ตอนที่ 457 ไม่ได้จีบกันสักหน่อย

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เฮ่อหว่านโจวเขม้นมองเฉียวเหลียง ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาหนิงเหยี่ยน “พระเจ้า ฉันไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่า วันหนึ่งจะได้เห็นเจ้าภูเขาน้ำแข็งนี่เล่นบทคู่รักหวานแหววกับหญิงสาวต่อหน้าต่อตา! ไม่อยากจะเห็นอีกเลยจริงๆ!”

 

 

เฮ่อหว่านโจวเลิกคิ้วขึ้น “ครั้งหน้า ถ้าพวกเราจะไปสังสรรค์ เราไม่ต้องชวนเฉียวเหลียงนะ พาเซียวโหรวไปคนเดียวก็พอ”

 

 

หนิงเหยี่ยนพยักหน้ารับ “เป็นความคิดที่ดี!”

 

 

ถังซียกมือขึ้นปิดปาก แอบหัวเราะในลำคอ “ฉันว่าเพื่อนๆ คุณ อยากจะทิ้งคุณแล้วล่ะ”

 

 

เฉียวเหลียงเลิกคิ้วมองไปทางกลุ่มพวกผู้ชาย แล้วดึงถังซีเข้ามากอดไว้ “คิดว่าเธอจะยอมไปเที่ยวกับพวกคุณโดยไม่มีผมไปด้วยงั้นเหรอ”

 

 

คนอื่นๆ อึ้งกันไป แล้วเฮ่อหว่านโจวส่งเสียงคำรามขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นทั้งสองคนก็ไม่ต้องมาสังสรรค์กับพวกเราอีก!”

 

 

ทันใดนั้นเขาก็ต้องนิ่วหน้า เมื่อหันมาเห็นว่ามีผู้ชายมานั่งอยู่ข้างน้องสาว เมื่อเห็นชัดว่าชายหนุ่มคนนั้นคือใครเขาก็เบิกตาโพลง ผุดลุกขึ้นทันที “ให้ตายสิ สองคนนั้นคุยอะไรกันอยู่!”

 

 

ฉู่หลิงเลิกคิ้ว ลุกยืนขึ้น กล่าวว่า “ผมกำลังปรึกษากับคุณเฮ่อว่า พรุ่งนี้เราจะไปออกเดตกันที่ไหนดี” แล้วเขาก็ยิ้มให้เฮ่อหว่านโจวอย่างเป็นกันเอง

 

 

หนิงเหยี่ยนหันไปมองฉู่หลิงด้วยแววตาประหลาดใจ ขณะที่เฮ่อหว่านโจวผุดลุกขึ้นอีกครั้ง “สองคนนี้ไปคบกันตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันไม่รู้”

 

 

ถังซีเองก็หันไปมองฉู่หลิงด้วยความสนใจ ขณะที่หลี่มั่นเหยียน แฟนคลับตัวยงของเฮ่อหว่านอี นึกอวยพรให้พวกเขาอยู่ในใจ

 

 

ประธานฉู่กับคุณหว่านอีอย่างนั้นหรือ เทวดาอุ้มสม! ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด!

 

 

มีประกายความเขินอายแกมรำคาญใจในดวงตาเฮ่อหว่านอี เมื่อโดนคนอื่นๆ จ้องมองอย่างสนอกสนใจ เธอจ้องหน้าฉู่หลิงเขม็ง วางไมโครโฟนในมือลงด้วยท่าทางเก้อเขิน แล้วลุกขึ้นยืน เม้มริมฝีปาก “อย่าเข้าใจกันผิดๆ เราไม่ได้คบกัน ฉันแพ้พนันเขา เลยต้องยอมไปออกเดตด้วย แค่นั้นเอง”

 

 

ทุกคนจึงหันกลับไปมองฉู่หลิง แม้แต่เฉียวเหลียงก็ยังเฝ้ามองอย่างสนใจ ฉู่หลิงลุกขึ้นยืนท่าทางผ่อนคลาย กล่าวพร้อมกับยิ้มน้อยๆ “เฮ้ พวกคุณเป็นอะไรกัน มองผมแบบนี้ทำไม คุณหว่านอีกับผมเป็นโสดทั้งคู่ ทำไมจะออกเดตกันไม่ได้”

