เชียนเยี่ยเสวี่ยดึงดันที่จะออกไปพบอวี้หลัวช่าให้ได้ สุดท้ายตี้อู่เฮ่ออีต้องจำนนต่อความดื้อรั้นของนาง
“เจ้าจะออกไปก็ได้ แต่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า!”
นี่เป็นเงื่อนไขเดียวที่ตี้อู่เฮ่ออีกำหนด
“ได้!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยรู้ดีว่าหากจะออกจากเมืองอย่างราบรื่น ต้องมีตี้อู่เฮ่ออีคอยช่วย นางคนเดียวมิสามารถออกไปได้
ตี้อู่เฮ่ออีหาชุดหญิงชาวบ้านมาได้ชุดหนึ่ง แล้วให้หนานกงจื่อหลิงช่วยเปลี่ยนให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย
ในเมื่อทั่วทั้งเมืองหลวงเที่ยวควานหาเยี่ยนอ๋องที่เป็นบุรุษ ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่เชียนเยี่ยเสวี่ยต้องกลับคืนเป็นหญิงดังเดิมแล้ว นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะลักลอบออกจากเมือง
เพราะอย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้ว่าเยี่ยนอ๋องที่แท้แล้วเป็นหญิง!
หลังจากนั้น หนานกงจื่อหลิงก็ช่วยเกล้าผมแบบฮูหยินให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยตามคำสั่งตี้อู่เฮ่ออี
เชียนเยี่ยเสวี่ยแม้ดวงตาจะมองไม่เห็น แต่หูนางก็ได้ยินเสียงกำชับของตี้อู่เฮ่ออี จึงได้รู้ว่าในตอนนี้ตนเองสวมใส่ชุดสตรี ทั้งยังแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นสตรีอีกด้วย
“เจ้าและข้าปลอมตัวเป็นสามีภรรยากัน!”
ได้ยินดังนั้นเชียนเยี่ยเสวี่ยก็รู้สึกขัดๆ ขึ้นมา
หลายปีที่ผ่านมานางใช้สถานะที่เป็นชายออกไปพบผู้คนเรื่อยมา จู่ๆ ให้กลายเป็นสตรีทั้งยังมีสามีเพิ่มมาอีก นางไม่คุ้นชินเลยจริงๆ
“พี่เฮ่ออี ท่านว่าแบบนี้เป็นอย่างไร”
ด้วยฝีมือหนานกงจื่อหลิง เชียนเยี่ยเสวี่ยกลายเป็นหญิงสาวที่งดงามหยดย้อย
แต่ ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่ตี้อู่เฮ่ออีต้องการสักเท่าไหร่
งดงามเกินไป จะเป็นที่สนใจ!
แม้ว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยจะสวมใส่ชุดหญิงชาวบ้านธรรมดา แต่รูปโฉมที่งดงาม ความสง่างามของนางกลับมิสอดคล้องกับชุดที่แสนจะธรรมดาเลยสักนิด แบบนี้ไม่ได้การ!
ตี้อู่เฮ่ออีหาอะไรบางอย่างมาถูที่ใบหน้า มือ และใบหูเชียนเยี่ยเสวี่ยเพื่ออำพรางผิวนวลเนียนใสกระจ่างและดวงตาแสนสวยของนางเอาไว้
หลังจากที่พยายามอยู่นาน ในที่สุดเชียนเยี่ยเสวี่ยก็กลายเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา
“พี่เฮ่ออี ท่านนี่เยี่ยมไปเลย!”
สาวงามไร้ที่ติ พลันกลายเป็นคนเดินดินธรรมดา วิชาแปลงโฉมนี้ ยอดเยี่ยมจนไม่รู้จะกล่าวอะไรดีแล้ว!
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าอยู่ที่บ้านก็ระมัดระวังด้วย ปิดประตูให้ดีแล้วอย่าออกไปไหนทั้งนั้น ตอนนี้ข้างนอกวุ่นวายยิ่งนัก!”
