EG บทที่ 674 บุคคลผู้มีไอเดียสร้างสรรค์

 

หลังจากรอเกือบ 3 วัน เฝิงหยู่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากหลี่ต้าจุนแต่อย่างใด เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาคิดว่าหลี่ต้าจุนไม่ต้องการให้เข้าร่วมลงทุนกับสตรองกรุ๊ป

ตอนนี้เฝิงหยู่กำลังเรียนอยู่ในคลาสเมื่อเพจเจอร์ของเขาสั่นขึ้น เขาก็ตะลึงไปทันที

ซ่งจิงเซียน..คุณล้อเล่นกับผมหรือไง? มันเรื่องอะไรที่ลีฮาฮาไปซื้อกิจการของสตรองกรุ๊ป!

เฝิงหยู่ตัดสินย่องออกจากห้องเรียนเพื่อโทรหาซ่งจิงเซียน

“คุณเป็นคนทิ้งข้อความนั้นให้ผมหรือครับ? ลีฮาฮาซื้อกิจการสตรองกรุ๊ปแล้วหรือครับ?”

[“ใช่แล้วครับ..คุณเป็นคนบอกผมเองไม่ใช่หรือว่าสตรองกรุ๊ปมีศักยภาพมากแค่ไหน? และคุณเองก็แนะนำให้ผมร่วมลงทุนกับบริษัทนี้ด้วย..ผมได้พาคนของผมไปสำรวจตลาดแล้วและเห็นว่ายังไม่วุ้นที่มีเนื้อผลไม้อยู่ในนั้น..นั่นหมายถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ของสตรองกรุ๊ปจะช่วยให้บริษัทสร้างผลกำไรได้สูงและทำให้บริษัทนี้โดดเด่นจากบริษัทวุ้นหรือเยลลี่อื่นๆ”]

“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น..ผมหมายถึงว่าทำไมเขาถึงเห็นด้วยกับข้อตกลงนี้ต่างหาก?”

[“วุ้นรุ่นใหม่ของพวกเขายังไม่พร้อม..เนื้อผลไม้ที่ผสมเข้าไปในวุ้นยังหลุดออกจากจากกันได้ง่าย..วุ้นของพวกเขาบางล็อตก็แข็งบางล็อตก็อ่อนเกินไปและอายุในการเก็บรักษาก็สั้นเกินไป..ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ยังไม่มีความพร้อม..ผมได้ชี้แจงให้หลี่ต้าจุนเห็นถึงความจริงในข้อนี้และเขาก็ยอมรับมัน..ในเมื่อผลิตภัณฑ์นี้ยังไม่มีความพร้อมมันจึงไม่คุ้มที่จะลงทุน”]

[“แต่ผมก็คิดว่าถ้าสตรองกรุ๊ปสามารถพัฒนาเทคนิคการผลิตของพวกเขาให้สมบูรณ์ได้..วุ้นผลไม้ที่มีรสสัมผัสที่ดีเช่นนี้จะต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน..ผมบอกเขาว่าต้องการที่จะซื้อสตรองกรุ๊ป..ในครั้งแรกเขายังอิดออดแต่ในเมื่อเทคนิคการผลิตของเขายังไม่สมบูรณ์และผมยื่นคำขาดว่าถ้าลีฮาฮาผลิตวุ้นแบบนี้ขึ้นมาเอง..สตรองกรุ๊ปจะไม่สามารถอยู่รอดได้แน่นอน”]

ให้ตายเถอะ! นี่เป็นกลยุทธ์ที่ฉันใช้บ่อยๆ! ซ่งจิงเซียนไปเรียนรู้วิธีนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

“แล้วยังไงต่อ..เขาเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ?”

[“ไม่หรอกครับ..แต่เมื่อผมได้คุยกับหลี่ต้าจุนและเห็นว่าเขาเป็นคนเก่ง..มีความสามารถในการบริหาร..ทั้งยังมีไอเดียสร้างสรรค์ในการผลิตสินค้าใหม่ๆออกสู่ท้องตลาด..ความเห็นส่วนใหญ่ของเขาก็สอดคล้องกับแผนงานของเราอีกด้วย..เขายังเป็นคนที่เข้าใจในความต้องการของเด็กๆได้เป็นอย่างดี”]

[“ผมก็เลยเสนอตำแหน่งผู้บริหารให้กับเขาเพื่อดูแลผลิตภัณฑ์ของเด็กๆโดยเฉพาะ..สตรองกรุ๊ปจะยังคงดำเนินงานได้อย่างอิสระภายใต้แบรนด์ขอเราเท่านั้น..แน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้”]

ห๊ะ? สิ่งนี้ถูกตัดสินใจได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? หลี่ต้าจุนตกลงที่จะให้ลีฮาฮาเข้าควบกิจการอย่างนั้นหรือ?

