“แม่นาง เจ้านั่งรถม้ามาตั้งนาน ข้าจะประคองเจ้าลงมาพักผ่อน”
ตี้อู่เฮ่ออีเลิกม่านกั้นรถม้าขึ้น แล้วยื่นมือไปประคองเชียนเยี่ยเสวี่ยลงจากรถม้า จนกระทั่งเชียนเยี่ยเสวี่ยหมุนกายมา อวี้เฟยเยียนถึงกลับตกตะลึง
“เสวี่ย ดวงตาเจ้าเป็นอะไรไป”
เพียงแวบแรกที่เห็นเชียนเยี่ยเสวี่ย อวี้เฟยเยียนก็จำนางได้ในทันที ทำให้ตี้อู่เฮ่ออีตกตะลึงยิ่ง
วิชาแปลงโฉมของเขายากที่จะแยกแยะออกได้ ในตอนนี้เชียนเยี่ยเสวี่ยไม่ว่าเป็นรูปโฉมหรือท่วงท่า ล้วนถูกวิชาแปลงโฉมเขาอำพรางอย่างแนบเนียนราวกับคนละคน
ตี้อู่เฮ่ออีเชื่อแน่ว่า ต่อให้เป็นฮ่องเต้ฉินจื้อมาอยู่ตรงหน้า ก็จดจำเชียนเยี่ยเสวี่ยไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าอวี้หลัวช่าเห็นนางเพียงแวบแรก ก็จดจำนางได้ทันที สนิทชิดเชื้อกับอีกฝ่ายถึงเพียงนี้ เป็นสหายที่สนิทสนมถึงขั้นฝากชีวิตอย่างที่เชียนเยี่ยเสวี่ยว่าเอาไว้จริงๆ!
“ช่าช่า ช่าช่า…”
ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย เชียนเยี่ยเสวี่ยรีบคลำทางเดินไปหาอวี้เฟยเยียนทันที
ใครจะคาดคิดที่ด้านหน้านางมีขั้นบันไดอยู่ เชียนเยี่ยเสวี่ยมองไม่เห็น จึงสะดุดเซถลาล้มลงบนพื้น
“ระวัง!”
อวี้เฟยเยียนยังมิทันยื่นมือออกมา ตี้อู่เฮ่ออีที่อยู่ด้านหลังเชียนเยี่ยเสวี่ยก็เอื้อมมือมาคว้าเอวนางไว้อย่างทันท่วงทีก่อนที่นางจะล้มลงพื้น
“ช้าๆ หน่อย เดี๋ยวแผลก็ปริอีกหรอก…”
ตี้อู่เฮ่ออีเห็นเชียนเยี่ยเสวี่ยทำเช่นนั้น ก็อดโมโหไม่ได้
แผลนางยังไม่หายสนิท นางไม่ระมัดระวังตัวเองเช่นนี้ ไม่แน่ว่าตอนนี้แผลนางคงปริแตกไปแล้ว คนป่วยไม่ดูแลร่างกาย เป็นสิ่งที่หมอปวดเศียรเวียนเกล้ามากที่สุดเรื่องหนึ่ง!
เมื่อครู่ ตี้อู่เฮ่ออีหาที่สงบที่หนึ่ง เซ่นไหว้ฉู่ฮองเฮาเป็นเพื่อนเชียนเยี่ยเสวี่ย
เนื่องจากตานางมองไม่เห็นจึงไม่สะดวก ดังนั้นขั้นตอนการเซ่นไหว้ทั้งหมดมีตี้อู่เฮ่ออีคอยช่วยเหลือจนแล้วเสร็จ สุดท้ายตอนโขกศีรษะคำนับก็เป็นตี้อู่เฮ่ออีที่ประคับประคองนาง
น้ำใจตี้อู่เฮ่ออี เชียนเยี่ยเสวี่ยซาบซึ้งยิ่งนัก
เมื่อมีความรู้สึกต่อกันแล้ว ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยเชื่อฟังคำพูดของตี้อู่เฮ่ออีอยู่บ้าง
เมื่อเห็นเชียนเยี่ยเสวี่ยอยู่กับตี้อู่เฮ่ออีแล้วกลับ ‘ว่านอนสอนง่าย’ ทำให้อวี้เฟยเยียนประหลาดใจไม่น้อย
ทว่าในตอนนี้อวี้เฟยเยียนไม่มีอารมณ์มานั่งซุบซิบนินทาเรื่องนี้ นางก้าวมาด้านหน้าประคองเชียนเยี่ยเสวี่ยนั่งลง สิ่งแรกที่ทำคือจับชีพจรตรวจอาการให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย
เมื่อแน่ใจว่าสาวน้อยตรงหน้าคืออวี้หลัวช่า ตี้อู่เฮ่ออีก็สนใจในตัวนางเป็นอย่างมาก
ขอเพียงแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการแพทย์ ล้วนสามารถดึงดูดความสนใจตี้อู่เฮ่ออีได้ชะงัดนัก
“บาดเจ็บสาหัสเพียงนี้!”
