ตอนที่ 94-3 ชายผู้นี้จะกำบังแดดฝนให้นางเอง

จำนนรักชายาตัวร้าย

นิ้วมือเรียวยาวของเชียนเยี่ยเสวี่ยจิกผ้าห่มแน่น อากัปกิริยาแสดงถึงความเจ็บปวด

 

 

ในเมื่อสวรรค์เมตตาให้นางมีชีวิตรอดมาได้อีกครั้ง แล้วเหตุใดถึงลิขิตให้นางต้องกลายเป็นคนตาบอดด้วย มีชีวิตเช่นนี้ ไม่สู้ตายไปเสียเลยดีกว่า!

 

 

“พี่สาว ท่านอย่ากังวลไป วิชาแพทย์พี่เฮ่ออีสูงส่ง เขาจะต้องช่วยรักษาท่านได้แน่!”

 

 

หนานกงจื่อหลิงที่อยู่ข้างๆ รีบเข้ามาปลอบโยนเชียนเยี่ยเสวี่ย

 

 

แต่ทว่า คำปลอบโยนเหล่านี้สำหรับเชียนเยี่ยเสวี่ยมันไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย

 

 

นางตาบอด กลายเป็นคนพิการแล้ว นางจะช่วยเสด็จแม่ได้อย่างไร จะสังหารคนเลวพวกนั้นได้อย่างไรกัน!

 

 

“ขอโทษด้วย! ข้าขออยู่คนเดียวสักครู่…”

 

 

ถึงแม้ว่าสภาพจิตใจเชียนเยี่ยเสวี่ยในตอนนี้จะย่ำแย่ถึงขีดสุดก็ตามที แต่นางก็สามารถควบคุมและปรับอารมณ์ได้ดี รอบกายนางคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต นางจึงมิควรที่จะใส่อารมณ์กับพวกเขา เป็นที่รองรับอารมณ์เกรี้ยวกราดของนางโดยไร้ซึ่งเหตุผล

 

 

“หลิงเอ๋อร์เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับนาง”

 

 

มองเฮ่ออีอยู่ครู่หนึ่งแล้วเบนสายตาไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ย หนานกงจื่อหลิงจึงค่อยพยักหน้าเบาๆ

 

 

รอจนกระทั่งภายในห้องเหลือกันเพียงแค่สองคน เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงได้หันหน้าไปทางตี้อู่เฮ่ออี

 

 

“ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ บุญคุณนี้ ข้าจะตอบแทนท่านในภายหน้า!”

 

 

“แล้วเจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร”

 

 

เสียงชายหนุ่มนุ่มนวลน่าฟัง ทว่าคำพูดเขาสำหรับเชียนเยี่ยเสวี่ยแล้วราวกับกำลังค่อนแคะแดกดันนางอย่างไรอย่างนั้น

 

 

นั่นสินะ!

 

 

นางในตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าตนเองเป็นอะไรกันแน่!

 

 

คนตาบอดคนหนึ่ง จะตอบแทนบุญคุณอีกฝ่ายที่ช่วยชีวิตได้อย่างไรกัน!

 

 

แต่ทว่า เชียนเยี่ยเสวี่ยมิใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ เสียด้วย

 

 

ในมือนางไร้ซึ่งอาวุธ จึงทำได้เพียงแค่กัดแขนตนเพื่อให้เลือดสดๆ สาดกระเซ็นออกมา

 

 

“ข้าเชียนเยี่ยเสวี่ยขอสาบาน ตราบที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ จะต้องใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตของผู้มีพระคุณที่อยู่เบื้องหน้าข้าให้จงได้! หากผิดคำสาบาน ขอให้ตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกเลย!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีคิดไม่ถึงว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยจะมีนิสัยที่องอาจแข็งกร้าวถึงเพียงนี้

 

 

มองดูเลือดสดที่ไหลรดแขนและข้อมือนางเป็นทาง เขาก็ทอดถอนใจออกมา เขาเพียงแต่ต้องการทดสอบนางเท่านั้น

 

 

แค่หญิงสาวคนหนึ่ง ต้องแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ไปทำไมกัน!

