บทที่ 1199 มานรกเป็นครั้งแรก

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1199 มานรกเป็นครั้งแรก โดย Ink Stone_Fantasy

“ออกเดินทาง!” แม่ทัพภาคที่อยู่แถวหน้าออกคำสั่งพร้อมกัน กำลังพลที่อยู่แถวหน้าทะยานพุ่งขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว

“ออกเดินทาง!” แม่ทัพภาคแถวหลังออกคำสั่งตามมาติดๆ กำลังพลแถวหลังตามหลังขึ้นไป

กำลังพลทะยานฟ้าต่อเนื่องกันแถวแล้วแถวเล่า เงาคนเหมือนผ้าผืนใหญ่ที่ห้อยลงจากฟ้า พุ่งฝ่าเมฆครึ้มที่ลอยม้วนอยู่เหนือศีรษะ เห็นแสงอาทิตย์สีทองอยู่นอกชั้นเมฆ เกราะทองของทัพใหญ่หนึ่งล้านสะท้อนแสงระยิบระยับอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ สุดท้ายก็หายไปในท้องฟ้าราวกับเป็นมังกรยาวตัวหนึ่ง

เพิงมุงจากที่เป็นแพยาวเหยียดอยู่ในพื้นแอ่งใต้เมฆครึ้ม ในตอนนี้ถูกทิ้งร้างแล้ว

ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เหมียวอี้ที่กำลังเร่งเหาะตามกลุ่มเหลียวซ้ายแลขวาอยู่เป็นระยะ ฉากที่ทัพใหญ่หนึ่งล้านแปดแสนเรียงแถวเหาะด้วยความเร็วสูงดูโอ่อ่าอลังการเกินไป นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เห็นนักพรตจำนวนมากขนาดนี้มารวมตัวกัน ทั้งยังเป็นนักพรตที่มีวรยุทธ์บงกชทองขึ้นไปด้วย จากจุดนี้จะมองเห็นถึงพลังอำนาจของตลาดสวรรค์ได้

ที่จริงจุดออกเดินทางก็อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าแดนอเวจี สำหรับกองกำลังที่เหาะโดยรักษารูปขบวนเอาไว้ การเดินทางนี้ใช่เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งวัน สำหรับพวกเกาก้วนที่นำหน้าไปก่อนก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ท้องฟ้าที่ดำมืดมีลำแสงขนาดใหญ่หลากสีสันขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งกำลังหมุนวน ดาวเคราะห์หกดวงที่ถูกปรับปรุงให้เหมาะกับการอยู่อาศัยกำลังหมุนวนอย่างสงบเงียบอยู่ท่ามกลางลำแสงหลากสี ถึงแม้จะอยู่ในลำแสงหลากสี แต่กลับไม่ได้หมุนวนเร็วเท่าลำแสงหลากสี

ซวบ! เกาก้วนที่สวมผ้าคลุมบ่าสีดำพลันหยุดอยู่นอกลำแสงหลากสี ลำแสงหลากสีนั่นราวกับกระพือลมพายุออกมา ผ้าคลุมสีดำบนตัวเกาก้วนปลิวสะบัดอย่างรุนแรง ถ้าวรยุทธ์ต่ำกว่านี้นิดเดียวก็ไม่มีทางเข้าใกล้ได้เลย

“ใครกัน!” มีเสียงตะโกนดังขึ้นมากลางอากาศ ดังสะท้านอยู่ในท้องฟ้า

เกาก้วนพลิกมือดันป้ายคำสั่งออกมาบนฝ่ามือ ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นมังกรบินสีรุ้งสายหนึ่ง ลอยเป็นรูปตัวอักษร ‘คำสั่ง’ อยู่กลางอากาศ มีเสียงมังกรคำรามดังแว่ว

แม่ทัพใหญ่เกราะแดงคนหนึ่งนำแม่ทัพเกราะม่วงสิบกว่าคนพุ่งออกมาจากดาวเคราะห์หกดวงนั้น มายืนเรียงแถวหน้ากระดานขวางอยู่ตรงหน้าเกาก้วน

แม่ทัพใหญ่เกราะแดงหัวเราะเบาๆ พลางกุมหมัดคารวะ “ที่แท้ก็เป็นทูตขวาเกา คาดว่ากำลังพลที่เข้าร่วมการดสอบคงมาถึงแล้ว เพียงแต่ยังต้องตรวจสอบตัวตนตามกฎระเบียบ” พูดจบก็โยนแผ่นหยกออกมาแผ่นหนึ่ง

พอเกาก้วนขยุ้มมือ ภาพมายามังกรก็หดกลับกลายเป็นป้ายคำสั่งและเก็บเข้าในกระเป๋า มืออีกข้างคว้าแผ่นหยกอีกแผ่นที่โยนเข้ามา ลงตราอิทธิฤทธิ์แล้วโยนกลับไป

หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีผิดพลาด แม่ทัพใหญ่เกราะแดงถึงได้ถามพร้อมยิ้มว่า “กำลังที่เข้าร่วมการทดสอบจะมาถึงเมื่อไร?”

