บทที่ 422 ผมตกอยู่ในห้วงรักอันร้อนแรงนี้แล้ว

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

นับตั้งแต่ทั้งสองคนเริ่มคบกันจนถึงตอนนี้ เป็นระยะเวลาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือความต้องการ เรนนี่ไม่เคยเอ่ยปากถึงมันกับเขาตั้งแต่ต้นจนจบ

ค่ารักษาพยาบาลเหล่านั้นที่ใช้ตอนที่เธอป่วยในตอนแรก ก็เป็นเขาที่อาสาจะจ่ายให้ บ้านเดี่ยวหลังนี้นั้นก็เป็นเขาที่เต็มอกเต็มใจทิ้งไว้ให้เธอ

นอกจากเรื่องเหล่านี้ เขามักจะให้บัตรธนาคารพวกนั้นแก่เธอ และก็ไม่เคยเห็นเธอเอาเงินของเขาไปใช้ เธอไม่มีความคิดนั้นเลยแม้แต่นิด

และในเรื่องอื่นๆ หากเปรียบเทียบกับผู้หญิงเหล่านั้น แน่นอนว่าเธอนั้นไม่เหมือนกัน นิสัยอ่อนหวาน อ่อนโยนและนุ่มนวลตลอดเวลา เหมือนไม่เคยอารมณ์เสีย

ไม่ว่าคุณจะกำลังโกรธหรือบันดาลโทสะ คำพูดและนิสัยที่นุ่มนวลอ่อนโยนเหมือนน้ำของเธอทำให้คุณสงบลงได้อยู่เสมอ

หัสดินคิด ถ้าหากเขาไม่ได้เจอกับยู่ยี่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย บางทีเขาอาจจะได้แต่งงานกับเรนนี่

อย่างไรเสีย ผู้หญิงที่สามารถทำให้ในใจของเขาหัสดินเกิดความคิดที่จะแต่งงานเช่นนี้ได้ก็มีน้อยนัก นอกจากยู่ยี่ที่หย่ากันไปแล้ว ก็เหลือแต่เรนนี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า

นิสัยของเธอนั้นแน่นอนว่าเขาย่อมชอบมันมากๆ ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ไม่มีการขัดแย้ง ไม่มีการทะเลาะกันมาโดยตลอด

แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ความเห็นของทั้งสองคนไม่ตรงกัน เธอก็จะยอมคล้อยตามเขาหรือปรับให้ไปได้ดีกับเขาโดยตลอด

เปลวเพลิงกราดเกรี้ยวส่งเสียงปะทุขึ้นมาในจิตใจราวกับลมพายุหมุนวนขนาดใหญ่ที่ก่อเมฆดำครึ้ม ทำลายล้างเรนนี่อย่างรวดเร็ว เธอโกรธจัดจนอยากปาของทั้งหมดทิ้ง! และยิ่งอยากจะกรีดร้องออกมา!

ท่ามกลางความเงียบ ฟันของเธอกดลงบนริมฝีปาก

และถึงขั้นขบกัดริมฝีปากของเธอลึกลงไปจนเกิดเป็นรอยเลือด เธอสั่นสะท้านด้วยความโกรธ ทั่วร่างของเธอนั้นสั่นเทิ้ม

ไม่แน่ว่า อารมณ์ฉุนเฉียวของเรนนี่ในขณะนี้กำลังจะระเบิดออกมา เธอแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว…….

การกระทำและการแสดงออกอันเล็กน้อยของเธอนั้น ไม่ได้ถูกหัสดินสังเกตเห็นแต่อย่างใด คิดไปว่าเธอเพียงแค่กำลังเงียบและเสียใจ

อย่างไรก็ตามเธอก็เป็นผู้หญิงที่แต่งงานกับเขา เขาลุกขึ้นและก้าวเดินไปที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะถือนม 1 แก้ว แล้วหันหลังกลับมา เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ วาดแขนออกไป กอดเธอเข้าอ้อมอก

ลมหายใจร้อนของชายหนุ่มปะทะเข้าที่หน้าเธอ อีกทั้งความรู้สึกบีบรัดจากการจู่โจมอย่างกะทันหันนี้ ทำให้รูม่านตาของเธอคลายออก อารมณ์ฉุนเฉียวอันไม่มีที่สิ้นสุดของเรนนี่ จู่ๆก็โล่งโปร่งกลับมามีสติ

เพื่อที่จะได้คบกับเขา เธอใช้เวลาไป 7 ปี จนมาถึงจุดที่เธออยู่ตอนนี้ เธอจะทำทุกอย่างพังหมดเลยเหรอ?

