สาวน้อยผู้นั้นเห็นว่าองค์หญิงหลิงเมิงทุกข์ใจ  นางตระหนักว่าได้พูดบางสิ่งไร้เหตุผลออกไป  นางต้องการจะปลอบประโลมองค์หญิง  แต่กระนั้น ต้องตะลึงงัน และไม่รู้ว่าต้องทำสิ่งใด

 

หญิงทั้งสามยังคงเงียบงันอยู่นาน  ในที่สุด ซุนเซี่ยวเหม่ย ทำลายความเงียบลงขณะตอบปัญหาของ ตู่กู้เซี่ยวอี้  …

 

” เจ้าทั้งสองรู้ว่าร่างของข้านั้นยอดเยี่ยม และแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในวัยเด็ก จนกลายเป็นเช่นทุกวันนี้  นี่ทำให้ข้ามีท่าทีสงบนิ่งและเยือกเย็น “

มุมปาก ซุนเซี่ยวเหม่ย ยกขึ้นเล็กน้อย

” ข้ามิกล้าออกจากบ้าน  ข้าไม่กินอยู่หลายวันจนน้ำหนักลดลง … แต่ไร้ประโยชน์  … จนกระทั่งปีนั้น … เมื่อข้าได้พบท่านอาจารย์ “

 

นางถอนใจยาวและเอ่ย

” ข้ามีอาการป่วยซึ่งทำให้สับสนตั้งแต่ห้าขวบปี  จนกระทั่งตอนนี้สิบห้าขวบปีแล้ว !  ข้าเรียนรู้ที่มองสิ่งต่างๆ และเข้าใจพวกมันมาสิบสามปี  ข้ามิสนใจในรูปลักษณ์อีกแล้ว  เจ้าคิดว่าข้าวัดผู้คนด้วยความสวยกระนั้น ?  ข้าเพียงล่วงรู้ถึงความรู้สึกของผู้คนเวลาที่ข้ามองพวกเขา  สำหรับรูปกายของพวกเขานั้น ความงดงามภายนอกเป็นเพียงบางสิ่งที่สามารถแสดงออกมาได้ … มันเป็นรอง

 

สิ่งสำคัญอยู่ที่นิสัยของผู้นั้น  เราสามารถเข้าใจถึงเจตนาและความสามารถของผู้นั้นได้โดยการเพ่งความสนใจในจุดนี้ “

ซุนเซี่ยวเหม่ย ยิ้มโศกเศร้า

” น้องเล็กเซี่ยวอี้ จวินโม่เซี่ยแสดงมุมที่ต่างออกไปเสมอ   เขามักจะกระทำดั่งคนพาล เขาออกไปก่อเรื่องวุ่นวายทุกที่ตามประสงค์ไร้ซึ่งกลัว  และข้ากังวลว่าเขาอาจมิได้แสร้งทำ  ข้ากลัวว่านั่นคือนิสัยที่แท้จริงของเขา  เขาและข้าพบกับไม่นานเพียงหนึ่งหน  แต่กระนั้น ชัดเจนว่าเขามิเคยให้ความสำคัญกับผู้ใด และเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องการ  ชายผู้นั้นจะไม่มีผู้ใดในสายตา “

 

” ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงบอกว่าเขามีนิสัย โอ้อวด “

ซุนเซี่ยวเหม่ยยิ้มไม่แยแส

” อาจเรียกว่า ชั่วร้าย ! “

 

สาวน้อยมั่นใจอยู่ภายใน ดังนั้นนางจึงยังคงนิ่งและฟังพี่ เซี่ยวเหม่ยใจจดจ่อ

” แต่กระนั้น ข้าได้เห็นข้อบกพร่องบางอย่างของคนผู้นี้  แม้นว่ามันอาจจะไม่ได้มองว่าเป็นจุดอ่อน …  และเมื่อรวมกับสิ่งนี้ …. นายน้อยจวินยิ่งชั่วร้ายกว่าผู้ใด !  ดังนั้น เจ้าจึงมิได้มองเขาอย่างถูกต้อง  เจ้าถูกเขาเย้าแหย่ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เจ้าจักต้องไม่ลงทุนกับความสัมพันธ์กับเขามากเกินไป …. !  มันจะเจ็บปวดอย่างมากสำหรับเจ้า “

