SD:บทที่ 8 การจัดส่งยา

ซูฉิวไป่ กลับไปที่บ้านของเขา  หลังจากจอดรถเขาพาสุนัข 2 ตัวขึ้นไปชั้นบนและนำโสมอายุ 500 ปีออกมา ส่วนโสมที่เหลืออีกครึ่งกระสอบและสมุนไพรอื่นๆที่ไม่รู้จักถูกทิ้งไว้ที่รถ

คนขับรถรู้สึกเหนื่อยล้าจากคืนที่ยาวนานเขาผล็อยหลับไป ไม่นานหลังจากเข้าไปในบ้าน สุนัข 2 ตัวขึ้นไปนอนบนโซฟาและหลับเช่นกัน

ซูฉิวไป่ นอนหลับตลอดทั้งคืนจนกระทั่งเขาถูกสุนัขสีขาวตัวเล็กปลุกให้ตื่น

“รีบไปโรงพยาบาลกันเถอะ”

ทันทีที่ ซูฉิวไป่ ลืมตาสุนัขสีขาวเริ่มจ้องมองเขาอย่างน่าสงสารทันที

คุณจะดุด่าอะไรกับสุนัขได้บ้าง เขากระโดดจากเตียงแล้วมองดูดวงอาทิตย์ด้านนอก เขาถอนหายใจอย่างมีความสุขเพื่อต้อนรับวันใหม่ จากนั้นเขารีบแต่งตัวและเก็บข้าวของ

ก่อนออกจากบ้าน ซูฉิวไป่ เลือกโสมที่ดีที่สุด 5-6 อันนั้นเขาห่อด้วยกระดาษคราฟท์ เขาวางแผนที่จะมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลและมอบมันให้กับ เซี่ยหรงหรง

เขาจะหาวิธีการแก้ปัญหาอื่นหากวิธีนี้ไม่ได้ผล

นอกจากนี้วันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะรับผู้โดยสาร เขาคิดว่าจะหาวิธีชดใช้ค่ารถสปอร์ตหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลว่าเขาจะสามารถจ่ายหนี้ได้เท่าไหร่ และจะคิดถึงสิ่งที่ต้องทำหลังจากนั้น

เขาออกไปพร้อมสุนัขสีขาวตัวเล็กส่วน วังไค่ อยู่บ้าน

ซูฉิวไป่ มาถึงโรงพยาบาลในเวลาไม่นาน จากนั้นเขาตรงขึ้นไปยังห้องผู้ป่วย แต่ลังเลเล็กน้อยเมื่ออยู่หน้าประตู

เขาคุ้นเคยกับสุนัขสีขาวนี้หลังจากใช้เวลาอยู่กับมัน แต่ เซี่ยหรงหรง จะเข้าใจว่าอย่างไร เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรเมื่อเขาเข้าไปด้านใน เขาไม่สามารถเข้าไปในห้องแล้วพูดแค่ว่า “สวัสดี ผมชื่อ ซูฉิวไป่   ผมมาที่นี่เพื่อมอบโสมให้กับคุณ”

ในขณะที่เขากำลังคขบคิดอยู่นั้น สุนัขสีขาวตัวเล็กก็กระโจนออกจากอ้อมแขนและวิ่งเข้าไปในห้อง

ในขณะเดียวกันมีคนอยู่ในห้องของ เซี่ยหรงหรง  ไม่ได้มีเพียงน้าของเธอเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงปู่ของเธอพร้อมกับบอดี้การ์ดบางคนพวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ด้านซ้ายของเตียง

ส่วนในด้านขวาของเตียงคือ หลี่มู่ฮ่าว และพ่อของเขา ด้านข้างของเขามีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวมีสไตล์ยืนอยู่ข้างหลัง

“ปู่เซี่ย มู่ฮ่าว และผมห่วงใยสุขภาพของหรงหรงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้มันก็เป็นเพียงโสมป่า คุณไม่ต้องจริงจังกับมันมากแค่ยอมรับมันไป”

คนที่พูดคือพ่อของ หลี่มู่ฮ่าว เขาชื่อ หลี่ติงเทียน ผู้ก่อตั้งกลุ่มหลี่ เขายิ้มให้กับ เซี่ยหรงหรง ใบหน้าของเขาอ้วนเล็กน้อย

“ติงเทียน คุณก็รู้ว่า คนของเรานั้นขี้อายเกินไป ผมไม่ต้องการพูดมากเกี่ยวกับโสมป่าอายุ 100 ปีนี้ว่ามันมีค่ามากเพียงใด ความกรุณานี้ผมกลัวว่ากลุ่มเซี่ยไม่สามารถจ่ายได้”

