” แน่นอน ! วาจานายท่านมีเหตุผล แท้จริงแล้ว พวกเขามิควรค่ากับพวกมัน ! “
ซ้งฉางฟังอยู่ด้านข้างด้วยความรู้สึกที่ล้ำลึกในหัวใจ เขาเลียริมฝีปาก และยกตัวขึ้นเอ่ย
” นายท่าน เมื่อใดท่านจักสอนข้าหมักบ่มสุรานี้ ? “
” ไม่นาน เมื่อเวลามาถึง แต่กระนั้น ข้าจักขอเตือนเจ้าบางอย่าง ซ้งฉาง ! ไม่มีผู้อื่นนอกจากพวกเราที่จะได้ดื่มสุราที่พวกเราหมักบ่ม เพราะสุราที่พวกเราหมักบ่มจากนี้จักเลิศรสเกินกว่านั้น เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? “
จวินโม่เซี่ยยกยิ้มขึ้น
” ข้าเข้าใจ ! คนสามัญจักควรค่าพอลิ้มรสรุราที่พวกเรา ท่านอาจารย์ และ ศิษย์หมักได้อย่างไร ? คนเหล่านั้นจักสามารถลิ้มรส สุราอำมฤต ได้อย่างไร ? สินค้าที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้เกินกว่าโลกแห่งสามัญยิ่ง มันเกินกว่าสิ่งของทางโลกและสวรรค์ เช่นนั้นเราจักมิทำให้มันด่างพร้อย ? “
ซ้งฉางโกรธเคืองในใจ และการดูหมิ่นเติมเต็มในน้ำเสียง วาจาของเขาทำให้อาจารย์ของเขาไม่คงที่
นายน้อยจวินงุนงง
ข้าสับสนในสิ่งที่คนผู้นี้เอ่ยได้อย่างไร ?
” เอิ่ม ! ใช่ เจ้ารีบลงไป ! พวกเราจักต้องเริ่มซื้อหาสมุนไพรเหล่านี้ในทันที ! “
จวินโม่เซี่ยโบกมือ
จวินวูอี้ขมวดคิ้วหลังจากที่ทั้งสองจากไป
” โม่เซี่ย ข่าวของกิจกรรมนี้แน่นหนาเกินไป ข้าเกรงว่า … “
” ข้ายังคงมั่นใจว่าพวกเรามิได้รับอันตรายจากสิ่งนี้ ! “
จวินโม่เซี่ยหัวเราะนุ่มนวล
” น้าสาม ท่านพูดว่าท่านจักกลับจวนทันทีหลังจากได้เห็นตู่กู้วูตี้ไป … ตอนนี้ท่านยังอยู่ที่นี่ มีสิ่งใดน่าสนใจกระนั้น ? “
” ปิศาจน้อย แท้จริงแล้ว … ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังเจ้าได้ ! “
จวินวูอี้ยิ้มไร้หนทางขณะเขาเอ่ย
” มีข่าวจากเจียงหนาน แม่น้ำทางใต้ …. “
” โอ้ว ? “
ดวงตาจวินโม่เซี่ยเปล่งประกาย
” กองคาราวานการค้าโจว สร้างหน้าไม้จากเอ็นสัตว์เชวียนได้สำเร็จ ไม่นานพวกเขาจะจัดส่งเข้าสู่ตัวเมือง “
จวินวูอี้น้ำเสียงจริงจังขณะเขาเอ่ยเชื่องช้า
” อีกทั้ง มียอดฝีมือปริศนา ปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ที่มา พวกเขาดูราวร้อนรน คล้ายกับว่า องค์ชายสองพร้อมเคลื่อนไหวแล้ว “
” เอิ่ม ไม่ยากจะคาดเดา ยิ่งพวกเขากระทำโจ่งแจ้ง พวกเราควรจะยิ่งปกปิดตัวเองให้ลึกขึ้นเพราะมันจักทำให้พวกเราตักตวงประโยชน์จากความลับได้ยิ่งขึ้น พวกเราจักต้องจัดหาหน้าไม้เอ็นสัตว์เชวียนเหล่านั้นมา หน้าไม้เอ็นสัตว์เชวียนจาก กองคาราวานการค้าโจว น่าจะเป็นของขวัญสำหรับพวกเรา ฮี่ ฮี่ ฮี่ …. “
