SD:บทที่ 9 พวกคุณทะเลาะกันเรื่องอะไร?
ซูฉิวไป่ ไม่สนใจเกี่ยวกับปฏิกิริยาของคนที่อยู่ข้างๆเขาหลังจากที่เอากระดาษคราฟท์ออกเขารู้สึกอายเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะเขาเห็นกล่องที่สวยงามในมือของ หลี่มู่ฮ่าว แต่กระดาษคราฟของเขาเป็นเพียงกระดาษห่อที่มีรูเล็กๆ
เขารู้สึกเสียใจเขาเพียงแค่คิดว่าเอามาห่อโสมก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
ในตอนแรก เซี่ยหรงหรง ไม่ต้องการให้เขาเปิดออกมา เธอเพิ่งรู้จักกับ ซูฉิวไป่ ดังนั้นความตั้งใจของเขามันดีพอสำหรับเธอแล้ว สำหรับโสมป่าอายุ 500 ปีที่เขาพูดถึงนั้นเธอไม่ได้คาดหวังมาก
ถ้าเขาเปิดห่อต่อหน้าพ่อลูกหลี่เขาจะต้องถูกอันเราะเยาะอย่างแน่นอนแต่มันก็สายเกินไปเพราะตอนนี้เธอได้เห็นโสมป่าแล้ว เอ๊ะ!ทำไมพวกมันดูเหมือนจะใหญ่กว่าของ หลี่มู่ฮ่าว?
ซูฉิวไป่ ไม่รู้ว่า เซี่ยหรงหรง นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงต้องกระอักเลือดอย่างแน่นอนถ้าเขารู้ว่า เซี่ยหรงหรง กำลังคิดอะไร
ใหญ่กว่า หลี่มู่ฮ่าว มากแค่ไหน?มันไม่เพียงแต่ใหญ่ แต่มันใหญ่มาก!
ซูฉิวไป่ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติหลังจากสังเกตเห็นว่า เซี่ยหรงหรง นั้นลังเลเล็กน้อย โสมป่านี้อาจจะมีอายุไม่พอ!
เขายังคงเงียบในขณะที่กำลังคิดวิธีที่จะหาโสมที่แก่กว่านี้ได้จากที่ไหนบางที.เขาคงต้องไปเขาเหลียงซานกับซ่งเจียงในคืนนี้
เพื่อเห็นแก่ ซ่งเจียง เฉาไก้คงไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเขา
(เกร็ดความรู้ : ซ่งเจียงคนที่ซูฉิวไป่สาบานเป็นรพี่น้องด้วยเมื่อคืนที่ฉางโจว
ซ่งเจียง (จีน: 宋江) หรือซ้องกั๋ง ในสำเนียงแต้จิ๋ว เป็นผู้นำกลุ่มกบฏคนสำคัญในสมัยราชวงศ์ซ่ง เคยครองความเป็นใหญ่ในบริเวณมณฑลซานตงและมณฑลเหอหนาน ก่อนที่จะยอมสวามิภักดิ์ต่อราชสำนักในภายหลัง ซ่งเจียงยังเป็นตัวละครหลักในวรรณกรรมเรื่องสุยหู่จ้วน ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีน ซ่งเจียงถูกจัดอยู่อันดับแรกใน36ดาวฟ้าแห่ง108 ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน มีฉายาว่า “พิรุณทันกาล” (及時雨)
