บทที่ 338 ทำสัญญา

โม่เอ๋อติดตามหลิงตู้ฉิงมาอย่างใกล้ชิด จนมาถึงหอการค้าเชื่อมสวรรค์

หลังจากได้เห็นกลอุบายที่ผ่านมาของหลิงตู้ฉิง นางก็เชื่อมั่นในตัวเขาอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ตามคำสั่งของเย่ชิงเฉิงไม่ว่าหลิงตู้ฉิงจะไปที่ใดนางจะต้องติดตามทุกที่เพื่อปกป้องหลิงตู้ฉิง

เมื่อมาถึงหอการค้าเชื่อมสวรรค์ อู่จิ๋วก็ออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยความเคารพและพูดว่า “ท่านหลิง นายของข้ารู้ว่าท่านหลิงจะมาที่นี่ เขาจึงให้ข้ามารอต้อนรับท่าน”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “อืม ข้ามีเรื่องจะคุยกับเขา จงพาข้าไปพบเขา”

“ทางนี้ ท่านหลิง!” อู่จิ๋วโค้งคำนับและพูด

เขาเหลือบมองไปที่โม่เอ๋อและสังเกตว่าหลิงตู้ฉิงไม่ได้บอกให้โม่เอ๋อหยุด เขาจึงนำทางและพาโม่เอ๋อเข้าไปด้านในหอการค้าเชื่อมสวรรค์

ในไม่ช้าพวกเขาก็มาเจอกับลั่วหยุนที่ศาลาลอยฟ้า

ลั่วหยุนโบกมือส่งสัญญาณให้อู่จิ๋วจากไป ในเวลาเดียวกันเขายิ้มให้หลิงตู้ฉิงและพูดว่า “ท่านหลิงช่างเป็นคนที่ลึกลับจริง ๆ!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เนื่องจากเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่ข้าเคยเอ่ยไปของเรามันก็ควรจะเป็นไปตามนั้นใช่ไหม? งั้นเรามาลงชื่อในสัญญากัน นอกจากนี้ข้าต้องเลือกสมบัติวิเศษ 10 รายการจากเจ้า”

ลั่วหยุนพยักหน้า “ท่านสามารถร่างสัญญากฎสวรรค์ได้เลย! ส่วนเรื่องสมบัติวิเศษ ข้าจะให้ท่านเลือกพวกมันในภายหลัง”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า และเริ่มร่างสัญญากฎสวรรค์ต่อหน้าลั่วหยุนทันที

เมื่อมองไปที่การร่างสัญญาของหลิงตู้ฉิง ลั่วหยุนก็พยักหน้าให้ตัวเองอย่างพึงพอใจ เนื่องจากเขาเริ่มพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างในตัวของหลิงตู้ฉิงเพิ่มขึ้นบ้างแล้ว

แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้ละเลยที่จะอ่านเนื้อหาต่าง ๆ ที่หลิงตู้ฉิงเขียนลงในสัญญาเช่นกัน

เขาค้นพบว่านอกเหนือจากข้อสัญญาในการเป็นผู้พิทักษ์ให้กับลูกของหลิงตู้ฉิงเป็นเวลา 300 ปีแล้ว ส่วนที่เหลือล้วนเป็นข้อสัญญาที่มีขึ้นเพื่อปกปิดช่องโหว่ในการละเมิดมัน ซึ่งไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ที่มากเกินไป ดังนั้นเขาจึงพร้อมที่จะลงชื่อในสัญญา

ด้วยวิธีการของหลิงตู้ฉิงที่มันทำให้เขาเห็นความหวังอันริบหรี่ที่จะกำจัดวิญญาณปีศาจนี้ออกไป เขาจึงเต็มใจที่จะเสียเวลา 300 ปี เพื่อเป็นผู้พิทักษ์ให้กับลูกของหลิงตู้ฉิง

หลังจากลงชื่อในสัญญากฎสวรรค์ ลั่วหยุนเผยรอยยิ้มพึงพอใจและพูดขึ้น “ข้าจะเริ่มทำตามสัญญาได้เมื่อไหร่?”

“เมื่อลูกชายของข้ามาหาเจ้า มันถึงจะเป็นเวลาเริ่มของการทำตามสัญญาที่ตกลงไว้” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “เอาล่ะ เอาสมบัติวิเศษของเจ้าออกมาแล้วให้ข้าเลือกมัน 10 ชิ้นได้แล้ว!”

