บทที่ 587 ปีศาจธานอส
ณ ชั้นสามสิบสามของหอคอยเวทมนตร์อัลลิน …

แม้ว่าหอคอยเวทมนตร์จะปิดโดยอัตโนมัติ และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปในยามวิกาล ลูเซียนไม่ได้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์นั้นในฐานะมหาจอมเวท เขานำนาตาชากระโดดข้ามมิติมาจาก ‘จักรวาลอะตอม’ มิติพิเศษของเขา มายังห้องสมุดบนชั้นสามสิบสาม ก่อนที่ทั้งสองคนเข้าก้าวเข้าไปในลิฟต์

หอคอยเวทมนตร์ในยามวิกาลเงียบเสียยิ่งกว่าปกติ ขณะที่ทั้งคู่เดินอยู่ภายในเฉลียงทางเดินเงิน เสียงฝีเท้าของทั้งสองดังก้องสะท้อนไปทั่วภายใต้บรรยากาศที่เงียบเชียบชนขนลุก

ลูเซียนกับนาตาชายังไม่ทันก้าวเท้าเข้าบริเวณที่ตั้งของสถานีวิทยุสกาย หมาป่าสีขาวตัวเขื่องก็วิ่งพุ่งออกมา หลังจากรู้ว่าคนที่มานั้นคือลูเซียน มันก็นั่งหมอบลงและส่ายหางไปมาในทันที

“อรุณสวัสดิ์ท่านอีวานส์ สายัณสวัสดิ์เพคะ องค์ราชินี” หลุยส์ซึ่งอยู่ในชุดเดรสสีดอกเดซี่เอ่ยปากทักทายทั้งสองคน

เมื่อได้ยินเสียงหวาน ๆ อันคุ้นเคยของนาง นาตาชาก็ถามขึ้นด้วยความดีใจ “เจ้าคือท่านหญิงไนติงเกลใช่ไหม? ข้าชอบรายการของเจ้ามาก เดี๋ยวนะ เจ้าคือหลุยส์ นักดนตรีที่หายสาบสูญของอัลโต้ใช่ไหม?”

นางจำนักดนตรีหน้าใหม่แห่งนครอัลโต้คนนี้ได้จากใบหน้าอันหมดจดและหมาป่าขาวที่เป็นเพื่อนคู่กายของนาง

“นางเป็นนักดนตรีหลุยส์ แต่ข้าคิดว่าเจ้าต้องรู้จักนางในอีกนามแฝงหนึ่ง เมอร์คิวรี่ นักเวทฝึกหัดเมอร์คิวรี่”

นาตาชาพยายามจะพูดอะไรออกมา แต่แล้วนางก็ส่ายหน้า “สมาคมนักดนตรีแห่งอัลโต้น่าจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสมาคมนักเวทแห่งอัลโต้นะ นักดนตรีกลายเป็นนักเวทกันง่ายจัง หรือว่านักเวทชอบปลอมตัวเป็นนักดนตรีกันแน่?”

นางรู้จักนักเวทฝึกหัดเมอร์คิวรี่ผ่านทางซิลเวีย ก่อนที่จะรู้จักลูเซียน แต่นางไม่รู้มาก่อนว่าเมอร์คิวรี่ก็เป็นนักดนตรีที่หนีมายังอัลลิน!

นี่ไม่ใช่สมาคมนักเวทแห่งอัลโต้ แต่เป็นโรงเรียนเตรียมสำหรับ ‘นักเรียนนานาชาติ’… ลูเซียนแอบออกความเห็นอยู่ในใจ

หลุยส์ตอบ “ก็เพราะมีนักดนตรีที่ยิ่งใหญ่และมหาจอมเวทเป็นแบบอย่างให้กระหม่อมเพคะ พระองค์เสด็จมาเยือนสถานีวิทยุหรือเพคะ?”

นาตาชามองลูเซียนพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราอันอบอุ่น “ข้าขอให้ลูเซียนพาข้ามาที่นี่ เพราะข้าชอบเสียงของเจ้ากับท่านหญิงลาร์ค ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะบังเอิญเจอเจ้า เสียงจริง ๆ ของเจ้ารื่นหูน่าฟังเสียยิ่งกว่าในวิทยุเสียอีก”

“ก็เพราะเครื่องรับวิทยุยังไม่ดีพอ” ลูเซียนอธิบายเหตุผลปกป้องสถานีวิทยุ

หลุยส์ยิ้มหวานอย่างสุภาพอ่อนโยน “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคำชมจากองค์ราชินีเพคะ แต่ ‘เสียงแห่งอาร์คานา’ กำลังจะเริ่มแล้ว ขอประทานอภัยเพคะ ท่านอีวานส์ ซาแมนธากำลังรอท่านอยู่ในห้องประชุมค่ะ”

“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะ” นาตาชาพูดด้วยความรื่นรมย์ “ข้าบังเอิญเจอท่านหญิงไนติงเกลทันทีที่มาถึง ดูเหมือนโชคของข้าจะหมดแล้วสินะ”

นางกำลังพูดถึงความวุ่นวายในห้องทดลองยามเช้า และการควบคุมสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดของลูเซียน

“นานมาแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามีมารยาทขนาดนี้” ลูเซียนแซวนาง ขณะที่เขานำนางตรงไปยังห้องประชุม

นาตาชาชำเลืองมองนาตาชา “มารยาทของข้าเก็บไว้ให้สุภาพสตรีเท่านั้น ฮ่า ๆ แล้วเจ้าจะมีโอกาส”

ชายหนุมสองคนพูดไปหัวเราะไป แต่หลุยส์ถอนหายใจอยู่ในห้องออกอากาศ “องค์ราชินีกับท่านอีวานส์รู้จักกันมานานแล้ว ทั้งสองคงเป็นคู่รักกันมาตั้งแต่ในอัลโต้… แล้วตอนนี้ทั้งสองก็ได้อยู่ด้วยกัน แม้จะมีอุปสรรคนานัปการ…”

นางมองเห็นชัดเลยว่าลูเซียนกับนาตาชาต่างสวมแหวนบนนิ้วนางข้างซ้าย แหวนของนาตาชาก็ยิ่งเป็นแหวน ‘ธาตุ’ รางวัลมงกุฎแห่งโฮล์มอันโด่งดัง

หลังจากเปิดประตูห้องประชุม จอมเวททุกคนก็โค้งคำนับเขา “ท่านมหาจอมเวท ท่านคือสัจธรรมแห่งธาตุและเสาหลักแห่งการควบคุมกาลและอวกาศ”

“ไม่ต้องพิธีรีตองมากนักหรอก เวลาของทุกคนมีค่า” ลูเซียนยกข้ออ้างติดตลกก่อนชี้ไปที่นาตาชา “ท่านนี้คือนาตาชา คู่หมั้นของข้าและราชินีแห่งโฮล์ม”

จอมเวททุกคนรู้สึกชุ่มช่ำหัวใจที่ได้รู้ข่าวก่อนใคร ท่านอีวานส์ยอมรับการหมั้นกับราชินีแล้วเหรอ? นอกจากนี้ พวกเขายังแอบชื่นชมความงามและบุคลิกภาพของนาตาชา เพราะพวกเขาเพิ่งเคยเห็นนักเวทที่มีเสน่ห์ระดับนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ซาแมนธาตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างจริงใจ “ข้าไม่ยักรู้ว่าท่านหมั้นแล้ว ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะ”

นาตาชายิ้ม “เจ้าคือท่านหญิงลาร์คใช่ไหม? เสียงของเจ้าน่าฟังเสียยิ่งกว่าเสียงของลาร์คตัวจริงเสียอีก ข้าเป็นแฟนตัวยงของเจ้าเลย”

“นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ” ซาแมนธาดึงสติกลับมาและพูดกับลูเซียน “ท่านอีวานส์ มันเป็นสถานีวิทยุของศาสนจักรจริง ๆ มันชื่อวา ‘เสียงแห่งการรอดพ้น’”

