การปรากฎตัวที่น่าตกใจในเขตที่อยู่อาศัย

“หัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกน่าทึ่งขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?”

เกรซฟูลโมนาร์ชและเพอเพิ้ลรากษสอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยสีหน้ากังขา เมื่อได้ยินคำพูดของอิลูซะรี่เวิร์ด พวกเขารู้สึกราวกับว่าเครอลลิคกำลังล้อเล่นกับพวกเขา

ทั้งคู่นั้นคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของเขตหนึ่งของสภาสิบแปดปีกดี พวกเขารู้ด้วยว่าสภาสิบแปดปีกนั้นเป็นกิลขนาดใหญ่ในโลกภายนอก โดยธรรมชาติแล้วหัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกก็ควรมีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษเช่นกัน ไม่งั้นผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถอย่างบลูฟอร์สคงจะไม่ยอมเข้าร่วมกับกิล

อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะนึกยังไง พวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนๆหนึ่งจะสามารถเปลี่ยนกระแสของการต่อสู้ป้องกันที่กำลังจะมาถึงได้

เพราะท้ายที่สุดการต่อสู้ป้องกันในครั้งนี้นั้นนับเป็นสงครามขนาดใหญ่ และมันไม่ใช่แค่การต่อสู้กันง่ายๆในแผนที่ล่า คู่ต่อสู้ที่พวกเขาจะต้องเผชิญนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ผู้เล่นผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่นั่นยังรวมถึงอาวุธสงครามและเครื่องมือที่ทรงพลังด้วย

เมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธสงคราม และเครื่องมืออันทรงพลัง ผู้เล่นขั้นสามก็จะมีสภาพไม่ต่างจากผู้เล่นขั้นสองเลย เว้นแต่ว่าผู้เล่นขั้นสามจะมีสกิลอมตะเท่านั้น ไม่งั้นพวกเขาแทบจะตายทันทีแน่นอนเมื่อถูกโจมตี

“อืมมม เขาน่าทึ่งมากๆ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะเรียกเขาว่าสัตว์ประหลาดที่แท้จริง” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางพยักหน้า เมื่อเธอเห็นสีหน้าที่ไม่เชื่อของเกรซฟูลโมนาร์ช และเพอเพิ้ลรากษส เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดต่อว่า “ด้วยความสามารถในปัจจุบันของฉัน ฉันคิดว่าฉันไม่น่าจะทนต่อการโจมตีของเขาได้เกินสามการเคลื่อนไหว”

“แม้แต่คุณก็ทนต่อการโจมตีของเขาได้ไม่เกินสามการเคลื่อนไหวงั้นหรอ ?”

ทั้งเกรซฟูลโมนาร์ชและเพอเพิ้ลรากษสนั้นต่างก็ประหลาดใจกับการเปิดเผยครั้งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รู้ถึงพลังที่แท้จริงของอิลูซะรี่เวิร์ด แต่สัญชาตญาณของพวกเขาก็บอกว่าพวกเขานั้นมีทางเลือกเดียวหากต้องต่อสู้กับเครอลิคผู้นี้
หนี !!

นอกเหนือจากการหนีแล้ว มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะทำให้พวกเขารอดชีวิตได้ ในความเป็นจริงผลลัพธ์ก็จะเหมือนกัน แม้ว่าทั้งคู่จะเข้ารุมเธอ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะยังคงเหมือนเดิมแน่นอน

อย่างไรก็ตามสัตว์ประหลาดอย่างอิลูซะรี่เวิร์ดกับบอกว่าเธอจะไม่สามารถเคลื่อนไหวต่อต้านการโจมตีของหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกได้เกินสามครั้ง นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง ?

“ถ้าวันหนึ่งพวกคุณได้พบกับเขา พวกคุณก็จะรู้เองว่าฉันพูดความจริง …” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เธอนั้นไม่ได้คิดจะอธิบายอะไรอย่างละเอียดอีกต่อไปแล้ว

ในการตอบสนองเพอเพิ้ลรากษส และเกรซฟูลโมนาร์ชนั้นยังคงรู้สึกสงสัยในคำพูดของอิลูซะรี่เวิร์ด

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่คิดจะติดตามเรื่องนี้ต่อ และพวกเขาก็ได้เปลี่ยนรายละเอียดการสนทนาไปเป็นเรื่องการต่อสู้ป้องกันที่กำลังจะมาถึง

