ส่วนที่ 4 ตอนที่ 100 อันดับแรกอย่างลึกลับ

ความลับแห่งจินเหลียน

หินหยกก้อนนี้แค่เป็นหยกไฟชนิดเนื้อแก้วก็ถือว่าหายากแล้ว สีสันของแสงไฟราวกับกำลังแผดเผาอย่างร้อนแรง สีแดงสดสว่างไสว แต่ก็ยังไม่นับว่าเป็นหยกที่มีความโปร่งแสงสูงสุด ตรงกลางของหยกก้อนนี้มีเส้นแสงสองทางคาดผ่านไว้ทั้งก้อน เส้นหนึ่งเป็นสีแดง อีกเส้นเป็นสีม่วง เมื่อรวมกันแล้วส่องแสงระยิบระยับ

 

เส้นแสงทั้งสองนี้มีขนาดเล็กแค่ปลายนิ้วก้อย ลักษณะเส้นตรงคาดรัดหยกทั้งก้อนเอาไว้

 

ไม่มีใครหัวเราะเยาะผู้เชี่ยวชาญหมายเลขสิบห้าที่ทำท่าทางอย่างไม่ประสา หรืออาจมีพฤติกรรมที่บ้าคลั่งไปบ้าง บางคนถึงขนาดแอบรู้สึกอิจฉาที่เขามีโอกาสได้สัมผัสหยกชั้นดีแบบนี้สักครั้ง นั่นก็เป็นความสุขกายสบายใจแล้ว!

 

ในใจของซีเหมินจินเหลียนได้แต่สูดหายใจอยู่เป็นระลอก หยกก้อนนี้ส่องแสงระยิบระยับมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้เสียอีก พื้นผิวนุ่มลื่นสะอาดใส ความโปร่งแสงน้อยกว่าหยกราชางูเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าหยกราชางูเป็นพลังงานชั่วร้ายที่อยู่ขั้นสูงสุด ส่วนหยกก้อนนี้เป็นสีแดงประกายม่วงแห่งมงคล เป็นที่ยินดีปรีดาต่อผู้ที่ได้พบเห็น

 

นอกจากนี้แหล่งกำเนิดแสงข้างในก็ไม่ได้กระจายตัวเหมือนหมู่ดวงดาวที่เปล่งแสง แต่เป็นลำแสงเส้นตรงทอดยาว แถมยังเป็นสีแดงและสีม่วงอีก นี่มันก็ช่างงดงามอย่างไร้ที่ติ   

 

ขนาดไม่ได้เล็กนัก ไม่ว่าจะนำไปทำเป็นเครื่องประดับหรือของตกแต่งมันก็เพียงพอแล้ว

 

“จินเหลียน…” จ่านมู่ฮวาสูดลมหายใจเข้าอย่างช้าๆ เขาตกใจสุดขีดเป็นที่เรียบร้อย ไม่น่าล่ะ                  ซีเหมินจินเหลียนถึงได้ให้เขาวางเดิมพันที่หมายเลขสิบห้า ที่แท้ลักษณะของหินหยกก้อนนี้ก็ดีแบบนี้นี่เอง ดีถึงขั้นทำให้เขาที่ปกติแล้วไม่ได้เป็นคนชอบหยกเป็นชีวิตจิตใจ แต่ในเวลานี้กลับถูกสีสันสดใสนั่นสาดแสงส่องประกายมาในม่านตา   

 

หลินเสวียนหลานมองไปที่เวทีด้วยความนิ่งงัน หยกแบบนี้…เรียกได้ว่าเป็นของระดับเทพ

 

 

ผู้เชี่ยวชาญเปิดหินหมายเลขสิบห้าลุกขึ้นยืนเป็นที่เรียบร้อย สองมือของเขาประคับประคองหยกสีแดงประกายม่วงนั่นไว้แล้วเดินไปตรงกลางเวที ก่อนจะนำหยกไปวางไว้ที่ตำแหน่งของหมายเลขสิบห้า หมายเลขสิบห้าเป็นแค่ตัวเลขเรียงตามลำดับ ข้างๆ เขียนชื่อว่าเฉาเสวี่ยฉิน ชื่อที่ทำให้คนไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี

 

ไม่ว่าใครที่เป็นคนจีนต่างก็รู้ดีว่าสุดยอดวรรณกรรมอมตะของจีนเรื่องหนึ่งที่ชื่อความฝันในหอแดง ผู้ประพันธ์ของวรรณกรรมเรื่องนี้ก็ชื่อว่าเฉาเสวี่ยฉิน…

 

อีกทั้งฉากเริ่มแรกของความฝันในหอแดงก็ได้ดำเนินถึงเรื่องราวนามธรรมความไม่มีจริง หินปิดฟ้าก้อนนั้นสามารถแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของคนได้หรือไม่ โดยได้มีการดำเนินเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าสายตาผู้คน

 

“แม้ว่าจะเป็นหินปิดฟ้า แต่เกรงว่าก็ไม่อาจจะสวยเทียบเทียมกว่าสิ่งนี้” จ่านมู่ฮวาพูดเยิ่นยอไม่หยุดปาก

 

แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนจะไม่ได้หันไปมองหยกสีผสมแดงประกายม่วงนั่นตรงๆ แต่เมื่อได้ยินเธอก็ส่ายหน้าไม่หยุดโดยจิตใต้สำนึก หินหยกอีกาดำก้อนเล็กของเธอนั่น ถ้าเจียระไนออกมาแล้ว แม้ว่าขนาดจะไม่ใหญ่ แต่สีสันที่สดใสของมันคงส่องแสงเปล่งประกายกว่าหยกก้อนนี้เป็นแน่…

 

ส่วนหินปิดฟ้าก็น่าจะสวยกว่านี้แน่อยู่แล้ว สีสันคงสดใสเป็นประกาย…

 

บนเวทีมีเสียงของกรรมการกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ ไม่นานนักหนึ่งในกรรมการก็ได้หยิบไมค์ขึ้นมาพร้อมประกาศว่า “ในค่ำคืนนี้ ขอตัดสินว่าผู้ที่ชนะเป็นอันดับหนึ่งในการเดิมพันหินครั้งนี้เป็นของคุณเฉาเสวี่ยฉิน เจ้าของหินหยกหมายเลขสิบห้า ขอแสดงความยินดีกับคุณเฉาด้วย”

 

สำหรับคำแถลงประกาศตัดสินครั้งนี้ก็ไม่มีใครที่คัดค้านหรือมีความสงสัย เมื่อหินหยกหมายเลขสิบห้าถูกเปิดออกมาแล้ว ผู้ชนะก็ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว แต่ปัญหาถัดมาก็คือคุณเฉาเสวี่ยฉินท่านนี่เป็นเทพเจ้ามาจากที่ไหนกัน? เขาคงไม่ใช่เป็นเฉาเสวี่ยฉินที่เป็นผู้ประพันธ์ความฝันในหอแดงคนนั้นหรอกนะ…

 

เพราะอย่างนั้นในขณะที่ผู้คนส่วนมากกำลังซุบซิบถึงความเป็นมาของเฉาเสวี่ยฉินท่านนี้อยู่ สิ่งที่นักค้าอัญมณีสนใจกลับเป็นเรื่องที่ว่าเฉาเสวี่ยฉินคนนี้อยู่ในบริษัทอัญมณีแห่งไหนหรือเปล่า และถ้าหากไม่ได้ขึ้นตรงกับบริษัทไหน หยกชั้นดีก้อนนี้เขาจะขายหรือไม่   

 

ซีเหมินจินเหลียนหันกายเตรียมตัวหามุมนั่งลงสักที่ แน่นอนว่าเธอเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าของหินหยกที่ทำให้คนตื่นตาตกใจแบบนี้เป็นใครกัน แต่เธอคิดว่าคนที่มีหินหยกแบบนี้คงจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ แม้ว่าเดิมทีเขาจะกำลังขาดเงิน แต่คืนนี้เขาก็ชนะไปด้วยเงินสิบสี่ล้านแล้ว

 

