ตอนที่ 645 ลองกระบี่เล่มใหม่

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “มหาวัตถุศักดิ์เทพนิรันดร์ไม่ได้กันหาง่าย ๆ เช่นนั้น ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาสวรรค์ลิขิต สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คืออารองต้องรักษาร่างกายตัวเองให้ดี และปกป้องตัวเองให้ดีด้วย”

“อารองช่วยเชื่อมกระบี่ให้เจ้า รับมือกับกระบี่เล่มนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีความมั่นใจสักเท่าไหร่ แต่ก็จำพยายามทำให้ดีที่สุด”

แต่มู่เฉียนซีกลับปฏิเสธ “ไม่ได้ อารองต้องรักษาตัวให้หายดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน ข้าจะหลอมมันขึ้นมาเองก่อนอีกสักครั้ง”

“ซีเอ๋อร์หลอมอาวุธได้!” แสงสว่างวาบผ่านดวงตาของเขา

“อืม! เรียนมาได้ไม่นาน อารองโปรดชี้แนะด้วย”

หลิงมองดูมู่เฉียนซีหลอมอาวุธ การควบคุมพลังจิตของนางไม่อาจหาข้อบกพร่องใดใดได้เลย การเคลื่อนไหวและท่วงท่าก็มีความชำนาญอยู่พอตัว ดูเหมือนว่านางได้หลอมตัวกระบี่มังกรเพลิงนี้ด้วยตัวเองมาหลายครั้งแล้ว

เขารู้สึกสงสารจับใจ และแอบตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะช่วยมู่เฉียนซีหากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณให้ได้

มีบ้างเล็กน้อยที่พบข้อบกพร่อง หลิงได้แนะนำและแก้ไขให้ถูกต้อง ไม่นานนักกระบี่มังกรเพลิงเล่มใหม่ก็ได้หลอมออกมาสำเร็จ

เป็นเพราะว่ามียอดปรมาจารย์นักหลอมอาวุธคอยชี้แนะ ประสิทธิภาพในการหลอมครั้งนี้จึงดีกว่าครั้งก่อนไม่น้อยเลย

ทว่า ประสิทธิภาพจะดีมากแค่ไหนก็ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มู่เฉียนซีมองดูกระบี่ในมือก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย

“อารองจะพยายามหลอมให้เจ้าอย่างดีที่สุด”

“เช่นนั้นอารองก็รีบหายไวไวหล่ะ”

ผู้อาวุโสทั้งห้าของหน่วยสำนักปรุงยาต่างก็รอข่าวด้วยความร้อนรนใจเป็นอย่างมาก แต่มู่เฉียนซีกลับเอาความสนใจทั้งหมดไปให้กับสุขภาพร่างกายของหลิง

ถึงตอนนั้นหากจะให้อารองลงมือจริง ๆ หากอาการบาดเจ็บของอารองดีขึ้นมากแล้ว เช่นนั้นก็ยิ่งจะจัดการได้อย่างสบายขึ้น

หลังจากที่อาการบาดเจ็บของหลิงดีขึ้น ก็เตรียมพร้อมที่จะหลอมตัวกระบี่มังกรเพลิงให้มู่เฉียนซีใหม่

สิ่งที่นำออกมานั้นล้วนแต่เป็นของดีเลิศทั้งสิ้น และหินแร่เช่นนี้ไม่อาจหาเจอได้ในเสียโจว

“นี่มันจะไม่เป็นการสิ้นเปลืองไปหน่อยเหรอ ?”

“ของเหล่านี้ไม่อาจเปิดเผยให้คนอื่นรู้ได้ ทำให้ซีเอ๋อร์น้อยใจแล้ว แต่ตอนนี้อารองมีเพียงแค่ของพวกนี้เท่านั้น”

เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเอาของที่ดีที่สุดทั้งหมดให้กับมู่เฉียนซี ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกจนปัญญาและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก

นี่คือความรู้สึกของความเป็นญาติ ตั้งแต่ได้พบกับท่านอาเล็ก และมาวันนี้หลังจากที่ได้รู้จักกับอารอง ฝันร้ายและเรื่องร้าย ๆ ในเมื่อก่อนก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งมีอิทธิพลต่อนางน้อยมากแล้ว

ญาติของนางในตอนนี้ ไร้ซึ่งความเย็นชาและความหวาดระแวง มีแต่เพียงความตามใจ ความรักและความเอาใจใส่โดยที่ไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งนั้น

ด้วยเหตุนี้ นางก็ยิ่งยากจะให้ครอบครัวของนางกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว

“เช่นนั้น กระบี่มังกรเพลิงของข้าก็มอบให้เป็นหน้าที่ของอารองแล้ว”

“ซีเอ๋อร์วางใจเถอะ!”

