ตอนที่ 1946 -1948

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1946 ขัดเกลาวิญญาณ (1)
  “เสี่ยวเสียเอ๋อร์ปวดใจหรือ?” จวินอู๋เหยาเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาของเขามาอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย เขามองใบหน้าซีดขาวของจวินอู๋เสียและพูดด้วยรอยยิ้มบางจนเหมือนไม่ได้ยิ้ม
  จวินอู๋เสียเม้มปากและหลบตา
  เมื่อเห็นสภาพของพวกเฉียวฉู่ในตอนนี้ นางก็รู้สึกไม่ดีเอามากๆ นางเป็นคนปรุงยาแปลงวิญญาณขึ้นมา ผลของมันและอาการหลังจากกินนางย่อมรู้ดี เมื่อเห็นว่าพวกเฉียวฉู่อ่อนแอเพียงใด พลังวิญญาณทั้งหมดก็ไม่เหลือ นางก็อดรู้สึกสงสัยในตัวเองไม่ได้
  ถ้านางไม่ให้ยาแปลงวิญญาณแก่พวกเขาตั้งแต่แรก พวกเขาก็คงไม่ทำเช่นนั้น และตอนนี้ก็คงไม่อ่อนแอจนถึงขนาดนี้
  ตามแผนการที่นางวางเอาไว้ แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ยาแปลงวิญญาณ พวกเขาก็แค่ต้องถ่วงเวลาเอาไว้จนกว่าพวกเย่กูจะมือว่างเข้ามาร่วมมือกับพวกเฉียวฉู่ต่อสู้กับพวกประมุขวิหารต่างๆ แต่พวกเฉียวฉู่กลับเลือกที่จะทิ้งความคิดนั้นซึ่งเป็นหนทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเขา และทำสิ่งที่สุดขั้วเพื่อที่จะแก้แค้นด้วยสองมือของตัวเอง
  จวินอู๋เสียเข้าใจความปรารถนาที่จะล้างแค้นของพวกเขา แต่นางไม่สามารถปล่อยวางสภาพน่าสังเวชของพวกเขาในตอนนี้ได้
  จวินอู๋เหยาเชยคางของจวินอู๋เสียขึ้นอย่างอ่อนโยน ไม่ยอมให้นางเลี่ยงคำถาม
  “เจ้ารู้ไหม ใต้หล้านี้ พลังอำนาจที่แท้จริงไม่ได้มาจากร่างกายของเรา แต่มาจากจิตวิญญาณ ความบกพร่องในร่างกายไม่ใช่วิกฤตสำคัญที่สุด แค่ขัดเกลาวิญญาณก็จะสามารถชดเชยได้ ขนาดที่สามารถบรรลุผลที่ดีกว่าด้วยซ้ำ” อารมณ์ความรู้สึกของเด็กน้อยชักจะมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว จวินอู๋เหยาชอบที่จะเห็นสีหน้าหลากหลายของจวินอู๋เสียให้มากขึ้นอีก แต่ไม่อยากเห็นนางทำหน้าเศร้าเลยแม้แต่น้อย
  “ขัดเกลาวิญญาณ?” จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาอย่างงุนงง สี่คำนี้ฟังแปลกหูสำหรับนางมาก แต่ก็ทำให้รู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากเช่นกัน
  จวินอู๋เหยาพยักหน้า ไล้นิ้วโป้งผ่านริมฝีปากแดงฉ่ำของจวินอู๋เสียและพูดช้าๆว่า “ร่างกายถูกทำลายได้ แต่วิญญาณจะไม่ดับสูญ คนที่วิญญาณแข็งแกร่ง แม้ว่าร่างกายจะแตกหักหรือถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ก็ยังสามารถพึ่งพาความแข็งแกร่งของวิญญาณเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แม้ว่าร่างกายของพวกเฉียวฉู่จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่วิญญาณของพวกเขายังคงสมบูรณ์ไม่บุบสลาย ถ้าพวกเขาไม่อยากเสียเวลาไปหนึ่งปี ก็สามารถเพิ่มพลังของตัวเองต่อไปด้วยการขัดเกลาวิญญาณได้ และผลที่ได้ก็ไม่ด้อยไปกว่าการฝึกฝนที่พวกเจ้าทำกันตามปกติเลย”