จ่านมู่ฮวาเดินตามอยู่ด้านหลังเธอต้อยๆ ส่วนหลินเสวียนหลานก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน หยกแบบนี้ดูให้มากหน่อยก็นับว่าเป็นโชคชะตาที่ดี ใช้โอกาสนี้ที่พวกเขายังไม่เก็บกลับไปชื่นชมให้มากหน่อย แน่นอนว่าคนที่ชื่นชอบหยกอย่างเขาก็อยากรู้เช่นกันว่า เจ้าของของหินหยกก้อนนี้เป็นใครมาจากไหน

 

“จินเหลียน คืนนี้พวกเราก็ชนะไปหนึ่งร้อยแปดสิบล้านแล้ว!” จ่านมู่ฮวายิ้มออกทั้งสายตา

 

“คุณมีวิธีที่จะหาว่าเจ้าของหินหยกหมายเลขสิบห้าคือใครหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าถามขึ้น

 

“ง่ายนิดเดียว แม้ว่าบนเวทีจะใช้นามแฝง แต่ข้อมูลในตอนที่ลงทะเบียน เขาก็ต้องมีข้อมูลให้ติดต่อหรือบัญชีธนาคารเพื่อสะดวกในการโอนเงิน ดังนั้นน่าจะสืบหาได้อยู่แล้ว ทำไมเหรอ คุณก็อยากจะซื้อหยกที่ส่องแสงสีแดงประกายม่วงนี่เหรอ?” จ่านมู่ฮวาถาม

 

ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า เธอก็เพียงแค่สงสัยเท่านั้น ซื้อหรือ? เธอเองก็อยากซื้อ แต่ทางนั้นจะยอมขายหรืออย่างไร ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอ เธอคงไม่ยอมขายแน่

 

“ถ้าคุณมีหยกก้อนนั้นไว้ในมือ คุณจะยอมขายไหม?” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจแล้วพูดออกมา “มีโอกาสได้เห็น ก็ถือว่าเป็นโชคที่ดีที่สุดแล้ว”   

 

“จริงด้วย” จ่านมู่ฮวาพูดขึ้น “ของแบบนี้ขอแค่มีโอกาสได้ดู ก็ถือว่าเป็นโชคดีแล้ว แต่จินเหลียน คุณก็มีหยกประกายดาวไม่ใช่หรอกเหรอ หยกประกายดาวของคุณก็เอามาเทียบกับหยกก้อนนี้ไม่ได้เลย”

 

ซีเหมินจินเหลียนยิ้มออกมา “คุณก็พูดถูก หยกประกายดาวก็เทียบไม่ได้จริงๆ น่าจะต้องพูดว่าหยกแต่ละก้อนต่างก็มีเสน่ห์ในตัวเองที่ไม่เหมือนกัน แม้ว่าหยกก้อนนี้จะดูสวย แต่ก็เทียบไม่ได้กับหยกราชางูของฉัน ฉันมีความสุขมากที่ได้มีหยกชั้นดีมากมายไว้ในครอบครอง นี่ไม่ต้องอิจฉาใครอื่นแล้ว” พูดพลางเธอก็มองไปที่แสงระยิบระยับตรงข้อมือของเธอ แล้วจดจ้องมองไปที่กำไลประกายดาวอยู่เนิ่นนานพร้อมยิ้มบางเบา

 

จ่านมู่ฮวาเหม่อลอยอยู่นาน ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยมาก่อน ความจริงเขาก็เคยพบเห็นผู้หญิงสวยมาตั้งมากตั้งมาย แม้กระทั่งสวยสดใสอย่างจางต่งเอ๋อร์คนนั้นก็ไม่อาจทำให้เขาใจหวั่นไหวได้ ส่วนคุณนายซูที่มีมารยาร้อยเล่มเกวียน เขาก็พยายามหลบหลีกราวกับงูพิษ แต่ไม่รู้ทำไมซีเหมินจินเหลียนคนที่หน้าตาไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ยิ้มของเธอเมื่อสักครู่นี้ก็เหมือนกับสายลมโชยอ่อน ที่ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ ราวกับยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดอกไม้ที่เบ่งบานหลากหลายสีสัน

 