ไม่ เธอทำไม่ได้ ไม่มีวันทำได้!

เรนนี่หลับตาแน่น หายใจเข้าลึกๆ หัวใจกลับมาเต้นอย่างมั่นคง อารมณ์ความรู้สึกกลับมาสงบลง จิตใจที่แทบจะเสียสตินั้นทั้งหมดถูกเก็บกดเอาไว้

ความหุนหันพลันแล่นคือปีศาจร้าย เมื่อสักครู่เธอเกือบจะกลายเป็นปีศาจ ทำลายความพยายามทั้งหมดในช่วงหลายปีมานี้ของเธอเพียงชั่วข้ามคืน!

ยิ่งในตอนนี้เธอยิ่งต้องสงบเสงี่ยมให้มากขึ้น โชคดีที่เขากอดเธอในวินาทีสุดท้าย ทำให้เธอมีสติขึ้นมา

ถอยก่อนเพื่อเดินหน้า ยังถือว่าเป็นวิธีที่ดี…..

รอให้เขาปล่อยเธอ เรนนี่ก็เอ่ยปากขึ้น “ บ้านที่คุณให้ฉัน 1 หลังนี้ก็เพียงพอที่จะให้ฉันมีที่พักหลบลมหลบฝนแล้วล่ะค่ะ นี่มันก็มากเพียงพอแล้ว ฉันไม่ใช่คนใจกว้าง เช็คนี้ฉันไม่ต้องการ มิเช่นนั้นฉันคงดูถูกตัวเองคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนผู้หญิงประเภทนั้น บ้านที่เหลือก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งไว้ให้ฉัน ฉันคิดมาโดยตลอดว่าคุณนั้นชอบฉัน มาตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว คุณยังคงรักเธอ ยู่ยี่คนนั้น แม้ว่าเธอจะไม่แม้แต่เหลียวแลคุณสักนิดก็ตาม”

เมื่อคำพูดนั้นพรั่งพรูออกมาจนจบ เรนนี่ก็หมุนตัวเพื่อจะเดินออกจากห้อง หัสดินมองเธอจากข้างหลัง คิ้วของเขาย่นขึ้นสูง แล้วร้องเรียก “นีนี่”

“ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เลยอยากจะพักผ่อน เมื่อสักครู่ฉันก็ได้ยินคำบอกเลิกของคุณชัดเจนดี ฉันจะไม่ไปพัวพันอะไรกับคุณแล้ว” หลังจากทิ้งคำพูดไว้ เธอก็เดินหายลับไปตรงหัวมุม

ความรู้สึกผิดในใจของหัสดินเพิ่มขึ้นยิ่งไปอีก

อันที่จริงแล้ว เธอนั้นเพิ่งแท้ง ร่างกายยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เขาก็มาคุยเรื่องพวกนี้กับเธอ

เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องพูดอยู่ดี

หลังจากที่หัสดินออกไป ผู้ช่วยของเขาก็มาโดยทันที ผู้ช่วยเริ่มเก็บเสื้อผ้าของเขา รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ในห้องน้ำ แม้แต่อาภรณ์ใต้ร่มผ้าของเขาก็ไม่เหลือสักชิ้นเดียว

เรนนี่ยืนอยู่หน้าหน้าต่าง สิ่งที่หัสดินพูดนี้ทำให้เธอนั้นตั้งรับไม่ทัน ถึงขั้นแม้แต่แผนของเธอก็ยังไม่ได้เตรียมการเอาไว้

ดูเหมือนว่า แผนที่เธอวาดไว้ยังต้องเป็นไปตามแนวโน้มที่จะเข้ามา เรนนี่ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยพร้อมครุ่นคิด ยากที่คนอื่นจะคาดเดาความคิดของเธอในตอนนี้ได้

ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีแสงสลัวแวบขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากนัยน์ตาของเธอ

…….