ขณะที่นางพูด เสียงซุบซิบของเหล่าจอมเวทก็ค่อย ๆ เงียบลง และก็มีเสียงวิทยุจากวงเวทดังเข้ามาในโสตประสาทของลูเซียนและนาตาชาอย่างชัดเจน

“ข้าเชื่อว่าทุกการแข่งขันและทุกโอกาสย่อมมีผลบุญตามมาเสมอ และสิ่งเหล่านั่นคือคุณงามความดี เช่น ความเมตตา ความกรุณา ความซื่อสัตย์ และความหาญกล้า นั่นคือแสงอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงกรุณา ที่ช่วยปลอบให้ดวงจิตของเราสงบ และปกป้องเราจากบาปของโลกใบนี้ นักเวทผู้ชั่วช้าสามานย์และอัศวินรัตติกาลที่ก้าวล่วงห้วงสามัญสำนึก คนเหล่านั้นล้วนเลวทรามและถูกลิขิตให้ถูกทำลาย…”

“…เหล่าภราดรและกนิษฐา เราจะได้รับการคุ้มครอง เมื่อเราสวดภาวนาในพระนามของพระเจ้า ณ โอกาสนี้ เราขอเชิญผู้ศรัทธาจากชนชั้นวรรณะในสังคมอันหลากหลายมาสาธยาย พวกเขาจะเล่าให้ท่านฟังถึงความเชื่อและคุณงามความดี”

“…ข้าคือผู้ศรัทธาผู้ยากไร้ ในเมืองที่ข้าอยู่ ความป่วยไข้และการบาดเจ็บมักลงเอยที่ความตาย แต่ข้ารอดชีวิตจากโรคร้ายมาได้ เพราะเพื่อนบ้านของข้า บาทหลวงในเมืองให้การรักษาและดูแลข้าโดยไม่ขออะไรตอบแทน สุขภาพและความสงบสุขทางจิตใจของข้าก็ฟื้นคืนกลับมา…”

“…ในอดีต ชีวิตข้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แต่หลังจากท่านบาทหลวงได้ปราศรัยกับกับข้า ข้าก็สงบและอิ่มเอมกับความสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…”

“ต่อไปเป็นรายการ ‘เวทมนตร์ร้ายที่คุณไม่รู้’ ในสงครามแห่งเรนทาโต นักเวทชั่วร้ายเรียกปีศาจจากขุมนรกด้วยการบูชายัญมนุษย์ทั้งเป็น ซึ่งเป็นการกระทำอันเลวทราม ขอให้ข้าได้เล่ารายละเอียดให้พวกท่านฟัง…”

จอมเวทคนหนึ่งหัวเราะออกมา “ศาสนจักรลอกผลงานของเราไปเลย!”

“นั่นเป็นทางเดียวที่จะก่อตั้งสถานีวิทยุเร็วขนาดนี้ ผู้ดำเนินรายการก็เป็นผู้หญิงเสียงหวาน” จอมเวทอีกคนตอบพร้อมกับรอยยิ้ม

“อย่าประเมินความเข้าใจของศาสนจักรเกี่ยวกับอาร์คานาต่ำไป แต่รายการก็ยังไม่มีชีวิตชีวาและน่าสนใจมากพอ” ลูเซียนพยักหน้า “หาคนมาคอยตามช่องนี้ แต่อย่าหลังคล้อยตามพวกมัน”

“รับทราบ” จอมเวททุกคนตอบรับ

“…ชะตาของเราถูกพระเจ้ากำหนดไว้แล้ว ทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้ว มีเพียงความเชื่อในพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยพวกเราได้…”

จอมเวททุกคนแสดงท่าทางดูหมิ่นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งกระตุ้นให้นาตาชาสนใจขึ้นมา “ทุกคน นี่คือคำนิยามชะตาของศาสนจักร แล้วชะตาในอาร์คานาและเวทมนตร์ล่ะคืออะไร? การพยากรณ์ของพวกเจ้าแม่นยำแค่ไหน?”