  “จริงหรือ?” จวินอู๋เสียตาเป็นประกาย เรื่องครั้งนี้ทำให้นางตระหนักว่าตนยังแข็งแกร่งไม่พอ นางยินดีทำทุกอย่างที่จะช่วยให้นางแข็งแกร่งขึ้น
  “ข้าเคยโกหกเจ้าหรือไง?” จวินอู๋เหยาหัวเราะอย่างมีเสน่ห์ พลางบีบคางของจวินอู๋เสียเบาๆ
  “แล้วเราจะขัดเกลาวิญญาณยังไง?” จวินอู๋เสียแทบรอที่จะเริ่มไม่ไหวแล้ว
  จวินอู๋เสียเหลือบมองผ้าพันแผลที่พันรอบหน้าผากของจวินอู๋เสีย ดวงตาส่องประกายน่ากลัว การขัดเกลาวิญญาณ ได้เวลาที่เขาจะสอนเรื่องนี้กับจวินอู๋เสียแล้ว
  “เสี่ยวเสียเอ๋อร์ยังจำโลกวิญญาณได้ไหม?” จวินอู๋เหยาถาม
  “จำได้ สถานที่ที่ภูติประจำตัวอยู่ หนึ่งในสี่ดินแดน” จวินอู๋เสียพูดทุกอย่างที่นางรู้เกี่ยวกับสถานที่นั้นทันที
  นางได้ยินคำว่าโลกวิญญาณครั้งแรกจากปากของบัวน้อย หลังจากที่นางมาถึงอาณาจักรกลางแล้ว นางถึงได้รู้ว่าโลกวิญญาณคือหนึ่งในสี่ดินแดนที่อยู่ในอาณาจักรกลาง
  แต่นางอยู่ในอาณาจักรลางมานานแล้วก็ยังไม่เคยเจอใครที่มาจากสี่ดินแดนเลย
  สี่ดินแดนของอาณาจักรกลาง ประกอบด้วย โลกวิญญาณ, โลกวิญญาณชีพ, โลกหมื่นวิญญาณ, และโลกวิญญาณอาถรรพ์
  แม้ว่าพวกเขาจะมีอันดับสูงกว่าเก้าอาราม แต่พวกเขาก็สงบเสงี่ยมกันมาก จะเคลื่อนไหวในเขตอิทธิพลของตนเองเท่านั้น ไม่เคยออกมาติดต่อกับคนภายนอก ไม่ว่าคนของอาณาจักรกลางจะรู้อะไรเกี่ยวกับสี่ดินแดน ทั้งหมดที่พวกเขารู้ก็ยังน้อยกว่าที่รู้เกี่ยวกับราชอาณาจักรแห่งความมืดซะอีก
ตอนที่ 1947 ขัดเกลาวิญญาณ (2)
  “มีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่โลกวิญญาณได้ แต่มันเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการขัดเกลาวิญญาณ ถ้าเสี่ยวเสียเอ๋อร์ต้องการ ข้าพาพวกเจ้าไปที่นั่นได้” จวินอู๋เหยามองดวงตาที่เปล่งประกายของจวินอู๋เสียแล้วใจเต้น เขาอดใจไม่ไหว เอนตัวไปข้างหน้า และจูบเบาๆที่ดวงตาของนาง
  จวินอู๋เสียหดคอจากการหยอกเย้านั้น
  “โลกวิญญาณ วิญญาณของพ่อข้าก็น่าจะอยู่ที่นั่น ข้าอยากไป!” จวินอู๋เสียไม่ลืมเรื่องที่จะทำให้จวินกู่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา หยกกล่อมวิญญาณได้ปกป้องวิญญาณของจวินกู่เอาไว้ และย้ายเขาเข้าสู่โลกวิญญาณ นางจะไม่ยอมทิ้งโอกาสนี้
  “แต่มันเป็นสถานที่ที่มีแต่วิญญาณเท่านั้นที่เข้าไปได้ แล้วพวกเราจะเข้าไปกันยังไง?” จวินอู๋เสียถามอย่างสงสัย
  “ข้ามีวิธีของข้า เจ้าแค่พักรักษาตัวให้ดี ที่เหลือปล่อยให้ข้าจัดการเอง” จวินอู๋เหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม นิ้วลูบไล้ใต้ริมฝีปากของนาง ทำใจละทิ้งสัมผัสเนียนนุ่มไม่ได้
  จวินอู๋เสียกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา และก้มหน้าลงกัดนิ้วของจวินอู๋เหยา นางไม่ได้กัดแรงมาก แค่พอที่จะทิ้งรอยฟันไว้บนเนื้อ
  จวินอู๋เหยาหน้าแดงทันที……
  เย่ฉาและเย่เม่ยที่หมอบอยู่ในเงามืดเอามือปิดหน้าอย่างเงียบๆ [คุณหนูเริ่มเชี่ยวชาญในการหยอกล้อนายท่านเจว๋มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนายท่านเจว๋ ท่านยังแก้นิสัยหน้าแดงไม่ได้อีกหรือ?]