ปู่เซี่ยเหลือบมองไปที่ เซี่ยหรงหรง ที่ยังคงเงียบอยู่เขาถอนหายใจและพูดกับ หลี่ติงเทียน

หลี่มู่ฮ่าว รู้สึกกังวลหลังจากได้ยินเรื่องนี้ดังนั้นเขาจึงส่งกล่องให้กับปู่เซี่ยโดยตรง

“คุณปู่ คุณรู้หรือไม่ว่าโสมอายุ 100 ปีเป็นสิ่งที่สามารถช่วยรักษาการเจ็บป่วยของหรงหรงได้…ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนักสิ่งสำคัญคือการรักษาอาการเจ็บป่วยของเธอก่อน”

ห้องเงียบลงหลังจากได้ยินคำพูดของ หลี่มู่ฮ่าว

ปู่เซี่ย มองดูหลานสาวอีกครั้งเมื่อเขาเห็นว่า หรงหรงยังคงเงียบใบหน้าของเธอสงบเขารู้ว่าเธอไม่ยอมรับสูงอย่างแน่นอน

ชายชรารู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย เขาพยายามสอบถามคนจำนวนมากและสอบถามเพื่อนเก่าของเขาที่ไม่ได้ติดต่อมาเป็นเวลานานเพื่อหาโสม แต่เขาก็ไม่สามารถหาส่งที่มีอายุมากได้ เขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อโสมอายุ 90 ปี เขาเป็นหนี้บุญคุณคนอื่นมากมายในการทำเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่หมอบอกว่าประสิทธิภาพของโสมจะลดลงแม้ว่าอายุของโสมจะห่างกันเพียง 10 ปีเท่านั้น

“คุณปู่ เนื่องจากคุณรู้สึกอาย ผมจะอธิบายสถานการณ์อย่างชัดเจน หรงหรงและมู่ฮ่าวเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราเชื่อว่าทั้งคู่เหมาะสมกันมาก หากกลุ่มเซี่ยและกลุ่มหลี่ทำงานร่วมกัน เพราะทั้งสองคนนี้มันจะมีประโยชน์สำหรับพวกเราทุกคน…ดังนั้นคุณควรที่จะยอมรับโสมป่านี้ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงานของหรงหรง”

ในขณะที่พูด หลี่ติงเทียน ยิ้มตลอด หลี่มู่ฮ่าว ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างก็ยิ้มเช่นกัน แม้ว่า เซี่ยหรงหรง และ  ปู่เซี่ย ไม่เห็นด้วย แต่พ่อและลูกชายตระกูลหลี่ก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้ชนะแล้ว

สุดท้ายความเจ็บป่วยของ เซี่ยหรงหรง นั้นเป็นเรื่องสำคัญ แม้ว่าเธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆแต่ปู่ของเธอก็ไม่ยอมให้เธอต้องเสี่ยง

ห้องพักตกอยู่ในความเงียบ  ปู่เซี่ย ยังคงเงียบ เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของ เซี่ยหรงหรง เขาสังเกตเห็นว่ามันไม่มั่นคงเหมือนแต่ก่อนเขาจึงรู้สึกลังเล

จากหน้าตาของปู่ทำให้ เซี่ยหรงหรงรู้ว่าเขากำลังจะเปลี่ยนใจ  ดังนั้นเธอจึงรีบปฏิเสธโสมอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามในขณะนั้นเองมีเสียงสุนัขดังมาจากประตูอย่างไม่คาดคิด กลุ่มคนหันไปที่ประตูและเห็นลูกสุนัขสีขาววิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนก็จนสู่อ้อมแขนของ เซี่ยหรงหรง

“ ที่รักคุณมาที่นี่ได้ยังไง”

เซี่ยหรงหรง รู้สึกประหลาดใจและดีใจที่เห็นสุนัขของเธอ เธอเกาหลังลูกสุนัขเบาๆในขณะที่ยิ้มอย่างมีความสุข

หลี่มู่ฮ่าว รู้สึกไม่พอใจทันทีเมื่อมองไปที่ เซี่ยหรงหรง  ตั้งแต่ที่เขาและคนอื่นเข้ามาในห้องนี้พวกเขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเธอมาก่อน ตอนนี้เธอกลับยิ้มอย่างมีความสุขเพียงได้กอดลูกสุนัข

“ ปู่เซี่ย โปรดรับโสมป่านี้ด้วย!”

