เชียนเยี่ยเสวี่ยพักผ่อนตลอดบ่าย หลังจากนั้นก็ถูกความหอมกรุ่นที่ลอยเข้ามาแตะจมูกจนพยาธิในท้องทำให้ตื่นในที่สุด
“พี่สาว ท่านตื่นแล้ว!”
หนานกงจื่อหลิงตั้งหมอนหนุนหลังให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยแล้วประคองนางขึ้นเอนนั่ง
“ท่านจะต้องหิวมากแน่ๆ! พี่เฮ่ออีบอกว่ากระเพาะลำไส้ท่านยังอ่อนแออยู่มาก ข้าให้คนต้มโจ๊กมา พี่สาวลองชิมดูสิ!”
ถึงแม้ว่านางจะบอกไม่เห็นรูปร่างหน้าตาหนานกงจื่อหลิง แต่ฟังจากเสียงแล้ว เชียนเยี่ยเสวี่ยก็คาดเดาได้เลยว่า หนานกงจื่อหลิงจะต้องเป็นเด็กหญิงที่งดงามอ่อนหวานเรียบร้อยเป็นแน่!
“ขอบคุณ!”
“พี่สาว ท่านเกรงใจไปทำไมกัน ท่านเรียกข้าว่าหลิงเอ๋อก็พอ ข้าเป็นคนดี พี่เฮ่ออีก็เป็นคนดีเช่นกัน พี่สาวไม่ต้องกังวล พวกเราจะปกป้องท่านเอง!”
หนานกงจื่อหลิงใช้ความรู้สึกแรกในการตัดสินเมื่อจะคบหาใครเป็นเพื่อน
เมื่อตี้อู่เฮ่ออีเตือนเรื่องที่ว่าบนตัวนางมีผงหอมหมื่นลี้ของท่านป้าตี้อู่หงเยี่ยอยู่ หนานกงจื่อหลิงก็โกรธเคืองเป็นอย่างมาก
นึกไม่ถึงว่าตี้อู่หงเยี่ยจะต่ำช้าเช่นนี้ คิดจะตามหาพี่ใหญ่โดยใช้นางเป็นเครื่องมือ!
คนที่จ้องจะเล่นงานพี่ใหญ่ ล้วนแต่เป็นคนชั่วทั้งสิ้น!
หนานกงจื่อหลิงได้รับความช่วยเหลือจากตี้อู่เฮ่ออี จึงรอดพ้นจากการควบคุมของตี้อู่หงเยี่ยมาได้ ดังนั้นนางจึงคิดว่าตี้อู่เฮ่ออีเป็นคนดี
มาตอนนี้ หนานกงจื่อหลิงรู้เรื่องเรื่องที่เชียนเยี่ยเสวี่ยประสบมาจากตี้อู่เฮ่ออี ดังนั้นจึงรู้สึกเห็นอกเห็นใจเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นอย่างมาก
ถูกพ่อบังเกิดเกล้าของตนบีบบังคับถึงเพียงนี้ น่าสงสารยิ่งนัก!
ด้วยเหตุนี้ หนานกงจื่อหลิงจึงได้คิดถึงพี่ใหญ่ของนางขึ้นมา เพราะนางรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองช่างเหมือนกันเสียเหลือเกิน
เสด็จแม่ใจไม้ไส้ระกำกับพี่ใหญ่ มาตอนนี้ยังควักหัวใจพี่ใหญ่ไปให้พี่รองเหยียบย่ำ เช่นนี้แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเสด็จพ่อของเชียนเยี่ยเสวี่ยเลย!
ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ที่ใด!
หวังว่าพี่ใหญ่จะไม่อยู่ในฉินจื้อ…
พี่ใหญ่ ท่านอย่ามาที่ฉินจื้อนี่เด็ดขาด ห้ามมาโดยเด็ดขาดนะ!
