บทที่ 421 พวกเราเลิกกันเถอะ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“เริ่มแรก ตั้งแต่ที่ได้ยินว่าเราจะคบกันแค่ 1 เดือนจากปากของคุณ ในใจผมนั้นไม่มีความสุขเลยสักนิด แต่ผมรู้ดีว่าคุณเพิ่งหย่าร้างมา เงื่อนไขนี้ที่เสนอขึ้นมาย่อมต้องผ่านการคิดไตร่ตรองของคุณมาแล้วอย่างแน่นอน แต่ผมไม่ใช่ผู้ชายที่จะเล่นกับผู้หญิงตามใจชอบ โดยเฉพาะกับเรื่องความรู้สึก การแสดงออกของผมนั้นยิ่งจริงจังมากขึ้น แม้ว่าจะผ่านไป 1 เดือนแล้ว แต่ผมไม่เคยมีความคิดจะเลิกกับคุณเลย ถ้าหากในใจคุณเองก็คิดเหมือนกันกับผม พวกเราก็คงคบกันต่อไปได้ และจะไม่มีระยะเวลาจำกัดอะไรระหว่างเราอีก แต่ถ้าคุณอยากเลิกกับผม แน่นอนว่าผมคงไม่คัดค้าน แต่ว่าผมจะตามจีบคุณต่อไป เพราะว่ามุมมองจากตำแหน่งของผมนั้น คุณนั้นเหมาะสมกันกับผม……”

เสียงของเขาทุ้มต่ำ ทุกๆ คำทุก ๆ ประโยคที่พรั่งพรูออกมานั้นล้วนแล้วแต่มีความหมายที่หนักแน่น สีหน้าท่าทางทั้งเคร่งขรึมและจริงจัง

ความเป็นผู้ใหญ่และสุขุมแบบนี้นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายทุกคนจะมีได้ มีแต่ผู้ชายที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วเท่านั้นถึงจะมีสิ่งนี้ได้

ยู่ยี่เม้มริมฝีปากพร้อมดื่มน้ำอุ่น สายตาจ้องมองไปที่เขา แล้วพูดว่า “ไม่ต้องตามจีบแล้ว…..”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ร่างสูงของฉันทัชชาไปเล็กน้อย

แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว เขาก็จุดยิ้มบางขึ้น ทว่ากลับไม่ได้ดูดีเหมือนในปกติทุกครั้ง ใบหน้าด้านข้างดูลึกลับและตั้งตรง ให้ความรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย “คิดว่าผมไม่เหมาะกับคุณเหรอ?”

สายตาของยู่ยี่สบกับดวงตาของเขา เธอผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม “ฉันคิดตรงกับความคิดแรกของคุณ เพราะฉะนั้นไม่ต้องตามจีบฉันแล้ว”

คิ้วที่ขมวดอยู่นั้นเพียงไม่กี่วิก็คลายลง มุมปากของฉันทัชค่อยๆ หยักโค้งขึ้น นิ้วเรียวยาวนวดคลึงกลางหน้าผากระหว่างคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมไม่บอกให้ชัดเจนในรอบเดียวล่ะครับ?”

“ฉันตั้งใจค่ะ……” ยู่ยี่หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวต่อ “ฉันได้เห็นคุณเป็นกังวลแล้ว……”

ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง เขาเองก็กำลังหัวเราะเบาๆ อยู่เช่นกัน เสียงหัวเราะเมื่อเทียบกับเมื่อสักครู่นี้นั้นทุ้มต่ำและกึกก้อง

ฉันทัชลุกขึ้นแล้วนั่งลงตรงที่ข้างเธอ เขายอมรับว่า “ผมต้องเป็นกังวลอยู่แล้ว แล้วคุณล่ะ บอกผมมาว่าความรู้สึกของคุณจริงๆ ตอนที่ได้ยินผมพูดคำพูดพวกนั้นเป็นยังไง……”

แก้มของยู่ยี่ขึ้นสีแดงจางๆ เธอไม่มีอะไรต้องปกปิดอีก กล่าวตรงๆ ว่า “หัวใจเต้นเร็วขึ้น”

ก่อนหน้านี้เธอคิดในใจว่า ความรักของทั้งสองในช่วงระยะเวลา 1 เดือนนั้น แม้ว่าจะถึงตอนที่เลิกรากันก็คงไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดเข้ามาเกี่ยวข้อง สามารถจากกันไปได้อย่างง่ายดาย

กลับกลายเป็นว่าเธอนั้นคิดผิดไปไกล……

“เด็กดี……..”เสียงแหบทุ้มดูลึกลับลอยเข้ามาใกล้ นิ้วเรียวยาวเกี่ยวผมเส้นเล็กของเธอทัดไปหลังหู “ดูเหมือนว่าคุณไม่คิดจะเลิกกับผมจริงๆ ดังนั้นผมสามารถคิดได้ว่าตอนนี้ความรู้สึกดีของคุณได้เปลี่ยนเป็นความชอบแล้ว ผมเองก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน…….”