ถ้าหากบอกว่าผู้หญิงสวยเหมือนหยก จางต่งเอ๋อร์และคุณนายซูคนนั้นคงจะเป็นแสงสว่างของหยกที่คอยทิ่มแทงสายตา แต่ซีเหมินจินเหลียนเป็นราวกับหยกราชางู ที่ดูลึกลับและคาดเดายาก ทำให้คนที่พบเห็นอยากจะรู้จักให้มากขึ้น และค่อยๆ ถลำลึกลงไปเรื่อยๆ จนถอนตัวไม่ขึ้น

 

“อีกอย่างคืนนี้พวกเรายังชนะไปตั้งสองร้อยล้าน ถือว่าตักตวงกำไรมาเป็นกอบเป็นกำ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นอีกครั้ง

 

“ใช่แล้ว” จ่านมู่ฮวาพูด “หินหยกหมายเลขสิบห้านี่เป็นม้ามืดทำลายล้างจริงๆ ราชาแห่งนักเดิมพันหยกคงจะเสียหายไปไม่น้อย หยกสีม่วงดอกไลแอคก้อนนั้นของเขาก็ตีราคาไม่ได้เลยจริงๆ”

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา เธอรู้ว่ากฎในการเดิมพันหิน ผู้ชนะจะได้เดิมพันหนึ่งล้านของผู้เข้างานทุกคน รวมกับหินหยกทั้งหมด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่าคืนนี้คุณเฉาเสวี่ยฉินผู้ลึกลับคนนั้นก็ไม่ใช่ได้แค่เงินสดสิบสี่ล้านกลับไป แต่เขายังได้หินหยกที่ลักษณะไม่เลวอีกหลายก้อน ส่วนหยกสีม่วงดอกไลแอคเนื้อแก้วชนิดโบราณ ก็คงจะเพิ่มราคาขึ้นไปอีก

 

ซีเหมินจินเหลียนคาดการณ์ไว้ว่าหินหยกสีม่วงดอกไลแอคไม่ถึงกับใหญ่ แต่อย่างน้อยก็สามารถทำกำไลออกมาได้สักสามวง ส่วนที่เหลือทำเป็นของตกแต่งหรือไม่ก็จี้หยก หรืออาจจะเป็นสร้อยข้อมือหยกประคำ ขอแค่ใช้ฝีมือลงทุนลงแรงเข้าหน่อย ขายในตลาดสักสี่ห้าร้อยล้านก็ไม่เป็นปัญหา

 

“น่าเสียดายสีม่วงดอกไลแอคก้อนนั้น” ซีเหมินจินเหลียนใช้สองมือกุมหัวเข่าไว้ และนั่งในท่าที่เธอชอบพิงอยู่บนเก้าอี้

 

ในระหว่างที่จ่านมู่ฮวาคิดจะพูดอะไรออกมานั้น เสียงมือถือของซีเหมินจินเหลียนก็ดังขึ้นเสียก่อน เป็นเสียงข้อความที่ส่งเข้ามา เธอรีบหยิบขึ้นมาดู จากนั้นก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ เวลานี้…ใครโอนเงินมาให้เธอกัน?

 

ไม่ใช่สิ? ตั้งแต่ที่บริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ก่อตั้งขึ้นมา เธอก็ไปเปิดบัญชีธนาคารอื่นไว้ ส่วนบัญชีนี้ก็น่าจะกลายเป็นบัญชีส่วนตัวของเธอไปแล้ว ถึงจะทำธุรกิจก็ไม่น่าจะโอนเงินมาให้ในเวลานี้ เพราะธนาคารปิดแล้ว อย่างน้อยก็ต้องรอถึงพรุ่งนี้

 

แน่นอนว่าเลขจำนวนหลักสิบล้าน บางครั้งธนาคารก็ต้องคอยเอาใจลูกค้าหน่อย แต่เรื่องนี้มันต้องจัดการแต่ละขั้นตอนในกลางวันสิ…

 

ดูเหมือนว่าการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้คงจะมีผู้รักษาการแทนจากธนาคารสักแห่งมาคอยจัดการ โอนเงินในสถานที่แห่งนี้เลย เพราะว่าเป็นจำนวนเลขที่ค่อนข้างมาก ถ้าหากจัดการไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องขึ้นมาคงแก้ไขลำบาก

 

เมื่อเธอกวาดสายตามองไปที่จำนวนเงินในบัญชี เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง สิบห้าล้าน? นี่ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลย ถึงแม้จ่านป๋ายจะออกแรงไปขายเครื่องประดับให้เธอ แต่จำนวนเงินสูงขนาดนี้ก็น่าจะโทรมาบอกเธอก่อน?