 

 

“เยี่ยนอ๋อง ข้ามิได้บังคับท่านเสียหน่อย”

 

 

เยี่ยนอ๋อง!

 

 

ได้ยินเพียงเท่านั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ ‘จ้องมอง’ ไปที่ตี้อู่เฮ่ออีด้วยความหวาดระแวงทันที

 

 

“ท่านเป็นใคร ช่วยชีวิตข้ามีจุดประสงค์อะไร”

 

 

“เหอะ…”

 

 

มองดูท่าทีที่ตระหนกตกใจของเชียนเยี่ยเสวี่ยถึงขนาดนั้น ตี้อู่เฮ่ออีก็ยิ้มออกมา เขาคว้าแขนนางแล้วจัดการทำแผลให้

 

 

“ข้าจะทำอะไรเจ้าได้ ข้าเป็นเพียงหมอคนหนึ่งเท่านั้น!”

 

 

นิ้วมือตี้อู่เฮ่ออีเย็นเยียบ กลิ่นจอมจางๆ จากสมุนไพรลอยออกมาจากตัวเขา

 

 

คงเพราะเชียนเยี่ยเสวี่ยไม่รู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรจากเขา นางจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง

 

 

“ในเมื่อท่านคาดเดาฐานะข้าได้ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่า ด้านนอกสถานการณ์เป็นอย่างไร เสด็จแม่ข้าเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวเช่นนี้ เท่ากับเป็นการยอมรับฐานะตนเอง

 

 

ก่อนหน้านี้ ตี้อู่เฮ่ออีเพียงแค่คาดเดาในใจ

 

 

นับตั้งแต่ที่เขาช่วยเชียนเยี่ยเสวี่ยมา ทั่วทั้งเมืองหลวงก็เริ่มตรวจค้นเข้มงวด หลังเรื่องที่เยี่ยนอ๋องปองร้ายฮ่องเต้แพร่งพรายออกไป เขาถึงได้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน เชียนเยี่ยเสวี่ยก็คือเยี่ยนอ๋อง

 

 

คิดไม่ถึงว่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง!

 

 

เป็นอ๋อง ทว่ากลับเป็นหญิงที่แต่งตัวเป็นชาย ที่แท้แล้วนางเป็นสตรี เหลือเชื่อจริงๆ …

 

 

ในเวลานี้ คนที่เชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นห่วงมากที่สุดนั่นก็คือฉู่ฮองเฮา

 

 

หลังได้ยินข่าวที่ว่าฉู่ฮองเฮาใช้คุณไสยสาปแช่งเชียนลั่วเฉิง จึงถูกฮ่องเต้จับขังไว้ที่ตำหนักเย็น เชียนเยี่ยเสวี่ยเกิดโมโหขึ้นมาถึงได้ปะทะกับเชียนลั่วเฉิงเข้า

 

 

นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ ก็มีคนชื่อหงเยี่ยเข้ามาทำร้ายนางจนบาดเจ็บสาหัส

 

 

หากมิใช่นางมีกล่องยาที่อวี้เฟยเยียนให้ไว้ช่วยชีวิต ทำให้นางอดทนจนไปถึงที่แม่น้ำชางหลวนแล้วกระโดดลงไปได้ เกรงว่าคงจะตายอยู่ในวังหลวงแน่แล้ว

 

 

นางประมาท…ประมาทเกินไปจริงๆ!