จวินโม่เซี่ยหรี่ตา
” พวกเรามิอาจวางใจ ! ช่วงปลายความไม่แน่นอนมีมาก และสถานการณ์ก็เพียงแต่จะแย่ลง ข้าเชื่อว่า องค์ชายสองจักไม่รับมือกับเรื่องนี้โดยไม่ระวัง นอกจากนี้ เขาอาจว่าจ้างกองกำลังชั้นสูงจากภายนอกเพื่อคุ้มกันสินค้า ยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสองมั่งคั่งอย่างมาก และอาจจะจัดหายอดฝีมือคุ้มกันสินค้า อีกทั้ง อาจเป็นคนจากสมาคมชั้นสูงแห่งเจียงหนาน และเขาอาจเป็นผู้ดูแลการขนส่ง ท้านที่สุด เป็นไปได้สูงที่ หอกระบี่เลือด จะคุ้มกันหน้าไม้เหล่านั้นอย่างลับๆ “
จวินวูอี้ ขมวดคิ้วสูง
” พวกเราพิจารณาความแข็งแกร่งของพวกเขาจากเงามืดและพบว่ามีมากมาย และข้าเชื่อว่ายังมีอิทธิพลอื่นเกี่ยวข้องอยู่ด้วย อิทธิพลที่พวกเรามิอาจหยั่งรู้ และพวกเขาอาจจะมีองค์กรณ์ทรงอำนาจร่วมอยู่ด้วยแล้ว พวกเราจักต้องใช้ความแข็งแกร่งมากมาย หากมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อหน้าไม้ พวกเราจักต้องใช้งบประมาณสักเพียงใด ? ยิ่งไปกว่านั้น จำเป็นต้องปราดเปรื่อง และไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้เบื้องหลัง …. “
จวินวูอี้ถอนใจลึก
” ข้ากลัวว่ามันคงจะยากดั่งการขยายสวรรค์ ! “
” ยากดั่งการขยายสวรรค์ … มันจะง่ายดั่งเช่นการพลิกฝ่ามือ ! “
จวินโม่เซี่ยเลิกคิ้ว คล้ายว่าสีหนา้ของเขาจะปลดปล่อยประกายปิศาจ สีหน้าสง่างามของเขาคล้ายเริ่มเยือกเย็น เล่ห์เหลี่ยม และ ชั่วร้าย
” เรื่องนี้สุดแล้วแต่ผู้ที่ข้องเกี่ยว หากพวกเราวิตกว่างานนี้เกือบจะเป็นไปไม่ได้และไม่กระทำสิ่งใดเพราะเรื่องนี้ … มันจักกลายเป็นสิ่งที่ยากกว่าการขยายสวรรค์ อย่างไรก็ตาม เรามักจะสรรหาวิธีการหลากหลาย หากเราตัดสินใจจะทำ แท้จริงแล้ว ข้าเชื่อว่าพวกเราชนะการต่อสู้ไปแล้วครึ่งหนึ่งเมื่อเราตัดสินใจทำมัน “
” ใช่ น่าไม่ผิด ! “
จวินวูอี้ยอมรับ
” น้าสาม พวกเขาต้องใช้เวลาเพียงใดในการมายังเมืองหลวง ? “
จวินโม่เซี่ยครุ่นคิด
” หรืออีกสิ่ง พวกเรามีเวลาเตรียมการเพียงใด ? ข้าต้องการรู้รายละเอียดและเวลาที่แน่นอน “
” พวกเขาจะใช้เวลาสองวันในแม่น้ำทางใต้ และจากนั้นจะขึ้นฝั่งและเดินทางบนบก จากที่นั่น พวกเขาจักต้องเดินทางสามวัน เพื่อมายังชายแดนเมืองหลวง “
จวินวูอี้พึมพัมวันเวลาที่ถูกต้อง
” ข้าคาดว่ามียอดฝีมือคุ้มกันสินค้า และข้าไม่คาดว่าพวกเขาจะมีพ่อค้าสามัญมากมาย ดังนั้น การเดินทางของพวกเขาจักต้องรวดเร็วกว่าคนสามัญทั่วไป แต่กระนั้น เมื่อนำทุกสิ่งมาพิจารณา ข้ารู้สึกว่าพวกเขาจักต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าวันเพื่อมาถึงที่นี่ “
