กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 1013

“ฝ่าบาทจักรพรรดินีจะมีพระสวามีสองคนไม่ได้ เป็นสิ่งที่ผิดธรรมเนียม ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรอง”

“ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรอง”

“เช่นนั้นพวกเจ้าบอกข้ามาว่าใครสามารถนำมองคำห้าสิบล้านตำลึงมาให้ข้าได้ในตอนนี้”

“เอ่อ…..”

เหล่าขุนนางต่างปาดเหงื่อ

อย่าว่าแต่รัฐปิงเลย ต่อให้รัฐใดรัฐหนึ่งก็ไม่มีทางนำทองคำห้าสิบล้านตำลึงออกมาได้

หยางโม่กล่าว “ฝ่าบาท ทองคำห้าสิบล้านตำลึงมีมูลค่ามหาศาลอย่างมาก กระหม่อมเกรงว่าเยี่ยกุ้ยเหรินคงไม่มีทองคำจำนวนมากเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นแล้วทองคำหนึ่งแสนตำลึงล่ะ พวกเจ้ามีใครสามารถนำออกมาให้ข้าได้หรือไม่”

แม้ว่าทองคำหนึ่งแสนล้านตำลึงจะเป็นจำนวนที่มาก แต่ก็ไม่ได้มากขนาดที่ไม่สามารถนำออกมาได้

แต่หลังจากที่นำออกมาแล้ว ก็อาจหลีกเลี่ยงที่จะกลายเป็นคนบาปไม่ได้

“ฝ่าบาท…..”

“เรื่องนี้ข้ามีวิธีจัดการของข้า ทำตามนี้แล้วกัน กาวกงกงนำพระราชโองการออกไปประกาศได้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากที่จักรพรรดินีองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ก็ได้แต่งตั้งพระสวามี และวันนี้ก็กลายเป็นพระสวามีสองคน ทำให้เป็นข่าวคราวที่ถูกพูดถึงไปทั่วทุกหย่อมหญ้าและทุกตรอกซอกซอย

เผ่าเพลิงฟ้าเป็นกลุ่มที่รู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก

แต่งงานมาแล้วหลายวันแต่กลับไม่เดินทางกลับมาที่เผ่าเสียที และวันนี้ก็แต่งตั้งพระสวามีอีกคน นี่ไม่เป็นการทำให้หัวหน้าเผ่าของพวกเขาอับอายขายหน้าหรอกหรือ?

ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยหรือไง

“รองหัวหน้าเผ่า จักรพรรดินีแห่งรัฐปิงทำเกินไปแล้ว ข้าคิดว่าไม่เช่นนั้นเราก่อกบฏเสียให้สิ้นเรื่องไปเลย”

“เผ่าเพลิงฟ้ามีกฎของเราอยู่ว่าจะไม่เป็นศัตรูกับราชวงศ์ของรัฐปิง”

“แต่ท่านดูสิว่าจักรพรรดินีรัฐปิงทำอะไรลงไปบ้าง หัวหน้าเผ่าของเราแต่งงานกับนางถือเป็นเรื่องที่แย่อย่างมาก”

“ก็ถูก ตั้งแต่อดีตกาลนานมาจักรพรรดินีมีพระสวามีเพียงคนเดียว ทว่านางกลับแต่งตั้งอีกหนึ่งคน และสิ่งที่สำคัญก็คือ เยี่ยจิ่งหานถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าเพลิงฟ้าของเรา เยี่ยจิ่งหานได้ฆ่าสังหารพี่น้องของเราไปแล้วเท่าไร เห็นได้ชัดว่าที่จักรพรรดินีทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการเป็นศัตรูกับเรา”

รองหัวหน้าเผ่าขมวดคิ้ว

เขาก็ไม่พอใจอย่างมาก

แต่การจะก่อกบฏต่อรัฐปิงก็ถือเป็นเรื่องใหญ่

ในเผ่าเองก็มีกฎที่พวกเขาจำเป็นต้องยึดถือปฏิบัติ

“รองหัวหน้า ก่อกบฏเถอะ คนเหล่านี้ไม่มีใครดีสักคน ข้ารู้สึกสงสารแทนหัวหน้าเผ่าเหลือเกิน”

“รอดูไปก่อนแล้วกัน หากหัวหน้าเผ่ามีคำสั่งเราค่อยปฏิบัติตาม”

“เฮ้อ…..”