เมื่อได้ตรวจอาการ อวี้เฟยเยียนก็หน้าถอดสี
ดาบนั้นของตี้อู่หงเยี่ย แทงถูกชีพจรเชียนเยี่ยเสวี่ย หากมิใช่มียาวิเศษคุ้มครองชีพจรนางไว้ เกรงว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยคงได้ไปพบยมบาลตั้งนานแล้ว!
“ยังดีที่ข้าได้พบกับเฮ่ออีและหลิงเอ๋อร์ พวกเขาช่วยชีวิตข้าเอาไว้”
เชียนเยี่ยเสวี่ยอธิบายเสียงแผ่วเบา
“ช่าช่า เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก!”
“เจ้าเป็นแบบนี้ ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไรกัน!”
มองดูเชียนเยี่ยเสวี่ยอ่อนแรงเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนทั้งโกรธเคืองทั้งร้อนใจ
สำหรับเรื่องฉู่ฮองเฮา อวี้เฟยเยียนรู้ข่าวตั้งนานแล้ว
หอนภาหอมส่งข่าวมาให้กับนางตั้งมากมาย รวมทั้งเรื่องที่ฉู่ฮองเฮาควักลูกตาทั้งสองของพระองค์เอง เขียนอักษรว่า ใส่ร้าย แล้วจึงปลิดชีพพระองค์เอง เรื่องพวกนี้อวี้เฟยเยียนก็รู้ทั้งหมด
เชียนลั่วเฉิงเป็นเพียงชายสารเลวคนหนึ่งจริงๆ!
“ให้ตายเถอะ ข้าจะไปฆ่าไอ้สารเลวนั่น!”
อวี้เฟยเยียนจะออกไปจัดการเด็ดหัวเชียนลั่วเฉิงแต่ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ช่าช่า ชีวิตสุนัขของมันเป็นหน้าที่ข้า ข้าจะต้องตัดหัวมันด้วยมือข้าเอง เอาไปเซ่นไหว้ดวงวิญญาณเสด็จแม่!”
เชียนเยี่ยเสวี่ยท่าทีเด็ดขาด อวี้เฟยเยียนเข้าใจความรู้สึกของนางดี นางจับมือเชียนเยี่ยเสวี่ยเอาไว้
“ดี! ถึงตอนนั้นเพิ่มของข้าอีกส่วนด้วย!”
หลังจากอวี้เฟยเยียนตรวจอาการเชียนเยี่ยเสวี่ยแล้ว ก็นับถือในวิชาแพทย์ตี้อู่เฮ่ออียิ่งนัก ที่เชียนเยี่ยเสวี่ยรอดชีวิตมาได้เพราะโชคดีที่ได้เจอตี้อู่เฮ่ออีนี่เอง!
“ขอบคุณท่านมาก หากไม่ได้ท่าน ข้าคงจะไม่ได้พบกับเสวี่ยอีกแล้ว!”
“ข้าเป็นหมอ เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยได้อย่างไร นี่เป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้ว ท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก! เพียงแต่ว่าวิชาแพทย์ข้ายังไม่ดีพอ จนถึงตอนนี้ยังรักษาดวงตานางไม่ได้เลย!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ตี้อู่เฮ่ออีก็ละอายใจยิ่งนัก
ในร่างเชียนเย่เสวี่ยยังมีพิษหลงเหลือซึ่งมันรวมกันอยู่บริเวณดวงตา ทำให้นางตาบอด
เส้นประสาทที่ดวงตาเป็นส่วนที่อ่อนไหวนัก หากไม่ระวังแม้เพียงนิดก็อาจทำให้เกิดความผิดพลาดร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นตี้อู่เฮ่ออีจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามฝังเข็มโดยพลการ
ความกังวลของตี้อู่เฮ่ออี อวี้เฟยเยียนเข้าใจดี
ในภาวะเช่นนี้ ทั้งหมอและคนไข้ต่างก็มีข้อกำหนดให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
นอกจากหมอที่รักษาจะต้องเชี่ยวชาญในการรักษาแล้ว สภาพจิตใจของหมอก็จะต้องแข็งแกร่งเพียงพอ หากเกิดความขลาดกลัวทำให้พลาดแม้เพียงน้อยนิดก็จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรง
ในขณะที่คนไข้ก็จะต้องผ่อนคลายให้มากที่สุด จะต้องเชื่อและไว้วางใจในแพทย์ที่ทำการรักษา
เพราะถ้ากล้ามเนื้อคนไข้ขัดเกร็งกระตุกแม้เพียงนิด ตำแหน่งที่รักษาก็จะคลาดเคลื่อนทันที ผลที่ตามมาแทบมิกล้าคาดคิดเลยทีเดียว
“หากท่านไม่ถือสาละก็ การรักษาต่อจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้า”
ขอคนไข้จากมือหมออีกคน ถือเป็นพฤติกรรมที่เสียมารยาทเป็นอย่างมาก แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับร่างกายเชียนเยี่ยเสวี่ย ทำให้อวี้เฟยเยียนต้องกล่าวเช่นนี้ออกมา
“ไม่มีปัญหา! แต่ในขณะที่ท่านฝังเข็ม ข้าขอศึกษาอยู่ข้างๆ ด้วยได้หรือไม่”
ตี้อู่เฮ่ออีรู้ดีว่าวิชาแพทย์ของหมอหลายคนไม่เผยแพร่ให้กับคนนอก เขาเกรงว่าอวี้เฟยเยียนจะเข้าใจผิด จึงรีบกล่าวอธิบายต่อ
“ข้าเพียงแต่ใคร่รู้เพราะท่านเป็นถึงจักรพรรดิโอสถทั้งที่อายุยังน้อยเช่นนี้เท่านั้น หาได้มีเจตนาแอบลักลอบศึกษาวิชาแพทย์ของท่านไม่ ท่านอย่าได้เข้าใจผิดเด็ดขาด!”
ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวเปิดเผยตรงไปตรงมา ดวงตาเขาทั้งซื่อตรงแน่วแน่
เขาอยู่ที่ฉินจื้อสามารถช่วยเหลือเชียนเยี่ยเสวี่ยภายใต้สถานการณ์ที่ถูกตามล่าไปทั่วเมืองเช่นนี้ได้ ความดึงดันของเขาทำให้อวี้เฟยเยียนนับถือมากแล้ว
แต่สิ่งที่นางนับถือยิ่งกว่าก็คือความรับผิดชอบในหน้าที่แพทย์ของเขา
ยิ่งกว่านั้นเขาช่วยชีวิตเพื่อนที่ดีที่สุดของนางเอาไว้ ดังนั้นอวี้เฟยเยียนจึงมิได้ปฏิเสธคำขอเขาแต่อย่างใด
“ดีจัง ขอบคุณท่านมาก!”
นาทีนั้นตี้อู่เฮ่ออีดีใจเป็นอันมาก ถึงกับโค้งคำนับอวี้เฟยเยียนเลยทีเดียว
เขาใช้ชีวิตอยู่เผ่าตานมาตลอด วิชาแพทย์ที่ศึกษานั้นก็ล้วนแต่เป็นหลักวิชาแพทย์ของเผ่าตานทั้งสิ้น ครั้งนี้เขามีโอกาสได้ศึกษาวิชาแพทย์จากภายนอกบ้าง แล้วจะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรกัน
เมื่อแน่ใจว่าเชียนเยี่ยเสวี่ยปลอดภัย ซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับเป่าปากโล่งอก เหยี่ยวไห่ตงชิง[1]ตัวหนึ่งมาเกาะที่บ่าของเขา
ซย่าโหวฉิงเทียนเขียนจดหมายน้อยม้วนใส่ในช่องส่งจดหมายที่ปลายเท้าของเหยี่ยวไห่ตงชิง จากนั้นเขาก็ลูบหัว แล้วมันก็บินทะยานขึ้นฟ้าไปทันที
“เหยี่ยวไห่ตงชิง!”
ตี้อู่เฮ่ออีตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก
แม้แต่เมืองอู่โยว คนที่สามารถฝึกเหยี่ยวไห่ตงชิงได้มีจำนวนน้อยนิดยิ่งนัก
นับประสาอะไรกับแผ่นดินหลัวอวี่ที่ถือเป็นพื้นที่แร้นแค้นบ้านนอกคอกนาในสายตาชาวเมืองอู๋โยว!
ทว่ากลับมีคนที่สามารถฝึกเหยี่ยวไห่ตงชิงได้!
เมื่อครู่ในขณะที่เหยี่ยวตัวนั้นเกาะบนบ่าซย่าโหวฉิงเทียน ท่าทางว่านอนสอนง่ายราวกับพิราบขาวน้อยธรรมดาก็ไม่ปาน แต่ตี้อู่เฮ่ออีกลับรู้สึกได้ชัดเจนว่าเหยี่ยวไห่ตงชิงตัวนั้นหวาดกลัวซย่าโหวฉิงเทียนอย่างมาก
หากว่าชาวอู๋โยวได้รู้เรื่องนี้ละก็ พวกเขาจะต้องบอกว่าเขากำลังฝันกลางวันแสกๆ เป็นแน่!
