ส่วนที่ 4 ตอนที่ 101 เรื่องไม่เป็นไปตามที่คิด

ความลับแห่งจินเหลียน

คุณนายซูคนนี้ก็บ้าหรือว่าโง่กันแน่? ซีเหมินจินเหลียนแบบคิดเช่นนี้อยู่ในใจ เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ได้ตอบคำถามของคุณนายซู 

 

“ไม่น่าล่ะคุณชายจ่านถึงได้วางเดิมพันหมายเลขสิบห้าไปตั้งยี่สิบล้าน ตอนแรกพี่ก็ยังคงแปลกใจอยู่ แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าหินหยกหมายเลขสิบห้าเป็นของบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ส่งเข้าแข่งขัน พี่ถึงเข้าใจ เสียดายที่พี่สายตาไม่มีแวว คิดไม่ถึงว่าจะเปิดอัตราต่อรองราคาหนึ่งต่อเก้า ถ้ารู้ว่าเป็นหยกที่น้องสาวส่งมา ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพี่ก็ไม่อยากให้คนขึ้นอัตราต่อรองราคาสูงขนาดนี้!” คุณนายซูกล่าววาจายอมรับออกมาตรงๆ 

 

“คุณว่ายังไงนะ?” จ่านมู่ฮวาถามขึ้นอย่างแปลกใจ หินหยกหมายเลขสิบห้าเป็นหินที่ซีเหมินจินเหลียนส่งเข้ามาแข่งขันเหรอ? ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้ 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจขึ้นมาว่าทำไมคุณนายซูถึงมาหาเธอเพื่อถามถึงราคาของหยกสีแดงประกายม่วงส่องแสงก้อนนั้น ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เพียงแต่ในใจของเธอรู้ดีว่าเธอไม่ได้เป็นคนนำหินหยกส่งเข้ามาทั้งนั้น ในมือของเธอไม่มีหินหยกลักษณะแบบนี้อยู่เลย 

 

“น้องจินเหลียน ถ้าน้องจะขายหรือไม่ขายยังไงก็ควรจะบอกกันหน่อยสิ” คุณนายซูยิ้มถาม “ถึงน้องจะไม่ขายทั้งหมด แต่จะขายให้พี่สาวสักหน่อยได้ไหม พี่ก็ชื่นชอบหยกจริงๆ นะ ส่วนราคาน้องก็เสนอมาได้เลย ไหนจะสีม่วงดอกไลแอคนั่นอีก พี่สาวชื่นชอบมากๆ น้องจะขายให้พี่สักหน่อยได้ไหม…” 

 

ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นไปมองจ่านมู่ฮวาด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จ่านป๋ายไม่มีทางที่จะมีหินหยกที่ลักษณะดีเช่นนี้ได้ ส่วนหลินเสวียนหลานยิ่งไม่มีทางเข้าไปใหญ่ ถึงตอนนี้จ่านมู่ฮวาพูดกับปากเองว่าอยากจะจีบเธอ หรือว่าจะเป็นหินหยกที่เขาหามาจากที่ไหนสักที่ แล้วปลอมแปลงชื่อของเธอเพื่อมาร่วมงานเดิมพันหินใหญ่ครั้งนี้? 

 

แต่หินหยกน่ะซื้อง่าย แต่หยกชั้นดีพบได้ยาก แถมหินหยกลักษณะแบบนี้เกรงว่าก็พบเจอได้น้อย คนบางคนถึงแม้จะเดิมพันหินมาทั้งชีวิต แต่ก็ไม่มีโอกาสที่ได้เห็นประจักษ์ตา ไม่เช่นนั้นผู้เชี่ยวชาญเปิดหินคงจะไม่ตื่นเต้นอย่างทุรนทุรายขนาดนั้น 

 