หลี่มู่ฮ่าว กระตุ้น  ปู่เซี่ย อีกครั้ง

ในขณะที่เขากำลังส่งโสมป่า สุนัขสีขาวก็กระโดดขึ้นแล้วกระแทกมันออกไป การแสดงออกของ หลี่มู่ฮ่าว เปลี่ยนไปทันทีในขณะที่ใบหน้าของ หลี่ติงเทียน ดูน่าเกลียด

“เด็กน้อยอย่าสร้างปัญหา”  เซี่ยหรงหรง รู้สึกอายเล็กน้อยเธอพยายามกอดสุนัขตัวเล็กสีขาวไว้ในอ้อมกอดของเธออย่างแน่นหนา ไม่มีใครรู้ว่าทำไมสุนัขตัวน้อยนี้ถึงกระโดดขึ้นอย่างกะทันหันและร้องเสียงดัง ทันใดนั้นมันรีบๆออกไปจากนอกห้อง

ทุกคนต่างรู้สึกสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมีเพียง เซี่ยหรงหรง เท่านั้นที่รู้ว่าต้องมีใครบางคนอยู่ด้านนอกไม่เช่นนั้นลูกสุนัขตัวนี้ไม่น่าที่จะมาโรงพยาบาลตัวเดียว

ซูฉิวไป่ ยืนอยู่ด้านนอกในฐานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  ทันใดนั้นเขาก็เห็นลูกสุนัขสีขาววิ่งออกมาอีกครั้งมันวิ่งไปหาเขาอย่างรวดเร็วและกระตุ้นให้เขาเข้าไปข้างในห้องทันที

เมื่อ ซูฉิวไป่ ลังเลลูกสุนัขสีขาวจึงกัดกางเกงของเขาและลากเข้าไปในห้อง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบังคับตัวเอง

เป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ลูกสุนัขสีขาววิ่งเข้ามาและออกไป

ทุกคนในห้องจ้องมองมาที่ประตู พวกเขาเห็นลูกสุนัขลากชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเคอะเขินเข้ามาในห้อง พวกเขาสามารถได้ว่าชายคน คนขับแท็กซี่จากรูปลักษณ์ของเขา

“คุณนั่นเอง!”

โดยไม่คาดคิด มีคนสองคนพูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็น ซูฉิวไป่ เข้ามา

หนึ่งในนั้นคือ เซี่ยไห่ชิง  และอีกคนคือผู้หญิงที่ดูทันสมัยยืนอยู่ข้างๆ หลี่ติงเทียน และ หลี่มู่ฮ่าว

ซูฉิวไป่ รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเขาไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ เขาสังเกตเห็นผู้คนมากมายอยู่ในห้องถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องบังเอิญที่ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เขาเพิ่งทุบรถของเธอเมื่อวาน

ใช่แล้วมันเป็นผู้หญิงในชุดสีแดงคนเมื่อวาน เธอเป็นน้องสาวของ หลี่มู่ฮ่าว หลีเซียงหยุน!

เนื่องจากคำอุทานของ เซี่ยไห่ชิง และ หลี่เซียงหยุน ทำให้ ปู่เซี่ย และ หลี่ติงเทียน หันหน้าไปพร้อมๆกันเพื่อที่จะสอบถาม ซูฉิวไป่

เซี่ยไห่ชิง ปิดปากของเธออย่างเงียบๆ  หลี่เซียงหยุน ประกาศทันทีว่า ซูฉิวไป่ คืออันธพาล

“นั่นคือเขา..เขาคือคนที่ทุบรถของเราเมื่อวานนี้”

เหมือนการเรียกเขาว่าอันธพาลจะไม่กระตุ้นเพียงพอ  หลี่เซียงหยุน จึงสาธยายเหตุการณ์ทันที

หลี่ติงเทียน และ หลี่มู่ฮ่าว ยังคงสงสัยในตอนแรกหลังจากได้ยินคำพูดของ หลี่เซียงหยุน ดวงตาของเขาแสดงออกอย่างเย็นชา ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวของ หลี่ติงเทียน คือเขาสามารถปรับตัวได้เร็วกว่า หลี่มู่ฮ่าว  สุดท้ายคนที่สับสนที่สุดกลับเป็น เซี่ยหรงหรง

เธอขมวดคิ้วและมอง ซูฉิวไป่ จากนั้นมองไปที่สุนัขของเธอ ดูเหมือนว่ามันกำลังตื่นเต้นจนแทบจะบินได้ เกิดอะไรขึ้น?