แต่ทว่า ซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่ที่แคว้นต้าโจวที่แสนไกลมิอาจได้ยินคำภาวนาของหนานกงจื่อหลิง
อวี้เฟยเยียนรับคำท้าประลองวิชาแพทย์กับเยี่ยหงเป็นที่เรียบร้อย ซย่าโหวจวินอวี่ได้ยินข่าวนี้เข้าก็วิตกกังวลใจเป็นอย่างมาก ถึงกับไปหาอวี้เฟยเยียนด้วยตัวเอง จวบจนได้ฟังนางกล่าวว่านางมีความมั่นใจที่จะชนะ ซย่าโหวจวินอวี่ถึงได้วางพระทัย
“เฟยเยียนลูก บางครั้งศักดิ์ศรีก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด! เรายังมีชีวิตอยู่ต่างหากจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด! ขอเพียงเรายังมีลมหายใจ ย่อมมีโอกาสแว้งกัดอีกฝ่ายให้ถึงตายได้ ผิดพลาดครั้งหนึ่งไม่ได้หมายความว่าจะล้มเหลวทั้งชีวิต ชีวิตคนเกิดมาครั้งหนึ่ง ยาวนานนักนะ!”
ในฐานะเป็นผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน ฝ่าบาทจึงได้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้อวี้เฟยเยียนอย่างตั้งใจ
เขาเพียงแต่เกรงว่าคนหนุ่มสาวมุทะลุ ชอบการแข่งขันต่อสู้ รักษาหน้าตา แม้แต่กระทั่งชีวิตก็ถูกนำไปเดิมพันไปด้วย
จะเพื่อตนเองหรือเพื่อส่วนรวม ซย่าโหวจวินอวี่ได้แต่หวังว่าอวี้เฟยเยียนเดินทางไปฉินจื้อคราวนี้ จะปลอดภัยกลับมา
รู้ดีว่าฝ่าบาททรงหวังดีกับตน อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
คำพูดซย่าโหวจวินอวี่ พูดได้ซาบซึ้งกินใจมันแสดงถึงความรักและเมตตา สิ่งที่พูดก็คือประสบการณ์ชีวิตของเขาเอง พูดด้วยความเป็นห่วงอวี้เฟยเยียนจากใจจริง
“ฝ่าบาท ขอทรงวางพระทัย หม่อมฉันจะไม่ทำศึกที่ไม่มั่นใจ หากว่าเกิดสู้ไม่ได้ขึ้นมา จะใช้วิธีรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง เผ่นไว้ก่อนแน่นอน อย่างไรเสียข้าก็เป็นสาวน้อย ถึงแพ้ก็ไม่เสียหน้าอยู่แล้ว!”
“อีกอย่าง ตอนหนุ่มสาวใครไม่เคยทำเรื่องน่าอับอายบ้าง!”
ประโยคสุดท้ายของอวี้เฟยเยียนทำให้ซย่าโหวจวินอวี่ถึงกับหัวเราะออกมา
นางสามารถคิดได้อย่างเปิดกว้างเช่นนี้ ซย่าโหวจวินอวี่คิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ
นางปรับตัวให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ เยี่ยมจริงๆ!
อย่างไรก็แล้วแต่ เขายังรอคอยหลานชายจากอวี้เฟยเยียนอยู่นะ!
จะมาล้มเหลวเพราะฉินจื้อไม่ได้!
“ฉิงเทียน เจ้าไปเป็นเพื่อนเฟยเยียนนะ!”
สุดท้าย ซย่าโหวจวินอวี่สั่งการซย่าโหวฉิงเทียน
ถึงแม้ว่าเขาจะรักลูกชายคนนี้มาก แต่เยี่ยหงเป็นถึงปรมาจารย์ ทั้งเป็นราชันจักรพรรดิโอสถอีก ฐานะเช่นนี้มิควรไปหาเรื่อง ซย่าโหวจวินอวี่เกรงว่าซย่าโหวฉิงเทียนเดินทางไปที่นั่นแล้วจะหาเรื่อง จนต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นในที่สุด
แต่ว่า เหมือนเช่นที่ซย่าโหวจวินอวี่เอ่ยก่อนหน้านี้
ลูกบุรุษมิอาจยอมให้สตรีของตนต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเพียงลำพัง เขาจะต้องยืนอยู่เบื้องหน้านาง กำบังแดดฝนให้กับนาง!