ในขณะที่หลิงกำลังหลอมอาวุธอยู่นั้น ตอนนี้คนของสำนักปีศาจดำก็ได้บุกรุกเข้ามาแล้ว

ทว่า ตอนนี้พลังของเหล่าผู้อาวุโสก็ฟื้นกลับมาแล้ว คงจะจัดการกับพวกนั้นได้ และจะให้พวกเขามารบกวนการหลอมอาวุธของอารองไม่ได้เด็ดขาด!

บูม! ไม่นานนักก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ด้านนอกได้ลงมือสู้รบกันแล้ว

นางเป็นเพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ไม่ไปเพิ่มความวุ่นวายให้แน่นอน เฝ้าดูความปลอดภัยให้อารองอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว

ทว่า ผู้อาวุโสทั้งห้ากลับไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่มู่เฉียนซีได้จินตนาการเอาไว้ มีปลาตัวหนึ่งลอดแหมาได้ และได้พุ่งมายังที่ที่มู่เฉียนซีอยู่

เมื่อชายผู้นั้นเข้ามาก็ได้เห็นกับหญิงสาวชุดม่วงผู้งดงามคนหนึ่ง เขากล่าวว่า “ได้ยินมาว่ามีสาวน้อยผู้หนึ่งได้แก้พิษให้กับตาเฒ่าเหล่านั้นแล้ว ดูเหมือนสาวน้อยเช่นเจ้าจะทำลายเรื่องดีดีของสำนักปีศาจดำเข้าแล้วสิ!”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างราบเรียบว่า “เป็นข้าแล้วยังไง ?”

ในขณะที่นางกำลังกล่าวนั้น เข็มยาเข็มหนึ่งก็ได้พุ่งออกไปแล้ว

คนผู้นั้นได้ยกมือขึ้นมาหยุดเข็มยาของมู่เฉียนซีเอาไว้ เขากล่าว “ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นแค่คนสืบข่าวตัวเล็ก ๆ แต่ข้าก็เป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก สาวน้อย เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

“ทำอะไรเจ้าไม่ได้ แล้วยังไง ? เจ้าคิดว่าเจ้าจะแตะต้องข้าได้งั้นเหรอ ?”

“ตอนนี้ตาเฒ่าทั้งห้าคนนั่นได้ถูกองครักษ์ทั้งห้าขัดขวางเอาไว้แล้ว ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้! แต่เจ้าสำนักของพวกข้าเป็นคนที่รักและทะนุถนอมผู้เป็นอัจฉริยะมาโดยตลอด สาวน้อย หากเจ้ายอมไปกับข้าแต่โดยดี ข้าจะไม่ลงมือหยาบคายกับเจ้า!”

“แต่ว่า……”

“ข้าอยากจะหยาบคายกับเจ้า!”

ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเข้าไปใกล้คนผู้นั้น

หากเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูต พลังในการต่อสู้ครั้งแรกของนางนั้นจะไม่มีเลย แต่คนตรงหน้าผู้นี้เป็นเพียงแค่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่ง เช่นนั้นก็สู้กับเขาสักหน่อยก็แล้วกัน

“ทักษะเทียนซวน!”

ตูม!

ทันทีที่หนึ่งการโจมตีตกลงไป คนผู้นี้เป็นก็ระมัดระวังเป็นอย่างมาก รีบใช้พลังวิญญาณทั้งหมดเพื่อต้านทานไว้ และหลบหลีก!

ภายใต้การโจมตีอันทรงพลังเช่นนี้ เขาก็ออกอาการตัวชาไปทั้งตัว

เขาถอยหลังไปหลายสิบก้าว และกล่าวว่า “สาวน้อย ความสามารถเจ้าไม่เลวเลย! ทักษะวิญญาณนี้ ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”

“เพียงแต่ ข้าจะไม่ให้โอกาสเจ้าได้ใช้ทักษะวิญญาณนี้อีกแล้ว”

เขาเริ่มลงมือกับมู่เฉียนซี เขาคิดจะไว้ชีวิตนาง จึงไม่ได้ใช้กระบวนท่าสังหารต่อสู้กับนาง

ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงเคลื่อนไหวด้วยก้าวเท้าเงาเทวา เพียงพอที่จะหลบหลีกการโจมตีของคนผู้นี้ได้!