ก่อนออกไป ตี้อู่เฮ่ออียังกำชับเช่นเดิมอีกสามรอบ
หนานกงจื่อหลิงรู้ดีว่าตี้อู่หงเยี่ยกลายเป็นเยี่ยหงไปแล้ว ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงกำลังควานหาตนเองอยู่ นางจึงระมัดระวังเป็นอย่างมาก
นางจะมิให้แผนการชั่วร้ายของท่านป้ารองสำเร็จ!
“พี่เฮ่ออี พี่เสวี่ย พวกท่านก็ต้องระวังตัวด้วยนะ!”
ตี้อู่เฮ่ออีว่าจ้างรถม้าธรรมดาๆ มาคันหนึ่ง เพื่อจะออกนอกเมือง
เมื่อเดินทางถึงประตูเมือง เป็นดั่งที่คาดไว้ว่ามีทหารเข้ามาขอตรวจสอบทันที
“ใครอยู่บนรถม้า”
ทหารกลุ่มใหญ่เข้ามาเลิกผ้าม่านกั้นรถม้าอย่างมิเกรงใจแม้แต่น้อย
“เรียนท่านทหาร บนรถม้าคือฮูหยินข้าเอง!”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของตี้อู่เฮ่ออีติดจะเย็นชา
ทหารผู้นั้นตรวจตราโดยละเอียด บนรถม้ามีสตรีอยู่เพียงคนเดียวจริง จากนั้นเขาก็ตวัดมือส่งสัญญาณให้ปล่อยพวกเขาไป ทว่ากลับมีเสียงใครผู้หนึ่งดังแว่วมา
“ช้าก่อน!”
หัวหน้าหน่วยคนหนึ่งเดินเข้ามา
เหล่าทหารได้รับคำสั่งให้ตามหาเยี่ยนอ๋อง ขณะเดียวกันหัวหน้าหน่วยแต่ละคนก็ได้รับคำสั่งลับ ให้ตามหาหญิงสาวผู้หนึ่งด้วย
เพียงแค่ได้ยินว่าในรถมีสตรีอยู่ หัวหน้าหน่วยผู้นั้นก็มิยินยอมที่จะปล่อยไปง่ายๆ
ถึงแม้จะไม่รู้สาเหตุว่าเพราะเหตุใดเบื้องบนถึงได้สั่งการลงมาว่าให้ตามหาหญิงสาวตามภาพเหมือนนี้ แต่ในเมื่อมันคือคำสั่ง เขาก็จะต้องปฏิบัติตาม
“พวกเจ้าออกจากเมืองในเวลานี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นมิได้เลอะเลือกเฉกเช่นลูกน้อง เขาเดินเข้ามาเลิกผ้าม่านขึ้น ก็พบหญิงสาวรูปร่างซูบผอมที่นั่งอยู่ด้านใน ทันใดนั้นเขาก็หยิบภาพเหมือนออกมากาง เทียบกับใบหน้าเชียนเยี่ยเสวี่ย
“เรียนใต้เท้า ฮูหยินข้าได้รับจดหมายจากทางบ้าน ว่าท่านแม่ยายล้มป่วยและสิ้นใจไปแล้ว นางจึงเศร้าใจยิ่งนัก”
“ด้วยเหตุนี้ทำให้ฮูหยินข้าทุกข์ทรมานตรอมใจจนมีอาการคัดแน่นหน้าอก ถึงกับแท้งลูกและร้องไห้จนตาบอด นี่ข้ารอให้ร่างกายนางดีขึ้นเสียหน่อย จึงค่อยเดินทางกลับบ้านเกิดไปไหว้ท่านแม่ยายพร้อมกับนาง ที่จะออกจากเมืองวันนี้ก็เพื่อจะหาที่สงบๆ เผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้ท่านแม่ยายสักหน่อยขอรับ”
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นมองภาพเหมือนแล้วเหลือบมองไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ยอีกครั้ง แม่นางบนรถม้านี่หน้าตาไม่เหมือนกับสาวน้อยในภาพสักหน่อย
อีกทั้งแม่นางบนรถใบหน้าซีดขาว ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ราวกับคนที่เพิ่งบาดเจ็บสาหัสมาอย่างไรอย่างนั้น ไม่เหมือนกับแม่นางน้อยที่ร่าเริงสดใสในภาพเลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตี้อู่เฮ่ออีเล่าถึงเรื่องที่แม่ยายเขาล้มป่วยจนสิ้นใจนั้น หยาดน้ำตาเม็ดโตก็ไหลรินจากดวงตาที่ขุ่นมัวของนางไม่ขาดสาย นับเป็นภาพที่น่าสงสารชวนให้อนาถใจยิ่งนัก
หัวหน้าหน่วยผู้นั้นยื่นมือออกไปตรงหน้าเชียนเยี่ยเสวี่ยและพัดโบกไปมา ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
เห็นทีที่เจ้าหนุ่มนั่นพูดมาจะเป็นเรื่องจริง!
