EG บทที่ 673 เราจะควบกิจการดีหรือไม่?

 

หลี่ต้าจุนและซ่งจิงเซียนชะงักค้างทันทีเมื่อได้ยินคำถามนี้จากเฝิงหยู่ นี่เขาคิดที่จะลงทุนกับกวางตุ้งสตรองกรุ๊ปงั้นหรือ?

ซ่งจิงเซียนขมวดคิ้วมุ่น นี่เป็นเพียงบริษัทขนาดเล็กและมันคุ้มค่าที่จะร่วมลงทุนด้วยหรือไง? มันเป็นเพียงบริษัทที่ผลิตสินค้าประเภทเยลลี่หรือวุ้นได้เท่านั้น ยังมีอีกหลายๆบริษัทในหางโจวที่สามารถผลิตสินค้าประเภทนี้ได้ บริษัทที่สามารถผลิตได้แค่เยลลี่มันมีอะไรพิเศษกัน?

เฝิงหยู่กำลังสนใจในตัวสตรองกรุ๊ปหรือหลี่ต้าจุนกันแน่? หลี่ต้าจุนผู้นี้ดูเป็นคนที่ทำง่านเก่งและมีประสบการณ์อย่างโชกโชน เขาสามารถรู้ได้ว่าลีฮาฮากำลังมองหาบริษัทผู้รับเหมาย่อมหมายความว่าคอนเนคชั่นของเขาต้องไม่ธรรมดา แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้เขาก็ไม่มีอะไรที่แข็งแกร่งหรือพอจะเทียบกับบริษัทอื่นๆได้เลย

ซ่งจิงเซียนรู้ว่าเฝิงหยู่อยากร่วมลงทุนกับบริษัทนี้แต่มันไม่ได้มีความจำเป็นเลยสักนิด บริษัทนี้ไม่มีจุดเด่นอะไรเลยหากเทียบกับบริษัทที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้

หลี่ต้าจุนมองไปที่เฝิงหยู่ด้วยความสับสน ชายหนุ่มคนนี้หมายความว่าอย่างไร? เขาพยายามที่จะช่วยฉันงั้นหรือ? เราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่า?

“เอ่อ..คุณ”

“ผม..แซ่เฝิงครับ”

“คุณเฝิงครับ? ผมไม่เข้าใจความหมายของคุณ?”

หลี่ต้าจุนเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย

“คุณมาพบเราถึงที่และยังแสดงความต้องการที่จะเป็นผู้รับเหมาของเราอีก นั่นหมายความว่าสถานการณ์ของบริษัทคุณไม่ได้ดีมากนัก แม้ว่าคุณจะยืนยันว่าบริษัทของคุณโตขึ้นแต่สิ่งที่คุณซ่งพูดก็ถูกเช่นกัน บริษัทของคุณไม่ได้ใหญ่เลยสักนิด ซึ่งตอนนี้ตลาดวุ้นก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและทุกๆบริษัทต่างก็ทำเงินได้จากธุรกิจนี้ มันก็ถือเป็นเรื่องปกติที่คุณจะคิดว่าบริษัทของคุณสามารถทำเงินได้จากธุรกิจนี้”         “เอ่อ..บริษัทของเราประสบปัญหาเพราะมีหนี้สินอยู่บ้างแต่มั่นใจได้เลยครับว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อออเดอร์ของลีฮาฮาเป็นอันขาด”

เฝิงหยู่โบกมือปฏิเสธ

“ผมไม่ได้กังวลกับเรื่องนั้นหรอกครับ สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคือผมสามารถลงทุนในบริษัทของคุณได้หากบริษัทของคุณขาดเงินทุน ก็เหมือนที่ผมทำกับลีฮาฮาล่ะครับ ผมสามารถร่วมลงทุนกับพวกคุณทุกคนได้และจะไม่รบกวนการดำเนินงานและการบริหารของพวกคุณ แต่ว่าบริษัทของคุณจะต้องอยู่ในความดูแลของบริษัทผมและผลกำไรทั้งหมดผมจะเป็นคนเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด”