” หรืออีกสิ่ง พวกเรามีเวลาห้าวัน หรือยิ่งกว่านั้น เพื่อเตรียมการ ! “
จวินโม่เซี่ยพยักหน้า
” ยิ่งกว่านั้น องค์ชายสองจักต้องไปยังแม่น้ำก่อน พวกเขาจึงจะเริ่มออกเดินทางจากที่นั่นได้ นี่หมายความว่า ขบวนพวกเขาจักต้องใช้เวลาที่แท้จริงอย่างน้อยสิบวันเพื่อมาถึงเมืองหลวง “
จวินวูอี้มีน้ำเสียงเด็ดขาดแท้จริง
” สิบวัน ? … นั่นเพียงพอแล้ว ! “
จวินโม่เซี่ยยิ้ม …. ไม่ชัดเจนว่าสิ่งใดทำให้เขาพึงพอใจจนสามารถยิ้มเช่นนั้นได้
” ท่านน้า ข้าเน้นย้ำว่าข้าต้องการข้อมูลที่แม่นยำ กองคาราวานการค้าโจวส่งผู้ใดไป ? และเขาแข็งแกร่งเพียงใด ? ความแข็งแกร่งของผู้ที่สมาคมชั้นสูงแห่ง เจียงหนานส่งไปคุ้มกันคือสิ่งใด ? และ กองกำลังใดที่องค์ชายสองส่งไป และความแข็งแกร่งของพวกเขา … พวกเราไม่มีข้อมูลของ หอกระบี่เลือด ดังนั้นพวกเราต้องปล่อยพวกเขาไปก่อน และกระทำไปตามสถานารณ์ภายหลัง “
” นั้นจะมิใช่ปัญหา “
สีหน้าจวินวูอี้เยือกเย็นเช่นเคย เขากำเก้าอี้เลื่อนแน่น
“ข้าเพียงแต่ใคร่รู้ ความแข็งแกร่งเพียงใดที่พวกเราต้องเผชิญ ? “
” นายท่านแห่งสกุลจวินมิต้องเคลื่อนไหว นอกจากนี้ พวกเราจะว่าจ้างองครักษ์สามร้อย และยอดฝีมือสวรรค์เชวียนสามคน ! “
จวินโม่เซี่ยยิ้ม
” ท่านน้าสาม ท่าน ไฮ่เฉินเฟิง และ ซ้งฉางคือผู้ค้ำจุนสกุลของพวกเรา ! “
” ข้าเกรงว่า พลังของพวกเราทั้งสามรวมกันก็มิพอเพียง เป็นไปได้ไหมหากจะทำให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว …. ? “
จวินวูอี้พูดไม่จบ แต่กระนั้น ความหมายของวาจาเขายังคงชัดเจน
” ชัดเจนว่าทำเช่นนั้นมิได้ ! “
จวินโม่เซี่ยคิดค้านความเห็นนั้น
” พลังของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นสูงส่ง และอาจจะเผยสถานะของเรา ไม่ต้องเอ่ยถึงนิสัยของเขา เขาจักปฏิเสธงานที่ไม่เปิดเผยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเริ่มขัดแย้งกับข้อตกลงกับเขา สิ่งนี้จะขัดขวางแผนการพวกเราเนื่องด้วยเขาอาจจะขัดขืนก่อนแผนการสำคัญจะเริ่มขึ้น “
” ข้ากลัวการถูกเปิดเผยเช่นกัน ความสามารถของ ไฮ่เฉินเฟิง นั้นแตกต่างยิ่งนัก เช่นนั้นจึงเป็นการยากจะ …. ปิดบังตัวตนของเขา ! “
จวินวูอี้เอ่ย
” มันจะต้องไม่ทำให้เราเป็นอันตราย ข้าจะพยายามกำจัดแสงสีครามนั่นเมื่อเวลามาถึง
” จวินโม่เซี่ยมั่นใจผลลัพธ์ เขาเริ่มเดินไปมาเชื่อช้า จากนั้นเขาเดินขึ้นหน้า และมองลงไปจากจุดที่ได้เปรียบ จากนั้นถอนใจแผ่วเบา “