“ไอ้บัดซบ! แกหาวิธีที่จะหาเงินมาชำระหนี้หรือยัง?แกเหลือเวลาเพียงอีก 1 วัน หาแกไม่สามารถจ่ายเงินได้แกจะต้องติดคุก”

หลี่เซียงหยุน เกลียด ซูฉิวไป่ เข้าถึงกระดูกดำ แม้ว่าเธอจะไม่รู้เหตุผลที่เขามาที่นี่แต่เธอยังไม่ลืมที่จะข่มขู่เขา

“เราจะพูดถึงเรื่องรถหลังจากนี้ ผมมาที่นี่เพื่อมอบโสมป่าให้กับ เซี่ยหรงหรง”

คนขับรถ ตอบอย่างรวดเร็วด้วยความมั่นใจจากนั้นเขาเดินตรงไปที่ เซี่ยหรงหรง ด้วยการพูดแบบนี้หลายคนในห้องขมวดคิ้วทันที  เซี่ยหรงหรง ตาเบิกกว้างเธอไม่สามารถเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ให้โสมป่า? ฮี่ฮี่.. ซูฉิวไป่ แกบ้าไปแล้วหรอ?”

หลี่เซียงหยุนตกใจเช่นกันจากนั้นเธอเริ่มหัวเราะ

อย่างไรก็ตาม ซูฉิวไป่ มองเธออย่างใจเย็นเขาไม่ได้ประทับใจในตัว หลี่มู่ฮ่าว และ หลี่ติงเทียน มากนักเนื่องจากพวกเขาเกี่ยวข้องกับ หลี่เซียงหยุน

จากนั้น ซูฉิวไป่ จึงหันไปหา เซี่ยหรงหรง แทน

“เอ่อ…ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่รู้ว่าต้องใช้โสมป่ากี่ปี โสมเหล่านี้มีอายุมากกว่า 500 ปี คุณสามารถดูได้ว่ามันใช้ได้หรือไม่ ถ้าใช้ไม่ได้ผมจะไปหามันใหม่”

เดิมที หลี่มู่ฮ่าว และ หลี่ติงเทียน เป็นห่วงว่าชายคนนี้จะเป็นอุปสรรคเมื่อเห็นว่ามีถุงอยู่ในมือของชายขับรถแท็กซี่และได้ยินว่าเขามาที่นี่เพื่อมอบโสมป่าให้กับเธอ อย่างไรก็ตามพวกเขายิ้มอย่างดูถูกเมื่อได้ยินคำที่ซูฉิวไป่พูด

อายุ 500 ปี โอ้ ตอแหลอย่างมาก หากสามารถหาโสมอายุ 500 ปีได้มันคงเป็นสมบัติของชาติ แต่ชายคนนี้ยังกล้าบอกว่าเขามีมันอยู่ …

ดังนั้นพ่อและลูกชาย ได้ข้อสรุปทันทีว่าเขาเป็นเพียงคนขับรถแท็กซี่ที่ขี้โกหกเท่านั้น

ส่วน ปู่เซี่ย ที่อยู่ตรงกันข้ามดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังเมื่อได้ยิน

ในห้องมีเพียงคนเดียวที่แสดงความจริงใจ มันคือ เซี่ยหรงหรง  เธอยิ้มให้กับ ซูฉิวไป่ แม้เธอจะดูซีดแต่ยังคงสวยงามเหมือนดอกไม้

“ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณ โสมอายุ 500 ปีนั้นมากเกินพอ ขอบคุณมากๆ”

เธอพูดด้วยรอยยิ้มโดยไม่สังเกตเห็นว่า ซูฉิวไป่ ได้เปิดกระดาษออกมา ในความจริงเธอกลัวว่า ซูฉิวไป่ จะอับอาย

“หรงหรงคุณควรที่จะดูโสมที่คนขับรถแท็กซี่เอามาให้นะ ผมคิดว่าเขาบรรจุมาอย่างดี ถ้าพวกมันอายุ 500 ปีจริงๆล่ะ?”

หลี่มู่ฮ่าว เยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันอย่างเห็นได้ชัด ถัดจากเขาหลี่เซียงหยุนมีสีหน้าเช่นเดียวกัน เธอไม่เชื่อว่าผู้ชายอย่างเขาที่ไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายให้กับรถสปอร์ตของเธอได้จะหาโสมป่าอายุ 500 ปีมาอย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามทั้งคู่สังเกตเห็นว่าบรรยากาศในห้องดูแปลกๆโดยเฉพาะ หลี่ติงเทียน  และ ปู่เซี่ย ที่หายใจอย่างหนักหน่วงในขณะที่เขาจ้องมองกระดาษคราฟท์ที่เปิดอยู่บนเตียง

———————————–