บทที่ 1198 ถึงเวลาแล้ว

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1198 ถึงเวลาแล้ว โดย Ink Stone_Fantasy

เมื่อโดนข้อหานี้ เซี่ยโห้วหลงเฉิงค่อนข้างพูดไม่ออก

พอพูดจบ เหมียวอี้ก็ไม่ให้เวลาเซี่ยโห้วหลงเฉิงตอบสนอง รีบนำแผ่นหยกออกมา เขียนอะไรบางอย่างลงไป แล้วโยนให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงโดยตรง “นี่คือหนังสือท้ารบ หลังจากการทดสอบจบลงแล้ว เจ้ากับข้าก็มาสู้ตายกันสักตั้ง ข้าเป็นฝ่ายท้าเจ้าเอง ถ้าข้าตายด้วยน้ำมือเจ้า ก็จะไม่ถามหาความรับผิดชอบอะไรจากเจ้าทั้งนั้น ถ้าเจ้าไม่กลัวตาย ก็ต้องกล้าหาญเขียนสัญญาไม่เอาเรื่อง แล้วหลังจากนั้นก็มาสู้ตายกับข้าสักตั้ง!”

แค่หมีควายเจ้าอารมณ์ที่สมองไม่ค่อยมีรอยหยักอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิง เมื่อโดนเหมียวอี้ปลุกปั่นต่อหน้าคนมากๆ แบบนี้ มีหรือที่จะหลบเลี่ยง มิหนำซ้ำเดิมทีก็ไม่กลัวเหมียวอี้อยู่แล้ว จึงถลึงตาตอบทันที “ลงนามก็ลงนาม คิดว่าข้ากลัวรึไง?”

“พี่เซี่ยโห้ว!” ต่งอิ้งเกากดแขนเซี่ยโห้วหลงเฉิง บอกใบ้ให้ไตร่ตรองอีกที

แต่ใครจะคิดว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่รับไมตรี ไม่สนว่าจะเป็นคนฝ่ายตัวเองหรือไม่ สะบัดแขนตะคอกว่า “ไสหัวไป!”

ต่งอิ้งเกาถูกดุต่อหน้าฝูงชนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองดูเซี่ยโห้วหลงเฉิงหยิบแผ่นหยกออกมาลงนามสัญญาแล้วโยนให้เหมียวอี้ เรียกได้ว่าค่อนข้างพูดไม่ออก อีกฝ่ายจะรอดกลับมาจากการทดสอบได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย ลงนามสัญญาบ้าอะไรล่ะ เขาเอบถอนหายใจ ขนาดนี้ยังถูกปลุกปั่นได้ สมองธรรมดาสามัญจริงๆ

เหมียวอี้อ่านเนื้อหาในแผ่นหยก เมื่อบรรลุเป้าหมาย ในใจก็ปลาบปลื้ม โบกแผ่นหยกในมือพร้อมบอกว่า “ไม่ไปส่งนะ!”

“ไปกัน!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกมืออย่างห้าวหาญมาก นำคนเดินออกไปแล้ว

เหมียวอี้ที่โล่งใจกลับมายังที่นอนของตัวเอง นั่งสมาธิบนไม้กระดานต่อไป

คนที่อยู่ใกล้ๆ พากันมองไปที่เขา ในหัวมีแสงสว่างแห่งปัญญาเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่นถังซานที่อยู่ติดกัน ทำสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิด ส่วนปี้เยว่ฮูหยินที่รู้เรื่องความแค้นระหว่างเหมียวอี้กับเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ถอนหายใจเบาๆ แอบชื่นชมว่าเหมียวอี้มีความสามารถ พูดแค่คำสองคำก็ระงับเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่จัดการยากที่สุดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงลงมือขึ้นมา ผู้บัญชาการใหญ่หนิวจะต้องปวดหัวแน่นอน

เพราะสาเหตุนี้เอง ปี้เยว่ฮูหยินจึงเกิดความสงสัยในใจ หรือว่าหนิวโหย่วเต๋อมีความมั่นใจว่ารอดพ้นจากการทดสอบครั้งนี้ไปได้?

