหน้า “ครับ เวลามันผ่านไปได้ไม่นานเท่าไหร่เอง ในระยะเวลาแค่นี้คุณไม่มีทางที่จะลืมเขาได้จริงๆหรอก แต่ว่าคุณต้องจำเอาไว้นะ ว่าตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ดังนั้นอย่าไปคิดอะไรมาก แบบนั้นมันจะไม่ดีต่อเด็กนะครับ”
พูดจบก็ลุกขึ้น “ขอโทษด้วยที่มารบกวนคุณ ผมขอตัวเลยแล้วกัน”
พอเห็นแบบนั้นเธอจึงถามขึ้น “ถังจิ้งเหวินเธอน่ะ…”
เขาหันกลับไป ดวงตาไหววูบไปชั่วขณะหนึ่ง “เธอทำไมหรือครับ”
เธอลังเลไปเล็กน้อย “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าถึงแม้ว่านิสัยของเธอจะดูมั่นใจในตัวเองไปนิด แต่ว่าจริงๆ แล้วเธอก็เป็นเด็กดีนะคะ คุณจะต้องดีกับเธอให้มากๆ”
พอพูดจบก็เห็นว่าจู่ๆ ดวงตาสีเข้มของเขาก็มองมาที่เธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าให้ “ครับ ผมรู้เธอเป็นเด็กดี ดีกว่าผู้หญิงหลายหลายคนเลยด้วย”
พูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกไปทันที จังหวะการก้าวเดินนั้นทั้งเร็วและรีบ ตอนที่ปิดประตูก็ดูจะลงแรงไม่น้อย เสียงมันดังจนทำให้รู้สึกตกใจ
เธอขมวดคิ้วแล้วลูบท้องตัวเอง ช่างมุทะลุจริงๆเลย
แต่ว่าเธอก็ไม่ได้เก็บเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้มาใส่ใจ ถ้าหากว่าฉีหย่วนเหิงมีแฟนจริงๆ อย่างนั้นเธอก็สามารถวางหินหนักๆ ที่อยู่ในใจลงได้เสียที อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะกลายเป็นภาระของเค้า
เรื่องที่ทำให้รู้สึกทุกข์ใจในตอนนี้ก็มีแต่เรื่องของจิ้นหยวน
เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่ไม่มีทางแก้ได้เลย เธอได้แต่ลืมตาและมองดูจิ้นหยวนและเจียงจื่อเสียนอยู่ด้วยกัน และเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ความรู้สึกพวกนี้มันช่างทรมาน เธอรู้สึกเป็นทุกข์จนนอนไม่หลับ เกือบทั้งคืน พอตื่นมารุ่งเช้าของอีกวันก็ลุกขึ้นมาสองกระจก ก็พบว่าที่ใต้ตาของตัวเองนั้นมันเริ่มมีรอยคล้ำขึ้นมา
และตัวเธอก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะดูแลจัดการกับตัวเอง แม้แต่จะออกจากห้องก็ไม่อยาก ถ้าหากว่าไม่มีคนรับใช้ขึ้นมาเรียกให้เธอลงไปทานข้าว เธอก็คงไม่มีทางออกมาจากห้องตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น
แต่ทว่าในความคิดของเธอกลับเห็นแต่จิ้นหยวนเดินเข้าเดินออกโรงพยาบาลทุกวัน ราวกับว่ากังวลและเป็นห่วงอาการของเจียงจื่อเสียนเป็นอย่างมาก จนกระทั่งมันทำให้จิตใจของเธอเซื่องซึมลงเรื่อยๆ แถมฉีหย่วนเหิงเหมือนกับว่าไม่ทันได้สังเกตเห็นในจุดๆนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ทุกวันเอาแต่ออกไปข้างนอกกับถังจิ้งเหวิน ทุกวันสีหน้าห้องเค้านั้นดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าคงไม่มีทางสังเกตเห็นท่าทางอารมณ์ของเธอที่มันนิ่งเงียบลงทุกวัน
จนกระทั่งมีวันหนึ่ง ที่สุดท้ายเธอก็เป็นลมล้มลงอยู่ในห้อง โชคดีที่สาวรับใช้เข้ามาเห็นทันเวลา ฉีหย่วนเหิงถึงได้รู้เรื่องที่ร่างกายของเธอมันอ่อนแอลงทุกที
ตอนที่ 577 วันหลังคุณไม่ต้องมาที่นี่อีก
เขาระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างโมโห ระเบิดอารมณ์ใส่ลูกน้องเสียยกใหญ่ “เธอไม่สบายแบบนี้ทำไมถึงไม่มีใครบอกฉัน ทำไม พวกแกอยากจะตายกันนักใช่ไหม”
เหล่าลูกน้องต่างก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
มันก็เป็นเพราะพวกเขาเห็นว่าฉีหย่วนเหิงและถังจิ้งเหวินนั้นดูสนิทสนมและกำลังสนุกกันมาก แต่ละคนต่างก็เข้าใจว่าคุณเฉียวคงไม่ได้เป็นที่หลงใหลเหมือนเดิมแล้ว จึงพากันละเลยและใส่ใจน้อยลง ไม่คิดเลยว่าพอเจ้านายรู้เรื่องนี้แล้วจะโกรธได้ถึงขนาดนี้ หรือว่าเขายังชอบคุณเฉียวอยู่อีกนะ
ไม่ว่าพวกเขาจะหวาดกลัวขนาดไหน แต่จะเป็นหรือจะตายก็ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