นางตาบอดจริงๆ!
หัวหน้าทหารยามคนนั้นยังค้นดูสิ่งของในย่ามที่พกมา ด้านในมีเพียงสุรา ธูป กระดาษเงินกระดาษทองทั้งยังมีอาหารและผลไม้สำหรับเซ่นไหว้
คราวนี้เขายิ่งเชื่อถือในคำพูดของตี้อู่เฮ่ออีไปใหญ่
“ไปเถอะๆ น่าสงสารเสียจริง…”
เมื่อออกจากเมืองมาได้อย่างราบรื่น เชียนเยี่ยเสวี่ยก็กล่าวขอบคุณตี้อู่เฮ่ออีเสียงอ่อน
ตี้อู่เฮ่ออีคนนี้ละเอียดลออยิ่งนัก!
เขาไม่เพียงแต่อธิบายมูลเหตุที่ออกจากเมืองอย่างสมเหตุสมผล ยังตระเตรียมสิ่งของเซ่นไหว้เอาไว้ ทำให้ผ่านการตรวจสอบได้อย่างราบรื่น ซึ่งนับเป็นการ…ช่วยเหลือนาง
แต่ตี้อู่เฮ่ออีแสดงสีหน้าเรียบเฉยออกมา
“เจ้าในสภาพเช่นนี้ ตอนนี้คงจะไปที่สุสานหลวงไม่ได้เป็นแน่ ในเมื่อวันนี้ออกมาได้แล้วในฐานะสตรีคนหนึ่ง เช่นนั้นก็เซ่นไหว้เสด็จแม่ของเจ้าสักหน่อยเถิด!”
“ขอบคุณ…”
เชียนเยี่ยเสวี่ยนึกไม่ถึงเลยว่า คนที่ช่วยนางให้ได้เซ่นไหว้เสด็จแม่จะเป็นคนแปลกหน้าที่นางไม่สนิทสนมคุ้นเคยมาก่อน
อวี้เฟยเยียนรอคอยอยู่ที่ศาลากล้วยไม้มาตลอด
ระหว่างเดินทางมาที่แคว้นฉินจื้อนี่ อวี้เฟยเยียนได้รับข่าวสารที่หอนภาหอมส่งมาจึงรู้ว่าหลิวกุ้ยเฟยลงมือกับตระกูลฉู่อย่างเ**้ยมโหดเสียแล้ว
ตระกูลฉู่ คือบ้านท่านตาของเชียนเยี่ยเสวี่ย เป็นกำลังหลักในการสนับสนุนเยี่ยนอ๋อง
อวี้เฟยเยียนและเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นทั้งเพื่อน พี่น้องที่สนิทสนมเห็นใจกันที่สุด อวี้เฟยเยียนย่อมไม่ยอมนิ่งดูดายเป็นแน่!