  มุมปากของจวินอู๋เสียโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางขณะมองใบหน้าแดงระเรื่อของจวินอู๋เหยา แล้วจู่ๆก็เกิดความคิดที่จะแกล้งเขากลับบ้าง นางเอื้อมมือออกไปและเลียนแบบจวินอู๋เหยา เชยคางของเขาขึ้น ลูบเบาๆ พร้อมกับพูดว่า
  “เช่นนั้นข้าก็จะปล่อยทุกอย่างให้ท่านเป็นคนจัดการ ข้าจะรอนะ”
  ใบหน้าของจวินอู๋เหยายิ่งแดงเข้มมากขึ้น……
  จวินอู๋เสียอารมณ์ดีขึ้นมาก ความเจ็บปวดจากบาดแผลบนร่างก็ดูเหมือนจะหายไปเช่นกัน นางหัวเราะเบาๆ หัวใจเต็มไปด้วยความสุข แล้วก็เดินโฉบผ่านด้านข้างของจวินอู๋เหยาไป
  เมื่อรู้ว่าพวกเขาสามารถใช้วิธีการขัดเกลาวิญญาณเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่พวกเฉียวฉู่ไม่สามารถฝึกฝนร่างกายได้ และนางก็จะสามารถตามหาวิญญาณของจวินกู่ในโลกวิญญาณได้ด้วย จวินอู๋เสียจึงอารมณ์ดีขึ้นมาก
  การตายของประมุขสิบสองวิหารทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ศิษย์สิบสองวิหารที่หนีไปได้ก็พากันหนีไปให้ไกลจากที่นั่น ศิษย์ที่บาดเจ็บซึ่งถูกทิ้งไว้ต่างรู้สึกสิ้นหวังอย่างยิ่ง คิดว่าพวกตนจะต้องถูกฆ่าทั้งหมดอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงเลยว่าบ่ายวันนั้นมู่เฉินจะพาลูกศิษย์ของเขากลุ่มหนึ่งเข้ามารักษาอาการบาดเจ็บให้เชลยอย่างพวกเขา
  การกระทำของพวกเขาทำให้ศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บพากันตกตะลึงจนตัวแข็งเป็นท่อนไม้
  พวกเขาไม่ได้มีจิตใจที่ชั่วร้าย แค่เลือกจะจงรักภักดีหลังจากที่ได้เข้าร่วมสิบสองวิหารแล้ว คนที่ยังอยู่และยังมีชีวิตรอดทั้งหมดเป็นคนที่ไม่ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง จวินอู๋เสียไม่คิดที่จะเอาชีวิตของพวกเขา นอกจากนั้น สิบสองวิหารก็ล่มสลายไปแล้ว ต่อให้พวกเขาคิดแก้แค้น พวกเขาก็สูญเสียผู้นำไปหมดแล้ว และจวินอู๋เสียยังได้ส่งคนไปป่าวประกาศให้พวกเขารู้ถึงการกระทำและอาชญากรรมที่ต่ำช้าน่ารังเกียจทั้งหมดที่สิบสองวิหารได้แอบดำเนินการอย่างลับๆ
  ศิษย์ที่จิตใจเรียบง่ายเหล่านี้ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เมื่อได้รับการบอกเล่าถึงอาชญากรรมชั่วร้ายทั้งหมดที่สิบสองวิหารได้ก่อขึ้น พวกเขาก็พากันตกตะลึง สีหน้าเคร่งเครียดอย่างมาก