วันนี้ยู่ยี่ยุ่งจนไม่อาจปลีกตัวออกจากงานได้ สายตาของผู้คนในที่ทำงานเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ตกมาอยู่ที่เธอ

อย่างไรก็ตามภาพที่ชวนน่าตื่นตะลึงในเมื่อวานนั้น ก็มีสาเหตุมาจากเธอที่ทำให้มันเกิดขึ้นมา ปะปนกับความเกลียดอิจฉาริษยาของผู้หญิงที่มากยิ่งขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุอีกส่วนหนึ่ง

ผู้จัดการเดินออกมาจากห้อง พร้อมปรบมือ กล่าวว่า “ อีกสักครู่คุณฉันทัชจะมาบริษัทของพวกเรา ทุกคนจัดการเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้เรียบร้อย รวมถึงจัดโต๊ะทำงาน และทำความสะอาดด้วย ตอนนี้หยุดทำงานทั้งหมดก่อน”

ทั่วทั้งที่ทำงานเริ่มทำความสะอาดด้วยความกะตือรือร้น แท้จริงแล้วไม่เพียงแค่แผนกนี้ แต่แผนกทั้งหมดของบริษัทกำลังทำความสะอาด

20 นาทีต่อมา ผู้จัดการได้รับการแจ้งเตือนจากข้างบนว่า ให้พนักงานทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ เพื่อต้อนรับการมาของผู้บริหาร

พนักงานภายในบริษัทนั้นมีไม่น้อย ทั้งหมดยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่

พนักงานผู้หญิงยืนอยู่ข้างหน้า พนักงานผู้ชายยืนอยู่ข้างหลัง ต่างยืนกันเป็นระเบียบเรียบร้อย มีเสียงคนบ่นพึมพำ อยู่ข้างหลัง ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารมีระดับ ทำไมถึงต้องเลียนแบบให้ยืนเข้าแถวเหมือนพนักงานสาวต้อนรับด้วย?

ประธาน รองประธาน และผู้จัดการแผนกต่างๆ ของบริษัทต่างก็ปรากฏตัวขึ้น หลังจากผ่านไป 10 นาที รถลีมูซีนสีดำ 2 คันก็มาจอดอยู่หน้าประตูบริษัทติดๆ กัน

คนที่เดินลงมาก่อนนั้นคือนายกเทศมนตรี ที่มีร่างอวบอ้วนเล็กน้อย ยู่ยี่นั้นเคยเจอเขาอยู่ครั้งหนึ่ง และที่เดินลงมาจากรถด้านหลังนั้นคือฉันทัช ที่อยู่ในชุดสูทสีดำ ด้านนอกสวมเสื้อโค้ทสีกาแฟตามใจชอบดูสง่าสุขุม

ทั้งสองยังแยกจากกันไม่นานเท่าไร เมื่อได้เห็นร่างคุ้นเคยของชายหนุ่มผู้นี้ ภายในใจยู่ยี่นั้นก็ท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกที่พิเศษ

ฉันทัชเก็บคางลงเล็กน้อย พร้อมจับมือกับประธานและรองประธานของบริษัท แต่นัยน์ตาเป็นประกายนั้นกลับจับจ้องตรงมาที่เธออย่างอ่อนโยน

ยู่ยี่สัมผัสได้ว่ามุมปากของเธอขยับยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ตอบกลับเขาด้วยความนุ่มนวลอ่อนหวาน

การแสดงออกของทั้ง 2 คน ถูกผู้จัดการสังเกตเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง ขณะที่กลุ่มคนกำลังจะก้าวเข้าไปในลิฟต์ ผู้จัดการก็เอ่ยขึ้นทันใด “ยี่ คุณตามขึ้นไปช่วยท่านประธานจัดเตรียมเอกสาร”

ยู่ยี่ “……..”

ข้างกายท่านประธานนั้นมีทั้งผู้ช่วย มีทั้งเลขา จะต้องการให้เธอไปจัดเตรียมเอกสารให้อีกเหรอ?

