ลู่หลีเฝ้าสังเกตจิ้นหันอยู่เป็นระยะ เขาไม่ได้ปิดบังท่าทีใดๆ จนจิ้นหันซึ่งปกติเป็นคนระมัดระวังตัวอยู่เสมอต้องหันไปจ้องตอบ ลู่หลีไม่หลบตา แต่ยิ้มให้จิ้นหัน เขาลุกยืนขึ้นและเดินเข้าไปนั่งลงข้างจิ้นหัน “ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
เหวินนิ่งหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจ ลู่หลีไม่ใช่คนประเภทที่จะเข้าหาเพื่อทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าก่อน หลี่มั่นเหยียนก็แปลกใจแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอมองตอบเหวินนิ่งซึ่งกำลังมองดูเธออยู่เช่นกัน แล้วยิ้มให้
เหวินนิ่งยิ้มตอบอย่างสุภาพ ถอนสายตากลับ และยกไวน์ขึ้นจิบ
จิ้นหันและลู่หลีเดินออกไปด้วยกันที่ระเบียง ลู่หลีจิบไวน์ มองดูจิ้นหันซึ่งยังคงนิ่งเงียบ “ผมรู้สึกว่าคุณดูคุ้นตามากตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น”
จิ้นหันขมวดคิ้ว ยืดตัวตรง พิจารณาดูลู่หลี ลู่หลีอายุมากกว่าเฉียวเหลียงเล็กน้อย ตอนนี้อายุสามสิบสามปีแล้ว ในขณะที่จิ้นหันเพิ่งเรียนจบระดับวิทยาลัย อายุเพียงยี่สิบสามปี เขาจำไม่ได้เลยว่าเคยพบลู่หลีที่ไหน ก่อนจะได้เจอกันวันนี้
จิ้นหันนิ่วหน้า “ผมไม่เคยรู้จักใครที่มาจากตระกูลลู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณ คุณลู่ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ดังนั้นคุณคงจำผมผิดเป็นคนอื่นแล้วล่ะ”
ลู่หลียิ้ม แล้วพยักหน้า “ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเกิดตระกูลผมไม่ใช่ตระกูลลู่ล่ะ ผมเปลี่ยนนามสกุลให้ตัวเองหลังตัดขาดจากครอบครัว”
“คุณหมายความว่ายังไง” จิ้นหันคิ้วขมวดมองลู่หลี “ผมไม่เข้าใจ”
ลู่หลียิ้ม พลางส่ายศีรษะ “คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจผม แต่ผมขอถามคุณว่า คุณจิ้นหันมาจากตระกูลจิ้นแห่งตงเฉิงใช่หรือเปล่า”
สีหน้าจิ้นหันเครียดลง เขาหรี่ตามองลู่หลี ลู่หลียิ้มให้ “ดูเหมือนผมจะเดาถูก แต่ที่ผมสงสัยก็คือ ทำไมตระกูลจิ้นจึงปล่อยให้ลูกหลานออกมาเรียนหนังสือไกลบ้าน และยังมีแฟนสาวเป็นคนนอกอีกด้วย ช่างน่าแปลกจริงๆ”
ตงเฉิงเป็นเมืองหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศจีน มีตระกูลจิ้นคุมเมืองนี้อยู่ และตระกูลจิ้นมีกฎเหล็กห้ามไม่ให้ผู้สืบสกุลย้ายออกไปจากตงเฉิง และห้ามไม่ให้แต่งงานกับคนที่มาจากที่อื่น พวกเขาต้องแต่งภรรยาที่เป็นสาวชาวเมืองตงเฉิงเท่านั้น
ถึงแม้กฎเหล่านี้จะแปลกประหลาด แต่ถ้ามีใครฝ่าฝืนกฎขึ้นมา ก็จะถูกตัดขาดจากตระกูลจิ้น…
จิ้นหันหรี่ตาลงมองลู่หลี “คุณลู่ดูจะรู้จักตระกูลผมเป็นอย่างดี”
โดยไม่ได้คาดคิดว่าจิ้นหันจะยอมรับอย่างง่ายดายเพียงนี้ ลู่หลีขยับยิ้มมุมปากเล็กน้อย “แน่นอน ผมรู้จักตระกูลประหลาดทุกตระกูลบนโลกใบนี้เป็นอย่างดี” แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็เลือนหายไป เขาหรี่ตาลงมองจิ้นหัน แล้วหันไปมองหลี่มั่นเหยียน “แต่คุณเคยคิดบ้างไหม คุณจิ้น ว่าถ้าครอบครัวคุณรู้ว่าคุณกำลังคบหากับหญิงสาวต่างถิ่น อะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ”
จิ้นหันนิ่วหน้า ลู่หลียิ้ม “แน่ละว่าถ้าเธอท้อง พวกเขาจะยินยอมให้คุณแต่งงานกับเธอ แต่… ให้ผมเดานะว่าเมื่อลูกของคุณอายุเกินสิบขวบ เธอก็จะต้องพบกับวันสุดท้ายของชีวิต… ผมพูดถูกไหม” ลู่หลีหยุดนิ่งชั่วครู่ ยกไวน์ขึ้นดื่ม แล้วมองหน้าจิ้นหัน “เหมือนกับคุณป้าสามของคุณและลูกชายของเธอ”
“คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” เรื่องนี้เป็นความลับในตระกูลเขา นอกจากคนในครอบครัวแล้ว คนอื่นๆ ที่ล่วงรู้ถึงความจริงเกี่ยวกับ ‘อุบัติเหตุ’ ครั้งนั้น ล้วนหายสาบสูญไปหมดสิ้น ผู้นำตระกูลออกคำสั่งห้ามไม่ให้ใครพูดถึงเรื่องนี้โดยเด็ดขาด คุณลุงสามของเขายังคงคิดว่าเหตุการณ์นั้นเป็นอุบัติเหตุจริงๆ ส่วนตัวเขาเองล่วงรู้ความจริงเพราะบังเอิญไปได้ยินพวกผู้ใหญ่ในตระกูลสนทนากัน…
เคราะห์ยังดีที่ตอนนั้นเขามีอายุเพียงสี่ขวบ พวกผู้ใหญ่ไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจว่าพวกเขากำลังสนทนาเรื่องอะไรกันอยู่ เขาจึงไม่โดนปิดปาก…
หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น พี่ชายคนนั้นซึ่งชอบพาเขาออกไปเที่ยว และคุณป้าสามผู้มักอบขนมเค้กให้เขาทานอยู่บ่อยๆ ก็หายตัวไป พวกผู้ใหญ่บอกเขาว่าสองคนนั้นตายไปแล้ว
เป็นความลับอันน่ารังเกียจ มีเพียงผู้ใหญ่ในตระกูลเขาเท่านั้นที่รู้ความจริง ลู่หลีรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
สีหน้าจิ้นหันเผือดซีดลง ประกายตาคุกรุ่นราวกับมีพายุก่อตัวอยู่ภายใน เมื่อเห็นสีหน้าเขา ลู่หลีก็หรี่ตาลง กล่าวว่า “ชื่อจริงของคุณไม่ใช่จิ้นหัน ใช่ไหม ถ้าเดาไม่ผิด ชื่อจริงคุณคือจิ้นชัว ลูกชายคนเดียวของบุตรคนที่ห้าของตระกูลจิ้น”
จิ้นหันกำมือสองข้างแน่น เขาคิดไม่ถึงว่าลู่หลีจะล่วงรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของเขา “คุณรู้ว่าผมเป็นใครได้ยังไง”
ลู่หลียิ้ม เขาหมุนแก้วไวน์ กล่าวว่า “การสืบหาข้อมูลที่ผมอยากรู้เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับผม แต่… คุณไม่ต้องกังวล คุณจิ้น ผมไม่ได้ต้องการจะข่มขู่หรือแบล็กเมลคุณ ผมเพียงแต่อยากแนะนำคุณสักอย่าง ถ้าคุณไม่สามารถทำให้หญิงสาวคนนั้นมีความสุขได้ อย่างน้อยก็อย่านำความหายนะมาให้เธอ เด็กสาวที่ไร้เดียงสาอย่างนั้น ไม่มีวันรอดชีวิตจากอำนาจตระกูลจิ้นได้อย่างแน่นอน”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวต่อไปว่า “แต่กฎบ้าบออย่างนั้นก็ควรถูกยกเลิกไปได้แล้ว ถ้าคุณอยากจะทำลายกฎนั่น ผมยินดีช่วยคุณเอง”
“คุณเป็นใคร” จิ้นหันมองหน้าลู่หลีอย่างระแวดระวัง เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย เขาเป็นคนที่ฉลาดเฉลียวที่สุดในบรรดาญาติรุ่นเดียวกัน เขาสามารถมองทะลุถึงจิตใจที่แท้จริงของคนอื่น แต่เขาไม่สามารถอ่านใจลู่หลีออกว่ากำลังคิดอะไร เขาเคยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับลู่หลี แต่มีอยู่น้อยมาก ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าลู่หลีจะรู้เรื่องเขาเป็นอย่างดี และรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลจิ้น เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ เขาต้องระมัดระวังตัวให้มาก!
ลู่หลีมองหน้าเขา ส่ายศีรษะแล้วยิ้มให้ “ฮ่า ฮ่า ผมชอบเสียจริงเวลามีคนมองผมด้วยสายตาแบบนี้ ทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำไปนั้นประสบผลสำเร็จ แต่… ไม่ใช่กับคุณ” เขาหยุดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อไปว่า “คุณรู้ดีว่าผมคือใคร ผมคือลู่หลี คนทั่วไปเรียกผมว่าคุณเจ็ด ไม่ใช่เพราะผมเป็นลูกชายคนที่เจ็ดของครอบครัว แต่เป็นเพราะว่าเลขเจ็ดคือเลขนำโชคของผม”