ในอดีตซย่าโหวจวิอวี่ไม่สามารถปกป้องคุ้มครองมู่หรงเยียนได้ นับแต่นั้นเขาก็รู้สึกผิดในใจมาโดยตลอด
มาวันนี้เขาจะไม่ยอมให้ซย่าโหวฉิงเทียนเดินตามรอยเขาเป็นแน่
“วางใจเถอะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนหรี่ตาลง ตาเขาฉาบไว้ด้วยไอสังหาร
เป็นแค่ปรมาจารย์เล็กๆ ยังกล้ากำเริบเสิบสาน!
มาเหยียบถึงใต้จมูกเขา!
ในเมื่อเยี่ยหงมีตาแต่ไร้แวว มาหาเรื่องแมวน้อย เช่นนั้นก็ขยี้ให้ตายคามือไปเลยแล้วกัน!
“ข้าจะรอพวกเจ้า!”
หลังจากส่งซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนแล้ว สีหน้าซย่าโหวจวินอวี่ก็เข้มขึ้นอย่างหนักใจ เขาตวัดมือหนึ่งครั้งเป็นเชิงสั่ง ส่งทหารชายแดนกว่าสามแสนคนให้ไปรักษาการณ์ที่เขตแดนของต้าโจวและฉินจื้ออย่างเข้มงวดทันที
“เชียนลั่วเฉิง หากเจ้ากล้าทำร้ายลูกชายลูกสะใภ้ของข้าละก็ ข้าจะทำให้บ้านเมืองเจ้าพังพินาศย่อยยับ ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!”
แคว้นฉินจื้อ
เมื่อเชียนลั่วเฉิงได้ฟังรายงานเกี่ยวกับการเคลื่อนทัพของซย่าโหวจวินอวี่ ก็โมโหโกรธาด่ากราด
“ซย่าโหวจวินอวี่ เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไรกัน บัดซบ การประลองระหว่างเยี่ยหงและอวี้หลัวช่า เจ้าแส่อะไรด้วยเล่า เจ้าจะงัดข้อกับข้าใช่หรือไม่!”
คนอื่นอาจไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เชียนลั่วเฉิงรู้ดีว่า ระหว่างเขากับเยี่ยหงเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนเท่านั้น
เขาช่วยเยี่ยหงตามหาหนานกงจื่อหลิง เยี่ยหงช่วยเหลือฉินจื้อให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายนี้
ก่อนหน้านี้ที่เชียนลั่วเฉิงคุยโวโอ้อวด ก็เพื่อข่มขู่ต้าโจว
ใครจะรู้ว่าซย่าโหวจวินอวี่เจ้าบ้านี่จะร่วมวงเข้ามาแส่ แล้วทำเรื่องบ้าคลั่งเช่นนี้!
“รบก็รบสิ คิดว่าข้ากลัวเจ้าหรืออย่างไร!”
เชียนลั่วเฉิงคิดจะฮึดขึ้นสู้สักครั้ง ทว่ากลับถูกเสนาบดีหวังห้ามปรามเอาไว้
“ฝ่าบาท ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์อย่าได้ทรงหุนหันพลันแล่น!”
“ต้าโจวเคลื่อนไหวรุนแรงเช่นนี้ แค่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับอวี้หลัวช่าเท่านั้น เพื่อโน้มน้าวอวี้หลัวช่าให้ไปเป็นพวก แท้ที่จริงแล้วอาจจะไม่ได้เจตนาทำศึกแต่อย่างใด หากพระองค์เดินทัพ เรื่องนี้จะยิ่งยุ่งวุ่นวายไปกันใหญ่นะพ่ะย่ะค่ะ!”