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้ เม้มปาก มีความขุ่นเคืองใจในดวงตา แต่นางมิได้เอ่ยสิ่งใด  นางรู้ว่า เซี่ยวเหม่ย เป็นห่วงนางอย่างลึกซึ้ง และมิได้มีเจตนาร้ายอันใด

 

ซุนเซี่ยวเหม่ย ถอนใจภายใน  นางรู้ว่าน้องเล็กมิได้เชื่อฟังนาง

 

องค์หญิงหลิงเมิงที่อยู่ด้านข้าง  ราวกับว่านางกำลังสับสน  คล้ายกับนางกำลังอยู่ระหว่างการสนทนาที่ ทั้งฟังและมิได้ฟัง ความคิดของนางยุ่งเหยิง และไม่รู้ถึงสิ่งที่นางคิด  นางตระหนักว่าพี่น้องของนางเงียบลงในทันที

 

” หลิงเมิง เจ้าดูไม่ค่อยดี  จะดีกว่าหากเจ้ากลับตำหนัก และพักผ่อน “

ซุนเซี่ยวเหม่ยมองนางด้วยสีหน้าเป็นกังวล

 

” ข้าไม่ประสงค์จะกลับไป !  ข้าไม่ต้องการกลับไป ! “

องค์หญิงหลิงเมิงกลัวการกลับไปยังราชวัง  นางไม่รู้ว่านางมีพฤติกรรมเช่นไร … หรือต้องมีกรอบความคิดใดที่เรียกว่า ครอบครัว …

 

” พี่หลิงเมิง ไปหาจวินโม่เซี่ย หากเจ้าไม่ประสงจะกลับตำหนัก “

ตู่กู้เซี่ยวอี้ ยกตาขึ้นขณะนางเอ่ยข้อเสนอแนะ

” เด็กนั่นช่างน่าขัน “

 

เจ้าขาวน้อยสุดที่รักของนางคำรามขึ้นและโผล่หัวเล็กๆของมันออกมาทันใดขณะที่นางเอ่ย ดวงตากลมโตของมันเบิกกว้าง  ตอนนี้มันบรรลุไปถึงขั้นที่แปดแล้ว  ด้วยเหตุนี้ หูของมันจึงไว  มันจักไม่รู้สึกร่างเริงได้เช่นไรเมื่อได้ยินนางเอ่ยว่าจักไปพบชายผู้นั้น ?

 

” ฟังดูดี  ข้าเองก็ประสงค์จะไปตรวบสอบชายผู้นั้นเนื่องด้วยเซี่ยวอี้ชื่นชอบเขาอย่างลึกซึ้ง  แท้จริงแล้ว ข้าจะพยายามคิดกับเขาในแง่ดี  และในที่สุดข้าจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ! “

องค์หญิงหลิงเมิงเอ่ยอย่างมีชีวิตชีวา  นางยิ้มขณะเยาะเย้ยตัวเอง

” น่าเสียดาย ที่ข้าไม่เห็นว่าเขาน่าทึ่งเพียงใด  ข้าตาบอดมาสิบกว่าปีแล้วกระนั้นหรือ ? “

 

ใบหน้า ตู่กู้เซี่ยวอี้ เป็นสีแดง  นางรู้ว่าคำพูดขององค์หญิงนั้นไม่เหมือนดั่งของพี่เซี่ยวเหม่ย  พี่ใหญ่เตือนนางด้วยความหวังดี แต่องค์หญิงหลิงเมิงเพียงแค่เยาะเย้ยนาง ดังนั้น นางจึงอดโต้ตอบมิได้