 

 

“เจ้าต้องการฟังความจริงหรือคำลวง”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีถอยไปด้านข้าง มองดูเชียนเยี่ยเสวี่ย

 

 

เมื่อปราศจากชุดอ๋องหรูหราแล้ว ยามนี้เชียนเยี่ยเสวี่ยปล่อยผมยาวสยายทั่วแผ่นหลัง สวมใส่ชุดสีขาว

 

 

ใบหน้าสะอาดใสปราศจากการแต่งเติมขาวซีดจากอาการบาดเจ็บ แต่ก็มิอาจบดบังเครื่องหน้างดงามและท่วงท่าที่สง่างามของนางได้เลย

 

 

“ความจริง!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น

 

 

“ขอให้ท่านกรุณาบอกความจริงแก่ข้า อย่าปิดบังข้า!”

 

 

“ดี!”

 

 

หลังจากนั้นตี้อู่เฮ่ออีจึงเล่าเรื่องข่าวที่ว่าฉู่ฮองเฮาล้มป่วยจนสิ้นพระชนม์ให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยได้ฟัง

 

 

“เป็นไปไม่ได้! เสด็จแม่สุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ดีมาโดยตลอด จะล้มป่วยจนสิ้นพระชนม์ได้อย่างไรกัน!”

 

 

“ต้องเป็นเขาที่บีบบังคับเสด็จแม่ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่!”

 

 

“เชียนลั่วเฉิง คนสารเลว!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยรีบร้อนจะลงจากเตียง นางจะต้องเข้าวังไปหาเชียนลั่วเฉิง ถามให้กระจ่าง เหตุใดเขาต้องบีบบังคับเสด็จแม่จนตาย เสด็จแม่รักเขาถึงเพียงนั้น เหตุใดเขาถึงไม่ยอมไว้ชีวิต!

 

 

ทว่า ความเจ็บปวดแล่นตรงมาจากบาดแผลที่หน้าอก ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดอ่อนยวบลงบนพื้น

 

 

ก่อนที่นางจะล้มลงบนพื้น มือคู่หนึ่งก็รับนางเอาไว้ได้ทันท่วงที

 

 

“ตัวเองยังเอาไม่รอด จะแก้แค้นได้อย่างไร!”

 

 

สิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออีทนไม่ได้ที่สุดนั่นก็คือคนป่วยที่ไม่รักตัวเอง

 

 

เขาประคองเชียนเยี่ยเสวี่ยไปที่เตียง ปลดเสื้อนางออก แล้วก็จริงดดั่งที่เขาคาดเอาไว้ ผ้าที่พันบาดแผลของนางเอาไว้ชุ่มด้วยเลือด ทำเอาเขาโกรธเคืองจนน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขึ้นมาทันที

 

 

“เชียนเยี่ยเสวี่ย เจ้าฟังข้าให้ดี! ข้ามิใช่เทพเจ้าแห่งต้าหลัว!”

 

 

“เจ้าไม่รักตัวเองเช่นนี้ ต่อให้ตายไปก็ไม่มีใครเห็นใจ อีกทั้งเจ้าจะไม่มีโอกาสแก้แค้นให้กับเสด็จแม่ของเจ้ารวมทั้งล้างมลทินให้กับตระกูลฉู่ด้วย!”

 

 

ได้ยินดังนั้นเชียนเยี่ยเสวี่ยก็ได้สติกลับคืนมาทันที

 

 

จริงสิ!

 

 

นางไม่ควรผลีผลาม ไม่ควร!

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยจับมือตี้อู่เฮ่ออีเอาไว้มั่น

 

 

“ข้าเชื่อคำท่าน ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ข้าจะต้องแก้แค้น ขอท่านโปรดช่วยข้าด้วย!”

 

 

นางจะหุนหันพลันแล่นไม่ได้ นางต้องอดทนเอาไว้!

 

 

มีเพียงแต่รักษาร่างกายให้กลับไปแข็งแรงดังเดิม นางจึงจะไปแก้แค้นเชียนลั่วเฉิงและหลิวกุ้ยเฟยได้ มิฉะนั้นก็เท่ากับว่านางไปตาย!