เฉาไก้ (จีน: 晁盖) หรือชื่อในสำเนียงแต้จิ๋วว่า เตียวไก่ เป็นตัวละครในวรรณกรรมจีนเรื่องซ้องกั๋ง หรือ108 ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีน มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้งเขาเหลียงซาน แต่อย่างไรก็ดี เฉาไก้ไม่นับว่าเป็นหนึ่งใน 108 ผู้กล้า เพราะว่าเขาเสียชีวิตก่อนทั้ง 108 ผู้กล้าจะรวมตัวกัน เฉาไก้เสียชีวิตจากพิษของลูกธนูที่สื่อเหวินกงเป็นผู้ยิงในการต่อสู้ที่ป้อมตระกูลเจิง หลังจากเฉาไก้เสียชีวิต เขาก็ได้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของพลพรรคเหลียงซาน และมีการทำพิธีเพื่อบูชาดวงวิญญาณของเฉาไก้อย่างสม่ำเสมอ)
ไม่มีใครรู้ว่า ซูฉิวไป่กำลังคิดอะไร เมื่อสังเกตเห็นว่า ซูฉิวไป่ กำลังขบคิดอยู่นั้น หลี่มู่ฮ่าว ก็ตะโกนออกมาเตรียมพร้อมที่จะเยาะเย้ยเขา โดยไม่คาดคิดพ่อของ หลี่มู่ฮ่าว กับชิงพูดกับ ซูฉิวไป่ ก่อน ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“น้องชายคุณช่วยส่งโสมให้ผมดูหน่อยได้ไหม”
ในความเป็นจริง ปู่เซี่ย ก็ต้องการที่จะพูดคำเดียวกันแต่เขายังคงนิ่งเงียบและจ้องมองโสมในมือของ ซูฉิวไป่ ต่อไปราวกับว่ากลัวมันจะหายไปอย่างไม่ตั้งใจ
ซูฉิวไป่หันไปมอง หลี่ติงเทียน เขาไม่คาดคิดว่าบุคคลนี้ซึ่งมีความสัมพันธ์ หลี่เซียงหยุน อย่างชัดเจนจะเริ่มริเริ่มพูดคุยกับเขาก่อน ดูเหมือนว่าชายคนนี้ต้องการสร้างความลำบากให้กับเขา
อย่างไรก็ตามเขายังคงส่งโสมให้กับ หลี่ติงเทียน หลังจากลังเลเล็กน้อยเนื่องจากเขานำมันมาแล้วดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องซ่อน ดังนั้นความคาดหวังของทุกคนจึงตกที่ หลี่ติงเทียน ซึ่งเอาโสมของ ซูฉิวไป่ ไปดู หลี่มู่ฮ่าว ตกตะลึงเมื่อเขาเห็นภาพนี้และใบหน้าของ หลี่เซียงหยุน ก็ดูน่าเกลียดเช่นกัน
หลี่ติงเทียน ไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาของพวกเขา นับตั้งแต่ที่เขาได้จับโสม ดวงตาของเขาก็มีอาการตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ
“นี่ไม่ใช่โสมอายุ 500 ปี โสมอายุ 500 ปีจะไม่เป็นแบบนี้”
มันเป็นไปตามที่ฉันคาดคิด! ซูฉิวไป่ กรอกตาเมื่อเขาได้ยินคำพูดของ หลี่ติงเทียน เขาแค่อยากจะอันเราะเยาะฉัน
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดสิ่งที่เขาคิด หลี่ติงเทียน ก็พูดต่อซึ่งทำให้ทุกคนในห้องต้องอ้าปากค้าง
“มีเพียงโสมอายุ 600 ปีเท่านั้นที่สามารถมีขนาดใหญ่เท่านี้ นี่คือสมบัติของชาติ!สมบัติของชาติ!”
ใบหน้าอ้วนๆของ หลี่ติงเทียน เต็มไปด้วยความตื่นเต้นในขณะที่เขาตะโกนออกมา
ซูฉิวไป่ คิดในใจของเขา คาดการณ์ผิด ความจริงแล้วเขาควรที่จะพูดว่ามันเป็นของปลอมหรือดูถูกฉันไม่ใช่หรอ?