 

 

เฉียวเหลียงส่ายศีรษะ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ เวลานั้นนั่นเองประตูก็ผลักเปิดออก มีคนสามคนเดินเข้ามา เหวินนิ่งเดินควงแขนมากับลู่หลี ตามหลังมาด้วยจิ้นหัน เมื่อเห็นจิ้นหัน หลี่มั่นเหยียนก็รีบเข้าไปหา  จับแขนเขาไว้ ถามว่า “ทำไมเธอมาช้า รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วง”

 

 

จิ้นหันมองหลี่มั่นเหยียน ซึ่งยิ้มหวานให้เขาแล้วจูงเขาไปนั่งข้างเธอ

 

 

ลู่หลีมองไปรอบๆ ห้อง แล้วมาหยุดสายตาลงที่ฉู่หลิง “ได้ยินว่าคุณกำลังคบหากับใครอย่างนั้นหรือ  สาวคนนั้นเป็นใครกัน”

 

 

ถังซีทักทายเหวินนิ่งด้วยรอยยิ้ม เหวินนิ่งส่งดอกไม้ช่อหนึ่งให้เธอ กล่าวว่า “ยินดีด้วยนะจ๊ะ เสื้อผ้าในโชว์วันนี้สวยหมดทุกชุด พี่หวังว่าเธอจะยินยอมรับพี่ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ไม่มีรสนิยมเรื่องแฟชั่นเลย เป็นลูกค้าประจำของเธอนะ”

 

 

ถังซีรับช่อดอกไม้มา ยังคงยิ้มกว้าง “ขอบคุณค่ะ พี่เหวินนิ่ง เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ ที่พี่ชอบเสื้อผ้าของเรา”

 

 

เฮ่อหว่านอีไม่ต้องการให้คำพูดตลกไร้สาระของฉู่หลิง แย่งชิงความสนใจไปจากความสำเร็จของถังซี เธอชำเลืองมองเขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อสังเกตเห็นว่าอารมณ์เธอไม่ค่อยดีนัก ฉู่หลิงจึงมองหน้าเธอ ยิ้มให้ และอธิบายกับทุกคนว่า “อย่าเข้าใจเราผิดครับ เป็นเรื่องจริงที่คุณเฮ่อยอมไปออกเดตกับผม เพราะเธอแพ้พนัน”

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่หลีก็เลิกคิ้วขึ้นพลางยิ้มให้เขา “ไม่อยากเป็นโสดอีกต่อไปแล้วละสินะ”

 

 

เหวินนิ่งมองฉู่หลิง เธอเลิกคิ้วขึ้น “ฉู่หลิง คุณกลับมาอยู่กับหลงเซี่ยวแล้วเหรอ”

 

 

“ใช่ พวกเขาขอให้ผมกลับมา ไม่อย่างนั้นผมคงไม่กลับหรอก ผมชอบชีวิตอิสรเสรีมากกว่า” ฉู่หลิงยักไหล่ เขาเดินเข้ามาหาเหวินนิ่ง ส่งไวน์ให้แก้วหนึ่ง “ผมเบื่อเล่นเกมแมวจับหนูกับพวกเขาเต็มที พอพวกเขาขอร้อง ผมเลยตกลง แล้วคุณล่ะ จะลาออกจากงานไหม”

 

 

เหวินนิ่งรับแก้วไวน์มา เธอชนแก้วกับฉู่หลิง จิบไวน์ ก่อนจะส่ายศีรษะ “จะลาออกทำไมกัน ไม่ อย่างแน่นอน แต่ในเมื่อคุณเบื่อจะเล่นแมวจับหนูกับพวกเขา คุณก็มา…”

 

 

“เฮ้ ผมไม่ได้พูดสักหน่อยว่าผมเป็นหนู จริงไหม” ฉู่หลิงยกนิ้วชี้ขึ้นโบกไปมา “ตัวที่โดนไล่จับคือหนู แต่คุณรู้ได้ยังไงว่าผมโดนพวกเขาไล่จับ ในความเป็นจริง พวกเขาต่างหากที่โดนผมไล่จับ!”