“ย่อมตามมาถึงในภายหลัง” เกาก้วนตอบเสียงเรียบ แล้วถามอีกว่า “จอมพลเถิงอยู่ที่ไหน เหตุใดเห็นป้ายคำสั่งราชันสวรรค์แล้วไม่มาพบข้า?”

แม่ทัพใหญ่เกราะแดงกุมหมัดตอบ “ทูตขวาเกาโปรดอย่าถือสา ใช่ว่าจอมพลจะไม่เคารพบัญชาสวรรค์ แต่เพื่อให้ความร่วมมือกับการทดสอบครั้งนี้ เขาได้นำทัพใหญ่เข้าแดนอเวจีด้วยตัวเองไปแล้ว กำลังกวาดล้างตรงทางเข้า ป้องกันไม่ให้ผู้ร้ายลอบจู่โจม ทูตขวาเกาไปพักผ่อนที่ค่ายก่อนได้!”

“ทัพใหญ่ที่เข้าร่วมการทดสอบกำลังจะมาถึงแล้ว เรื่องพักช่างเถิด เปิดเส้นทาง ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าจอมพลเถิงเตรียมการเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” เกาก้วนตอบเสียงเรียบ

“รอข้าติดต่อจอมพลก่อน!” แม่ทัพใหญ่เกราะแดงเอ่ยรับแล้วนำระฆังดาราออกมาเขย่าพักหนึ่ง จากนั้นก็หันตัวมาโบกมือ ร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนว่า “จอมพลมีคำสั่ง เปิดเส้นทาง!”

เมื่อมีคำสั่งออกไป บนดาวเคราะห์หกดวงก็มีแสงสีขาวสายหนึ่งยิงออกมาทันที ชนกระทบไปตรงกลางระหว่างดาวหกดวงจนกลายเป็นภาพดาวหกแฉกดวงหนึ่ง หมุนวนตามดาวเคราะห์หกดวงนั้น แสงสุกสกาวตรงพื้นที่ว่างกลางภาพสลายหายไปอย่างรวดเร็ว เผยประตูดวงดาวสีดำมืดที่หมุนวนอยู่ด้านหลัง หมุนวนในทิศทางตรงกันข้ามกับลำแสงหลากสีด้านนอก

ที่จริงด้านหลังก็คือประตูดวงดาวของทางเขานรกที่ถูกค่ายกลผนึกไว้ ค่ายกลใหญ่ที่สามารถปิดผนึกประตูดวงดาวได้ จะเห็นได้ว่ามีอานุภาพเป็นอย่างไร

ซวบ! เงาร่างของเกาก้วนถลันวูบ ไม่ได้ใช้กระสวยทองหรือกระสวยเงิน เขาพุ่งเข้าประตูดวงดาวไปในชั่วพรบตาเดียวโดยอาศัยเกราะอิทธิฤทธิ์ล่องหนป้องกันแรงดึงของประตูดวงดาว

“ปิด!” แม่ทัพใหญ่เกราะแดงร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนอีกครั้ง

เสาแสงหกสายที่ก่อตัวเป็นดาวหกแฉกหายไปในชั่วพริบตาเดียว ไม่มีดาวหกแฉกแล้ว เส้นทางประตูดวงดาวถูกลำแสงหลากสีปิดไว้อีกครั้ง

ข้างในนั้น เงาร่างของเกาก้วนถูกพ่นออกมากลางอากาศอย่างฉับพลัน เขามองไปรอบๆ เห็นเพียงทหารสวรรค์นับไม่ถ้วนกระจายกำลังอยู่รอบด้าน

“เกาก้วน ทางนี้!” เสียงที่น่าเกรงขามดังก้องอยู่ในท้องฟ้า

เกาก้วนได้ยินเสียงแล้วเอียงหน้ามอง เห็นเพียงชายหนุ่มหน้าดำที่ไว้เครายาวสามช่อ สวมชุดผ้าแพรทั้งตัวกำลังเอามือไขว้หลังยืนอยู่บนดาวเคราะห์ที่มีขนาดเส้นรอบวงหนึ่งพันจั้ง ยืนอยาบนจุดที่สูงที่สุดของดวงดาว กำลังมองมาทางนี้อย่างมีพลังเต็มเปี่ยม ตรงหว่างคิ้วเผยลายเมฆสีฟ้าอ่อนสายหนึ่ง มีวรยุทธ์ระดับสำแดงฤทธิ์

คนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน หนึ่งในสิบสองจอมพลของตำหนักสวรรค์ เถิงเฟยจอมพลสายชวด

เส้นทางเข้าออกแดนอเวจีถูกเฝ้าโดยสิบสองจอมพลมาตลอด ทุกๆ สามร้อยปีจะโยกย้ายกำลังพลมาสับเปลี่ยนหนึ่งครั้ง ก็เท่ากับว่าสิบสองจอมพลจะต้องผลัดเวรมาเฝ้าที่นี่ทุกสามพันหกร้อยปี และการทดสอบครั้งนี้ก็ตรงกับช่วงที่จอมพลเถิงเฟยแห่งสายชวดมาเฝ้ารักษาการณ์พอดี

กำลังพลที่เรียงอยู่ตรงหน้ารีบถลันตัวเปิดเส้นทางให้ เกาก้วนเหาะเข้าไปและเหยียบลงข้างกายเถิงเฟย

เถิงเฟยที่กำลังยืนเอามือไขว้หลังเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วถามว่า “คนที่เข้าร่วมการทดสอบมาถึงแล้วเหรอ?”

เกาก้วนกวาดสายตามองไปรอบๆ “กำลังจะถึงเดี๋ยวนี้ ไม่ทราบว่าจอมพลเถิงกวาดล้างทางนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

เถิงเฟยมองไปยังจุดลึกของท้องฟ้า “สามารถแน่ใจได้ว่าโจรกบฏในนรกติดต่อกับภายนอกจริงๆ พวกเขามาดักซุ่มที่นี่ล่วงหน้า พอเห็นทัพใหญ่ของข้ากวาดล้าง ก็ถอนกำลังออกไปทันที ไม่ได้เกิดการปะทะกัน นับว่ายังกวาดล้างได้อย่างราบรื่น รับประกันได้ว่ากำลังพลที่เข้าร่วมการทดสอบจะเข้าไปได้อย่างราบรื่น…แต่สิ่งที่พวกเราทำได้ก็มีเพียงเท่านี้ ตอนหลังจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครรู้ได้ กำลังพลหนึ่งล้านแปดแสนกว่า สุดท้ายจะรอดชีวิตกลับมาได้กี่คน?”

เกาก้วนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตราบใดที่การกวาดล้างบริเวณทางเข้าราบรื่น ความหวังที่ผู้เข้าร่วมการทดสอบจะรอดชีวิตกลับมาก็เพิ่มขึ้นเยอะแล้ว รอให้กำลังพลกระจายตัวกันในพื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้หมูหนึ่งล้านแปดแสนตัวหนีเพ่นพ่านอยู่ในนี้ แต่โจรกบฏพวกนั้นก็ไม่มีทางยับยั้งได้อย่างราบรื่น คนที่รอดชีวิตกลับมาได้คงจะมีไม่น้อย”

เถิงเฟยกล่าวช้าๆ ว่า “ขังโจรกบฏพวกนี้ไว้ที่นี่ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องเอาชีวิตมากมายขนาดนี้มาเติม?”

เกาก้วนตอบว่า “ประเด็นสำคัญคือขังไม่อยู่แล้ว มีเส้นทางเข้าออกอื่นปรากฏขึ้น ฝ่าบาทสงสยัว่าแดนอเวจียังมีเส้นทางเข้าออกอื่นอีก มีหรือที่ฝ่าบาทจะนั่งดูโจรกบฏพวกนั้นยิ่งใหญ่ขึ้นเฉยๆ?”