“เสนาบดีหวัง ความหมายของท่านคือ จะให้ข้าทนหรือ ให้ข้าเป็นเต่าหดหัว ยอมแพ้ต่อหน้าไอ้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์งั้นหรือ”
ไม่ว่าอย่างไรเชียนลั่วเฉิงก็มิอาจกล้ำกลืนความอัปยศนี้ลงไปได้จริงๆ
“ฝ่าบาท ใต้เท้าเยี่ยพำนักอยู่ที่นี่เพียงชั่วคราว ช่วยอะไรเราไม่ได้มาก พระองค์อย่าได้ทรงลืมว่าต้าโจวยังมีจอมเทวาอีกคนหนึ่ง มีอวี้เฟยเยียนอีกนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ในฐานะหนึ่งในผู้ที่รู้เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างดี เสนาหวังจึงต้องเตือนสติเชียนลั่วเฉิงอย่างไม่ลดละ
คราวนี้ ทำให้เชียนลั่วเฉิงมีสติกลับคืนครบสมบูรณ์
ต่อให้เยี่ยหงสังหารอวี้หลัวช่า ในตอนท้ายนางก็คงทำท่าทีประจบประแจงแล้วจากไป ตัวเขาต่างหากที่ต้องรับกรรมมาต่อสู้ห้ำหั่นกับซย่าโหวจวินอวี่ อีกทั้งฝ่ายนั้นยังมีจอมเทวาอีกด้วย!
ผู้มีพลังยุทธ์ชาวฉินจื้อที่ลำดับขั้นสูงที่สุดแค่ขั้นราชันเท่านั้น
ขั้นจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียวก็คือลูกชายเขาเชียนเยี่ยเสวี่ย ซึ่งถูกเขาเล่นงานจนตายแล้ว
แคว้นฉินจื้อ ไร้ผู้สืบทอดเสียแล้ว!
ถึงแม้ว่าในใจจะคั่งแค้นโกรธเคืองเพียงใด เชียนลั่วเฉิงก็ได้แต่อดทนอดกลั้นเอาไว้ ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผู้คนยากจะคาดเดาได้นั่นก็คือ อวี้เฟยเยียนและอวี้หลัวช่าคือคนคนเดียวกัน
หากอวี้เฟยเยียนรู้ว่า ฐานะทั้งสองที่นางสวมเอาไว้เล่นๆ นี้ กลับทำให้ทหารฉินจื้อหวาดกลัวจนต้องถอยร่นละก็ นางจะต้องมีความสุขมากเป็นแน่!
หลังจากที่เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้เรื่องที่ฉู่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว ในคืนนั้นนางก็ไข้ขึ้น สลบไปสามวันสามคืน จนเช้าตรู่วันที่สี่ถึงได้ฟื้นขึ้นมา
หลังจากฟื้นขึ้นมาสิ่งแรกที่นางทำก็คือ ซักถามตี้อู่เฮ่ออีว่าตระกูลฉู่เป็นอย่างไรแล้วบ้างในตอนนี้
ก่อนหน้านี้นางมุ่งความสนใจไปที่เสด็จแม่ จนลืมไต่ถามเรื่องของท่านตาไป ในตอนนี้เพิ่งคิดขึ้นมาได้
มองดูเชียนเยี่ยเสวี่ยที่หน้าตาซูบซีดผ่ายผอมลงไปมาก ตี้อู่เฮ่ออีก็ได้แต่ทอดถอนใจออกมา
“ตระกูลฉู่ถูกเนรเทศไปอยู่ที่ชายแดน ระหว่างทางถูกคนปองร้าย…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เชียนเยี่ยเสวี่ยก็หน้าถอดสี จริงดังที่นางคาดไว้ เสด็จพ่อไม่ยอมปล่อยท่านตาอีกหรือ จะต้องฆ่าแกงกันให้สิ้นเลยหรืออย่างไร
เห็นเชียนเยี่ยเสวี่ยมีท่าทีเข้าใจผิด ตี้อู่เฮ่ออีก็รีบอธิบายทันที
“แต่ พวกเขาถูกคนช่วยไว้ได้ ตอนนี้ไม่ชัดเจนว่าอยู่ที่ไหน”
ถูกคนช่วยไปได้!