 

 

เหวินนิ่งทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูก “ก็แหงล่ะ คุณพูดอะไร ฉันก็เชื่อหมด”

 

 

ลู่หลีสอดแขนโอบรอบเอวเหวินนิ่ง แล้วจับตัวเธอให้นั่งลง “อย่าคุยเรื่องน่าเบื่อพวกนี้เลย นั่งกันก่อนเถอะ”

 

 

ฉู่หลิงเลิกคิ้วใส่เหวินนิ่ง แล้วนั่งลงข้างๆ เฮ่อหว่านอี ซึ่งจ้องตามองเขาเขม็งและกล่าวว่า “อย่ามานั่งตรงนี้!”

 

 

ฉู่หลิงมองไปรอบห้อง ถามเฮ่อหว่านอีว่า “แล้วจะให้ผมไปนั่งตรงไหน”

 

 

เฮ่อหว่านอีก็มองไปรอบห้อง และพบว่าไม่มีที่นั่งอื่นว่างเหลืออยู่อีกเลย เธอจึงยอมสงบปากสงบคำอย่างไม่พอใจนัก เมื่อเห็นเช่นนี้ถังซีก็ยิ้มและส่ายศีรษะ “สองคนนี้เหมือนคู่รักกำลังทะเลาะกันเลย!”

 

 

หนิงเหยี่ยนซึ่งนั่งเงียบมาสักพักขมวดคิ้วมองถังซี “โหรวโหรว ทำไมเธอไม่ร้องเพลงให้พวกเราฟังสักเพลงล่ะ”

 

 

ถังซีหันไปมองเขา แล้วหันกลับมามองเฉียวเหลียง นี่เธอพูดอะไรผิดไปหรือ

 

 

โอ จริงสิ… ถังซีตบศีรษะตัวเองเบาๆ อย่างสำนึกผิดนิดหน่อย เธอรู้อยู่แก่ใจว่าชายหนุ่มที่พี่หว่านอีรักคือ… พระเจ้าช่วย พี่หว่านอีต้องโกรธเธอแน่!

 

 

คิดได้เช่นนี้ ถังซีก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉันคงจะเมานิดหน่อย ต้องร้องเพลงสักเพลงจะได้สร่างเมา” แล้วเธอก็ยื่นมือออกไปหาเฉียวเหลียง “ร้องเพลงกับฉันสักเพลงได้ไหม”

 

 

หนิงเหยี่ยนมองถังซีพลางส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม ผู้ชายที่เฮ่อหว่านอีรักก็คือเซียวเหยา!

 

 

เขายกไวน์ขึ้นจิบ มองเฮ่อหว่านอีแล้วถอนใจ เมื่อไรกันที่สาวสวยคนนี้จะเลิกทรมานหัวใจตัวเอง

 

 

ถังซีเลือกเพลงที่เธอจะร้องชื่อว่า ‘สิ่งที่สุดแสนโรแมนติก’ และชวนเฉียวเหลียงมาร่วมร้องคู่กับเธอ เมื่อถึงท่อนที่น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลราวเสียงเชลโลของเฉียวเหลียงดังขึ้น ทุกคนที่ไม่เคยได้ยินเขาร้องเพลงมาก่อนถึงกับอ้าปากค้าง

 

 

เฮ่อหว่านโจวเลิกคิ้ว “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเฉียวเหลียงร้องเพลงเพราะ”

 

 

ถังซีรู้ดี เธอเคยขอให้เขาร้องเพลงให้เธอฟังบ่อยๆ ในอดีต แต่เขาไม่ค่อยยอมร้อง ในวันนี้เมื่อเธอลองขอให้เขาร้องเพลงกับเธอ เธอจึงรู้สึกประหลาดใจที่เขายอมตกลง!