เถิงเฟย “คิดมากไปเองแท้ๆ เลย สถานการณ์ภาพรวมของใต้หล้าถูกกำหนดแล้ว ตราบใดที่พวกเราเองไม่ไร้ระเบียบ โจรกบฏพวกนั้นก็แผลงฤทธิ์ไม่ได้ ยิ่งพวกเราทำให้วุ่นวาย พวกเขาก็ยิ่งมีโอกาสฉวยผลประโยชน์ ลูกหลานผู้มีอำนาจที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้มีเยอะมาก ถ้าบาดเจ็บล้มตายมากเกินไป เจ้าคิดถึงผลที่จะตามมาหรือเปล่า? ผู้มีอำนาจในราชสำนักของตำหนักสวรค์ต่างหากที่เป็นฐานให้ฝ่าบาทควบคุมใต้หล้า ถ้าดาบของฝ่าบาทค่อยๆ หันเข้าหาคนของตัวเอง สักวันก็ต้องทำให้เกิดช่องว่างทางจิตใจระหว่างขุนนางกับราชัน โจรกบฏไม่นับว่าสำคัญอะไรหรอก ดาบที่ฝ่าบาทหันเข้าหาคนในต่างหากที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ใหญ่ที่สุดของความโกลาหล อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล! ข้ายังยืนยันคำเดิม สถานการณ์ภาพรวมของใต้หล้าถูกกำหนดแล้ว ตราบใดที่พวกเราไม่ไร้ระเบียบ ก็จะไม่เกิดเรื่องอะไรใหญ่โต เจ้าเป็นขุนนางที่ใกล้ชิดอยู่ข้างกายฝ่าบาท ควรถือโอกาสโน้มน้าวฝ่าบาทมากๆ หายนะเริ่มต้นจากภายในชัดๆ!”

เกาก้วนจึงบอกว่า “การตายของผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สามคนของสายมะเมีย อย่าบอกนะว่าจอมพลเถิงไม่รู้? จอมพลเถิงไม่อยากให้เกิดเรื่องราวขึ้นภายใน คิดเหรอว่าฝ่าบาทจะไม่คิดแบบเดียวกัน สาเหตุสำคัญคือผิวเนื้อของตำหนักสวรรค์เกิดเนื้อร้าย ลูกหลานผู้มีอำนาจบางคนก็คือเนื้อร้ายที่ลุกลามเน่าเปื่อยพวกนั้น จอมพลเถิงรู้สึกว่าเนื้อร้ายพวกนี้นับเป็นหายนะภายในหรือเปล่าล่ะ? การควงดาบเฉือนเนื้อตัวเองทิ้ง ฝ่าบาทเองก็ปวดใจมากเหมือนกัน”

เถิงเฟยเอียงหน้ามองมา “ในปีนั้นทุกคนติดตามฝ่าบาทไปบุกยึดใต้หล้าเพื่ออะไรล่ะ ไม่ใช่เพราะอยากร่ำรวยอายุยืนหรอกหรือ ไม่ใช่เพราะอยากให้ร่ำรวยชั่วลูกชั่วหลานหรอกหรือ!”

“หากตำหนักสวรรค์พังลง ทุกคนจะยังร่ำรวยอายุยืนได้อย่างไร ลูกหลานจะร่ำรวยไปอีกหมื่นรุ่นได้อย่างไร จอมพลเถิง เจ้าพูดเรื่องพวกนี้กับข้าไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ข้าตัดสินใจอะไรไม่ได้ ถ้ามีอะไรเจ้าก็ไปพูดกับฝ่าบาทด้วยตัวเอง” เกาก้วนกล่าว

“ข้าขอถามเพียงคำเดียว ต่อไปดาบของฝ่าบาทจะฟันขึ้นไปข้างบนใช่หรือไม่?” เถิงเฟยถาม

“ไม่รู้!” เกาก้วนตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วกล่าวอย่างเย็นชาอีกว่า “จอมพลเถิง วันนี้เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยได้ยินก็แล้วกัน เกาก้วนมีตำแหน่งหน้าที่ติดตัว อย่าทำให้ข้าลำบากใจ!”

เถิงเฟยหลับตาลงช้าๆ โดยไม่พูดอะไร

ทั้งสองเงียบงันอยู่นานมาก จู่ๆ เกาก้วนก็หยิบระฆังดาราออกมา หลังจากฟังและตอบกลับแล้ว ก็เอียงหน้ามาบอกว่า “จอมพลเถิง ทัพใหญ่ของผู้เข้าร่วทดสอบมาถึงแล้ว ออกคำสั่งให้ปล่อยพวกเขาเข้าสู้สนามทดสอบเถอะ!”