ภายใต้คำสั่งของเกาก้วน ได้กำจัดคนที่มาราวีเหมียวอี้แล้วไม่น้อยเลย ถึงแม้ตอนหลังจะมีคนทยอยมายืนยันอีกว่าคนไหนคือหนิวโหย่วเต๋อ แต่กลับไม่มีใครกล้ามาท้าทายอีก

วันฝนตกสลับกันวันฟ้าใสดำเนินไปต่อเนื่องเป็นเวลาครึ่งเดือนกว่า ระหว่างนั้นยังมีคนทยอยมาถึงเรื่อยๆ

ตอนการทดสอบที่สถานที่ไร้ชีวิตครั้งก่อน กลุ่มคนที่มาสายแล้วโดนเกาก้วนประหารก็ได้มีให้เห็นเป็นบทเรียนแล้ว ไม่มีใครกล้าตกค้างอีก สมาชิกผู้เข้าร่วมการทดสอบหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคน ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกล ต่างก็มากันครบก่อนจะถึงกำหนดเวลา

ฝนตกอีกครึ่งเดือน ฟ้าใสอีกครึ่งเดือน จากนั้นก็มีฝนตกติด่อกันอีกหลายวัน

ยิ่งเข้าใกล้วันทดสอบ สมาชิกผู้เข้าร่วมทดสอบที่รออยู่ในเพิงมุงจากของพื้นแอ่งก็เรียกได้ว่าเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทีละนิด ทุกคนผ่อนคลายไม่ไหวอีกต่อไป แดนอเวจีเชียวนะ! แดนอเวจี! นั่นคือสถานที่อันตรายซึ่งราชันสวรรค์เคยนำทัพใหญ่ไปปราบเองแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้!

ไม่ได้ยินเสียงหัวเราะใดๆ จากในพื้นแอ่งนั้นอีกแล้ว สมาชิกวิ่งเต้นไปทั่ว ตามหาพันธมิตรอย่างเร่งด่วน เพื่อรับมือกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น พวกจางฮั่นฟางก็ไม่มีอารมณ์มาหาเรื่องเหมียวอี้เช่นกัน ต่างก็กำลังวางแผนสำหรับเข้าแดนอเวจี ส่วนซูลี่ก็ตามติดอยู่หลังก้นพวกจางฮั่นฟาง

แม้แต่ปี้เยว่ฮูหยินที่เป็นคนนอกก็ยังรู้สึกกดดันเพราะตัวอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ สมาชิกหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคนที่เข้าร่วมการทดสอบ ไม่รู้ว่าจะรอดชีวิตกลับมาได้สักกี่คน ตรงหน้ามีคนเดินไปเดินมา นางเอียงหน้ามองไปทางเหมียวอี้ที่นั่งสมาธิฝึกตนอยู่ในมุม มีเพียงเหมียวอี้ที่ไม่ขยับเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้ไปหาพันธมิตร

นางเองก็รู้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าเขาคือคนโดดเดี่ยวในการทดสอบครั้งนี้ ทั้งยังเป็นคนโดดเดี่ยวที่ทุกคนอยากจะเหยียบอีกด้วย ต่อให้ไปหาพรรคพวกแต่ก็ไม่มีใครต้องการอยู่ดี ทำได้เพียงโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ในมุม

ในวันที่ฝนห่าใหญ่เทลงมาในแอ่ง ปี้เยว่ฮูหยินและแม่ทัพภาคอีกแปดร้อยกว่าคนรวมตัวกันฟังคำสั่งเกาก้วน หลังจากได้รับคำสั่งแล้วก็กลับมายังที่พักของตัวเองเพื่อแจกจ่ายกฎกติกาในการทดสอบให้ลูกน้องทุกคน

เหมียวอี้และสมาชิกผู้เข้าร่วมทดสอบคนอื่นๆ รับแผ่นหยกมาอ่านเนื้อหาที่อยู่ในนั้นอย่างละเอียด เนื้อหาการทดสอบรวมทั้งวิธีตัดสินคะแนนทดสอบนับว่าถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว

ในเนื้อหาระบุไว้ว่า พื้นที่บริเวณทางเข้าออกของแดนอเวจีไม่รวมอยู่ในขอบเขตการทดสอบ เพราะพื้นที่สองเขตนั้นถูกตำหนักสวรรค์สำรวจจนคุ้ยเคยตั้งนานแล้ว สมาชิกผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องไปสำรวจสถานการณ์ของอาณาเขตอื่น

เกณฑ์การตัดสินคะแนนก็จะอิงตามขนาดอาณาเขตที่สำรวจรวมทั้งรายละเอียดสถานการณ์ที่สำรวจได้ คนเข้าร่วมการทดสอบมากขนาดนี้ เขตพื้นที่ที่สำรวจได้จะต้องมีซ้ำกันอยู่แล้ว แต่ตำหนักสวรรค์ไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น ใครสำรวจเขตพื้นที่ได้ใหญ่กว่า สืบเสาะสถานการณ์ได้ละเอียดกว่า คนนั้นก็จะชนะ ไม่มีเหตุผลอื่นต้องอธิบาย