จิตใจของ หลี่มู่ฮ่าว และ หลี่เซียงหยุน อยากจะกรีดร้องทันที ถ้าคนนี้ไม่ใช่พ่อของพวกเขาที่คลั่งไคล้โสมมันก็ต้องเป็นคนขับแท็กซี่ที่บ้า มีโสมป่าที่มีอายุ 600 ปีในโลกนี้ได้ยังไง
แม้แต่ เซี่ยหรงหรงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอจ้องมองไปที่ ซูฉิวไป่ อย่างไม่เชื่อ ปากเล็กๆของเธอ กำลังจะเอ่ยคำต่างๆเพื่อช่วยให้ซูฉิวไป่หนีพ้นจากความอับอายในครั้งนี้ แต่ความจริงที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง
ในบรรดาคนทั้งหมดในห้องนอกจาก หลี่ติงเทียน แล้วคนที่ตื่นเต้นที่สุดคือ ปู่เซี่ย อย่างแน่นอน
“คุณแน่ใจหรอ?”เขาถาม หลี่ติงเทียน ด้วยเสียงสั่นเครือ
“ใช่แล้วมันควรที่จะเป็นอย่างนั้น แต่มันจะดีกว่าถ้าขอให้ผู้อำนวยการเหลียงมาดู”
หลี่ติงเทียน สูดลมหายใจลึกแล้วมองไปที่ ปู่เซี่ย
เซี่ยไห่ชิง รีบไปตามผู้อำนวยการโรงพยาบาลเหลียงมาทันที ภายในห้องพัก หลี่ติงเทียน และ ปู่เซี่ย กำลังมองโสมป่าและมองไปที่ ซูฉิวไป่ สลับไปมามันทำให้คนขับรถรู้สึกอาย
มันคงจะมีความสุขมากกว่าหาก เซี่ยหรงหรง มองเขา แต่มันกลับกลายเป็นสองคนนี้ที่มองเขาแทน
“เราจะ เรียกคุณว่าอะไร น้องชาย?คุณทำงานอะไร?คุณเป็นเพื่อนกับหรงหรงอย่างนั้นหรอ”
ปู่เซี่ยขยับเข้าไปใกล้ ซูฉิวไป่ และพูดเบาสุดเท่าที่จะทำได้
“ผมชื่อ ซูฉิวไป่ เป็นคนขับรถแท็กซี่ ผม…”
2 คำถามแรกได้รับคำตอบอย่างรวดเร็วส่วนคำถามที่ 3 ซูฉิวไป่ ค่อนข้างอืดอัดใจ
ฉันถูกมองว่าเป็นเพื่อนของ เซี่ยหรงหรง หรือเปล่า เธอเคยแต่ได้ยินชื่อของฉันเท่านั้น ฉันเป็นเพียงแค่คนเดินผ่านมาถ้าไม่ใช่เพราะหมาสีขาวตัวเล็กนี้
โชคดีที่ เซี่ยหรงหรง ตอบในนามของ ซูฉิวไป่ ทันที
“เขาเป็นเพื่อนของฉัน…และนี่คือปู่ของฉัน”
เซี่ยหรงหรง พูดในขณะที่เธอชี้ไปที่ ปู่เซี่ย และพูดกับ ซูฉิวไป่
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผู้หญิงที่งดงามสามารถทำให้คนอื่นรู้สึกดีได้ เมื่อได้ฟัง เซี่ยหรงหรง พูด ซูฉิวไป่ รู้สึกราวกับถูกพัดเข้าไปในก้อนเมฆ และหลังจากได้ยินว่าชายชราคนนี้เป็นปู่ของเธอเขารีบทักทายด้วยความเคารพทันที
“โสมของคุณ…”เห็นได้ชัดว่าความสนใจของ ปู่เซี่ย อยู่ที่โสมป่า หลังจากที่ถามชื่อของเขาแล้วเขารีบกลับไปที่อันข้อที่เขาต้องการทันที หลี่ติงเทียน ที่ยืนอยู่ข้างเขาตื่นเต้นด้วยเช่นกัน
เดิมที ซูฉิวไป่ ต้องการจะบอกว่าเขาได้รับมาจากเพื่อนของเขา แต่เขาเห็นการแสดงออกของทั้งสองคนเขาสามารถเดาได้ว่ามันมีค่ามากกว่าที่เขาคิด ดังนั้นเขาจึงโกหก
“นี่คือโสมที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของครอบครัวผม ผมมีเพียง 5 อันเท่านั้น ถ้ามันไม่เกี่ยวกับการรักษาอาการเจ็บป่วยของ เซี่ยหรงหรง ผมคงไม่นำมันออกมา”
ซูฉิวไป่ พูดคำนั้นอย่างปกติ จากนั้นเขาสังเกตเห็นการจ้องมองของ เซี่ยหรงหรง อีกครั้ง และการแสดงออกของ หลี่ติงเทียน ปู่เซี่ย เปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง
ในความเป็นจริงพวกเขาโชคดีมากที่โสมนี้มีถึง 5 อัน
พวกเขาคงไม่เชื่อหาก ซูฉิวไป่ จะบอกว่าเขายังมีมันอีก 20 อันอยู่ในรถ
อย่างไรก็ตามหากใครสนใจท่าทีของสุนัขสีขาวตัวเล็กๆในอ้อมแขนของ เซี่ยหรงหรง พวกเขาคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ลูกสุนัขกำลังแสดงท่าทีรังเกียจต่อ ซูฉิวไป่ เขากล้าที่จะพูดได้ไงว่ามันเป็นโสมของบรรพบุรุษ..และมีเพียง 5 อันเท่านั้น…ที่บ้านยังมีอีกครึ่งกระสอบ…บัดซบไอ้โกหก!