แม่ของนางไม่ได้ช่ำชองด้านโหราศาสตร์ นางจึงไม่มีความรู้เรื่องนี้มากนัก

ในฐานะนักเวทชั้นอาวุโสแห่งสำนักโหราศาสตร์ ซาแมนธาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตามหลักโหราศาสตร์ ชะตาก็กำหนดไว้แล้วเช่นกัน แต่ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับพระเจ้าแห่งสัจธรรม”

“ทำไมล่ะ?” นาตาชามองลูเซียนและรู้สึกยากลำบากที่จะยอมรับว่าโชคชะตาเปลี่ยนแปลงไม่ได้

ลูเซียนส่งสัญญาณให้นางฟังก่อนแล้วเก็บคำถามไว้ทีหลัง

“กระหม่อมอยากทราบว่าพระองค์เคยได้ยินเรื่อง ‘ปีศาจธานอส’ ไหมเพคะ” ซาแมนธาพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด

นาตาชาส่ายหน้า “ไม่เลย”

เนื่องจากลูเซียนก็เพิ่งเริ่มศึกษาโหราศาสตร์ เขาก็ไม่มั่นใจชัดเจนว่า ‘ปีศาจธานอส’ คืออะไรเช่นกัน

“ในช่วงปลายจักรวรรดิเวทมนตร์ นักเวทเชื่อในเหตุวิสัย หรือที่รู้จักกันว่ากฎแห่งกรรม พวกเขาเชื่อว่าตราบใดรับรู้เงื่อนไขและตัวแปรที่ส่งอิทธิพลต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผลของสิ่งนั้นก็สามารถอนุมานได้อย่างชัดเจนผ่านแบบแผนต่าง ๆ เมื่อมีผล ก็ต้องมีเหตุ เมื่อมีเหตุ ก็ต้องมีผล” ซาแมนธานำเสนอกฎแห่งกรรมพื้นฐาน “เมื่ออาร์คานาพัฒนาขึ้น แนวคิดนี้ก็ยิ่งได้รับความนิยมยิ่งขึ้นตราบใดที่มีเงื่อนไขและข้อมูล เราก็จะแสวงหาผลลัพธ์ได้แน่นอน”

เมื่อเห็นว่านาตาชายังคงสับสนอยู่ จอมเวทหญิงอีกคนก็ยกตัวอย่างเพิ่มขึ้นมา “องค์ราชินี สมมติว่ากระหม่อมมีเงินในมือหนึ่งธาเล แล้วกระหม่อมก็โยนออกไป ไม่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งต้องตกลงบนพื้นใช่ไหมเพคะ?”

“ใช่” นาตาชาคิดตามและตอบอย่างจริงจัง

“ไม่ ไม่จริงเพคะ หลังจากกระหม่อมโยนเหรียญ ตราบใดที่กระหม่อมรู้แรง คุณภาพของเหรียญธาเล ความชื้น แรงลม และเงื่อนไขอื่น ๆ กระหม่อมจะสามารถคำนวณได้ว่าฝั่งไหนจะตกลงบนพื้นตามระบบการเคลื่อนที่ของดักลาส ไม่มีความเป็นไปได้อื่น” จอมเวทหญิงประกาศอย่างภาคภูมิ

จอมเวทเป็นผู้สำรวจโลก สรุปแบบแผนต่าง ๆ และทำนายโลกด้วยการผลการค้นพบ นั่นคือเสน่ห์ที่แท้จริงของอาร์คานา!