นอกจากนี้ ถ้าใครสำรวจในเขตที่คนอื่นไม่มีข้อมูล ก็แสดงว่าไปในที่ที่คนอื่นไม่กล้าไป ก็จะถูกเน้นให้อยู่ในกลุ่มผู้ที่มีโอกาสชนะ

ถ้าใครหาประตูดวงดาวบานใหม่ที่ไปแดนอเวจีพบ หรือหาเส้นทางใหม่สำหรับเข้านรกพบ ก็สามารถมารายงานตัวเพื่อจบการทดสอบได้ทุกเมื่อ ต่อให้เจ้าจะเข้าร่วมการทดสอบได้แค่ปีเดียว แต่เจ้าจะไม่เข้าร่วมการทดสอบตอนหลังก็ได้ จะถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้ชนะโดยตรง ตลาดสวรรค์แปดพันกว่าแห่งของตำหนักสวรรค์ เจ้าจะเลือกเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าระดับของเจ้าจะสูงหรือต่ำ แต่ก็จะถูกเลื่อนยศให้เป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบโดยตรง จะได้ค่าจ้างเหมือนแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบ ถ้ามียศเดิมระดับนั้นอยู่แล้ว ก็จะถูกเลื่อนให้สูงขึ้นอีกขั้น

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ทางเข้าออกแห่งเดียวถูกคนค้นพบเยอะเกินไป คนที่ค้นพบก่อนจะชนะ ส่วนคนที่เหลือไม่นับ ต้องกลับไปอยู่จนจบเวลาทดสอบที่เหลืออยู่

ทุกจุดที่สำรวจค้นหามาได้ จะต้องมีภาพเส้นทางที่ละเอียดเพื่อให้ตำหนักสวรรค์ตรวจสอบได้ ถ้าพบว่ามีใครหลอกลวง ประหาร!

จุดสิ้นสุดการทดสอบคือทางเข้าแดนอเวจีที่แผนที่ดาวระบุไว้

เวลาของการทดสอบยังคงเป็นหนึ่งร้อยปีเหมือนเดิม!

คำเตือนสุดท้ายก็คือ สมาชิกที่เข้าร่วมทดสอบอย่าเอาแค่คิดจะดักซุ่มอยู่ใกล้ๆ ทางออกแดนอเวจีเพื่อปล้นฆ่าผลงานที่สมาชิกคนอื่นหามาอย่างยากลำบาก โจรกบฏในนรกจะต้องรู้ข่าวเรื่องการทดสอบครั้งนี้แล้วอย่างแน่นอน บริเวณทางออกคือจุดที่อันตรายที่สุด ให้ทุกคนชั่งน้ำหนักผลที่จะตามมาเอาเอง มีแค่ช่วงที่ใกล้จะจบการทดสอบเท่านั้น ตำหนักสวรรค์ถึงจะส่งกองทัพใหญ่ไปกวาดล้างเขตพื้นที่นั้น ควบคุมบริเวณทางออกเพื่อปกป้องให้ทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย

ถ้าการทดสอบจบแล้วเข้ามาในบริเวณทางออก ในขอบเขตที่กองทัพใหญ่ควบคุมอยู่จะไม่อนุญาตให้ปล้นฆ่ากันเอง หากใครฝ่าฝืน ก็ไม่ว่าจะมีภูมิหลังเป็นอย่างไร ประหารไม่ละเว้น!

ส่วนเวลาอื่นและสถานที่อื่นในระหว่างที่ทดสอบ ทุกคนจะทำอะไรก็ตามใจ อย่างไรเสียหลังจากที่ทุกคนเข้าไปในนรกแล้ว ตำหนักสวรรค์ก็ไม่มีทางควบคุมการกระทำของทุกคนได้อยู่ดี ที่บอกว่าห้ามทำอย่างนั้นห้ามทำอย่างนี้ก็เป็นเพียงการหลอกตัวเอง

เจตนานี้ชัดเจนมาก ต้องการจะกดดันให้คนหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคนนี้ทดสอบอย่างซื่อสัตย์ อย่าคิดที่จะมาชุบมือเปิบในด่านสุดท้าย