หลี่ต้าจุนหันสายตาไปถามซ่งจิงเซียนว่าจริงหรือไม่? ก่อนที่ซ่งจิงเซียนจะพยักหน้ารับเบาๆ

“ผู้จัดการเฝิงคือผู้ถือหุ้นหลักของลีฮาฮาและเขาก็ไม่เคยแทรกแซงการทำงานของเราเลยสักนิด..คุณสามารถวางใจในตัวเขาได้”

“คุณเฝิง…เอ่อ..ผู้จัดการเฝิงครับ? สตรองกรุ๊ปถือเป็นธุรกิจครอบครัว โดยผมและพี่น้องอีก 2 คนเป็นคนก่อตั้งมันขึ้นมา แม้ว่าผมจะเป็นประธานแต่ก็ต้องปรึกษาพวกเขาก่อนครับ”

“แล้วแต่คุณเลยครับ แจ้งให้ผมทราบแล้วกันหากพวกคุณตกลงกันได้แล้ว คุณติดต่อมาหาผมตามเบอร์นี้ได้เลย ไม่ว่าคุณจะต้องการเงินลงทุนมากเท่าไหร่ผมก็ยินดีทำตามความประสงค์ของคุณครับ!”

เฝิงหยู่กล่าวอย่างมั่นใจ

โรงงานขนาดเล็กจะมีมูลค่าการลงทุนเท่าไหร่กัน? ประมาณ 2 ล้านหยวนก็มากเกินพอแล้ว หากพวกเขามีมูลค่าธุรกิจที่ใหญ่กว่านี้คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะควบกิจการของกวางตุ้งสตรองกรุ๊ปมาได้

หลังจากหลี่ต้าจุนขอตัวกลับ เขาก็ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเคร่งเครียด ก่อนหน้านี้อาการปวดหัวเพราะภาระหนี้สินทำให้เขาต้องระดมหาเงินอย่างเร่งด่วนเพื่อนำมาหมุนในการจัดการเรื่องต่างๆในบริษัท เขาได้ยินมาว่าลีฮาฮาต้องการบริษัทรับเหมาเพื่อผลิตสินค้าให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงลองเสี่ยงมายื่นข้อเสนอเล็กๆกับพวกเขา เขาต้องการที่จะเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทและทำให้บริษัทพ้นจากวิกฤตให้ได้

แต่ซ่งจิงเซียนกลับปฏิเสธข้อเสนอนี้เพราะบริษัทของเขาเป็นเพียงบริษัทขนาดเล็ก แต่ทันใดนั้นผู้จัดการเฝิงก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับโน้มน้าวใจซ่งจิงเซียนเพื่อให้โอกาสแก่กวางตุ้งสตรองกรุ๊ป แม้ว่ามันจะไม่ใช่ออเดอร์ที่ใหญ่มากแต่มันก็เพียงพอในการแก้ปัญหาหนี้สินของบริษัท เจ้าหนี้จะได้รับเงินคืนภายในเดือนหน้า

หลังจากเคลียร์หนี้สินได้ครบและต่อให้พวกเขาไม่ได้รับออเดอร์จากลีฮาฮาแล้ว พวกเขาก็สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้โดยไม่ต้องกังวลกับอะไรอีก แม้ว่ามันจะเป็นเพียงบริษัทผลิตสินค้าประเภทวุ้นหรือเยลลี่ก็สามารถทำกำไรได้เช่นกัน

แต่ตอนนี้ผู้จัดการเฝิงกลับต้องการร่วมลงทุนในบริษัทด้วย เขายังอ้างอีกว่าสามารถทุ่มเงินลงทุนได้ตามที่สตรองกรุ๊ปต้องการ ทำไมเขาถึงอยากทำเช่นนี้?