จ่านมู่ฮวาส่ายหัวน้อยๆ เขาเห็นซีเหมินจินเหลียนที่มีท่าทีสงสัยก็เข้าใจได้ทุกอย่าง ซีเหมินจินเหลียนคงจะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเป็นใครกันที่กำลังหลบซ่อนพวกเขาอยู่ ส่งหินหยกก้อนนี้มาร่วมในการเดิมพันหินใหญ่ แถมยังได้อันดับแรกอีก? ในขณะนั้นซีเหมินจินเหลียนกับจ่านมู่ฮวาก็เข้าใจขึ้นมาได้ เงินสิบห้าล้านเมื่อครู่นี้ที่แท้ก็เป็นเงินที่ได้มาจากการชนะเดิมพันครั้งนี้ เป็นของรางวัลที่เธอได้รับ 

 

“พี่สาว พี่ให้เวลาฉันคิดทบทวนสักหน่อยได้ไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดกับคุณนายซูด้วยคำพูดหว่านล้อม เธอไม่มีสิทธิ์และไม่มีเหตุผลที่จะนำหินหยกทั้งสองก้อนนี้ไปขาย เพราะว่าเธอยังไม่รู้ว่าเฉาเสวี่ยฉินลึกลับคนนั้นเป็นใคร เธอไม่รู้เลยสักนิด ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นการเข้าใจผิด เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเขาเกิดอยากจะมาทวงหินหยกคืนขึ้นมา เธอจะไปชดใช้หาหินหยกลักษณะแบบนี้จากที่ไหนกัน? 

 

“อ่อ” สายตาของคุณนายซูเห็นได้ชัดว่าดูผิดหวัง ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า “หินหยกลักษณะแบบนี้ หากน้องสาวอยากจะคิดสักหน่อยพี่ก็พอเข้าใจได้ เสียดายที่พี่สาวไม่มีโชคอย่างนี้บ้าง น้องสาวคนดี ถ้าในอนาคตน้องอยากจะนำหยกพวกนี้มาทำเป็นเครื่องประดับขาย น้องต้องบอกพี่สาวเป็นคนแรกเลยนะ?” พูดพลางเธอก็หยิบนามบัตรหนึ่งใบออกมาจากกระเป๋าใบเล็ก บนนามบัตรนั้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามา 

 

“ได้สิคะ” ซีเหมินจินเหลียนรวบรวมสติแล้วพูดขึ้น “ในอนาคตถ้าฉันอยากจะขาย แน่นอนว่าฉันจะไม่ลืมบอกลูกค้ารายใหญ่อย่างพี่สาวแน่” ในขณะที่พูดนั้น เธอก็คว้าหยิบนามบัตรส่งไปให้คุณนายซู “พี่สาว ฉันยังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องขอความช่วยเหลือจากพี่หน่อยน่ะค่ะ” 

 

“น้องสาวมีเรื่องอะไร บอกพี่มาได้เลย” คุณนายซูยิ้มแย้ม ทำให้ซีเหมินจินเหลียนที่กำลังมองอยู่นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ 

 

“พี่สาวก็สวยจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนพูดเยินยอชมไม่หยุดปาก สำหรับผู้หญิงคนนี้นิสัยเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ คุณนายซูทำให้เธอรู้สึกว่างดงามอย่างไร้ที่ติ นอกจากนี้การที่มีงานอดิเรกเป็นคนรักหยก เธอก็ไม่รู้สึกคัดค้านอะไรในตัวเธอ “ฉันไม่ค่อยอยากจะให้คนรู้ว่าหินหยกหมายเลขสิบห้าเป็นของฉัน รบกวนพี่สาวช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้ไหมคะ” 

 

ซีเหมินจินเหลียนรู้เป็นอย่างดีว่าหยกส่องแสงสีแดงประกายม่วงก้อนนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตาตกใจ ถ้าหากเธออยู่ในสถานการณ์นี้ ยืนอยู่บนเวทีคงจะเป็นเป้าสายตาของผู้คนแน่ และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเลย 