เมื่อเนื้อหาคำเตือนประกาศออกมา ก็ไม่รู้ว่ามีคนตั้งเท่าไรที่ร่ำร้องในใจ โดยเฉพาะพวกที่เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์อยู่แล้ว หรือไม่ก็ลูกหลานผู้มีอำนาจที่สามารถดึงกำลังพลมาช่วยเหลือได้ มีคนไม่น้อยที่เตรียมจะซ่อนตัวอยู่บริเวณทางออกเพื่อรอปล้นผลงานของคนอื่นในตอนสุดท้าย ตอนนี้นับว่าสิ้นหวังโดยสิ้นเชิงแล้ว

ถ้าไม่แย่งชิงตรงทางออก แล้วคิดจะแย่งชิงตรงจุดอื่น นรกกว้างใหญ่ขนาดนั้น เจ้าก็ต้องเจอเป้าหมายเหมือนกัน อย่างน้อยตัวเองก็ต้องวิ่งไปทุกที่ถึงจะได้ ถ้าตัวเองกล้าเพ่นพ่านไปทุกที่ ก็แสดงว่าจริงจังกับการทดสอบแล้ว ยังจะต้องไปปล้นอะไรใครอีกล่ะ

คนที่มีความคิดไม่ซื่ออยู่ในใจคาดไม่ถึงว่ากติกาการทดสอบครั้งนี้จะเด็ดขาดขนาดนี้ นี่คือการบังคับให้ทุกคนสู้สุดชีวิต หรือไม่ก็กดดันให้ผู้บัญชาการใหญ่บางคนที่อยากจะรกษาตำแหน่งไว้เป็นฝ่ายสละตำแหน่งเอง

จาเหรินจวิ้นที่ถือกติกาทดสอบอยู่ในมือเรียกได้ว่าใจแป้วไปครึ่งหนึ่งแล้ว การทดสอบสองครั้งก่อนหน้านี้อนุญาตให้ปล้นฆ่ากันในด่านสุดท้ายไม่ใช่เหรอ? ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?

แล้วแบบนี้เขาจะให้จาหรูเยี่ยนอาหญิงของตัวเองไปบอกกำลังพลของอาเขยเพื่ออะไร เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองมีศักยภาพพอที่จะนำกลุ่มคนฝ่าฟันอยู่ที่แดนอเวจีได้

พอได้อ่านกฎกติกานี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่ามีลูกหลานผู้มีอำนาจตั้งเท่าไรที่อยากจะเอาหัวโขกพื้นให้ตาย อยากจะถอนตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว ถ้าอยากจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ ก็ต้องถามท่านผู้คุมหน้านิ่งคนนั้นก่อนว่าอนุญาตมั้ย!

นี่คือกติกาการทดสอบที่พุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงตลาดสวรรค์อย่างแท้จริง ต้องการจะเตะพวกไร้คามสามารถออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ให้หมด

มีผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์มากมายที่ตัดใจแล้วโดยสิ้นเชิง ความหวังสุดท้ายที่จะรักษาตำแหน่งไว้ถูดตัดทิ้งไปแล้ว ทำได้เพียงละทิ้งตำแหน่งเพื่อรักษาชีวิต

คนบางคนก็เป็นแบบนี้ เวลาสู้ตายปล้นแย่งกับคนของตัวเองหรือต่อสู้กันเองภายใน พวกเขาก็ค่อนข้างมีความกล้าหาญ ทำงานคนเดียวได้ประสิทธิภาพเหมือนทำสองคน แต่พอเจอกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นหรือสิ่งที่ไม่รู้ชัดเจน ก็จะค่อนข้างหวาดกลัว จะเริ่มหดหัวทันที ลักษณะอันน่าเกรงขามตอนอยู่กับหน่วยงานของตัวเองหายไปหมดสิ้น

ทว่ากฎการทดสอบที่เข้มงวดแบบนี้ สำหรับพวกนักพรตที่ไม่มีภูมิหลังและมาสมัครเข้าร่วมทดสอบเพื่ออนาคต หลังจากได้อ่านแล้วก็ดีใจมาก อย่างน้อยตำหนักสวรรค์ก็รับประกันความยุติธรรมให้พวกเขาได้ในระดับหนึ่ง

ถ้ากฎการทดสอบนี้ประกาสไปตั้งแต่แรก เกรงว่าคนที่อยากจะมาเข้าร่วมการทดสอบคงจะไม่ได้มีแค่เท่านี้