เรื่องนี้จักเกี่ยวพันถึงการต่อสู่ที่ยุ่งยากและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่กระนั้น พวกเราจักต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และเผชิญหน้ากับมันโดยปราศจากการพึ่งพากองกำลังจากภายนอก พวกเราสามารถพึ่งพาเพียงแต่ความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น
” และในที่สุด สกุลจวินของเขาจะพึ่งพาได้เพียงตัวเอง ไม่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นจากนั้นพวกเราจักค่อยๆเติบโตขึ้น ! แต่พวกเราจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่มีผู้ใดหรืออำนาจใดยับยั้งได้ ! “
จวินโม่เซี่ยเอ่ยเสียงต่ำ แต่เขาเอ่ยด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยวและชั่วร้าย
องค์หญิงหลิงเมิง ดึง ตู่กู้เซี่ยวอี้ ออกจากโถงช้าๆ พวกนางตรงไปยังโรงน้ำชาที่ตั้งอยู่ตรงข้ามหอนั่น ร่างที่คล้ายชายชาตรีที่สูงและแข็งแกร่งยืนอยู่ที่นี่ เงาร่างนี้ก้าวยาวตรงไปยังพวกนาง
ผู้นั้นคือ ซุนเซี่ยวเหม่ย คู่หมั่นของ ถังหยวน นางมาถึงครู่หนึ่งแล้ว แต่มิได้เข้าไปในโถง
” เจ้าดูไม่ค่อยดีนัก “
ซุนเซี่ยวเหม่ยมององค์หญิงหลิงเมิง นางถามด้วยกังวลสุดซึ้ง
” เกิดสิ่งใด ? “
ซุนเซี่ยวเหม่ยเกิดมาด้วยรูปลักษณ์บุรุษ แม้แต่นิสัยของนางก็คลับคล้ายคลับครา แต่กระนั้น นางก็เป็นผู้ที่เมตตาและปราดเปรื่อง ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นดั่งพี่ใหญ่ของ องค์หญิงหลิงเมิง และ ตู่กู้เซี่ยวอี้ อย่างไรก็ตาม น้องเล็กเหล่านี้ไม่ประสงค์จะให้พี่ใหญ่ของพวกนางเป็นกังวล
” ข้าไม่ต้องการทำให้พี่ใหญ่เป็นกังวล แต่กระนั้น มีบางสิ่งเกิดขึ้น แต่ข้าอับอายจะเอ่ยถึงมัน แท้จริงแล้ว … ข้าไม่ประสงค์จะเอ่ยถึงมัน “
องค์หญิงหลิงเมิงดูโศกเศร้า นางถูหน้าผากอย่างอ่อนเพลีย
ซุนเซี่ยวเหม่ยนั้นมีเชาว์ นางเข้าใจจากวาจาขององค์หญิงได้อย่างรวดเร็วว่าเรื่องนั้นเกี่ยวพันถึงราชวงศ์ นางมิอาจถามมากไปกว่านี้ได้เนื่องจากนางไม่ประสงค์จะข้องเกี่ยว
องค์หญิงหลิงเมิงก็ปราดเปรื่อง นางเห็น ซุนเซี่ยวเหม่ยหยุดพูดและ ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า พี่ใหญ่ของนางเข้าใจทุกสิ่ง นางสัมผัสได้ว่าพี่ของนางเริ่มรู้สึกอึดอัด ดังนั้น องค์หญิงจึงเอ่ยลังเล
” น่าเสียดายที่ท่านพี่มิได้อยู่ภายใน มิเช่นนั้น ท่านสามารถช่วยข้าตรวจสอบการกระทำของคนผู้นั้นได้ มันแปลกประหลาดยิงนัก “