เรื่องแรกที่ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนทำหลังจากเดินทางมาถึงฉินจื้อ นั่นก็คือจัดการมือสังหารที่ไล่ตามมา จากนั้นก็ช่วยเหลือผู้ใหญ่ลูกเด็กเล็กแดงตระกูลฉู่เอาไว้
คนทั้งสองที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ทำให้ประมุขตระกูลฉู่ซาบซึ้งน้ำใจเป็นอย่างมาก
หากมิได้ทั้งสองคนละก็ เห็นทีตระกูลฉู่คงจะสิ้นชื่อไปจากแคว้นฉินจื้อเสียแล้ว
เนื่องด้วยสมาชิกตระกูลฉู่บางส่วนบาดเจ็บจากการถูกลงทัณฑ์ขณะที่อยู่ในคุก อวี้เฟยเยียนจึงจัดการช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้พวกเขา ทั้งยังทิ้งหยูกยาเอาไว้ให้มากมาย
เดิมทีนางตั้งใจที่จะช่วยหาที่ปลอดภัยสักที่ ให้ตระกูลฉู่ได้พักพิงหลบซ่อนจากการถูกตามล่า ทว่าประมุขตระกูลฉู่กลับปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
ตระกูลฉู่ลงหลักปักฐานอยู่ที่แคว้นฉินจื้อมาหลายปี ประมุขตระกูลฉู่ย่อมต้องมีเพื่อนและยังมีอิทธิพลอยู่บ้าง ยิ่งกว่านั้นบุตรสาวและหลานชายต้องตายอย่างน่าอนาถ หากเขาไม่ทำอะไรเลยมิเท่ากับเป็นเต่าหดหัวอย่างนั้นหรือ!
นั่นทำให้อวี้เฟยเยียนมองเห็นเงาเชียนเยี่ยเสวี่ยจากร่างประมุขตระกูลฉู่
คิดไม่ถึงว่าบิดาเชียนเยี่ยเสวี่ยจะสารเลวถึงเพียงนี้ ส่วนมารดาก็แสนอ่อนแอ แต่ลูกอย่างเชียนเยี่ยเสวี่ยกลับมีนิสัยที่สืบทอดจากตระกูลฉู่โดยตรง มิน่าเล่านางถึงได้เป็นที่รักของผู้เป็นตายิ่งนัก!
อวี้เฟยเยียนบอกกับประมุขตระกูลฉู่ว่านางจะไปตามหาเชียนเยี่ยเสวี่ย ทั้งยังนัดแนะไว้ดิบดีว่าหากนางได้พบเชียนเยี่ยเสวี่ย นางจะแจ้งข่าวให้กับเขาได้รู้
เสวี่ย เจ้าเป็นแมว แมวเก้าชีวิต ฉะนั้นเจ้าจะต้องไม่ตายง่ายๆ เช่นนี้ ใช่หรือไม่!
เวลาเกือบเที่ยงตรง รถม้าคันหนึ่งวิ่งมาจากที่ไกลๆ
อวี้เฟยเยียนรอคอยอยู่ที่นี่ทั้งเช้า แต่ก็ไม่มีรถม้าผ่านมาสักคัน
รถม้าคันนี้ จะใช่เชียนเยี่ยเสวี่ยหรือไม่นะ
รถม้าคันนั้นมาหยุดที่เรือนพัก ชายหนุ่มคนหนึ่งลงมาจากรถ
ไม่ใช่เชียนเยี่ยเสวี่ย…
อวี้เฟยเยียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
หรือนางจะอยู่ในรถม้า
ในขณะที่อวี้เฟยเยียนสำรวจตี้อู่เฮ่ออีอยู่นั้น ตี้อู่เฮ่ออีเองก็กำลังสำรวจชายหญิงคู่นี้อยู่เช่นกัน
บุรุษรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลา สวมใส่ชุดสีม่วงทั้งชุด แต่รัศมีความโหดเ**้ยมดุดันของเขากลับทำลายภาพลักษณ์สูงส่งของเขาเสียนี่
สตรี สวมชุดกระโปรงสีเหลือง มีผ้าแพรปกปิดใบหน้า ทำให้มองโฉมหน้าไม่ชัดเจน
พวกเขาคือคนที่เชียนเยี่ยเสวี่ยต้องการเจอหรือไม่นะ