นาตาชาคิดอยู่พักหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว จังหวะที่เหรียญธาเลถูกโยน ปัจจัยที่มีอิทธิพลทั้งหมดถูกระบุ ผลจึงถูกกำหนดไว้แล้ว”

“ถูกต้องเพคะ นั่นแหละที่เรียกว่าเหตุวิสัยและกฎแห่งกรรม ในอีกมุมหนึ่ง ‘ปีศาจธานอส’ ก็เป็นแนวคิดที่ราชันย์แห่งสุริยาคิดขึ้นมา”

ซาแมนธากลับเข้าสู่หัวข้อเดิม “เขามองสถานะปัจจุบันของโลกว่าเป็นผลจากอดีต และเป็นเหตุแห่งอนาคต โดยสมมติขึ้นมาว่ามีปีศาจที่แข็งแกร่งมากที่รู้สถานะและรูปแบบของทุกสิ่ง มันสามารถอนุมานทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต”

“นอกจากนี้ มันจะสามารถทำนายทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อนาคตจะถูกกำหนดเป็นประวัติศาสตร์ นั่นคือ ‘ปีศาจธานอส’ มันบอกเราว่าชะตาของโลกใบนี้ถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่วินาทีที่โลกเกิดมา เราไม่สามารถทำนายอนาคตเพียงเพราะเรารู้น้อยเกินไปและเข้าใจรูปแบบน้อยเกินไป”

นาตาชาก็ยังไม่อาจยอมรับกฎแห่งกรรมได้ “แต่หัวใจเราทำนายไม่ได้นะสิ”

“ไม่ถูกเพคะ บุคลิกภาพของทุกคนได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อม ไม่ใช่สิเพคะ บุคลิกภาพของเราถูกกำหนดด้วยหลายปัจจัย และบุคลิกภาพที่ถูกกำหนดไว้รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ เมื่อมีการตัดสินใจ จะส่งผลให้ได้คำตอบที่ถูกกำหนดไว้ แม้กระทั่งหัวใจที่ทำนายไม่ได้เพคะ องค์ราชินี พระองค์ไม่เคยเดาปฏิกิริยาของศัตรูในการต่อสู้ได้เหรอเพคะ?” ซาแมนธาตอบอย่างเยือกเย็น

นาตาชาพยักหน้า แต่ต่อมาก็ส่ายหน้า ไม่รู้ว่านางควรจะโต้แย้งอย่างไร

ซาแมนธากล่าวต่ออย่างภาคภูมิแต่เศร้าใจ “จอมเวททุกคนในสำนักโหราศาสตร์ภูมิใจที่สามารถมองเห็นโชคชะตา และก็เศร้าที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งโหดร้ายและทารุณ แต่มันคือความจริง เมื่อมีเหตุ ก็ต้องมีผล ทุกอย่างถูกตัดสินด้วยอดีต”

การอภิปรายเรื่องชะตาจบลง นาตาชาตกอยู่ในความเงียบงัน จนกระทั่งทั้งสองออกจากหอคอยเวทมนตร์อัลลิน นาตาชาจึงคว้ามือของลูเซียนก่อนจะถามว่า “ลูเซียน เจ้าเชื่อว่าชะตาถูกกำหนดไว้แล้วและเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรือเปล่า?”

มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานและบั่นทอนอย่างยิ่ง!

“ไม่” ลูเซียนตอบพร้อมกับรอยยิ้ม หลังจากห้องสมุดห้วงจิตของเขาถูกปลดผนึก เขาก็ได้ศึกษากลศาสตร์ควอนตัม

นาตาชาไม่คิดว่าลูเซียนจะตอบเร็วและมั่นใจขนาดนี้ นางหันกลับมาด้วยความงุนงง และพูดด้วยรอยยิ้มเบ่งบาน “ข้าก็ด้วย ข้าเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนชะตาของเราได้ในระดับหนึ่ง ฮ่า ๆ ข้าน่าจะรู้คำตอบของเจ้าอยู่แล้ว วิญญาณแห่งการต่อต้านไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่เพลงซิมโฟนีแห่งชะตาชีวิตเป็นสิ่งที่ข้าชื่นชมและชอบเจ้าที่สุด”

“นั่นแหละ มีเรื่องต้องจัดการ” ลูเซียนพูดเสียงแผ่วเบา ขณะที่นาตาชากำลังสับสน เขาก็มองขึ้นไปบนฟ้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม “กฎแห่งกรรมต้องตาย!”

เพราะเราต้องรอด!

……………………………………………………