ลั่วหยุนรู้สึกสูญเสียเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ในฐานะที่เคยเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งก้าวจักรพรรดิ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเหลือแต่ดวงจิต แต่เขาก็ยังคงมีสมบัติวิเศษดี ๆ อยู่มากมาย

และในบรรดาสมับติที่เขามีอยู่ สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดที่เขามีอยู่นั่นก็คืออาวุธระดับจักรพรรดิ แต่เขาเองก็ไม่ร่ำรวยพอที่จะมีพวกมันถึง 10 ชิ้น

ตอนนี้เขารู้สึกกังวล เมื่อเขานำทุกอย่างออกมา หลิงตู้ฉิงจะเลือกอาวุธระดับจักรพรรดิของเขาไปหรือเปล่า? อย่างไรก็ตามในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งก้าวจักรพรรดิ เนื่องจากเขาได้ทำสัญญาไปแล้วมันจึงไม่มีทางที่เขาจะกลับคำพูดได้

ดังนั้นเขาจึงนำทุกอย่างออกมารวมถึงอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิ 2 ชิ้น

เขามองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความประหม่ากลัวว่าหลิงตู้ฉิงจะเอาอาวุธระดับจักรพรรดิของเขาไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงจ้องไปที่อาวุธระดับจักรพรรดิทั้งสองนั้นอยู่พักใหญ่

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สายตาของหลิงตู้ฉิงจะจับจ้องไปที่อาวุธระดับจักรพรรดิทั้งสอง แต่เขาก็ไม่ได้เลือกพวกมัน

เขาเดินผ่านอาวุธระดับจักรพรรดิทั้งสองไปและเริ่มหยิบวัสดุอื่น ๆ ซึ่งก็มีทั้งผลไม้ลูกหนึ่ง หยกหนึ่งชิ้น หินอีกก้อนที่มีลวดลายแปลกประหลาดสลักอยู่บนมัน…

เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงเลือกเพียงเฉพาะวัสดุแปลกประหลาดที่ดูมีค่าไป แม้ว่าในใจของ ลั่วหยุนจะรู้สึกขัดแย้งแต่เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก แม้ว่าเหล่าวัสดุที่หลิงตู้ฉิงเลือกไปจะดูมีค่าแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้พวกมันอย่างไร อย่างมากที่สุดเขาคงจะใช้มันเพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งของอื่น ๆ ที่เขารู้จักกับคนอื่น ดังนั้นในสายตาของเขาพวกมันจึงไม่ล้ำค่าเท่าอาวุธวิเศษระดับจักรพรรดิทั้งสองที่เขานำมันออกมา

หลังจากเลือกเสร็จ หลิงตู้ฉิงเลือกสิ่งของออกมาเพียง 8 รายการเท่านั้น ส่วนอีก 2 รายการที่เหลือ หลิงตู้ฉิงพูดว่า “หลังจากที่กำจัดวิญญาณปีศาจเสร็จสิ้น ข้าต้องการให้เจ้าใช้ความแข็งแกร่งในระดับสูงสุดของเจ้าเพื่อสร้างโองการจักรพรรดิให้ข้า โองการจักรพรรดินี้จะนับเป็น 1 รายการ จากนั้นจงใช้ความแข็งแกร่งของเจ้าเพื่อสร้างอาวุธต้องห้ามระดับจักรพรรดิให้ข้า ซึ่งนั่นจะนับเป็นอีก 1 ชิ้น”

ลั่วหยุนฝืนยิ้มและพูดว่า “ท่านหลิงดูเหมือนว่าท่านต้องการจะรีดไถจนข้าแห้งตายไปเลยสินะ!”

ถ้าเขามีร่างกายเฉกเช่นเมื่อก่อน เขาก็คงจะใช้แค่ความพยายามไม่มากเท่าไหร่ในการสร้างสิ่งที่หลิงตู้ฉิงต้องการ

แต่ตอนนี้เขาเหลือเพียงดวงจิต และเพื่อที่จะทำสิ่งเหล่านี้เขาจะต้องใช้พลังวิญญาณของดวงจิตของเขา ซึ่งปัจจุบันมันคือสิ่งเดียวที่ยังทำให้เขามีชีวิตอยู่รอดอยู่ได้

“ข้าเข้าใจความกังวลของเจ้า!” หลิงตู้ฉิงพูดว่า “แต่เจ้าควรจะรู้ดีว่าหลังจากที่วิญญาณปีศาจถูกชำระล้าง มันจะมีพลังวิญญาณบริสุทธิ์หลงเหลืออยู่ ข้าจะให้หนึ่งในสี่ของมันเป็นค่าตอบแทนแก่เจ้า”

ใบหน้าของลั่วหยุนเปลี่ยนเป็นขมขื่นทันที เขาส่ายหัว “ข้าไม่นึกเลยว่าท่านก็ต้องการวิญญาณนั้นเช่นกัน!”

“เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะจ่ายแพงขนาดนั้นเพื่อวัสดุแค่ 10 อย่างหรอกใช่ไหม?” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “พลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลขนาดนั้นนั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ ข้าจะแบ่งให้เจ้าหนึ่งในสี่ หุบเขาบุปผาอนันต์อีกหนึ่งในสี่ ส่วนที่เหลือทั้งหมดจะเป็นของข้า นี่ยุติธรรมมากแล้ว”

“เอาล่ะเอาล่ะ! ข้ารู้แล้ว ๆ ว่าท่านเป็นคนยุติธรรม” ลั่วหยุนพยักหน้า “ท่านหลิงทำไมในบางครั้งข้าถึงสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเบาบางที่คล้ายกับของผู้อาวุโสของตำหนักเทพแห่งโชคลาภของเรา ท่านคงไม่ได้เป็นผู้อาวุโสจากตำหนักเทพแห่งโชคลาภของเราใช่ไหม?”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและไม่ตอบคำถามนี้ของลั่วหยุน แต่หลิงตู้ฉิงกลับพูดในเรื่องอื่นต่อ “ลูกชายของข้ากำลังรวมทะเลชางหมาง ดังนั้นเขาจะมาที่นี่ไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นถ้าเขาได้มาพบกับเจ้าเมื่อไหร่ เจ้าก็จงติดตามเป็นผู้พิทักษ์ให้เขาเป็นเวลา 300 ปีตามที่สัญญาไว้ก็แล้วกัน แต่ถ้าหากเขาไม่มาหาเจ้า เจ้าก็จงรอจนกว่าเขาจะมาถึงทางตอนเหนือของอาณาเขตนภา จากนั้นเจ้าก็ค่อยไปพบกับเขาเพื่อเป็นผู้พิทักษ์ให้กับเขา นอกจากนี้หุบเขาบุปผาอนันต์ได้ลงชื่อสัญญากับข้าด้วยเช่นกันว่าเมื่อไหร่ที่ลูกชายของข้ามาพบกับพวกนาง พวกนางจะต้องกลายเป็นผู้ติดตามของลูกชายข้า”

เมื่อรู้ว่าหลิงตู้ฉิงจงใจไม่ยอมตอบคำถามของเขา ลั่วหยุนจึงทำได้เพียงแค่ทิ้งประเด็นที่ถามออกไปให้หายไปในอากาศ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ยินหลิงตู้ฉิงพูดว่าหลิงยี่เทียนกำลังรวมทะเลชางหมาง ลั่วหยุนก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยและถามว่า “ตั้งแต่ที่ท่านเดินทางออกมาจากทะเลชางหมาง ท่านรู้ความลับเบื้องหลังทะเลชางหมางแล้วหรือยัง? ข้าได้ยินมาว่ามีโอกาสของอะไรบางอย่างที่มันสามารถสั่นสะเทือนได้แม้แต่สวรรค์อยู่ในทะเลชางหมาง ซึ่งมันส่งผลให้เหล่าตัวตนที่น่าเกรงขามรวมไปถึงหลาย ๆ สำนักต่างก็ส่งคนของพวกเขามาที่อาณาเขตนภาที่เล็กจ้อยนี่และข้าเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร”

หลิงตู้ฉิงพูด “งั้นข้าขอถามเจ้าว่า หลังจากที่อยู่ในอาณาเขตนภามาหลายปีแล้ว เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อไหร่กันที่ผนึกของทะเลชางหมางปรากฏขึ้น?”

ลั่วหยุนยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “แม้ว่าข้าจะคอยรับหน้าที่ปกป้องอาณาเขตนภา แต่ข้าก็ไม่สามารถออกจากที่นี้ได้ ดังนั้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อใดที่ทะเลชางหมางเปลี่ยนไป”

ลั่วหยุนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความคาดหวัง เนื่องจากลูกชายของหลิงตู้ฉิงกำลังจะรวมทะเลชางหมาง ดังนั้นหากมีความลับเกี่ยวกับทะเลชางหมางจริง ๆ มันจะต้องตกอยู่ในมือของคนตรงหน้านี้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ที่สามารถได้รับโอกาสนั้น แต่อย่างน้อย ๆ มันก็ยังเป็นการดีที่เขาจะได้รับรู้ความลับนี้

หลิงตู้ฉิงไม่ได้พูดถึงสถานการณ์ภายในทะเลชางหมาง แต่เขาถามกลับไป “เจ้าบอกว่าจะมีตัวตนที่น่าเกรงขามมากมายมาที่อาณาเขตนภานี้?”

“ใช่ หลาย ๆ คนนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับสูงเป็นอย่างมาก!” ลั่วหยุนพยักหน้า