ในช่วงเวลาที่เกรซฟูลโมนาร์ชและคนอื่นๆกำลังพูดคุยกัน ซือเฟิงก็ได้ออกไปจากเขตแสงสุดขีดพร้อมกับไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆ โดยไม่ได้สนใจคำพูดของอิลูซะรี่เวิร์ดที่กล่าวถึงเขา

“หัวหน้ากิล พวกเราจะออกไปอย่างรวดเร็วเลยงั้นหรอ ? ฉันเห็นเจ็มสโตนค่าสถานะมากมายถูกขายในราคาถูกที่นี่ นอกจากนี้มันยังมีหนังสือสกิล และเวทย์ขั้นสามอีกจำนวนมาก มันจะเป็นการเสียโอกาสมากนะ หากเราเลือกจะออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว” อควาโรสกล่าวเมื่อเธอเห็นว่าซือเฟิงไม่ได้ตั้งใจจะหยุดพักในเขตแสงสุดขีด

ตอนแรกเธอก็ไม่คิดอะไรในตอนที่เข้ามาในเขตแสงสุดขีด อย่างไรก็ตามหลังจากเข้ามา เธอก็พบว่าที่นี่มันเป็นขุมสมบัติชัดๆ

ไม่เพียงแต่เจ็มสโตนค่าสถานะที่นี่จะมีราคาถูกกว่าที่ทวีปด้านตะวันออกห้าสิบเปอเซ็นต์ แต่มันยังมีหนังสือสกิลและเวทย์ขั้นสาม ซึ่งหายากอย่างไม่น่าเชื่อในทวีปด้านตะวันออกวางขาย แม้ว่าหนังสือสกิลและเวทย์ที่วางที่นี่จะไม่ใช่แบบ AOE แต่หากนำมันกลับไปประมูลขายในทวีปด้านตะวันออกของ God domain มันก็จะยังคงมีผู้เล่นจำนวนมากแย่งกันซื้ออยู่ดี

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะพูดยังไงพลังของสกิลและเวทย์ขั้นสามนั้นก็แข็งแกร่งกว่าสกิลและเวทย์ขั้นสองอย่างมาก พวกมันจะช่วยผู้เล่นได้อย่างมาก เมื่อต้องรับมือกับผู้เล่นด้วยกันและมอนสเตอร์

“ใช่แล้ว ของเหล่านั้นอาจมีค่า แต่เรามีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องไปทำ” ซือเฟิงกล่าว

ดาร์คเดนนั้นเป็นโลกอื่นที่ค่อนข้างจะพิเศษ ในตอนแรกเขาคิดว่ามันน่าจะยังต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่ามหาอำนาจต่างๆในทวีปหลักจะยื่นมือเข้าสู่โลกนี้ได้

เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าไม่เพียงแต่มหาอำนาจในทวีปหลักของ God domain จะค้นพบดาร์คเดนแล้ว แต่พวกเขายังมีวิธีการเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักและดาร์คเดนด้วย

คนอื่นอาจไม่ตระหนักถึงผลกระทบของเรื่องนี้ แต่ซือเฟิงซึ่งมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับ God domain นั้นรู้ดีว่ามันน่ากลัวขนาดไหน

อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะกล่าวว่ามหาอำนาจต่างๆจะเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งแน่นอน เมื่อได้รู้ข้อมูลของดาร์คเดน

หนังสือสกิลและเวทย์ขั้นสามหรือสูงกว่าขึ้นไปนั้นหายากอย่างมากในโลกภายนอก ผู้เล่นนั้นแทบจะไม่ได้รับมันมาด้วยซ้ำต่อให้เคลียร์ดันเจี้ยนขนาดใหญ่พิเศษ เลเวล
มากกว่าหนึ่งร้อยได้ โลกอื่นๆส่วนใหญ่นี้เองก็มีปัญหาเดียวกัน อย่างไรก็ตามดาร์คเดนนั้นเป็นข้อยกเว้น นับประสาอะไรกับสกิลและเวทย์ขั้นสาม สกิลต้องห้ามและคำสาปขั้นสามก็หาได้ง่ายมากที่นี่

ในขณะเดียวกันนอกเหนือจากการปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาแล้ว วิธีต่อไปที่เร็วที่สุดในการปรับปรุงพลังของตัวเองก็คือเรียนรู้สกิลและเวทย์ขั้นสามให้มากขึ้น