  เหล่าศิษย์ที่ต้องการต่อสู้จนตัวตายเพื่อแก้แค้นให้ประมุขของพวกเขาก็หยุดทันที เมื่อตระหนักว่าคนที่พวกเขาสาบานจะจงรักภักดีนั้น แท้จริงแล้วเป็นปีศาจที่โหดเหี้ยมต่ำช้า มีกระทั่งว่าศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากๆซึ่งวิหารต่างๆต้องการเก็บพรสวรรค์ของพวกเขาเอาไว้ใช้ จึงได้ทำการตัดการติดต่อทุกรูปแบบกับโลกภายนอก แอบกำจัดคนในครอบครัวของศิษย์พวกนั้นทั้งหมด เพื่อให้พวกเขาภักดีกับวิหารไปตลอดชีวิต ไม่สามารถมีความคิดอื่นใดได้อีก ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เฟยเหยียนนำออกมาจากวิหารมังกรแบบละเอียดยิบ
ตอนที่ 1948 เลี่ยงการต่อสู้ (1)
  เมื่อข้อกล่าวหานับไม่ถ้วนมากองอยู่ตรงหน้า ศิษย์ของแต่ละวิหารก็ไม่สามารถหาข้ออ้างให้ตนจงรักภักดีต่อไปได้ ส่วนศิษย์ที่ครอบครัวถูกสังหารก็ทรุดลงร่ำไห้กับพื้น ท่ามกลางเสียงร้องไห้คร่ำครวญอันโศกเศร้า มู่เฉินได้นำกลุ่มผู้รักษาเริ่มทำการรักษาอาการบาดเจ็บของคนเหล่านี้
  พวกศิษย์ที่ยังต่อต้าน เมื่อเจอเรื่องนี้เข้าไป ก็ไม่ต่อต้านอีก และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
  พวกที่ครอบครัวถูกสังหารถึงกับเอ่ยปากขอบคุณพวกมู่เฉิน ขอบคุณที่แก้แค้นให้ครอบครัวของพวกเขา
  เมื่อดูแลจัดการเชลยสิบสองวิหารทั้งหมดแล้ว ฉูหลิงเย่ก็จัดการแยกข้อมูลและส่งไปที่ห้องของจวินอู๋เสียเพื่อให้จวินอู๋เสียทำการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
  “พวกสิบสองวิหารที่อยู่ในเมืองทำใจได้แล้ว ประมุขสิบสองวิหารตายหมดแล้ว ผู้อาวุโสของวิหารต่างๆก็ตายกันเกือบหมด จะจัดการกับพวกที่เหลืออย่างไรเพคะ?” ฉูหลิงเย่ข่มความต้องการที่อยากจะถามถึงอาการบาดเจ็บของจวินอู๋เสียและทำงานให้เสร็จเรียบร้อย
  “เราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น ข้าจะให้คนไปแจ้งข่าวกับวิหารหยกวิญญาณ นี่เป็นข้อตกลงที่ข้าทำไว้กับพวกเขาก่อนหน้านี้” จวินอู๋เสียอ่านรายละเอียดในม้วนกระดาษที่เตรียมข้อมูลไว้อย่างพิถีพิถันมาก และรู้สึกชื่นชมความสามารถอันยอดเยี่ยมของฉูหลิงเย่
  ตอนแรกที่นางไปที่วิหารหยกวิญญาณ นางได้คุยเรื่องทั้งหมดนี้กับประมุขวิหารหยกวิญญาณแล้ว นางจะทำลายสิบสองวิหารและให้วิหารหยกวิญญาณขึ้นเป็นผู้นำ นางไม่มีความคิดอื่นใดต่ออำนาจของสิบสองวิหารเลยสักนิด โยนให้วิหารหยกวิญญาณนี่แหละสบายใจที่สุด
  “แล้วเรื่องกู่อิ่งจะทำยังไงเพคะ?” ฉูหลิงเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่เห็นจวินอู๋เหยาอุ้มจวินอู๋เสียที่เต็มไปด้วยเลือดออกมา ใจนางเหมือนถูกมีดคว้าน หลังจากนั้นก็ได้รู้จากเย่ฉาว่าเป็นเพราะกู่อิ่งนำคนพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน
  กู่อิ่งฆ่ากู่อี้ และคนที่เขาพามาก็มีพลังเหนือกว่าคนของสิบสองวิหารมาก จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาใช้กองกำลังของอารามหลิงซวี
  จวินอู๋เสียหรี่ตา เรื่องของกู่อิ่งเป็นปัญหายุ่งยากอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้นางถามจวินอู๋เหยาเรื่องของกู่อิ่งแล้ว และได้รู้ว่ากู่อิ่งใช้วิชาย้ายวิญญาณหลบหนีไป แต่วิชาย้ายวิญญาณเป็นอันตรายต่อผู้ใช้อย่างมาก แม้ว่าวิญญาณของเขาจะหนีไปได้ แต่การสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ก็เป็นงานที่ยากมาก ดังนั้นกู่อิ่งจะไม่สามารถสร้างปัญหาได้ไประยะหนึ่ง
  “ตอนนี้ปล่อยไปก่อน เราเพิ่งผ่านศึกใหญ่มา แม้ว่าจะอยากขอคำอธิบายกับอารามหลิงซวี แต่เกรงว่าเราจะถูกเก้าอารามกดดันซะมากกว่า” ไม่ใช่ว่าจวินอู๋เสียไม่อยากตัดรากถอนโคน แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะสู้กับเก้าอาราม การทำลายสิบสองวิหารก็ทำให้นางใช้พลังใจไปมากมายแล้ว ต้องวางแผนถึงสองปีเต็ม สร้างความร้าวฉานขึ้นในสิบสองวิหาร กว่าจะฉวยโอกาสจัดการในการประชุมสุดยอดสิบสองวิหารได้สำเร็จ ถ้าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเก้าอารามตอนนี้ อย่าว่าแต่แก้แค้นเลย ทุกคนในอาณาจักรล่างคงจะพ่ายแพ้ด้วยมือของเก้าอาราม
  “หลังจากส่งมอบทุกอย่างให้วิหารหยกวิญญาณแล้ว พวกเจ้าทุกคนควรกลับไปที่อาณาจักรล่างทันที อย่าอยู่ที่อาณาจักรกลางนานไปกว่านี้” จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าเรื่องของกู่อิ่งจะบังคับให้เก้าอารามกระทำการใดๆหรือไม่ นางจึงต้องส่งคนกลับไปที่อาณาจักรล่างเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน ต่อให้เก้าอารามอยากหาเรื่องพวกเขา แต่ที่อาณาจักรล่างเป็นถิ่นของจวินอู๋เสีย ถึงเก้าอารามจะระดมกำลังมาทั้งหมด จวินอู๋เสียก็มั่นใจว่าจะทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับไปได้
  แต่ถ้าเก้าอารามไม่เคลื่อนไหวก็จะเป็นการดีที่สุด
  ศึกกับสิบสองวิหารครั้งนี้ แม้จะได้รับชัยชนะ แต่ก็สูญเสียไปไม่น้อย พวกเฉียวฉู่ที่เป็นกำลังหลักของพวกเขาไม่สามารถใช้พลังวิญญาณได้ถึงหนึ่งปีเต็มๆ แม้แต่เย่กูก็ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง
  “เพคะ หม่อมฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” ฉูหลิงเย่พยักหน้าอย่างเข้าใจถึงความกังวลของจวินอู๋เสีย