 

การเล่นหินหยกไปอย่างสงบสุข นี่คือเป้าหมายที่เธอมุ่งหวัง 

 

“เรื่องนี้ก็ง่ายมาก น้องสาววางใจได้ ความจริงเห็นน้องสาวใช้นามสมมุติแบบนี้ พี่สาวก็เข้าใจแล้ว เดี๋ยวพี่ให้คนเก็บหินหยกทั้งสิบห้าก้อนเอาไว้ แล้วให้คุณจ่านไปจัดการรับก็ได้แล้ว” คุณนายซูแสดงท่าทางเข้าใจ 

 

“ขอบคุณพี่สาวที่เข้าใจค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบกล่าวขอบคุณอย่างเกรงใจ ในใจก็คาดเดาไม่หยุดว่าต้องเป็นคนประเภทไหนกันแน่ที่ใช้นามสมมุติเป็นชื่อของบริษัทจินเหลียนจิวเวอรี่ แล้วยังให้หินหยกก้อนนี้จากที่ร่วมการแข่งขันเดิมพันหินอีก? ยังให้เธอชนะได้รับของรางวัลมากมาย? เมื่อเปิดออกมาแล้ว หินหยกสีแดงประกายม่วงส่องแสงก็ไม่เลว หยกสีม่วงดอกไลแอคก้อนนั้นก็เป็นหยกที่จัดอยู่ในหยกชั้นดี 

 

“จินเหลียน ถ้าอย่างนั้นผมขอไปจัดการธุระก่อน คุณก็ยุ่งมาทั้งวันแล้ว คงเหนื่อยมากใช่ไหม พักสักหน่อยเถอะ เมื่อจัดการเสร็จแล้วผมจะมาเรียกคุณ” จ่านมู่ฮวายิ้ม เขาไม่วางใจในตัวคุณนายซูเป็นอย่างมาก ระวังไว้ก่อนจะดีกว่า 

 

“ก็ได้ ขอบคุณค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มอย่างเกรงใจ ให้จ่านมู่ฮวาไปจัดการก็ดีไม่น้อย เพราะว่าเขาไม่ใช่คนในแวดวงนั้น ใครจะสงสัยคุณชายมหาเศรษฐีกัน 

 

คุณนายซูพูดขึ้นด้วยความสนใจ “คุณชายจ่าน คุณเปลี่ยนนิสัยตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะรู้จักพูดเอาอกเอาใจสาวด้วย?” 

 

“นั่นเป็นเพราะว่า ผมเจอคนที่คู่ควรแก่การเอาใจอย่างไรล่ะครับ” จ่านมู่ฮวายิ้ม 

 

คุณนายซูนิ่งงันไป ร่างของเธอสั่นน้อยๆ ก่อนจะหันหลังไปมองซีเหมินจินเหลียนที่กำลังนั่งพิงเก้าอี้อย่างใจลอย ในใจก็แอบคิดว่าเธอมีดีอะไรกัน ถ้าวันหนึ่งเธอไม่มีหยกที่คอยล่อตาล่อใจอยู่แบบนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่หาได้ตามท้องถนน เกรงว่าแม้แต่ตัวของจ่านมู่ฮวาเองก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ คุณนายซูก็ยิ้มออกมาบางๆ ชีวิตคนเราก็มีความท้าทายเช่นนี้ ผู้หญิงสวยเหมือนหยกหรือ? หรือหยกสวยเหมือนผู้หญิง? ผู้หญิงสวยและหยก ผู้ชายจะชอบแบบไหนมากกว่ากันแน่? 