หลี่ต้าจุนก็คิดแบบเดียวกับซ่งจิงเซียน มันก็แค่วุ้นเท่านั้น! มีบริษัทอีกหลายแห่งที่ผลิตสินค้าประเภทนี้ แม้แต่ลีฮาฮาก็สามารถผลิตวุ้นหรือเยลลี่ได้เองหรือแม้แต่ซื้อโรงงานขนาดกลางพวกเขาก็ยังสามารถทำได้ แล้วทำไมผู้จัดการเฝิงจึงเลือกบริษัทของเขาล่ะ? หรือเป็นเพราะผู้จัดการเฝิงได้ยินที่เขาแนะนำว่าสตรองกรุ๊ปมีการผลิตวุ้นผสมกับผลไม้แบบใหม่ขึ้นมา ผู้จัดการเฝิงจึงตัดสินใจร่วมลงทุนด้วย แต่การผสมน้ำผลไม้เข้าไปในวุ้นจะทำให้อายุของผลิตภัณฑ์สั้นลงและเขาก็ยังไม่แน่ใจว่าในท้องตลาดจะตอบรับสินค้าชนิดนี้ไปในทิศทางใด?

ที่สำคัญผลิตภัณฑ์นี้ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา มันยังไม่ได้มีความพร้อมทั้งในด้านรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดี เขาควรแจ้งเรื่องนี้ให้กับผู้จัดการเฝิงทราบหรือไม่?

หากเขาเก็บเรื่องนี้เงียบไว้ กวางตุ้งสตรองกรุ๊ปก็จะได้รับเงินทุนก้อนนี้และไม่ต้องกังวลว่าจะหาเงินเพื่อจ่ายหนี้ให้กับธนาคารไม่ได้ แต่นั่นก็เท่ากับเขากำลังโกหกผู้จัดการเฝิงหากเขารู้ความจริงในภายหลังอาจเกิดปัญหาใหญ่ตามมา

ถ้าเขาตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับผู้จัดการเฝิงเขาอาจสร้างความประทับใจให้กับผู้จัดการเฝิงได้แต่เขาอาจจะเสียเงินลงทุนก้อนนี้ไป กวางตุ้งสตรองกรุ๊ปอาจหยุดอยู่แค่นี้และไม่มีวันได้โอกาสเป็นผู้ผลิตวุ้นหรือเยลลี่ในอันดับต้นๆของจีนได้อีกต่อไป

หลี่ต้าจุนตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาปวดหัวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

.

.

 

“ผู้จัดการเฝิงครับ..ทำไมคุณถึงอยากลงทุนในบริษัทเล็กๆแบบนั้นล่ะ? หากคุณอยากผลิตวุ้นขึ้นมาเอง..เราก็สามารถสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่หรือไม่ก็ลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่กว่านี้ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปลงทุนในบริษัทเล็กๆที่ไม่มีศักยภาพอะไรสักอย่างแบบนั้นเลย””

ซ่งจิงเซียนเอ่ยถามทันทีที่หลี่ต้าจุนออกไปจากห้อง

“คุณไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้หรอกครับ..หากคุณมีเงินสำรองอยู่เยอะก็ลองลงทุนกับบริษัทนี้ดูสิครับ ผมต้องการเพียงบริษัทนี้เท่านั้นหากเป็นบริษัทอื่นผมไม่ต้องการ”

เฝิงหยู่ไม่สามารถบอกซ่งจิงเซียนได้มากกว่านี้ เขาไม่สามารถบอกได้ว่ากำลังพยายามดำเนินเรื่องต่างๆให้ไปในทิศทางที่อนาคตควรจะเป็น เขาไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่างๆจนทำให้อนาคตข้างหน้าผิดเพี้ยนไปจากเดิมเพราะมันจะส่งผลกระทบทอดยาวเป็นลูกโซ่ นอกจากนี้เขาสนใจในตัวหลี่ต้าจุนไม่ใช่บริษัทของเขา!