เพียงฟังประโยคท้ายนั้น ยู่ยี่ก็หน้าแดงหัวใจเต้นแรงขึ้นไปอีก เขานั้นมีความสามารถที่จะหยอกล้อกับหัวใจคนอื่นอยู่ตลอดเวลา

“มอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้คุณ……”ขณะที่กล่าว ฉันทัชก็ยืนขึ้น

สายตาของยู่ยี่ไล่ตามแผ่นหลังหนากว้างดูแข็งแรงของเขา

เมื่อเขาหันกลับมาอีกครั้ง ในมือเขานั้นถือกล่องของขวัญดูประณีต เมื่อเปิดออก ข้างในนั้นเป็นจี้ห้อยคอที่สวยงาม มีสีเขียวมรกต

เขายืนอยู่ข้างหลังเธอ มือใหญ่ของชายหนุ่มสวมสร้อยที่คอของเธอ ข้อนิ้วสัมผัสลากผ่านลำคอยากจะอธิบายตำแหน่งให้แน่ชัด เธอนั้นรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีในบริเวณที่เขาสัมผัส

“ในฐานะแฟนของผม นี่คือของขวัญชิ้นแรกที่ผมมอบให้คุณ” เขากล่าวอย่างช้าๆ แต่ชวนลุ่มหลง

ตัวจี้ตัดกับคอของเธอช่วยขับผิวให้ดูขาวผ่องละมุนยิ่งขึ้น สีขาวและสีเขียวที่จับคู่กันนั้น โดยพื้นฐานแล้วทำให้คนตาพร่ามัว

เพื่อลงโทษที่เธอเล่นไม่เข้าเรื่อง เขาจึงจงใจจั๊กจี้เธอเบาๆ สิ่งที่ยู่ยี่กลัวที่สุดก็คือการถูกจั๊กจี้ และเป็นไปตามคาดเธอเลิกต่อต้านและยอมจำนนโดยทันที ทั้งร่างขยับไปมา พร้อมหัวเราะไม่หยุด

เธอเอนตัวอยู่บนตักแกร่งของเขา ทั้งยังไม่หยุดหัวเราะ กลายเป็นถูกอุ้มขึ้นโดยไม่ตั้งใจพร้อมยิ้มทั้งน้ำตา

ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าสบเข้ากับฉันทัช และได้เห็นนัยน์ตาลุ่มลึกที่กำลังยิ้มและมองมาที่เธออย่างลึกซึ้งพอดี ลึกซึ้งและลึกล้ำ เหมือนจะดูดกลืนเธอเข้าไป

เขาอดใจไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากของเธอ

เธอแหงนหน้าขึ้น แล้วจูบกับเขา

ทิวทัศน์ช่างงดงาม บรรยากาศในห้องก็เป็นใจ เพียงแต่สิ่งที่ไม่ถูกที่ถูกทางเพียงอย่างเดียวคือเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมา

คนที่มาเคาะประตูเวลานี้ได้ก็มีแต่อาคิระ เขาบอกว่าอยากจะชงกาแฟ แต่ไม่เจอเครื่องชงกาแฟเลย….

ยู่ยี่คิด ผู้ชายคนนี้ยากที่จะเข้าใจจริงๆ สุดท้ายทั้งสองคนก็ไม่ได้จูบกันนานเท่าไรนัก และถูกเสียงภายนอกรบกวน

แต่ว่าบรรยากาศที่ไหลเวียนอยู่ในห้องนั้นช่างหวานล้ำ

ฉันทัชกำลังหาเครื่องชงกาแฟให้กับอาคิระ ส่วนยู่ยี่กำลังยืนมองดูเขาอยู่ข้างๆ ดวงตาสองข้างของอาคิระนั้นมองคล้ายไม่มองยู่ยี่อยู่ และถูกยู่ยี่จับได้พอดี เธอยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมกับยักไหล่

วันต่อมา

เรนนี่ตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน ร่างกายของเธอนั้นค่อยๆ ดีขึ้น ใบหน้าขาวซีดเริ่มกลับมามีสีชมพูอ่อนๆ

แม่บ้านมาทำอาหารเช้ารสเลิศตั้งแต่เช้า และร้องเรียก

“คุณผู้หญิงคะ อาหารเช้าทำเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ มาทานอาหารเช้ากับคุณชายได้แล้ว”