ก่อนหน้านี้เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ทว่าในตอนนี้กลับมีเรื่องน่ายินดีอยู่บ้าง ทำเอาเชียนเยี่ยเสวี่ยไม่รู้ว่าจะพูดอันใดดี
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เชียนเยี่ยเสวี่ยจึงได้ถามต่อ
“คนที่ช่วยพวกเขาเป็นใครกัน”
“ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ลึกลับยิ่งนัก พวกเขาสังหารโจรเหล่านั้น ทั้งยังตัดใบหู จมูกและนิ้วมือโยนทิ้งในตำหนักหลิวกุ้ยเฟย ทำเอาหลิวกุ้ยเฟยตกใจจนแทบล้มป่วยเลยทีเดียว”
กล่าวถึงตรงนี้ ตี้อู่เฮ่ออีอดหัวเราะออกมาไม่ได้
คนสองคนนี้ เป็นใครมาจากไหนกันนะ ถึงได้ยโสโอหังถึงเพียงนี้!
กลางวันแสกๆ กล้าบุกเข้าไปในวังหลวงฉินจื้อก็ว่าเก่งกาจแล้ว แล้วกระทำเรื่อง โหดร้าย เชนนี้อีกด้วย
“จากข่าวที่ได้รับมา ในตอนนั้นหลิวกุ้ยเฟยกำลังเรียกเหล่าฮูหยินขุนนางคนสำคัญในราชสำนักเข้าเฝ้าเพื่อให้ช่วยสนับสนุนตนขึ้นเป็นฮองเฮา ทว่ากลับถูกข่มขวัญเสียจนอุจจาระปัสสาวะเรี่ยราดต่อหน้าธารกำนัล กลายเป็นเรื่องตลกขบขันใหญ่เลยทีเดียว”
“ช่าช่า จะต้องเป็นช่าช่าแน่!”
เมื่อกล่าวถึงอวี้หลัวช่า สีหน้าเชียนเยี่ยเสวี่ยก็เปี่ยมไปด้วยพลัง
ช่าช่า ตอนข้ากำลังตกอยู่ในอันตราย เจ้าก็รีบเดินทางไกลนับพันลี้มาช่วยพวกท่านตาเอาไว้ สมแล้วที่เป็นพี่น้องเพื่อนตายของข้า!
“ช่าช่า เจ้าหมายถึงอวี้หลัวช่าใช่หรือไม่”
สองสามวันมานี้ ข่าวที่ตี้อู่เฮ่ออีสืบมาได้มากที่สุดก็คือข่าวอวี้หลัวช่าและเยี่ยหงนัดประลองกันนั่นเอง
นึกไม่ถึงเลยว่า บนแผ่นดินใหญ่นี้จะปรากฏจักรพรรดิโอสถขึ้นมาได้ ช่างเหลือเชื่อจริงๆ เลย!
“ใช่! นางเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า ข้าสามารถเชื่อนางโดยสนิทใจ ทั้งยังเป็นคนที่ข้าสามารถฝากชีวิตไว้ได้อีกด้วย!”
นิสัยเชียนเยี่ยเสวี่ย ตี้อู่เฮ่ออีพอจะรู้ เย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีตน ดื้อดึง ทั้งยังมีน้ำใจ
หากได้รับการยอมรับจากนาง อวี้หลัวช่าจะต้องจัดว่าเป็นคนดีไม่น้อย!
เห็นทีการมาเหยียบแผ่นดินหลัวอวี่ในครั้งนี้ จะเป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวเลยทีเดียว!
เขาอยากจะเห็นสักครั้งว่าอวี้หลัวช่าจะประลองวิชาแพทย์กับเยี่ยหงอย่างไรกัน!