เยลลี่ปรากฏโฉมขึ้นครั้งแรกในช่วงยุค 80 และในชีวิตก่อนของเฝิงหยู่ เขาจำได้ว่าหลี่ต้าจุนเริ่มก่อตั้งโรงงานของเขาเมื่อปีที่แล้วและหลังจากนั้นประมาณ 8 ปี เมื่อไข่มุกและวุ้นผลไม้ปรากฏตัวขึ้นมาบริษัทของเขาก็ค่อยๆเติบโตขึ้นจนกลายเป็นบริษัทผลิตสินค้าประเภทเยลลี่เป็นอันดับหนึ่งของโลก ส่วนแบ่งการตลาดในทวีปเอเชียมากกว่า 50% ซึ่งเป็นผลจากความสามารถของหลี่ต้าจุนทั้งนั้น

นอกจากนี้กวางตุ้งสตรองกรุ๊ปยังเติบโตอย่างก้าวกระโดด พวกเขาถือเป็นบริษัทใหญ่และคุณภาพคับแน่น ในชีวิตก่อนของเฝิงหยู่ สตรองกรุ๊ปเป็นบริษัทผลิตอาหารสำหรับเด็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ทุกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยสตรองกรุ๊ปต่างขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

สตรองกรุ๊ปเยลลี่, CiCi,คริลตัลเลิฟเยลลี่, U.Loveit และยี่ห้ออื่นๆ ล้วนเป็นยี่ห้อที่มีชื่อเสียงภายใต้การดูแลของสตรองกรุ๊ป

ชานมไข่มุก U.Loveit นอกจากจะมีเม็ดไข่มุกจากมันสำปะหลังแล้วยังมีการเพิ่มวุ้นมะพร้าวและวุ้นผลไม้เข้ามาด้วย นี่ถือเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ของพวกเขา หากไม่มีเม็ดไข่มุกรสชาติและเนื้อสัมผัสจะเปลี่ยนไปทันทีแต่การเพิ่มวุ้นเข้ามาก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือกของเด็กๆเพราะสามารถกลืนลงคอได้ง่าย ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มคุณค่าโภชนาการให้กับเครื่องดื่มยี่ห้อนี้แต่ผู้ปกครองยังสามารถคลายความกังวลว่าลูกหลานของตนจะสำลักเม็ดไข่มุกได้

นี่เป็นอีกเหตุผลที่ U.Loveit กลายเป็นชานมไข่มุกที่ได้รับความนิยมสูง

กวางตุ้งสตรองกรุ๊ปเก่งในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและสามารถดึงดูดใจผู้บริโภคได้ นอกจากนี้พวกเขายังสามารถสร้างช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย พวกเขาลงทุนสูงในการสร้างโฆษณาและทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความสำเร็จเหล่านี้ต่างเป็นข้อพิสูจน์ความสามารถของหลี่ต้าจุนว่าเขาเป็นผู้นำที่มีความเก่งกาจมากเพียงใด เขายังเป็นหนึ่งในคนที่มีข้อมูลน้อยมากและไม่ค่อยปรากฏตัวตามสื่อต่างๆเช่นเดียวกับเฝิงหยู่

“ผู้จัดการเฝิง..คุณจะลงทุนในบริษัทเล็กๆแบบนี้จริงๆหรือ?”

ซ่งจิงเซียนยังคงสงสัย เขาไม่สามารถหาเหตุผลสนับสนุนความคิดนี้ของเฝิงหยู่ได้

เฝิงหยู่หัวเราะออกมาเบาๆ

“คุณเองก็รู้จักผมมานาน..คุณเคยเห็นผมลงทุนแล้วเจ๊งหรือเปล่าครับ?”

สีหน้าของซ่งจิงเซียนเริ่มดีขึ้น ถูกต้อง! เขาไม่เคยเห็นว่าเฝิงหยู่ลงทุนแล้วเจ๊งเลยสักครั้ง นั่นแสดงว่าบริษัทนี้คุ้มค่าต่อการลงทุน

แต่ทำไมพวกเขาต้องร่วมลงทุนด้วยล่ะ? ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ลีฮาฮาควบกิจการของสตรองกรุ๊ป?หากให้บริษัทเล็กๆแห่งนี้เป็นบริษัทย่อยของพวกเขาน่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า!