ปัจจุบันการแข่งขันใน God domain นั้นทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก และมหาอำนาจต่างๆนั้นก็ล้วนค้นหาวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองอย่างเมามัน ซึ่งเมื่อมีโอกาสที่สมบูรณ์แบบที่จะช่วยยกระดับพลังการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของตัวเองได้ มหาอำนาจต่างๆก็จะยอมลงทุนทุกอย่างแบบบ้าคลั่งเลยทีเดียว
ในขณะที่ยังมีเส้นทางไม่มากนักที่เชื่อมต่อมายังดาร์คเดน ดังนั้นซือเฟิงจึงจำเป็นจะต้องครอบครองข้อได้เปรียบในดาร์คเดนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเร่งการพัฒนาของเขตหนึ่งไปให้ถึงขีดสุด เพราะการทำแบบนี้จะทำให้เขาจัดหาหนังสือสกิลและเวทย์ขั้นสามสำหรับผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีกได้อย่างต่อเนื่อง

ในตอนนี้แม้ว่าการพัฒนาของเขตหนึ่งจะดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่มันก็แทบจะไม่ได้ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของเขตที่แข็งแกร่งที่สุดในดาร์คเดนเลย นี่ไม่ต้องพูดถึงว่ามันอ่อนแอกว่าเขตแสงสุดขีดค่อนข้างมากเลยทีเดียว

โดยปกติแล้วการเร่งการพัฒนาของเขตนั้นมันเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากมันขึ้นอยู่กับความพยายามและการมีส่วนร่วมของเขตที่อยู่อาศัย และเพื่อเร่งการพัฒนาเขตที่อยู่อาศัยนั้น มันก็จำเป็นที่จะต้องยกระดับคุณภาพของผู้เล่นที่อาศัยในเขตที่อยู่อาศัย

สำหรับมหาอำนาจและผู้เล่นคนอื่นๆนี่อาจเป็นความท้าทาย อย่างไรก็ตามสำหรับซือเฟิงในปัจจุบันนั้นมันไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะเขาเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นกลางอยู่แล้ว ซึ่งเขามีความสามารถในการจะสร้างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับวงเวทย์ป้องกันของเมืองหรือไม่ก็เขตที่อยู่อาศัย

ตราบใดที่เขาเสริมความแข็งแกร่งให้กับวงเวทย์ของเขตหนึ่ง และปรับปรุงความสามารถในการป้องกันของมันของเขตได้ มันก็จะกลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับผู้เล่นมากขึ้น จากนั้นเขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะขาดผู้เล่นที่มีความสามารถในการพัฒนาเขตหนึ่ง

ในขณะที่ซือเฟิงกำลังพยายามหาสถานที่ที่เงียบสงบเพื่อใช้แหวนเจ็ดลูมินาลี่เทเลพอร์ตไปยังเขตหนึ่ง มันก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งมาจากด้านนอกของเขตแสงสุดขีด ซึ่งมันดังมากจนทุกคนในเขตแสงสุดขีดนั้นได้ยินอย่างชัดเจนเลย

“เกิดอะไรขึ้น ? ไม่ใช่ว่ามันเหืออีกหลายชั่วโมงงั้นหรอก่อนที่การต่อสู้ป้องกันจะเริ่มขึ้น ?”

“ดูนั่นสิ !! ดูเหมือนว่ามีกลุ่มคนกำลังต่อสู้อยู่ตรงนั้น !!!”

“นั่นคือ Elementalist ของเขตหนึ่งบลูฟอร์สไม่ใช่หรอ ? แล้วคนรอบข้างของเขาเป็นใครกัน ? พวกนั้นน่าทึ่งมากๆ !!!”
“พวกเขากระทั่งสามารถทำให้หนึ่งในสาม Elementalists ที่แข็งแกร่งที่สุดของดาร์คเดนตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้ได้ !!!”

ผู้เล่นที่ยืนเฝ้ามองอยู่บนกำแพงของเขตแสงสุดขีดอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ขณะที่พวกเขามองไปยังที่ราบใกล้ๆ

ซึ่งนี่เป็นเพราะบลูฟอร์สและผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆอีกประมาณสองโหลนั้นกำลังถูกล้อมรอบไปด้วยกองกำลังของผู้เล่นหลายร้อยคน ยิ่งไปกว่านั้นไม่เพียงแต่ฝ่ายบลูฟอร์สจะเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง แต่จากรูปการณ์แล้วมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ฝ่ายของบลูฟอร์สจะถูกทำลาย

นั่นคือผู้เล่นขั้นสามที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!