บรรยากาศในห้องเงียบอีกครั้ง ความคิดเห็นของทุกคนที่เกี่ยวกับ ซูฉิวไป่ เปลี่ยนไปอีกครั้งเพราะโสมป่าทั้ง 5 อัน
ในขณะนั้นเอง เซี่ยไห่ชิง ก็กลับมาพร้อมกับผู้อำนวยการเหลียง
ผู้อำนวยการรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาเข้ามาในห้อง มือของเขาสั่นเมื่อถือโสมป่า ในที่สุดเขาก็สวมแว่นแล้วเริ่มตรวจสอบอย่างระมัดระวัง เกือบ 20 นาทีต่อมา ซูฉิวไป่ แทบจะนอนหลับ ผู้อำนวยการเหลียง ก็ตรวจดูโสมป่าทั้ง 5 เสร็จ
พวกมันมีอายุมากกว่า 500 ปีอย่างแน่นอน อันที่ดีที่สุดมีอายุเกือบ 700 ปี มันไม่ได้พูดเกินจริงเลยที่จะเรียกมันทั้งหมดว่าเป็นสมบัติของชาติ
ผู้อำนวยการเหลียง รู้สึกเป็นกังวลทันทีเมื่อเขารู้ว่าพวกมันถูกนำมาโดย ซูฉิวไป่ เพื่อรักษา เซี่ยหรงหรง เขาพูดจาไร้สาระมากมายเพื่อจะบอกว่ามันเสียเปล่าเกินไปถ้าจะนำมารักษา เซี่ยหรงหรง
นั่นทำให้ ปู่เซี่ย รู้สึกไม่พอใจ ผู้อำนวยการเหลียง ตะหนักถึงความผิดพลาดของเขาและพยายามเปลี่ยนคำพูดทันทีว่า เพียงแค่ 1 อันเพียงพอสำหรับ เซี่ยหรงหรงแล้ว ส่วนอีก 4 อันที่เหลือควรใช้อย่างอื่น
ทันทีที่ ผู้อำนวยการเหลียง พูดจบไม่เพียงแต่ ปู่เซี่ย แม้แต่ หลี่ติงเทียน ยังรู้สึกวิตกกังวล ของเหล่านี้ถือเป็นสมบัติทางการแพทย์ระดับชาติใครจะรู้ว่ามันจะกลายเป็นผู้ช่วยชีวิตในอนาคต พวกเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไรหลังจากที่เห็นมันแล้ว?