สมาชิกที่เข้าร่วมทดสอบแต่ละคนที่ได้รับแจกกฎการทดสอบ ตอนนี้กำลังอ่านเนื้อหาอย่างจริงจริงจังอยู่ในเพิงมุงจาก บางคนก็ดีใจบางคนก็กลุ้มใจ

สำหรับคนส่วนใหญ่ นี่คือหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ลำบากเกินทน

วันต่อมา ฝนยังไม่หยุด เมฆดำลอยเต็มฟ้า ละอองฝนโปรยปราย

ในห้องถ้ำบนยอดเขา ท่านผู้คุมที่สีหน้าเย็นชา สวมหมวกทรงสูง สวมผ้าคลุมสีดำ สวมรองเท้ายาวสีดำที่มีพื้นหนาสีขาวเดินก้าวยาวออกมา ทางซ้ายและขวามีกำลังพลสองกลุ่มเดินออกมาและกระจายตัวกัน

เกาก้วนที่ยืนอยู่บนบันไดยื่นฝ่ามือสีขาวข้างหนึ่งจากผ้าคลุมออกมารับเม็ดฝนที่เย็นใส

“นายท่าน!” จุยหย่วนที่อยู่ข้างกายกุมหมัดคารวะ “ถึงเวลาแล้วขอรับ!”

เกาก้วนสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบอะไร ฝ่ามือที่รับละอองฝนโบกเบาๆ

“ขอรับ!” จุยหย่วนหันตัวมา แล้วตะโกนว่า “ลั่นกลอง!”

ทหารสวรรค์ด้านล่างที่ยืนตากฝนอยู่ตรงหน้ากลองสะท้านฟ้าโบกไม้กลองตีทันที

ตุ้งๆๆๆๆ…

เสียงกลองสะท้านฟ้าดังก้องฮึกเหิม ละอองฝนที่โปรบปรายสั่นไหวตามเสียงกลอง เมฆดำที่อยู่บนฟ้าก็สะเทือนขึ้นลงเช่นกัน เสียงกลองดังพอที่จะครอบคลุมทั้งพื้นแอ่ง

น้ำที่ขังอยู่ในแอ่งเล็กแอ่งใหญ่ระหว่างเพิงมุงจากสะเทือนจนเป็นโคลนขุ่นทันที กระเพื่อมเป็นระลอก สมาชิกผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนต่างก็ตกใจ รวมทั้งเหมียวอี้ด้วย คนส่วนใหญ่เพิ่งเคยได้ยินเสียงกลองที่สะท้านใจขนาดนี้เป็นครั้งแรก

ปี้เยว่ฮูหยินกระโดดลงมาจากไม้กระดานที่นั่งสมาธิทันที ตะคอกด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “รวมตัว! ถ้าเสียงกลองดังสามยกแล้วยังไม่ประจำตำแหน่ง ประหาร!”

เสียงของแม่ทัพภาคแต่ละคนในพื้นแอ่งดังต่อเนื่องเป็นระลอก

ชั่วพริบตาเดียว เงาคนนับไม่ถ้วนก็แฉลบลอยออกมาจากเพิงมุงจาก ต่างคนต่างลอยอยู่บนฟ้าเหนือเพิงมุงจากของตัวเอง ลอยจัดแถวอยู่ในพื้นแอ่งพลางฟังเสียงกลองที่เขย่าใจคน ปี้เยว่ฮูหยินและแม่ทัพภาคคนอื่นๆ รีบนับว่ากำลังพลมากันครบหรือยัง หากจำนวนคนที่เข้าแดนอเวจีผิดพลาด คนที่จะซวยก่อนก็คือพวกเขา

กำลังพลที่ลอยกระจายยุ่งเหยิงอยู่บนพื้นแอ่งเปลี่ยนเป็นมีระเบียบอย่างรวดเร็ว กำลังพลหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคนสวมชุดเกราะเรียงแถวอยู่ภายใต้เมฆครึ้มที่พัดม้วน มีพลังอำนาจน่าตกตะลึง

หลังจากเสียงกลองสามยกจบลง ท่ามกลางกองทัพใหญ่เกราะทองที่ยาวเหยียดจนมองไม่เห็นปลายแถวก็ไม่มีช่องว่างแล้ว

เกาก้วนกวาดสายตาเย็นเยียบมองกองทัพใหญ่ที่รวมตัวกัน จู่ๆ ก็โบกมือสะบัดผ้าคลุม เหาะพุ่งขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว

“ออกเดินทางตามลำดับแถว!” จุยหย่วนร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนด้วยเสียงอันดังก้อง

…………………………