 

 

เห็นเชียนเยี่ยเสวี่ยมีจิตใจที่มุ่งมั่นเช่นนี้ ตี้อู่เฮ่ออีถึงได้วางใจ

 

 

หมอช่วยชีวิตคน ที่กลัวที่สุดก็คือคนผู้นั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าความยากลำบากของหมอนั้นสูญเปล่า

 

 

หลังจากทำแผลให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยใหม่อีกครั้ง ตี้อู่เฮ่ออี้ก็เห็นว่าสีหน้านางดีขึ้น จึงได้กล่าวแผนต่อไปของตนเองออกมา

 

 

“หงเยี่ย”

 

 

“ใช่! หากว่าเจ้าต้องการตอบแทนบุณคุณข้าละก็ ข้ามีข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียว นั่นคือช่วยข้าจับตาดูหงเยี่ย ขอเพียงแต่นางยังอยู่ในฉินจื้อ ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของนางข้าจะต้องรู้ อย่างไรเจ้าก็เป็นชาวฉินจื้อ หน้าที่นี้คงไม่ยากสำหรับเจ้า!”

 

 

“ท่านมีความแค้นกับหงเยี่ย”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่ชอบขี้หน้าปรมาจารย์ที่จู่ๆ ก็โผล่มาคนนี้เป็นทุนอยู่แล้ว

 

 

สำหรับนาง หงเยี่ย เชียนลั่วเฉิงและหลิวกุ้ยเฟยเป็นพวกเดียวกัน ไม่ใช่คนดีสักคน!

 

 

หากมิใช่หญิงสมควรตายผู้นี้ลงมือฉับพลันละก็ นางจะบาดเจ็บถึงเพียงนี้หรือ นางคงมิต้องกลายเป็นคนตาบอด ไม่อาจได้เห็นหน้าเสด็จแม่เป็นครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ!

 

 

ตอนนี้ตี้อู่เฮ่ออีพุ่งเป้าไปที่เยี่ยหง แน่นอนว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยสนับสนุนเกินร้อย!

 

 

“อืม ความแค้นตระกูล”

 

 

เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างชนเผ่าตานฝ่ายซ้ายและเผ่าตานฝ่ายขวา ตี้อู่เฮ่ออีไม่ได้บอกอวี้เชียนเสวี่ย

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีได้กลิ่น ‘ผงหอมหมื่นลี้’ มาจากร่างของหนานกงจื่อหลิง เขาจึงติดตามนางมาตลอดทางจนได้พบกับตี้อู่หงเยี่ย

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยเป็นชาวเผ่าตานฝ่ายขวา สะกดรอยตามนาง ไม่แน่นะว่าอาจจะสามารถตามหารังพวกคนทรยศของชนเผ่าขวาได้!

 

 

ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร!

 

 

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ตี้อู่เฮ่ออียื่นมือเข้าช่วยเหลือหนานกงจื่อหลิงนั่นเอง!

 

 

“ขอเพียงเจ้าทำเรื่องนี้ได้ เท่ากับเจ้าได้ทำตามคำสาบานของเจ้าแล้ว…”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวออกมาในขณะที่สายตาเขาก็จ้องมองไปที่บาดแผลที่ข้อมือเชียนเยี่ยเสวี่ย

 

 

จริงๆ แล้ว ไม่ว่านางทำตามข้อเรียกร้องของเขาหรือไม่ เขาก็ช่วยนางอยู่ดี

 

 

นี่เป็นหน้าที่ของแพทย์ที่พึงกระทำ!

 

 

“ตกลงตามนี้!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยตอบรับข้อเสนอนั้นอย่างรวดเร็ว

 

 

ตอนนี้นางต้องการความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ หากช่าช่าอยู่ก็คงดี!

 

 

ด้วยวิชาแพทย์ของช่าช่า ไม่แน่ว่าอาจจะรักษาดวงตานางได้!