เธอไม่ได้ขยับแต่อย่างใด หากแต่ผู้จัดการก็เร่งเร้าเธอ และเอื้อมมือออกมาผลักเธอ กลุ่มคนเหล่านั้นก้าวเข้าไปในลิฟต์หมดแล้ว ดังนั้นสายตาของกลุ่มคนทั้งหมดจึงพุ่งตรงมาที่เธอพอดี

เธอทั้งอึดอัด ทั้งเขินอาย และไม่สามารถยืนอยู่ตรงนั้นได้อีก ยู่ยี่ทำได้เพียงกัดฟันทนเดินไปข้างหน้า สองเท้าก้าวเข้าไปในลิฟต์ ทันใดนั้นเสียงลิฟต์บอกน้ำหนักเกินก็ดังขึ้นบาดหูเล็กน้อย

ยู่ยี่นั้นอับอายเป็นอย่างมาก มุมปากแม้จะยิ้มอยู่แต่ในใจมีความคิดอยากจะตายไปเสียเดี๋ยวนี้ เธอเพิ่งเดินเข้ามา ก็น้ำหนักเกินแล้ว!

ขณะที่เธอกำลังจะยกเท้าเพื่อออกจากลิฟต์พอดีนั้น น้ำเสียงทุ้มต่ำของฉันทัชก็ดังขึ้น “โก๋ นายออกไปก่อน ไปขึ้นลิฟต์รอบถัดไป”

โก๋พยักหน้าแล้วเดินออกไป ตำแหน่งในลิฟต์ที่เปลี่ยนไปทำให้ลิฟต์ดูกว้างขึ้นเล็กน้อย แต่อย่างไรเสียก็ยังมีนายกเทศมนตรีและบุคคลสำคัญของบริษัททั้งหมดอยู่ในลิฟต์อยู่ดี ยู่ยี่ไม่กล้าจะขยับเขยื้อนใดๆ อีกทั้งยังไม่หันกลับไปมองฉันทัชที่อยู่ข้างหลังเธออีกด้วย

ทันใดนั้น ข้อมือก็รู้สึกถึงความร้อนและการกอบกุมอันแนบแน่น เธอก้าวเท้าถอยหลังกลับตามสัญชาตญาณ สายตาหลุบต่ำมองลงอย่างแปลกใจ แล้วพบว่าเป็นมือใหญ่ของชายหนุ่มตรงข้ามที่จับกุมรอบข้อมือเธอไว้

ยู่ยี่ตื่นตกใจเล็กน้อย รีบเงยหน้าขึ้นทันที

ใบหน้าที่ลุ่มลึกและตั้งตรงของฉันทัชนั้นดูสงบราบเรียบ

แต่นิ้วเรียวยาวอันอบอุ่นของเขากลับขยับเขยื้อนอย่างไม่สงบ เกาะเกี่ยวกับนิ้วทั้งสิบของเธอ และกุมมือเธอไว้แน่น

การเคลื่อนไหวของเขานั้นเชื่องช้าอ้อยอิ่ง ข้อนิ้วลูบสัมผัสอ่อนโยนกลางฝ่ามือของเธอ

มือของยู่ยี่จั๊กจี้ราวกับกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน หน้าของเธอแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว หัวใจก็เต้นเร็วขึ้น

เขาจะใจกล้าเกินไปแล้ว นี่ดูไม่เหมือนภาพลักษณ์ที่ดูมั่นคงของเขาในยามปกติ…….

ตัวเลขชั้นของลิฟต์ขยับขึ้นไปเรื่อยๆ ดวงตาลุ่มลึกของฉันทัชหลุบต่ำลง หากแต่การเคลื่อนไหวนั้นกลับใจกล้ามากยิ่งขึ้น

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ที่ฝ่ามือใหญ่อุ่นร้อนของเขาวางไว้ที่เอวผอมบางของเธอโดยไม่มีใครรู้เห็นเป็นที่เรียบร้อย ถ้าหากกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่กี่คนนั้นหันหน้ามา จะต้องเห็นภาพนี้อย่างแน่นอน