“ก้าวเท้านี้! ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดมีทักษะก้าวเท้าที่รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน!”

ทักษะวิญญาณและทักษะก้าวเท้าของมู่เฉียนซีนั้น ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

“วันนี้ ข้าจะพาตัวเจ้าไปให้ได้!”

ปัง ปัง ปัง!

“มังกรวารีพิฆาต!”

“ผนึกมังกรวารี!”

“ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์! สาวน้อย พลังวิญญาณของเจ้าอ่อนแอเกินไปแล้ว”

อีกทางด้านหนึ่ง องครักษ์ทั้งห้ากับผู้อาวุโสทั้งห้ากำลังจะตัดสินแพ้ชนะแล้ว เขากล่าวว่า “สาวน้อย ข้าไม่มีเวลาเล่นกับเจ้ามากนัก ยอมไปกับข้าแต่โดยดีซะเถอะ!’

เชือกเส้นหนึ่งถูกเขาขว้างออกไป เชือกเส้นนี้พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีราวกับเป็นเชือกที่มีชีวิตก็มิปาน

ทันใดนั้นเองน้ำเสียงอันเลือดเย็นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ใครอนุญาตให้เจ้าเอาตัวหลานสาวสุดที่รักของข้าไป ?”

ตูม!

กระบี่ใหม่เอี่ยมเล่มหนึ่งพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศ และได้ตัดเชือกเส้นนั้นขาดสะบั้น

เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้นหนึ่งครั้งบนพื้น และได้ปรากฏหลุมขนาดใหญ่ขึ้นขวางอยู่ด้านหน้ามู่เฉียนซี

หลิงได้ย่างกรายเดินออกมาจากด้านใน เดินมาตรงหน้ามู่เฉียน และได้ยื่นกระบี่สีแดงเข้มเล่มหนึ่งให้กับนาง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ซีเอ๋อร์ชอบหรือไม่!”

สมกับที่เป็นยอดปรมาจารย์นักหลอมอาวุธหลอมขึ้นมาจริง ๆ ประสิทธิภาพและกลิ่นอายของกระบี่เล่มนี้นั้นไม่ธรรมดาเอาซะเลย

ถึงแม้ว่าคมกระบี่จะจู้จี้จุกจิกเรื่องมากไปสักหน่อย แต่มู่เฉียนซีก็รับรู้ได้ว่าเจ้าหมอนี่พอใจที่จะแก้ขัดไปได้

พอใจแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ใช่ใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวแล้วหน่ะสิ ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้น

นางอยากจะลองดู แต่ก็รู้สึกหวั่นกลัวอยู่เล็กน้อย กลัวว่ามันจะใช้ได้แค่ครั้งเดียวแล้วจะหักอีก และจะทำให้ความพยายามทั้งหมดของอารองสูญเปล่า

ทว่า หลิงกลับไม่ได้คิดมากถึงเพียงนั้น เขากล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าลองดูได้ ลองดูว่าข้าทำสำเร็จหรือไม่”

เขาชี้นิ้วไปที่คนตรงหน้าผู้นั้น “มีเหยื่ออยู่ที่นี่พอดีเลย!”

คนผู้นั้นคิดจะหนีจริง ๆ แต่ในขณะที่กระบี่เล่มใหม่เอี่ยมเล่มนี้ปรากฏขึ้น เขาก็ตกใจจนขาอ่อนไปหมด

หากกล้าที่จะไปจริง ๆ กระบี่ใหม่เอี่ยมเล่มนั้นคงต้องฟันร่างของเขาขาดสะบั้นเหมือนที่ฟันเชือกเมื่อครู่นี้แน่นอน

สำนักศึกษาซวนเสียมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ความซวยมาเยือนแล้ว!

ในเมื่ออารองกล่าวเช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีก็อยากจะลองดู นางเดินออกมาและกล่าวว่า “ได้! ข้าจะลองดู!”

หลิงชี้ไปที่คนตรงหน้า และกล่าวว่า “เมื่อครู่เจ้าไล่ตามโจมตีซีเอ๋อร์ ตอนนี้ซีเอ๋อร์ของข้าจะเอาคืนเจ้าแล้ว เจ้าอย่าได้ขยับหล่ะ! หากเจ้าขยับแล้วล่ะก็ ร่างเจ้าจะแหลกเป็นเสี่ยง ๆ แน่”