เมื่อวานตอนค่ำ เรนนี่หลับไปตอน 4 ทุ่ม เวลานั้นหัสดินยังไม่กลับบ้าน พอตอนเช้าเธอก็เห็นข้อความที่เขาบอกว่ากลับมาถึงบ้านแล้ว ในขณะที่ได้ยินแม่บ้านพูดถึงคุณชายนั้น เธอยังไม่มีสติและตื่นเต็มตา

แม่บ้านชี้ไปยังห้องข้างๆ ติดกับห้องนอน ตอนเช้าที่คุณชายไปเข้าห้องน้ำ ดิฉันเห็นเขานอนที่ห้องข้างๆ นี้

เรนนี่เดินเข้าไป และเห็นหัสดินหลับอยู่บนเตียงจริงๆ เสื้อโค้ท ชุดสูททั้งหมดยังไม่ได้ถอดออก ดูยับเยิน

โดยเฉพาะที่หน้าของเขา ก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา มุมปากตอนนี้เป็นสีช้ำม่วง ต่อยตีกับคนอื่นมาเหรอ?

เธอปลุกเขาเพื่อให้เขาตื่นมาทานอาหารเช้า เมื่อปลุกไม่ตื่น เธอจึงตบที่หลังเขาเบาๆ พลางบีบจมูกของเขาไว้

แต่ก่อนตอนที่ทั้งสองสนิทสนมกัน สิ่งที่เขาชอบที่สุดคือการที่เธอทำแบบนี้ ทุกครั้งหลังจากที่เธอแอบมาบีบจมูกของเขา เขาจะกดเธอลงบนเตียงราวกับเสือดุร้ายกระโจนใส่หมาป่า ทำตามความต้องการตามใจชอบ

หัสดินตื่นแล้ว ดูยังนอนไม่พอแม้แต่น้อย เขาส่ายศีรษะ ดูเวลา แล้วลุกขึ้น

เรนนี่นั่งอยู่ในอ้อมอกของเขา มือทั้งสองข้างกอดคอของเขาอย่างแนบชิดสนิทสนม เธอลูบไล้เขาบางครั้งสัมผัสได้บางครั้งสัมผัสไม่ได้ แต่น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนและนุ่มนวล “ไปทานอาหารเช้ากันเถอะ”

“ผมขอไปล้างหน้าก่อน” มือใหญ่ของหัสดินวางลงที่ระหว่างเอวคอดกิ่วผอมบางของเธอ และอุ้มเธอขึ้นวางลงที่พื้น เขายังเวียนศีรษะอยู่บ้าง

เรนนี่ผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่ได้แตะต้องเธอเลย…..

คำบอกใบ้เป็นนัยของเธอนั้นชัดเจน แต่เขากลับปฏิเสธเธอ เขาไม่ต้องการเธอแล้ว หรือว่ายังเป็นห่วงร่างกายของเธอ?

เมื่อหัสดินเดินออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งนั้น เขาได้โกนหนวดเรียบร้อยแล้ว ดูไปแล้วให้ความรู้สึกสดชื่น หล่อเหลา และโดดเด่น สีหน้าของเขาดูจริงจัง เอ่ยปากว่า “นีนี่ ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั่วร่างของเรนนี่ก็แข็งทื่อ ในใจของเธอปรากฏลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น เธอนึกย้อนถึงก่อนหน้านี้ที่เนเน่ให้ฟังเสียงที่บันทึกไว้

“ร่างกายของคุณตอนนี้ดีขึ้นไม่น้อยแล้ว ถึงเวลาที่ผมควรจะบอกคุณ นีนี่ พวกเราเลิกกันเถอะ…….”

สีหน้าของเรนนี่แข็งตึง ยืนอยู่ตรงนั้นไร้คำพูดและการขยับเขยื้อนใดๆ เพียงแค่จ้องมองตรงไปที่เขา สิบนิ้วประสานบีบเข้าหากันแน่น

เมื่อฟังที่อัดเสียงเขาไว้จากโทรศัพท์มือถือของเนเน่นั้นนับเป็นเรื่องหนึ่ง และเมื่อได้ฟังที่เขาพูดด้วยตัวเองก็นับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

จิตใจของเธอปั่นป่วน แขนขาเย็นเฉียบ หากแต่ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกมา

หัสดินกล่าวต่อ “ บ้านหลังนี้คือบ้านที่ผมมอบให้คุณก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ผมจะให้เช็คกับคุณ 1 ใบ อีกทั้งผมยังมีบ้านเดี่ยวอีก 2 หลัง คุณสามารถเลือกมา 1 หลังระหว่างสองบ้านนั้น ผมไม่อยากปฏิบัติต่อคุณอย่างไม่ยุติธรรม และจะไม่ทำอย่างนั้นกับคุณ คุณกับผู้หญิงพวกนั้นไม่เหมือนกัน….