ซูฉิวไป่ ยืนอย่างช่วยไม่ได้ขนาดที่จ้องมองคนทั้ง 3 คนกำลังทะเลาะกัน
เขาไม่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อนดูเหมือนพวกเขาได้ตัดสินใจว่าจะแบ่งโสมทั้ง 5 อันนี้ หลี่ติงเทียน รู้สึกตื่นเต้นกว่าใครๆเขาตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการประมูลและเชิญใครบางคนมาร่วมประมูลโสมด้วย
พี่น้อง…พวกคุณคุยกับฉันก่อนได้ไหม?โสมเรานี้มันเป็นของฉันไม่ใช่หรอ
ซูฉิวไป่ ขัดจังหวะความคิดของทั้ง 3 คนทำให้ใบหน้าของพวกเขาแดง
บัดซบ!หลังจากทะเลาะกันมาครึ่งวันเขาลืมได้ยังไงว่าโสมเหล่านี้เป็นของใคร
พวกเขารีบล้อมรอบ ซูฉิวไป่ ทันที
“ผมได้ยินทุกอย่างที่คุณพูดแล้ว ผมขอพูดซ้ำผมจะนำโสมป่าเหล่านี้รักษา เซี่ยหรงหรง แม้ว่าจะมีบางส่วนที่เหลืออยู่ ผมจะไม่ใช้มันกับสิ่งอื่น”
ซูฉิวไป่ รู้สึกอารมณ์เสียกับทั้งสามคนดังนั้นเขาจึงยกเลิกความคิดของพวกเขาทันที มันทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกอาย ปู่เซี่ย ไม่พูดอะไรอีกแล้ว สุดท้ายแล้วโสมนี้มีค่ามาก แต่มันจะถูกใช้รักษาหลานสาวของเขาเท่านั้นดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรจะเสีย
อย่างไรก็ตามอีก 2 คนไม่คิดเช่นนั้น ผู้อำนวยการเหลียง ยืนอยู่ข้างๆอย่างห่วงห่วงและ หลี่ติงเทียน ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“นายอันธพาล ขอโสมอันนึงจากนายแล้วไม่ต้องจ่ายค่ารถที่เสียหาย”
หลี่เซียงหยุน พูดกับ ซูฉิวไป่ ทันใดนั้นเพียงไม่กี่คนก็ให้ความสนใจต่อ ซูฉิวไป่ ทันที หลี่ติงเทียน เพิ่งจดจำนี่รถยนต์ได้ดังนั้นดวงตาเขาเกิดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ซูฉิวไป่ ไม่คาดคิดว่า หลี่เซียงหยุน จะพูดเรื่องนี้ดังนั้นเขาจึงตกตะลึง จากนั้นเขาก็มีความคิด แค่โสมป่า 1 อันมันทำให้ฉันสามารถเป็นอิสระจากภูเขาหนี้นี้ได้…ดูเหมือนนี่จะเป็นเรื่องใหญ่เพราะฉันยังมีโสมเหลืออยู่อีกมาก!
ด้วยความคิดนั้นเขากำลังตั้งใจที่จะยอมรับข้อเสนอของ หลี่เซียงหยุน อย่างไรก็ตามเขาก็ถูกขัดจังหวะโดย เซี่ยหรงหรง
“ รถยนต์อะไร?”
เซี่ยหรงหรง พยายามอยู่เงียบๆมานาน นัยน์ตาของเธอเก่งประกายเมื่อเธอได้ยินคำพูดของ หลี่เซียงหยุน ดังนั้นเธอจึงถาม ซูฉิวไป่ เบาๆ
“ผมทุบรถสปอร์ต เมอร์เซเดส – เบนซ์ น้องชายของเธอ”
แม้ว่าจะอายแต่เขายังคงตอบอย่างซื่อสัตย์ ในที่สุด หลี่เซียงหยุน ก็ได้เห็นใบหน้าสำนึกผิดของเขา เขาไม่เคยแสดงใบหน้าแบบนี้ยามที่ทุบรถของเธอเมื่อวาน”
“ฉันจะจ่ายหนี้แทนเขาเอง”
หลังจากฟังคำพูดของ ซูฉิวไป่ แล้ว เซี่ยหรงหรง มองไปที่ หลี่เซียงหยุน และพูดด้วยน้ำเสียงสงบโดยไม่ลังเล
หลี่เซียงหยุน รู้สึกวิตกกังวลทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่เมื่อเป็นคำพูดของ เซี่ยหรงหรง เธอจึงไม่กล้าพูดต่อไป เธอรู้สถานะของผู้หญิงคนนี้ แม้ว่าตอนนี้เธอจะดูอ่อนแอเมื่อนอนอยู่บนเตียง
“ไม่ ผมจะชดใช้ด้วยตัวเอง ผมจะให้คุณชำระหนี้ให้ได้อย่างไร”
ซูฉิวไป่ ปฏิเสธทันทีหลังจากได้ยิน เซี่ยหรงหรง พูด สำหรับเขาแล้วเงินเป็นแสนถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ เขาไม่ต้องการให้ เซี่ยหรงหรง จ่ายเงินให้กับเขา
“ถ้าคุณปฏิเสธ ฉันก็จะไม่ยอมรับโสมป่าเช่นกัน”
โดยไม่คาดคิด เซี่ยหรงหรง หันไปมอง ซูฉิวไป่ และตอบโต้เบาๆ นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกบางอย่างเป็นประกายในดวงตาของเธอ