ยู่ยี่หัวใจยิ่งเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

เธอกลัวว่าจะเป็นการดึงดูดความสนใจของคนเหล่านั้น

ดังนั้นจีงทำได้แต่มองตรงไปข้างหน้ายิ่งขึ้น

ในทางตรงกันข้าม ปากของฉันทัชยกยิ้ม ดวงตาลึกล้ำชำเลืองมองเธอ ดูไร้กังวลและอารมณ์ดี

ลิฟต์มาถึงชั้นห้องประชุม ฉันทัชจึงปล่อยตัวเธอ กลุ่มคนทั้งข้างหน้าข้างหลังเดินออกไป

ยู่ยี่รู้สึกกระสับกระส่าย อยากจะเข้าห้องน้ำ เธอจึงกระซิบบอกเพื่อนร่วมงานข้างๆ เธอ แล้วไปเข้าห้องน้ำ

หลังจากปลดปล่อยความต้องการของร่างกายแล้ว เธอก็เปิดประตูพร้อมเงยหน้าขึ้น แต่เธอกลับต้องอ้าปากค้างตื่นตกใจอยู่กับที่

ขายาวมีเสน่ห์ก้าวตรงมาข้างหน้า ฉันทัชก้าวเท้าขึ้นไปบนพื้นต่างระดับ พลิกมือปิดประตูห้องน้ำ แล้วต้อนเธอเข้ามุม

ยู่ยี่เตรียมจะเอ่ยปาก หากแต่ริมฝีปากเผยอไปได้เล็กน้อย

ก็ถูกจูบอย่างเร่าร้อนรุนแรงและบ้าคลั่ง

เมื่อทั้งสองกำลังจะใกล้หายใจไม่ออกนั้น ฉันทัชก็ปล่อยเธอ พร้อมเลียริมฝีปากเธอเล็กน้อย

ยู่ยี่หน้าแดงก่ำและคิดว่า เขามาตั้งแต่ตอนไหนกันแน่ ไม่ใช่ว่าเสียงที่เธอปลดทุกข์เขาก็ได้ยินหมดแล้วหรอกนะ?

เธอรู้สึกอับอายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผู้ชายคนนี้นั้นดูเป็นผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก ทำไมวันนี้ถึงได้แปลกไปนัก?

เขาเหมือนมองทะลุผ่านความคิดของเธอ หัวเราะเบาๆ ตอบเธอว่า “ไม่ต้องอายไป ผมไม่ได้ยินอะไรที่ควรได้ยินทั้งหมด” หางตาและคิ้วเรียวดูสุขุมเป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่ม ริมฝีปากบางเซ็กซี่ขยับเล็กน้อย น้ำเสียงเอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความอบอุ่น “ผมไม่เคยหุนหันพลันแล่นอย่างนี้มาก่อนเลย ความเร่าร้อนและแรงกระตุ้นแบบนี้เพิ่งจะมีตอนผมอายุมากกว่า 20 นี้เอง หลังจากเมื่อวานตอนค่ำที่พวกเราคุยกันอย่างลึกซึ้งนั้น ผมคิดว่าผมกำลังตกอยู่ในห้วงรักอันร้องแรงนี้แล้ว และไม่สามารถหลุดพ้นไปได้….”

ก้นบึ้งหัวใจเธอนั้นสั่นไหวเล็กน้อย ในขณะที่เสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้ามา เธอรีบเอามือปิดปากเขาไว้อย่างรีบเร่ง

“หรือว่าจะมีคนคุยโทรศัพท์อยู่ แปลกแฮะ ทำไมฉันถึงได้ยินเสียงผู้ชายไปได้” เสียงพึมพำอย่างไม่มั่นใจของผู้หญิงดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงปลดเข็มขัด และหลังจากนั้นก็……

ยู่ยี่หน้าแดงอย่างผิดปกติ แล้วรีบเร่งขยับเปลี่ยนสองมือไปปิดที่หูของเขา พยายามปิดกั้นเสียงปัสสาวะที่ดังมาจากห้องข้างๆ……

ฉันทัชยิ้มดูดี ร่างสูงโน้มตัวเล็กน้อย ประกบเข้ากับริมฝีปากเธออีกครั้ง ปล่อยให้เธอปิดหูเขาอย่างเขินอาย