” ผู้ใด ? สิ่งแปลกประหลาดอันใดที่เจ้าเอ่ยถึง ? “
ซุนเซี่ยวเหม่ย มิอาจกลั้นความสนใจได้เมื่อได้ยินสิ่งนี้
” ลี่โย่วหลาน ลูกชายคนโต ในรุ่นสามแห่งสกุลลี่ “
นางสัมผัสได้ถึงความประหลาดบางอย่างในกริยาของลี่โย่วหลาน จากสัญชาตญาณแห่งความเป็นหญิง องค์หญิงหลิงเมิงสัมผัสได้อย่างแหลมคมว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
” ลี่โย่วหลาน คนผู้นั้น …. “
ซุนเซี่ยวเหม่ยพึมพัมกับตัวเองชั่วขณะ เห็นชัดว่าเป็นการยากจะพูดสิ่งที่นางคิด
” … เขา เป็นเหมือน จวินโม่เซี่ย เจ้ามิอาจอ่านเขาได้อยางถูกต้องหากมิได้เฝ้าดูอย่างถี่ถ้วน และเจ้าจะมิอาจเข้าใจเขาได้ … “
” จวินโม่เซี่ย ?! “
องค์หญิงหลิงเมิงอุทาน
” จวินโม่เซี่ย และ ลี่โย่วหลาน ? เจ้าสับสนกับคนทั้งสอง ? เหตุใดเจ้าจึงเอ่ยถึงสองคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ? “
” อาจไม่มีหลักฐานว่าทั้งสองนั้นเหมือนกัน แต่ก็มิง่ายเช่นนั้น …. “
ซุนเซี่ยวเหม่ยหัวเราะเบาๆและเงียบไป นางมิได้อธิบายเพิ่มเติม แต่กระนั้น นางก็เอ่ยด้วยเสียงต่ำขณะที่พวกนางเดินเข้าด้านใน ราวกับนางบ่นกับตัวเอง
” แต่ข้ารู้สึกว่าจวินโม่เซี่ยอันตรายยิ่งกว่า ! “
” พี่ใหญ่เซี่ยวเหม่ย ข้าไม่เข้าใจ แต่พวกเราเป็นพี่น้อง … และข้ารู้ว่าท่านสามารถมองตัวตนผู้คนได้ “
ตู่กู้เซี่ยวอี้ มิได้ยินที่ ซุนเซี่ยวเหม่ย พูดกับตัวเอง
” ท่านบอกว่า จวินโม่เซี่ยนั้นมีความอวดดีในครั้งที่พบกันล่าสุด ข้ายังมองมิเห็นความอวดดีในตัวเขาเลย เขาเพียงแค่ทำตัวอันธพาลเล็กน้อย … และนั่นมิได้หมายความว่าเขาเลวร้ายมากมาย …แต่กระนั้นวันนี้เขาสง่างามยิ่ง ! ข้าเสียดายที่ท่านมิได้อยู่กับพี่หลิงเมิง และข้าได้เห็นเขารับมือกับสถานการณ์ด้วยท่าที่สง่างาม ฮี่ ฮี่ …. “
” ข้ารู้สึกรำควณกับวิธีการที่พี่โม่เซี่ยใช้รับมือสิ่งต่างๆ ! “
องค์หญิงหลิงเมิงตอบโต้ด้วยความรำคาญ
” เซี่ยวอี้ เจ้าต้องรู้ว่าเรื่องนี้จริงจังอย่างมาก … และมากยิ่งขึ้นเพื่อที่เจ้าจะมิต้องอยู่อย่างทุกข์ใจไปตลอดชีวิต ! เชื่อฟังสิ่งที่พี่เจ้าเอ่ย ! “
ตู่กู้เซี่ยวอี้ ราวไม่เชื่อใจ นางคำรามทางจมูก และบ่นกับตัวเอง
” พี่โม่เซี่ยไม่ดี ? และพี่น้องเจ้ายอดเยี่ยมกระมั้ง …. ? “
องค์หญิงหลิงเมิงตะลึงงัน เป็นจริงที่จวินโม่เซี่ยเป็นอันธพาล และเขา ก่อความวุ่นวายไปทั่วโดยไร้ความกลัว แต่กระนั้น แม้แต่เขา … ก็ยังมิได้มีกริยาไร้ยางอายเช่นพี่ของนาง
พวกเขามีนิสัยที่ชั่วช้า พวกเขานั้นชั่วช้าอย่างแท้จริง !
…