” แน่นอน ท่านคิดไปเอง  ท่านมองเขาด้วยอคติ … ท่านจะพบความดีในตัวเขาได้อย่างไร ?  แต่กระนั้น ข้ามีสายตาที่ดี ! “

 

ซุนเซี่ยวเหม่ย ยิ้ม  น้องสาวทั้งสองของนางยึดติดความคิดตัวเองและไม่ยอมเชื่อฟัง  หญิงทั้งสามมุ่งหน้าไปยัง จวนสกุลจวินไม่รีบร้อน มีสาวใช้ติดตามไปด้วยหกคน

 

การโต้เถียงระหว่าง ตู่กู้เซี่ยวอี้  และ องค์หญิงหลิงเมิง ค่อนข้างสงบขณะพวกนางเดินไปตามทาง

 

เส้นทางไปยังจวนสกุลจวินนั้นไม่ไกล และท้องถนนเบียดเสียดด้วยผู้คน  คนเดินเท้าชมเชยหญิงงามทั้งสองทุกผู้ ไม่เว้นผู้ใด วางสายตาของพวกเขาลงที่สาวงามทั้งสอง  อย่างไรก็ดี มีไม่มากนักที่ได้เห็นหญิงที่งดงามอย่างชั่วร้ายเช่นนี้ในชีวิต  ตอนนี้พวกนางทั้งสองเดินด้วยกัน …

 

ขุนนางสง่างามบางคนแม้นเร่งรีบก็ยังแอบมองพวกนาง  จากนั้นพวกเขาหันหลังกลับและเดินต่อไป  เก็บภาพนี้ไว้ในหัวใจ

นี่คือความงดงามของข้า

 

ทันใดนั้น …

 

ลมพายุและสองลำแสงสีครามทอประกายท่ามกลางท้องฟ้าว่างเปล่า  จากนั้น ลำแสงทั้งส่องพุ่งตรงมายังองค์หญิงหลิงเมิง ซึ่งอยู่ท่ามกลางผู้คน  ดั่งเกาทันสองดอกที่ยิ่งออกมาจากคันศร ความเร็วเช่นนี้มิอาจหลบเลี่ยง !

 

เสียงร้องด้วยความโกรธดังขึ้น  ผู้ที่เปล่งประกายด้วยแสงสีฟ้าปรากฏขึ้น  เขาสวมชุดสีดำ  มีกระบี่สองคมในมือ  ที่ดูเหมือนเปล่งประกายดั่งสีสายรุ้ง  จากนั้น ลำแสงหนึ่งพุ่งตรงมายังองค์หญิง  ทันใดนนั้นกระบี่เล่มหนึ่งกันผู้อื่นให้ออกห่าง … สวรรค์เชวียน !

 

อยี่กู้ฮั่นมาถึงแล้ว !

 

” เคร้ง !  เคร้ง ! “

เสียงการปะทะดังขึ้นสองครั้ง  คนทั้งสามร่นถอยพร้อมกัน  ยอดฝีมือสวรรค์เชวียน สองคนอยู่ในชุดดำและสวมหน้ากากบนใบหน้า  พวกเขาถอยร่นไปก่อนและพุ่งเข้ามาอีกครั้ง  ลำแสงสีครามเปล่งประกายใตเท้าขณะพวกเขาพุ่งเข้าใส่ อยี่กู้ฮั่น เขายิ้มเยือกเย็น  ดูเหมือนมิได้บ้าคลั่ง ขณะถือกระบี่สองคมไว้  แสงประกายฟ้าเล็ดลอดออกมาขณะเขาพุ่งไปยังศัตรู ราวกับพร้อมจะก่อความเสียหานที่รุนแรง  คล้ายกับว่าไม่ยอมแพ้ฝ่ายตรงข้าม

 