 

ไม่สิ ไม่ว่าอย่างไรก่อนที่จ่านป๋ายจะขายเครื่องประดับที่เป็นของเก็บสะสมส่วนตัวของเธอ เขาก็น่าจะขออนุญาตเธอก่อน แล้วเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน นี่มันก็มีอะไรแปลกๆ

 

“จ่านมู่ฮวา!” ซีเหมินจินเหลียนเรียกชื่ออย่างเต็มยศ

 

“หือ? เกิดอะไรขึ้น” จ่านมู่ฮวาถาม

 

“คุณโอนเงินมาให้ฉันเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย

 

“เปล่านะ” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า “แต่ถ้าคุณต้องการให้โอนตอนนี้ก็ได้ คืนนี้ที่นี่มีผู้รักษาการแทนจากธนาคารคอยจัดการอยู่ เดี๋ยวผมไปจัดการให้ก็เรียบร้อยแล้ว”

 

“ไม่ใช่อย่างนั้น” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “เมื่อกี้ฉันได้รับข้อความแจ้งเตือนมาว่า บัญชีของฉัน มีเงินจากที่ไหนไม่รู้โอนเข้ามา”

 

“หา?” จ่านมู่ฮวาถามอย่างตกใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้น “ทำไมผมไม่มีโอกาสได้เจอเรื่องดีๆ แบบนี้บ้าง ว่าแต่คุณก็ไม่ต้องสงสัยให้มากหรอก บางทีมู่หรงอาจจะทำเรื่องอะไรดีๆ ไว้ แล้วอยากจะเซอไพรส์คุณก็แค่นั้น ว่าแต่เท่าไหร่ล่ะ?”

 

“สิบห้าล้าน” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วแล้วพูด “เสี่ยวป๋ายคงไม่ได้ว่างขนาดมาทำเรื่องอะไรแบบนี้แน่” ถ้าเป็นจ่านป๋าย เขาคงจะจัดห้องที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ หรือไม่ก็เป่าขลุ่ยอย่างโรแมนติก คงไม่ได้มาล้อเล่นอะไรแบบนี้

 

“ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครได้?” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้า “ถ้าเป็นบัญชีของลูกค้าที่ทำธุรกิจก็ไม่น่าจะเลือกเวลานี้นะ?”

 

ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า เต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย แต่ในเวลานี้เองคุณนายซูก็รีบเดินเข้ามาอย่างร้อนรน ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีเลศนัย “น้องจินเหลียน ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ พี่สาวตามหาอยู่ตั้งนาน”

 

“สวีสดีค่ะคุณนายซู!” ซีเหมินจินเหลียนรีบทักทาย

 

“ดีอะไรกันล่ะ คืนนี้พี่แพ้ขาดทุนไปย่อยยับเลย!” คุณนายซูขมวดคิ้วขึ้น ตอนนั้นเป็นภาพที่เธอเห็นอย่างเยือกเย็น “น้องสาว พี่แอบมาหาเธอน่ะ พี่อยากถามว่าหินหยกสีแดงประกายม่วงในคืนนี้ เธอจะขายหรือเปล่า”

 

“หา?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ หินหยกสีแดงประกายม่วงที่คุณนายซูพูดถึงก้อนนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นหยกที่ชนะการเดิมพันในคืนนี้ และก็เป็นของชายลึกลับอย่างเฉาเสวี่ยฉิน เธอก็น่าจะไปถามคุณเฉาสิ แล้วจะมาถามเธอทำไมกันว่าขายหรือไม่ขาย?