ในระยะนี้ของเกมนั้นผู้เล่นขั้นสามจะสามารถฆ่าผู้เล่นขั้นสองได้อย่างง่ายดายเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้เล่นขั้นสามที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแบบบลูฟอร์ส เขาสามารถจะฆ่ากลุ่มผู้เล่นขั้นสองทั้งกลุ่มได้ทันที หากเขาต้องการ อย่างไรก็ตามตอนนี้บลูฟอร์สและทีมของเขากับตกเป็นฝ่ายตั้งรับ และไม่มีช่องว่างให้ตอบโต้เลย

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คนของเขตเซนทิเนลแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ?” เกรซฟูลโมนาร์ชที่รีบขึ้นมาสังเกตการณ์บนกำแพงของเขตที่อยู่อาศัยนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เมื่อเห็นผู้เล่นที่ทำการโจมตีทีมของบลูฟอร์ส

คนอื่นอาจไม่คุ้นเคยกับผู้เล่นหลายร้อยคนที่โจมตีทีมของบลูฟอร์ส แต่เธอคุ้นเคยดี

ผู้เล่นเหล่านี้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญจากทีมนักผจญภัยอันดับหนึ่งของเขตเซนทิเนล ซึ่งเธอเคยปะทะด้วย เมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตามในตอนนั้น ความแข็งแกร่งโดยรวมของทีมนักผจญภัยนั้นยังอ่อนแอกว่าทีมของบลูฟอร์สอย่างเห็นได้ชัด เพราะทีมนักผจญภัยนั้นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามแค่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น ซึ่งมันไม่มีทางที่จะเทียบกับทีมของบลูฟอร์สได้เลย

อย่างไรก็ตามตอนนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสองทุกคนจากเขตเซนทิเนลนั้นกับดูเหมือนจะเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์อยู่ ซึ่งมันทำให้พวกเขาไม่เพียงแต่จะมีค่าสถานะที่น่ากลัว แต่ยังจะสามารถบินได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆด้วย ทีมของบลูฟอร์สนั้นไม่สามารถจะสลัดผู้เชี่ยวชาญขั้นสองเหล่านี้ออกไปได้เลย แม้ว่าจะต้องการก็ตาม

“เดี๋ยวก่อน นี่มันไม่ใช่แล้ว !!! ทุกคนจากเขตเซนทิเนลนั้นดูเหมือนจะเป็นเผ่าปีศาจทั้งหมด แถมระดับของพวกเขาก็ยังสูงมาก ….” เพอเพิ้ลรากษศกล่าวอย่างเต็มไปด้วยสีหน้ามืดมน

ผู้เล่นปีศาจนั้นหายากมากๆในดาร์คเดน และหลังจากเลื่อนขั้นมาเป็นขั้นสาม เธอก็พบกับผู้เล่นปีศาจแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งผู้เล่นปีศาจคนหนึ่งที่เธอเคยสู้ด้วยและอยู่ในขั้นสามนั้น แม้ว่าเขาจะมีมาตราฐานแค่ขอบเขตการปรับแต่งเท่านั้น อย่างไรก็ตามผลการต่อสู้มันก็จบลงที่เธอนั้นเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดจากพวกเขา

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขตเซนทิเนลกับมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสองที่เป็นเผ่าปีศาจนี้หลายร้อยคน และผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเผ่าปีศาจอีกหลายโหล

เขตเซนทิเนลนั้นเดิมทีมันก็มีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว โดยมันติด TOP 15 ของเขตที่แข็งแกร่งที่สุดในดาร์คเดน และโทรเบิ้ลไทม์ ผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยอันดับหนึ่งของเขตเซนทิเนลก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งและหาตัวจับได้ยากมากในดาร์คเดน สำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่เหลืออยู่ในทีมนักผจญภัยของโทรเบิ้ลไทม์นั้น แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็อยู่ในขอบเขตการปรับแต่ง และด้วยมีผู้เล่นทั้งหมดเป็นเผ่าปีศาจด้วย เพอเพิ้ลรากษสนั้นก็นึกไม่ออกเลยว่าทีมของบลู
ฟอร์สจะเอาตัวรอดได้อย่างไร