เถิงเฟยลืมตาและพยักหน้า ก่อนจะตะคอกว่า “ถ่ายทอดคำสั่งบอกสมาชิกทุกคนที่กำลังกวาดล้าง เหลือทหารยามเอาไว้ ที่เหลือถอนกำลังกลับมารวมตัวกันทันที”

ผ่านไปไม่นาน ทัพใหญ่หลายแสนมารวมตัวกันจากทั่วสารทิศ มาเรียงแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว แม่ทัพใหญ่เกราะแดงระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพสิบกว่าคนนำแม่ทัพเกราะม่วงระดับบงกชรุ้งหลายร้อยคนมารายงานผลการปฏิบัติงาน

“กำลังพลที่เข้าร่วมการทดสอบกำลังจะเข้าสู่สนามแล้ว เตรียมการการตามแผน!” เถิงเฟยโบกมือ

“รับทราบ!” ทุกคนกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่ง แล้วทัพใหญ่หลายแสนคนโยกย้ายกันวางกำลังทันที  ออกมาจากน่านฟ้าขนาดใหญ่ที่ถูกปิดล้อมไว้

เถิงเฟยหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับคนที่อยู่ตรงทางเข้าด้านนอก

ตรงทางเข้านรกด้านนอก สมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบหนึ่งล้านแปดแสนกว่าคนจัดกระบวนครบแล้ว คนส่วนใหญ่รวมทั้งเหมียวอี้เพิ่งเคยเห็นทางเข้านรกเป็นครั้งแรก ย่อมเคยเห็นการผนึกทางเข้านรกเป็นครั้งแรกเช่นกัน

ขณะที่ทุกคนกำลังอยากรู้อยากเห็น ในใจก็เริ่มรู้สึกวิตกกังวลเช่นกัน กำลังจะเข้าสู้นรกในตำนานแล้ว! อนาคตและความเป็นความตายล้วนอยู่หลังประตูที่โดนผนึกบานนั้น

ทหารยามเกราะแดงที่ขวางทางและคุมเชิงกับจุยหย่วนอยู่ตรงทางเข้าเก็บระฆังดารา แล้วหันตัวมาสั่งเสียงดังว่า “จอมพลมีคำสั่ง เปิดเส้นทางปล่อยเข้ามา!”

ภาพดาวหกแฉกปรากฏขึ้นอีกครั้ง เกิดช่องว่างตรงกลางภาพอย่างรวดเร็ว เผยประตูดวงดาวที่หมุนวนอยู่ข้างหลัง

พอจุยหย่วนโบกมือ กลุ่มที่ปรึกษาก็เหาะเข้าไปในประตูดวงดาว จากนั้นเขาก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดังว่า “เข้าไปตามลำดับแถว ออกเดินทาง!”

กำลังพลรวมตัวกันบุกเข้าไปขบวนแล้วขบวนเล่าทันที ต่างคนต่างใช้กระสวยเงินปกป้องร่างกายและหายเข้าไปในประตูดวงดาว

จุยหย่วนนำคนนับจำนวนกำลังพลที่เข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว

ตรงทางเข้าที่อยู่ด้านในนรก เกาก้วนกับเถิงเฟยยืนเคียงข้างกัน มองดูกำลังพลโผล่มาขบวนแล้วขบวนเล่า

“ไปทางขวา เร็วๆ!”

“ไปทางซ้าย อย่าชักช้าขวางทาง เร็วๆ หน่อย!”

ที่ปรึกษาที่เข้ามาก่อนคอยบัญชาการสมาชิกที่รวมตัวกันเข้ามาไม่หยุด ตรงจุดที่ไม่ไกลมีคนโบกธงเขตของจวนหัวหน้าภาคใหญ่เก้าแห่งของตลาดสวรรค์เพื่อชี้บอกจุดรวมพล แม่ทัพภาคที่นำขบวนเข้ามารีบพากำลังพลของตัวเองไปยังจุดนั้น

ส่วนทหารยามที่เฝ้าทางเข้าก็นำคนกลุ่มหนึ่งมานับจำนวนคนที่เข้ามาข้างในอย่างรวดเร็ว

รอจนกระทั่งสมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบเข้ามาข้างในหมดแล้ว จุยหย่วนถึงได้พากลุ่มที่ปรึกษาตามเข้าไปในตอนสุดท้าย ทัพใหญ่ที่คุ้มกันส่งไม่ได้เข้าไปข้างในด้วย จากนั้นเขาก็สั่งให้บรรดาที่ปรึกษาและแม่ทัพภาพที่เข้าไปก่อนแยกกับสมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบ หลังจากนับและหักลบคนที่รวมตัวกันแล้ว จุยหย่วนถึงได้เขียนแผ่นหยกฉบับหนึ่ง แล้วเหาะไปรายงานตรงหน้าเกาก้วน “รายงานท่านผู้คุม จำนวนที่ควรจะมาถึงคือหนึ่งล้านแปดแสนห้าหมื่นสามร้อยยี่สิบสามคน จำนวนที่มาจริงคือหนึ่งล้านแปดแสนห้าหมื่นสามร้อยยี่สิบสามคน สมาชิกที่เข้าร่วมการทดสอบมาครบแล้วขอรับ”

…………………………