ฉีหย่วนเหิงหรี่ตาลงอย่างอันตราย “ดูเหมือนพวกแกอยากจะตายจริงๆ สินะ”
ทุกคนพากันตัวสั่น หัวที่ก้มอยู่แล้วก็ก้มลงมากกว่าเดิม
บรรยากาศภายในห้องมันจริงจังเสียจนเหมือนกำลังจะซ้อมรบ ตอนนี่ฉีหย่วนเหิงกำลังรู้สึกโกรธจนถึงขีดสุด กวาดสายตามองกำลังจะระเบิดออกมาอีกครั้ง ในตอนนั้นเอง ถังจิ้งเหวินที่ไม่กลัวตายก็พูดขึ้นมา “โธ่พี่ฉีคะ พี่อย่าโมโหขนาดนี้สิคะ เธอก็เป็นแค่แขกที่มาอาศัยอยู่ในบ้าน ไม่สบายก็มีหมอมาดูแล้วนี่คะ แล้วพี่ยังจะต้องโมโหอะไรอีก หรือว่า…”
ยังไม่ทันทีหลังจะได้พล่ามจบก็เห็นว่าฉีหย่วนเหิงหันมาจ้องตัวเองเขม็ง ดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นมีแต่เหมือนอยากจะฆ่าคนให้ตาย ทำเอาหล่อนรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในสงครามเย็น คำพูดที่เหลือต่อจากนั้นก็ไม่กล้าพูดออกมาอีก
“พูดสิครับ ทำไมไม่พูดอีกล่ะ” ฉีหย่วนเหิงใช้น้ำเสียงที่ฟังดูอันตรายถึงขีดสุดกับหล่อน
เธอเลือกที่จะทำสงครามเย็นกับเขาต่อ ส่ายหน้าใส่ความหวาดกลัว “เปล่าค่ะ…ฉันไม่ได้อยากจะพูดอะไร จริงๆ นะคะ…”
ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าจะต้องโมโหขนาดนี้ แต่ทว่าสัญชาตญาณก็บอกกับเธอได้ว่าถ้าหากขืนยังพูดต่อไป ผลที่ตามหลังมามันจะต้องแย่มากแน่ๆ
ความรู้ที่ว่องไวของหล่อนช่วยชีวิตเอาไว้
ฉีหย่วนเหิงสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดกับเธอว่า “คุณออกไปเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลย ออกไป!”
น้ำเสียงฟังดูเยือกเย็น ไม่เหมือนกับน้ำเสียงที่พูดกับหล่อนตามปกติอีก ทำเอาหล่อนสงสัยว่าถ้าหากตัวเองไม่ทำตามในสิ่งที่เขาพูด ดูท่าว่าผลที่ตามมาตัวเองคงไม่มีทางรับได้แน่ๆ
หล่อนก้าวถอยหลัง ตรงหน้าคือเขาที่ยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน ใบหน้าของเธอจึงไม่แสดงออกถึงความโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนโล่งอกแปลกๆ หล่อนพยักหน้าให้เขา “โอเคค่ะ ฉันไปก็ได้”
ในขณะที่หมุนตัวกลับและกำลังจะเดินออกไปนั้น จู่ๆ ฉีหย่วนเหิงก็พูดกับหล่อนว่า “วันหลังไม่ต้องมาที่นี่แล้ว”
หล่อนเผลอกลั้นหายใจไปชั่วครู่ สีหน้าซีดเผือด ก่อนจะหันกลับไปถามเขา “นี่คุณหมายเขาว่ายังไง”
“คุณยังไม่เข้าใจความหมายของผมอย่างนั้นเหรอ” ฉีหย่วนเหิงมองหล่อนอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นเองหล่อนก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะโกรธจนตัวสั่นไปหมด “ฉีหย่วนเหิง ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้คุณหลอกใช้ฉันมาตลอดเลยใช่ไหม”
มุมปากของฉีหย่วนเหิงค่อยๆ ยิ้มขึ้นมา แต่ทว่ารังสีที่เหมือนอยากจะฆ่าคนมันชัดเจนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “ไม่เลวเลยนี่ ดูท่าแล้วคุณยังพอมีความฉลาดอยู่บ้าง”
ถังจิ้งเหวินที่ไม่เหลือรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วค่อยๆ ขยับปากขึ้น “ก็น่าเสียดายที่ความฉลาดของฉันมันสู้แก้วตาดวงใจของคุณไม่ได้เลย”
ถึงแม้ว่าตระกูลถังของหล่อนจะยิ่งใหญ่ แต่อย่างไรก็ไม่ใช่ศัตรูของฉีหย่วนเหิงจึงปล่อยผ่านไป พอรู้ว่าไม่มีทางที่จะเอาคืนถึงความเสียหายของตัวเองในครั้งนี้ ก็ได้แต่ไม่พอใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น แล้วก็พูดเสริมเข้าไปอีกว่า “นี่คุณคิดที่จะเลี้ยงลูกของคนอื่นอย่างนั้นเหรอ ไอ้เด็กไม่มีพ่อแบบนั้นมันทำให้คุณมีความสุขได้อย่างนั้นเหรอ”
พอพูดจบก็เพิ่งจะมาเสียใจทีหลัง เพราะว่าหล่อนไม่เคยเห็นสีหน้าของฉีหย่วนเหิงที่น่ากลัวขนาดนั้นมาก่อน หล่อนอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง หมุนตัวและคิดที่จะวิ่งหนีออกไป
รังสีอำมหิตนั่นมันน่ากลัวเกินไป เธอจะต้องหนี ไม่อย่างนั้นชีวิตของเธอคงต้องจบลงที่นี่แน่