ภายในห้องตำราหลวง

ท่านอ๋องเสวี่ยคอยชื่นชมความฉลาดของกู้ชูหน่วนไม่หยุด

แม้จะไม่เป็นไปตามกฎของบรรพบุรุษและธรรมเนียมที่มีมาแต่เดิม แต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถหาเงินจำนวนมหาศาลได้อย่างง่ายดาย หากเยี่ยจิ่งหานทำได้อย่างที่พูด เช่นนั้นแล้วภัยพิบัติและวิกฤตการณ์ของรัฐปิงก็จะคลี่คลายและถูกแก้ไขลงได้

“ฝ่าบาท องค์ชายของรัฐอี้ก็ไม่เลว กระหม่อมได้พูดคุยกับจักรพรรดิอี้แล้ว องค์ชายของรัฐอี้ไม่สนใจตำแหน่งพระสวามี ขอเพียงตำแหน่งหวงกุ้ยจวินก็ได้พ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาทแต่งงานกับเขา เช่นนั้นเสบียงอาหารของรัฐปิงก็จะไม่มีปัญหาอีกต่อไป”

“เจ้าก็เร็วใช่ย่อยเลยนะ”

เขาขายนางอีกครั้งในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้

“เรื่องที่สำคัญของรัฐปิง แน่นอนว่ากระหม่อมจะต้องพยายามทำทุกวิถีทาง หากฝ่าบาทไม่ปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นก็จัดให้มีงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสขึ้นในเดือนหน้า ต้นเดือนหน้าถือเป็นฤกษ์ดีพ่ะย่ะค่ะ”

“วันนี้วันที่ยี่สิบแปด ต้นเดือนหน้าก็อีกเพียงสามวันเท่านั้น?”

“เอ่อ…..พ่ะย่ะค่ะ แต่ก็ถือว่าเป็นเดือนหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าพูดมาตรงๆ ว่าอีกสามวันข้างหน้าก็จบเรื่อง”

ท่านอ๋องเสวี่ยหัวเราะชอบใจ

กู้ชูหน่วนกล่าว “รัฐอี้และรัฐปิงอยู่ห่างไกลกันมากเวลาเพียงสามวันสามารถจัดให้มีพิธีแต่งงานไดหรือ?”

“องค์ชายของรัฐอี้ได้มาอยู่ในรัฐปิงเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงฝ่าบาทตอบตกลง งานอภิเษกสมรสก็จะถูกจัดขึ้นทันที”

กู้ชูหน่วนวางโองการสาส์นลงและแทบคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป

“ท่านอ๋องเสวี่ย เจ้าไม่คิดว่าเรื่องนี้จะอะไรชอบมาพากลอย่างนั้นหรือ? รัฐอี้ตอบตกลงง่ายดายเช่นนี้?”

“เอ่อ…..รัฐอี้มีเพียงเงื่อนไขเดียว คือพระธิดาที่เกิดจากองค์ชายแห่งรัฐอี้และฝ่าบาทจะต้องได้เป็นองค์รัชทายาทแห่งรัฐปิง และพระโอรสจะต้องเป็นองค์รัชทายาทแห่งรัฐอี้ เช่นนี้ทั้งสองรัฐก็จะมีสัมพันธ์อันดีต่อกันตลอดไป”

“เอ่อ…..แม้แต่เรื่องนี้ก็คิดรวมไปแล้วหรือ? ท่านอ๋องเสวี่ยช่างคิดการณ์ไกลเสียเหลือเกิน”

“เพื่อฝ่าบาท เพื่อรัฐปิง กระหม่อมยอมทำทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ”

“พอได้แล้ว ข้าไม่อยากพูดอะไรกับเจ้าอีกแล้ว ข้าจะบอกอะไรเจ้า การแต่งงานนี้ข้าไม่ตกลง”

“ฝ่าบาท”

“เยี่ยจิ่งหาได้แบกเงินที่เหลือมาให้แล้วหรือ?”

“แบกมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“พาข้าไปดูเดี๋ยวนี้”

การแต่งงานอะไร

นางไม่สนใจทั้งนั้น

นางสนใจเพียงเรื่องเงินเท่านั้น

เมื่อเห็นขันทีหามหีบเข้ามาอย่างต่อเนื่อง กู้ชูหน่วนก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม

มีเงินจำนวนนี้ทุกภัยพิบัติและวิกฤติของรัฐปิงจะต้องได้รับการแก้ไขทั้งหมดอย่างแน่นอน

“เปิดหีบ”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

หีบได้ถูกเปิดออกทีละหีบและเผยให้เห็นทองคำแท่ง ทุกคนต่างจับจ้อง โดยเฉพาะท่านอ๋องเสวี่ยที่แทบอดไม่ได้อยากจะเข้าไปกอดทองคำแท่งเหล่านั้น

กู้ชูหน่วนหยิบก้อนโลหะออกมาและแสงสีทองก็ทำให้นางตาพร่ามากจนนางไม่สามารถลืมตาได้

เป็นทองคำแท้

เยี่ยจิ่งหานไม่ได้โกหกนาง

“ฝ่าบาทดูสิ ข้างล่างไม่ใช่ทองคำแต่เป็นตั๋วเงิน”