ถึงแม้ว่าลำดับขั้นของราชันจักรพรรดิโอสถจะสูงกว่าจักรพรรดิโอสถเพียงหนึ่งขั้นก็ตาม แต่ความรู้ที่ร่ำเรียนมันนั้นแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย
ตี้อู่หงเยี่ยคือชนเผ่าตาน ได้กินยาวิเศษตั้งแต่เล็กๆ เมื่อนางเริ่มกินข้าวได้ก็เริ่มร่ำเรียนเรื่องยา ได้รับการศึกษาจากหมอยาที่เก่งกาจที่สุดที่ดีที่สุดมา ดังนั้นความสามารถนางจึงมิอาจมองข้าม
ตอนนี้ หมอจากนอกชนเผ่า มาท้าทายหมอแห่งชนเผ่าตาน ถือเป็นเรื่องที่ควรค่าต่อการรอคอยมิใช่หรือ
ในตอนนั้นเอง ทั่วทั้งเมืองหลวงก็มีเสียงเพลงที่แสนรื่นหูก็ลอยมาขับกล่อม
ที่เรือนด้านนอก ถนนเก่าแก่ ใบหญ้าปลิวไสวเป็นผืนเดียวกับท้องฟ้า ลมโชยมายามค่ำคืน เสียงขลุ่ยที่แสนรันทด ดวงอาทิตย์ที่ด้านนอกขุนเขา…
“ช่าช่า!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยลุกขึ้นนั่งด้วยอาการตื่นเต้น
เมื่อครั้วที่อวี้หลัวช่าไปจากแคว้นฉินจื้อนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยส่งนางที่เรือนกล้วยไม้ที่นอกเมือง ในตอนนั้นอวี้หลัวช่าก็ร้องเพลง ‘อำลา’ นี้ให้กับนาง
“ช่าช่าต้องการพบข้า นางกำลังรอข้าอยู่ เฮ่ออี ข้าจะออกไปนอกเมือง!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยรุ้ดีว่า อวี้หลัวช่ากำลังส่งรหัสลับให้กับนาง
เชียนเยี่ยเสวี่ย ข้ารอเจ้าอยู่ที่เรือนกล้วยไม้
“ไม่ได้!”
มองดูใบหน้าที่ซีดขาวของเชียนเยี่ยเสวี่ย แล้วตี้อู่เฮ่ออีจะให้นางออกไปในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เชียนลั่วเฉิงตามหาเชียนเยี่ยเสวี่ยไม่เจอ จึงเพิ่มกำลังค้นหาให้ถ้วนทั่ว ในตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงเดินห้าก้าวก็เจอด่าน เดินอีกสิบก้าวก็เจอเรียกตรวจ
ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เมืองหลวงทั้งเมืองถูกแบ่งเป็นเขตๆ แล้วเริ่มลงมือตรวจค้นเพื่อควานหาเยี่ยนอ๋องทีละบ้านแล้วด้วยซ้ำ หากเชียนเยี่ยเสวี่ยออกไปข้างนอกตอนนี้แล้วถูกทหารพบเข้า ก็เท่ากับว่าไปตายชัดๆ!
“ท่านไม่เข้าใจ หากข้าไม่ออกไป ช่าช่าก็จะไม่สบายใจ!”
“นางได้แสดงพลังจอมเทวาของนางแล้ว เท่ากับเป็นการล่อเยี่ยหงให้ออกมา อีกไม่นาน เยี่ยหงก็จะมา เมื่อนั้นช่าช่าก็จะมีอันตราย!”
ถึงแม้ว่าดวงตาเชียนเยี่ยเสวี่ยยามนี้จะมืดบอดขุ่นมัว แต่ตี้อู่เฮ่ออีก็นึกภาพออก ว่าในขณะที่ดวงตาคู่งามของนางฉายแสงนั้น มันจะเปล่งประกายสุกใสเพียงใด
“ข้าไม่อาจให้เพื่อนรักของข้า ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อได้!”