จะบ้าตาย! ฉันคงคิดมากเกินไป ดูซ่งจิงเซียนสิ!เขาดูมีความสามารถมากกว่าฉันเสียอีก!

เฝิงหยู่คิดมากเกินไป หากเป็นหนึ่งปีหลังจากนี้หลี่ต้าจุนคงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้อย่างง่ายดายแต่ตอนนี้สตรองกรุ๊ปกำลังประสบปัญหากับภาวะหนี้สิน หลี่ต้าจุนจึงสนใจที่จะทำงานร่วมกับลีฮาฮาเพราะทั้งเงินเดือนและเงินปันผลต่างๆจะสูงขึ้น

ซ่งจิงเซียนยังสัญญาที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยกับการดำเนินงานของสตรองกรุ๊ป ฝ่ายบริหารของสตรองกรุ๊ปจะถูกส่งมอบให้กับน้องชายของหลี่ต้าจุน นี่คือสิ่งที่ซ่งจิงเซียนเรียนรู้มาจากเฝิงหยู่

“แล้วคุณตกลงซื้อขายหุ้นกันหรือยัง? คุณจะให้เขาเท่าไหร่?”

[“ภายในสิ้นปีนี้ครับ..ผมจะให้เขาหนึ่งล้านและพี่น้องของเขาทั้งสามคนจะได้คนละหนึ่งแสน..ในอนาคตสตรองกรุ๊ปจะเป็นบริษัทย่อยของลีฮาฮา..มันถือเป็นข้อตกลงที่ดีเลยล่ะครับ”]

1.3 ล้านหุ้น! หากยึดตามที่ซ่งจิงเซียนพูดเมื่อไม่กี่วันก่อนแสดงว่า 1 หุ้นมีมูลค่าเพียง 1.5 หยวน นั่นหมายความว่าพวกเขาได้สตรองกรุ๊ปมาโดยใช้มูลค่าน้อยกว่า 2 ล้านหยวน?

แม้ว่าซ่งจิงเซียนจะยังคงให้หลี่ต้าจุนดำรงตำแหน่งที่สูงในบริษัทอยู่เช่นเดิมแต่ก็ยังถือเป็นข้อตกลงที่ดีอยู่

เฝิงหยู่ไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าซ่งจิงเซียนเป็นนักเจราที่มีความสามารถขนาดนี้ นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในตลาดเครื่องดื่มจะเปลี่ยนมือไปหรือไม่?

“แล้วเราจะทุ่มเงินให้พวกเขาดำเนินงานเลยหรือเปล่า?”

[“แน่นอนครับ..สตรองกรุ๊ปยังมีหนี้อยู่และยังเป็นหนี้เสียอีกด้วย..ผมเลยตัดสินใจไม่ทำสัญญาผลิตเม็ดไข่มุกกับพวกเขา..สตรองกรุ๊ปจะเน้นไปที่การพัฒนาพวกวุ้นผลไม้แทน..แผนกวิจัยและพัฒนาของลีฮาฮาจะช่วยพวกเขาทดลองด้วยเช่นกัน..เอ่อ..ผู้จัดการเฝิงครับ? คุณคิดว่าผู้บริโภคจะชอบมันหรือเปล่าหากเราใส่เนื้อผลไม้เข้าไปในเครื่องดื่มผลไม้ของเรา…สิ่งนี้จะทำให้น้ำผลไม้ของเราดูสดและรสชาติดีขึ้น”]

ซ่งจิงเซียนเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น

ห๊ะ? น้ำสมคั้นพร้อมเนื้อส้ม? น้ำองุ่นพร้อมวุ้นผลไม้อย่างนั้นหรือ? นี่พวกมันกำลังพัฒนาไปไวขนาดนี้ได้อย่างไร?

ให้ตายเถอะ! ทั้งๆที่ฉันไม่ได้เป็นคนแนะนำเรื่องนี้แท้ๆแต่ซ่งจิงเซียนกลับคิดเองได้งั้นหรือ? หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ฉันจะถูกเรียกว่าบุคคลผู้มีไอเดียสร้างสรรค์ในอนาคตได้อย่างไร!

“คุณเริ่มต้นวิจัยแล้วหรือครับ?”

[“ใช่ครับ! สิ่งนี้สามารถดำเนินต่อไปได้..ตอนแรกผมคิดว่าการทำวิจัยวุ้นเนื้อผลไม้จะเป็นเรื่องยากเพราะเราไม่มีประสบการณ์แต่เราก็สามารถหาทางลัดได้ในที่สุด”]

ซ่งจิงเซียนเอ่ยขึ้นอย่างภูมิใจ

ฮึ่ม! หากฉันไม่เอ่ยแนะนำอะไรออกไป ในอนาคตคนอื่นๆจะรู้จักฉันในฐานะผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของลีฮาฮาได้อย่างไร!