ในขณะที่ทุกคนในเขตแสงสุดขีดกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ บลูฟอร์สและเพื่อนร่วมทีมของเขาก็กำลังสูญเสีย HP ไปเรื่อยๆ

“ฟอร์ส นี่คุณยังไม่รู้ตัวอีกหรอ ?” เบอเซิกเกอร์ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยแปด ถามขึ้นในขณะที่เขาเฝ้าดูบลูฟอร์สถูกโจมตีครั้งแล้ว ครั้งเล่า “พวกระดับสูงของฉันนั้นมีความคิดเห็นที่ค่อนข้างจะดีมากเกี่ยวกับศักยภาพของคุณและเพื่อนร่วมทีมของคุณ ดังนั้นพวกเขาจึงได้สั่งให้ฉันหลีกเลี่ยงการทำร้ายคุณโดยเฉพาะ ไม่งั้นผู้เล่นขั้นสามของเราคงเคลื่อนไหวนานแล้ว คุณไม่รู้รึไง ?”

“โทรเบิ้ล ฉันยอมรับเลยว่าตอนนี้คุณแข็งแกร่งกว่าเรามาก แต่อย่างไรก็ตามอย่าคิดว่าจะทำให้พวกเรายอมนอบน้อมได้ ยิ่งกว่านั้นเราก็อยู่กับสภาสิบแปดปีกมานานแล้ว จะให้เราทรยศกิลของเราได้อย่างไร …” บลูฟอร์สกล่าวโต้ตอบโทรเบิ้ลไทม์

“ถูกต้อง สภาสิบแปดปีกปฎิบัติต่อเราอย่างดีจะให้เราทรยศสภาสิบแปดปีกเพื่อไปเข้าร่วมกับพวกคุณได้ยังไง ?” อีฟเวนนิ่งโลตัส เครอลิคหญิงข้างๆบลูฟอร์สกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

“ดูเหมือนว่าพวกคุณจะเลือกที่จะตายงั้นสินะ !!!” โทรเบิ้ลไทม์ขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินคำพูดของบลูฟอร์ส และอีฟเว่นนิ่งโลตัส จากนั้นเขาก็เริ่มเดินเข้าหาบลูฟอร์สและพูดว่า “ในกรณีนี้ฉันจะบอกให้ทุกคนรู้เองว่าความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกนั้นมันน่าหัวเราะแค่ไหนต่อเรา !!!”

หลังจากพูดจบ ร่างของโทรเบิ้ลไทม์ก็ขยายขนาดขึ้น และผิวของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ ทันใดนั้นเขาสองข้างก็งอกออกมาจากหน้าผากของเขา และออร่าในร่างกายของเขาก็เริ่มแผ่ออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้น

เมื่อสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของออร่าของโทรเบิ้ลไทม์ เกรซฟูลโมนาร์ชและคนอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่จากระยะไกลก็อ้าปากค้าง พวกเขาไม่คิดเลยว่าโทรเบิ้ลไทม์จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งมากขนาดนี้ และเพียงแค่ออร่าที่เขาแผ่ออกมานั้นมันก็เหนือกว่าแกรนลอร์ดทั่วไปแล้ว ตอนนี้ด้วยตัวเขาเองคนเดียว เขาน่าจะสามารถล้มทีมผู้เล่นขั้นสามทั่วไปหนึ่งร้อยคนได้ด้วยตัวเองเลย

อย่างไรก็ตามเมื่อ โทรเบิ้ลไทม์เดินเข้าไปหาทีมของบลูฟอร์ส ทันใดนั้นเสียงที่ทุ้มลึกก็ปรากฎขึ้นจากความว่างเปล่า

“ดูเหมือนว่าคุณจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองค่อนข้างมากทีเดียว !!! เมื่อเป็นแบบนี้ก็ขอฉันดูหน่อยว่าคุณจะเก่งอย่างที่ปากพูดไหม !!!” ซึ่งทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนก็หันไปหาต้นตอของเสียงทันที

สายตาของทุกคนนั้นจับจ้องไปที่สปาร์เชี่ยลเกตที่ถูกเปิดขึ้นกลางอากาศ และทุกคนก็ล้วนมองไปยังชายที่สวมเสื้อคลุมและถือดาบยาวสองเล่มเดินออกมาจากสปาร์เชี่ยลเกต