 

ซีเหมินจินเหลียนนั่งได้ไม่นาน จ่านมู่ฮวาก็กลับมาบอกว่าเรื่องทั้งหมดจัดการอย่างเรียบร้อยแล้ว 

 

ซีเหมินจินเหลียนลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปหาหลินเสวียนหลาน เพื่อบอกให้เขากลับบ้านได้แล้ว วันนี้เป็นวันแรกของงานนิทรรศการจัดแสดงสินค้าอัญมณี พรุ่งนี้ยังมีหินหยกใหม่ๆ ที่น่าสนใจจากการเดิมพัน ไหนจะงานนิทรรศการอีก อีกทั้งยังมีการเดิมพันสี เดิมพันชนิด การเดิมพันใหญ่กำลังรอพวกเขาอยู่ 

 

แต่ซีเหมินจินเหลียนก็แอบพูดอยู่ในใจว่า เกรงว่าสองวันที่เหลือ ถ้ามีหยกชั้นดีปรากฏขึ้นมา ก็ไม่กล้าจะทำอะไรกระโตกระตากมากแล้ว 

 

เพียงแต่เรื่องก็ยากเกินการคาดเดา เรื่องบางเรื่องมีแค่วสรรค์เท่านั้นที่รู้ 

 

ซีเหมินจินเหลียนนั่งเคียงคู่ในรถของจ่านมู่ฮวา พร้อมบรรทุกหินหยกหมายเลขสิบห้า เดินทางนำไปสู่คฤหาสน์ของจินเหลียน เมื่อถึงหน้าประตูจ่านป๋ายก็เปิดประตูออกมาต้อนรับ 

 

ซีเหมินจินเหลียนเห็นว่าจ่านป๋ายไม่เป็นอะไร จิตใจที่ฟุ้งซ่านอยู่ก็คลายกังวลลงไปไม่น้อย 

 

ส่วนจ่านมู่ฮวาเปิดกระโปรงหลังรถแล้วพูดขึ้นว่า “มู่หรง มาช่วยทางนี้หน่อย เอาของพวกนี้ขนย้ายลงไป” 

 

“ของอะไรกัน” จ่านป๋ายพูดไป ในขณะที่ตนก็เดินเข้าไปหา 

 

“หยกน่ะ” จ่านมู่ฮวาพูดพลางก็ช่วยขนย้ายเข้าไปข้างใน “เรื่องคืนนี้ก็น่าแปลกไม่น้อย แกระวังหน่อย หยกในมือแกเป็นหยกสีม่วงดอกไลแอคเนื้อแก้วเชียวนะ” 

 

ทุกวันที่ผ่านมานี้จ่านป๋ายตามติดซีเหมินจินเหลียนแล้วรู้จักหยกอยู่ไม่น้อย หน้าประตูข้างหน้าของคฤหาสน์จินเหลียนเปิดไฟ เขาเห็นได้ชัดว่านี่เป็นหยกแก้วชนิดโบราณ นอกจากนี้สีสันของสีม่วงดอกไลแอคยังสวยกว่าหยกสีม่วงที่เธอมีอยู่ มีความเข้มขึ้นหน่อย นี่ถึงเรียกว่าสีม่วงดอกไลแอคที่แท้จริง 

 

ส่วนหยกสีแดงประกายม่วงก้อนนั้น ซีเหมินจินเหลียนโอบอุ้มไว้อยู่ในมือ วางลงไปบนโต๊ะของห้องรับแขกอย่างระมัดระวัง 

 

หยกหมายเลขสิบห้า ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก จ่านป๋ายและจ่านมู่ฮวาขนย้ายเข้ามาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แล้ววางไว้ภายในห้องรับแขก 

 

“จินเหลียน คุณไปเดิมพันหินอีกแล้วหรือครับ” จ่านป๋ายถามขึ้นอย่างแปลกใจ ถ้าไม่ใช่ไปเดิมพันหิน แล้วจะได้หินหยกพวกนี้มาจากที่ไหนกัน? แต่เขาไม่เคยได้ยินว่าการเดิมพันหินใหญ่จะมีหินหยกขายด้วย 

 

ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า ในใจก็รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง จ่านป๋ายและจ่านมู่ฮวาสองคนนี้ เป็นคนที่ถ้าไม่ตายก็คงจะไม่หยุด ตามหลักการแล้วเมื่อศัตรูเจอกันน่าจะจ้องมองกันอย่างอาฆาต แต่เวลานี้คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วนั่งอยู่ข้างในพูดคุยดื่มชาแล้วมองหยกเช่นนี้ 

 

สายตาของจ่านป๋ายตกไปที่หยกสีแดงประกายม่วงของซีเหมินจินเหลียนก้อนนั้น หินหยกก้อนนี้น่าจะจัดอยู่ในประเภทเดียวกันกับหยกประกายดาว หยกสีแดงก้อนนี้สีสดบริสุทธิ์ พื้นผิวนุ่มลื่นราบเรียบ น่าจะดีกว่าหยกประกายดาวกว่ามาก ที่สำคัญก็คือมันมีสองสีคือม่วงแดง สีแบบนี้น่าจะได้รับความนิยมไม่น้อย 

 

นอกจากนี้หยกแบบนี้น่าจะจัดอยู่ในหยกชั้นดีชนิดพบเจอได้ยากไม่ใช่หรือ? ซีเหมินจินเหลียนตัดใจที่จะขายหยกประกายดาวไม่ได้ แล้วหยกแบบนี้ล่ะก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง 

 

“ฉันว่าเรื่องในคืนนี้ มันดูมีลับลมคมในอะไรบางอย่าง” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ ส่ายหัวไม่ยอมพูดจา เธอคิดไปคิดมาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ใครกันที่ยอมขาดทุนแบบนี้ มีเงินเยอะเกินไปหรือ ถึงล้อเล่นกับเธอ? 

 

“จินเหลียน คุณลองคิดดูสิครับ หรือว่าคุณเฉาท่านนั้นก็ไม่ได้สนใจในหินหยกหมายเลขสิบห้าตั้งแต่แรก?” จ่านมู่ฮวาถามขึ้น แม้ว่าการเดิมพันหินใหญ่จะยึดตามลักษณะของหินแล้วตั้งอัตราต่อรอง แต่หินหยกหมายเลขสิบห้าก็มีอัตราต่อรองราคาที่สูงที่สุด นี่ก็รับรองได้ว่าหินหยกก้อนนี้ภายในสายตาของผู้เชี่ยวชาญเดิมพันหินส่วนใหญ่คงไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่ 

 

“ถ้าเป็นคุณ คุณจะเอาหินหยกที่ไม่ได้ดูดีอะไรมาร่วมงานเดิมพันใหญ่ครั้งนี้เหรอ คุณอย่าลืมสิว่าถ้าแค่วางเดิมพันหินหยกก็ช่างเถอะ แต่นี่ต้องวางเดิมพันด้วยเงินอีกหนึ่งล้านนะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถึงจะมีเงินมาก แต่ก็ไม่มีใครที่จะเล่นพิเรนทร์แบบนี้หรอก” 

 

จ่านมู่ฮวาคิดดูแล้วก็จริง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจจำนวนเลขหลักล้าน แต่ก็ไม่น่าจะเอามาเล่นอะไรไร้สาระแบบนี้ 

 

“ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” จ่านป๋ายถาม “ทำไมผมยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ” 

 

จ่านมู่ฮวาหันไปมองซีเหมินจินเหลียน จากนั้นพูดอธิบายถึงเรื่องแปลกๆ ในการเดิมพันหินใหญ่ที่เกิดขึ้น สุดท้ายก็สรุปได้ว่า “แม้ว่าเรื่องนี้จะดูมีลับลมคมใน แต่ความจริงเงินสิบห้าล้านและหินหยกทั้งสิบห้าก้อนนั่น ตอนนี้ก็ตกอยู่ในมือของจินเหลียนตรงนี้แล้ว…”