“คุณคิดถึงแต่น้ำผลไม้เท่านั้นหรือครับ? มันไม่สามารถเพิ่มวุ้นหรือเนื้อผลไม้ในเครื่องดื่มประเภทโยเกิร์ตได้หรือครับ? อีกอย่าง..คุณไม่ลองผสมน้ำผลไม้ในนมเปรี้ยวให้มันกลายเป็นนมเปรี้ยวรสผลไม้ดูเหรอครับ?”

[“หืม?..เราสามารถทำอย่างนั้นได้ด้วยหรือครับ?”]

ซ่งจิงเซียนถึงกับตกตะลึง ทำไมผู้จัดการเฝิงคนนี้ถึงมีไอเดียในการผสมเครื่องดื่มแปลกๆเช่นนี้? เขาคิดว่าการผสมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์งั้นรึ?

“ทำไมล่ะครับ? คุณยังไม่เคยลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคนอื่นๆจะไม่ชอบ..นอกจากนี้คุณค่าทางโภชนาการของนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตของเราจะเพิ่มขึ้นด้วยหากเราเพิ่มเนื้อผลไม้หรือน้ำผลไม้ลงไป..คุณก็รู้นี่ครับว่าหลายๆคนยังกังวลเรื่องประโยชน์ของนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตโดยเฉพาะผู้ปกครองของเด็กๆ”

เมื่อชีวิตก่อนของเฝิงหยู่ไอเดียเช่นนี้ก็มาจากลีฮาฮาทั้งนั้น แล้วทำไมซ่งจิงเซียนถึงสงสัยเมื่อเขาพูดเรื่องนี้ออกไปล่ะ?

[“เอ่อ…ตกลงครับ..ผมจะให้คนของเราทำวิจัยเรื่องนี้ดูและก็สำรวจตลาดไปด้วยแล้วกันครับ”]

นี่ซ่งจิงเซียนไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ?

 

“อีกเรื่องหนึ่ง..ผมเคยบอกคุณเรื่องนมเปรี้ยวยี่ห้อADของเราแล้วใช่มั้ยครับ? ว่ามันเป็นนมเปรี้ยวที่มีโภชนาการสูงแต่ตลาดของผลิตภัณฑ์นี้เน้นไปที่เด็กๆเท่านั้น..คุณไม่คิดว่าคนวัยหนุ่มสาวจะชอบมันบ้างหรือครับ?  ผมแนะนำให้คุณผลิตนมเปรี้ยวยี่ห้อนี้ในขวดที่ใหญ่ขึ้นและเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าไปให้ได้มากที่สุด อย่าจำกัดเฉพาะวิตามินเอ,วิตามินดีและวิตามินอื่นๆที่เราเคยใช้เท่านั้น! เราสามารถเพิ่มวิตามินและสารอาหารอื่นๆเข้าไปได้อีก..เราต้องทำให้ผู้บริโภคทราบว่าผลิตภัณฑ์นี้สามารถดูดซึมในร่างกายได้ง่าย..คุณเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่า?”

[“ผู้จัดการเฝิงครับ..หลังจากที่คุยกับคุณเรื่องนี้ผมก็ให้พนักงงานทำการสำรวจตลาดทันที ซึ่งผลออกมามีผู้บริโภคในวัยผู้ใหญ่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ชอบผลิตภัณฑ์ประเภทนี้และส่วนใหญ่ก็ไม่เต็มใจที่จะเสียเงินซื้อมัน ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังชอบน้ำอัดลมกันมากกว่า ดังนั้นเราจึงไม่มีแผนที่จะผลิตนมเปรี้ยวขนาดใหญ่ออกมาเพราะยังไม่มีตลาดที่รองรับมันได้”]

ห๋า? ผลการวิจัยในท้องตลาด ผู้ใหญ่ไม่ชอบดื่มนมเปรี้ยวอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้นมเปรี้ยวยังไม่เป็นที่นิยมใช่หรือไม่? เอ่อ…ดูเหมือนที่นมเปรี้ยวเป็นที่นิยมในอนาคตก็เพราะเด็กๆในสมัยนี้โตขึ้นและคุ้นเคยกับรสชาตินมเปรี้ยวจึงซื้อมันดื่มใช่หรือเปล่า?

“เด็กๆก็สามารถดื่มนมเปรี้ยวขวดใหญ่ได้เหมือนกันล่ะครับ…ผมก็แค่แนะนำคุณเท่านั้น..คุณสามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้เลย..ตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่..ขอวางสายก่อนแล้วกัน”

เฝิงหยู่รีบวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ฮึ! ชื่อของฉันในนามผู้มีไอเดียสร้างสรรค์เกือบพังไปแล้ว! คนที่มาจากโลกอนาคตจะสูญเสียไอเดียสร้างสรรค์ใหม่ๆได้อย่างไร!