ฝูงชนร้องุทานขณะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และแตกกระจายตัวหนีห่าง  เมืองที่จอแจ วิเกวังเวลขึ้นทันที

 

พวกเขาทั้งสามรวมทั้ง อยี่กู้ฮั่น วุ่นวายอุตลุต  ทันใดนนั้น เสียงหวีดดังขึ้น  สามลำแสงสีฟ้าครามปรากฏ และพุ่งตรงไปยังองค์หญิงหลิงเมิงที่อยู่หลัง อยี่กู้ฮั่น ด้วยความเร็วสูง

 

เสียงของ อยี่กู้ฮั่น สั่นเทาขณะเขาคำราม  เขาแยกตัวจากศัตรูและล่าถอยด้วยความรวดเร็ว

 

เขาไม่สนใจการโจมตีใดๆของศัตรูที่ปะทะเข้ากับฝ่ามือและขาของเขาขณะที่ตู่สู้  มีเลือดพุ่งกระจายออกมา และร่างของเขากระเด็นกลิ้งถอยไป  เขาล้มลงตรงหน้าองค์หญิงหลิงเมิง กระบี่ยาวของเขาส่งเสียงก้องกังวานขณะที่มันร่วงลงมา ผมและหนวเคราของเขายุ่งเหยิง แต่เขายังไม่ถอยหลังไป แม้แต่น้อย

 

ชายอีกสามคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมเพรียง

 

มือสังหารอีกสองคนตามอยี่กู้ฮั่นที่ล่าถอยมา  พวกเขาไล่ตามมาด้วยความเร็วดั่งแสง  โทสะของอยี่กู้หั่นจางหายไปอย่างรวดเร็ว  ถูกแทนที่ด้วยเลือดแดงฉาน และสีหน้้าเยือกเย็น

 

ประกายสีฟ้าครามของเขาเข้มข้นขึ้น  แม้แต่ประกายสังหารในกระบี่ยิ่งคมชัด  พลังของเขาดูคล้ายดั่งเสือคลั่ง  แต่กระนั้น การเคลื่อนไหวของกระบี่ก็มิได้ยุ่งเหยิงแต่แม่นยำ  น่าประหลาดใจ ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนหนึ่งผู้ รับมือกับยอดฝีมือในระดับเดียวกันถึงห้าคน

 

เขาต่อสู้กับมือสังหารสุดฝีมือ  อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคว้าร่างอันเพรียวงามขององค์หญิงไว้ด้วย  เขาใช้ความพยายามทั้งหมด โยนนางให้ห่างออกไป … เท่าที่เขาทำได้  จากนั้นคำราม

” รีบไป วิ่ง ! “​

 

ร่างอันบอบบางขององค์หญิงลอยไปไกลราสามสิบเมตร และร่วงลงพื้น  ดวงตาของนางแดงก่ำและมีน้ำตา  นางกระอักอารมณ์

” น้าอยี่ … “

 

ผู้คนส่วนใหญ่ที่อาวุโสกว่าจักคิดถึงแต่ความดีของตน  … มีเพียงน้าอยี่ของนางที่แตกต่าง …

 

ดวงตา ซุนเซี่ยวเหม่ย ส่องประกาย

ชัดเจนว่าเป้าหมายการลอบสังหารคือองค์หญิงหลิงเมิง และ อยี่กู้ฮั่น ก็มิอาจรับมือกับยอดฝีมือสวรรค์เชวียนห้าคนได้พร้อมกัน  พวกเราต้องการกำลังเสริมเพื่อรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ !

 

แต่กระนั้น ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนนั้นถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดใน นครเทียนเชียง แม้นว่า สกุลใหญ่ๆทั้งหมดจะให้ความช่วยเหลือ … และแม้นว่าพวกเขาจะมาได้ทันเวลา  ก็ยังไม่แน่ชัดว่าพวกเขาจะสามารถยับยั้งภัยนี้ได้หรือไม่

 

” เซี่ยวยี่ รีบส่งเจ้าขาวน้องออกไปขอกำลังเสริม ! “

เซี่ยวเหม่ยปราดเปรื่องยิ่ง  นางเห็นเจ้าขาวน้อยที่หน้าอก ตู่กู้เซี่ยวอี้ นางมองไปยังแผนการและรู้ว่ามันเข้าใจถึงแผนการ  นางพิจารณาแล้วว่า ไม่มีผู้ใดสามารถนำความช่วยเหลือมาได้ทัน …  แต่กระนั้น เจ้าขาวน้อยนั้นแตกต่าง มันยังเด็กและอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นสัตว์เชวียนขั้นแปด  ความเร็วของมันนั้นมิอาจเทียบ  แม้แต่เทพเชวียนยังมิอาจไล่ล่ามันได้  ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดร่างเล็กของมันก็ยากแก่การโดนจับ

 

ตู่กู้เซี่ยวอี้ มีสติขึ้นทันทีและคว้าเจ้าขาวน้อยจากอกของนาง  ไม่สำคัญว่ามันจะเข้าใจความหมายที่ยางเอ่ยหรือไม่

” เจ้าขาวน้อย ข้าเชื่อใจเจ้า  เร็วเข้า ไปแจ้งท่านพ่อข้า  บอกเขาให้มาช่วยพวกเราเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ! ไปเร็วเข้า ! “

 

ซุนเซี่ยวเหม่ย ร้อนรน

” เหตุใดเจ้าจึงรีรอ ? “

นางชักกระบี่ออก  นางฝืนความเจ็บปวดขณะกรีดแขนตัวเอง  จากนั้นกรีดเสื้อผ้าของ ตู่กู้เซี่ยวอี้  และหยดเลือดของนางลงไป และผูกไว้กับขาเจ้าขาวน้อย  จากนั้นโยนมันออกไป …

 

ตราบใดที่คนสกุลตู่กู้เห็นเลือดที่เปื้อนเศษผ้านี้ พวกเขาจะเข้าใจทันทีว่าเซี่ยวอี้อยู่ในอันตราย และเร่งรุดมาเพื่อช่วยเหลือพวกนาง  นอกจากนั้น … หญิงสาวเหล่านี้ทำได้เพียงรอ

 

เจ้าขาวน้อยครางเสียงดัง และพุ่งไปดังลูกศร  หนึ่งในห้ามือสังหารยิ้มปรีดา

” มานี่ เจ้าลูกหมีน้อย ! “

เขายื่นมืออกไป  คิดเพียงแต่จะคว้าเอาเจ้าตัวน้อยนี้

มันจะทำอะไรได้ ?

ดังนั้นเขาจึงพยายามจะจับ

 

เขาคิด …

 

เขาขาวน้อยมีโทสะ  มันกระโดดขึ้น และอ้าปากน้อยแยกเขี้ยวคมกริบ  พุ่งไปงับใส่แขนคนผู้นั้น  และในเวลาเดียวกัน เจ้าขาวเผยเล็บอันคมกริบดั่งความเร็วแสง และข่วนเข้าใส่แขนของเขา  มันฉีดเอาก้อนเนื้อของเขาออก  จากนั้นคำรามพึงพอใจ และวิ่งหน้าไปจากสถานที่นั้น  หายไปจากสายตาของทุกผู้ดั่งควันไฟ

 

มือสังหารชุดดำคำรามด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ซึ่งมากพอจะตัดผ่านไขกระดูกของเขา  ยอดฝีมือสวรรค์เชวียนประเมินศัตรูต่ำไปและคิดเพียงว่ามันคือลูกของสัตว์ตัวน้อย  แต่กระนั้น ศัตรูตัวน้อยก็ทำให้เขาอยู่ในสภาพนี้ …

 

เขาไม่รู้เลยว่า เจ้าสัตว์ตัวน้อยนั้นเป็นสัตว์เชวียนขั้นแปด !