“ขอเพียงแค่เป็นเงิน ตั๋วเงินก็ไม่เป็นไร แค่มีค่าพอๆ กับทองคำก็ได้แล้ว”

“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ ตั๋วเงินเหล่านี้ข้าน้อยไม่เคยเห็นมาก่อนเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ประโยคเดียวก็สามารถทำให้ดึงดูดความสนใจของกู้ชูหน่วนและท่านอ๋องเสวี่ยได้

พวกเขาหยิบทองคำแท่งขึ้นมาและพบว่าข้างล่างล้วนเป็นตั๋วเงิน

ตั๋วเงินเหล่านี้มีหลายสกุล

แต่ตั๋วเงินเหล่านี้กลับไม่ใช่ตั๋วเงินตำลึงของรัฐปิง

และไม่ใช่ตั๋วเงินตำลึงของรัฐใดในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งเลย

กู้ชูหน่วนรับรู้ได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ปกติ

“เปิดหีบดูให้หมดทุกหีบ”

เมื่อเปิดทุกหีบออกก็เป็นอย่างที่นางคิดไว้ นอกจากข้างบนที่เป็นทองคำแท่งแล้ว ข้างล่างล้วนเป็นตั๋วเงินที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย

“ฝ่าบาท เอ่อ…..”

กู้ชูหน่วนโยนตั๋วเงินในมือลงและกัดฟันกรอด “เยี่ยจิ่งหาน เจ้ากล้าโกหกข้า ส่งคนไปที่หอราตรีเดี๋ยวนี้”

“พ่ะย่ะค่ะ”

บรรยากาศในวังหลวงเริ่มแปลกไป

คนในวังไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง และแทบอยากจะมุดลงไปในรูดิน กลัวจะมีใครมาทำให้ฝ่าบาทกริ้วจนตัวเองต้องตาย

“ตึ่ง……”

กู้ชูหน่วนเตะประตูออกและถามด้วยใบหน้าที่มืดมน

“เงินอยู่ที่ไหน”

“มอบให้เจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

“เยี่ยจิ่งหาน เจ้ากำลังล้อเล่นอะไรอยู่ เจ้านำกระดาษไร้ค่าจำนวนมากมาจะมีประโยชน์อะไร?”

“เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าใช้ได้แค่เงินตำลึงของรัฐปิงนี่นา”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าคงไม่ได้หมายความว่าตั๋วเงินเหล่านั้นเป็นตั๋วเงินที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในรัฐเยี่ยของพวกเจ้าหรอกนะ”

“ใช่”

“ตั๋วเงินของรัฐเยี่ย เจ้านำมาให้ข้าจะมีประโยชน์อะไร”

“นั่นมันเรื่องของเจ้า ข้ารับผิดชอบเพียงนำเงินมาให้เจ้า อ้อใช่ ข้าจำได้ว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะเสียใจและปฏิเสธในภายหลังก็เลยให้ข้าเขียนเอาไว้ ในหนังสือก็เขียนเอาไว้ว่าข้าจ่ายด้วยทองคำห้าสิบล้านตำลึงหรือทรัพย์สินอะไรก็ได้ที่มีมูลค่าเทียบเท่า จากนั้นเจ้าก็จะแต่งตั้งให้ข้าเป็นพระสวามี โดยไม่มีทางยกเลิกตำแหน่งนี้ของข้าไปตลอดชีวิตไม่ใช่หรือ?”

กู้ชูหน่วนโกรธมาก “ฉะนั้นที่เหลือเจ้าก็ไม่คิดจะนำออกมาใช่หรือไม่? ก็ได้ เยี่ยจิ่งหาน เจ้ากล้ามาก”

ไม่นานก็มีพระราชโองการอีกฉบับประกาศออกมาทั่วรัฐปิง

พระสวามีแบ่งเป็นพระสวามีเอก และพระสวามีรอง

พระสวามีเอกคือเหวินเส่าอี๋ พระสวามีรองคือเยี่ยจิ่งหาน และวังหลังก็ยังคงเป็นเหวินเส่าอี๋ที่คอยเป็นคนดูแล

เยี่ยจิ่งหานไม่พอใจ

“เจ้าวางแผนชั่วร้าย”

“ไม่ชั่วร้ายเท่าเจ้า ทองคำห้าสิบล้านตำลึงล่ะ มาถึงมือข้าเพียงทองคำยี่สิบล้านตำลึงเท่านั้น จำนวนลดลงมากจนทนดูไม่ได้”

การแต่งตั้งตำแหน่งพระสวามีนั้น นอกจากเยี่ยจิ่งหานจะมีตำแหน่งที่สูงส่งขึ้นแล้วนั้น