เหยี่ยวไห่ตงชิง สัตว์สูงค่า เย่อหยิ่ง โหดเ**้ยมเพียงนั้น เหตุใดถึงได้หวาดกลัวคนชั้นต่ำพวกนั้นด้วยนะ!
ทว่าเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นต่อหน้าตี้อู่เฮ่ออี ทำให้เขาสนใจใคร่รู้ในตัวอวี้หลัวช่าและบุรุษข้างกายของนางยิ่งนัก
เห็นตี้อู่เฮ่ออียืนนิ่ง สายตาเคารพนับถือของเขากำลังจ้องมองไปที่ซย่าโหวฉิงเทียน อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกว่าคนผู้นี้น่าขบขันอยู่ไม่น้อย
จะบอกว่าเขาทึ่มก็ได้ แต่วิชาแพทย์เขาก็นับว่าสูงส่ง!
เขาสามารถดึงเชียนเยี่ยเสวี่ยให้รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชมาได้ อย่างน้อยเฮ่ออีคนนี้จะต้องอยู่ระดับจักรพรรดิโอสถขึ้นไป!
ในบางครั้ง เขาจะแสดงท่าทางสูงส่งเย็นชาออกมา ซึ่งมิเหมือนกับแสร้งทำเสียด้วย!
จะเรียกว่าเป็นคนยอดเยี่ยมก็ว่าได้! อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดจะแสดงบนใบหน้าที่ใสกระจ่างของเขาอย่างชัดเจน เพียงแค่มองดูก็รู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
คนที่ทั้งน่ารักน่าเอ็นดูและเย็นชาในคราวเดียวกัน น่าอัศจรรย์จริงๆ!
“พี่ชายท่านนี้ ข้าขอคำชี้แนะเสียหน่อยว่า ท่านฝึกฝนเหยี่ยวไห่ตงชิงได้อย่างไรกัน”
ตี้อู่เฮ่ออีเองก็อยากที่จะมีเหยี่ยวไห่ตงชิงเป็นของตนสักตัวหนึ่งมานานแล้ว
มีสมุนไพรวิเศษชนิดหนึ่งเติบโตอยู่บนหน้าผาสูงชัน เก็บเกี่ยวยากยิ่งนัก อีกทั้งใกล้ๆ สมุนไพรวิเศษนั้นยังมีสัตว์ร้ายคอยคุ้มกันอยู่
ความสามารถในด้านการต่อสู้ของเผ่าตานนั้นเป็นรองมาโดยตลอด ทว่าพวกเขาสนใจใคร่รู้ในเรื่องยาเป็นอย่างมาก ทุกปีจะมีชาวเผ่าตานเกิดเรื่องขณะเก็บยาอยู่เสมอ อย่างเบาก็ขาหักแขนหัก อย่างหนักก็ถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว
หากมีเหยี่ยวไห้ตงชิงที่แสนเชื่องสักตัว การเก็บยาก็จะสะดวกขึ้นเป็นกอง!
คำอธิบายซย่าโหวฉิงเทียน ทำเอาตี้อู่เฮ่ออีเกือบจะเป็นลมเลยทีเดียว
“ง่ายนิดเดียว! ไม่เชื่อฟัง ก็สั่งสอนจนกว่าจะเชื่อฟัง!”
นี่มันวิธีอะไรกันเนี่ย!
หากมิใช่ท่าทางซย่าโหวฉิงเทียนจริงจังหนักแน่น ตี้อู่เฮ่ออีคงจะคิดว่าเขากำลังล้อตนเองเล่นอยู่เป็นแน่
เหยี่ยวไห่ตงชิง!
สัตว์ดุร้ายพันธุ์นั้น ใครจะกล้าไปตีมันกัน!
อีกอย่าง มีเพียงหนึ่งในหนึ่งแสนของเทพเหยี่ยวเท่านั้นจึงจะมีเหยี่ยวไห่ตงชิงสักตัวโผล่มา สัตว์ล้ำค่าเช่นนั้น ใครจะตัดใจซ้อมมันได้ลงคอ หากเผลอตีมันจนตายจะทำอย่างไร!
ยิ่งกว่านั้นเหยี่ยวไห่ตงชิงมีความรู้สึกนึกคิดของมันเอง หากถูกดูหมิ่นเหยียดหยามละก็ มันจะฆ่าตัวตายทันที!
เสมือนมองออกถึงความไม่เข้าใจของตี้อู่เฮ่ออี ซย่าโหวฉิงเทียนจึงอธิบายต่ออีกว่า
“มันไม่เชื่อฟัง ก็ให้บอกกับมันว่า ต่อให้มันตายแล้ว ก็จะถูกถอนขนจนหมด แล้วนำร่างที่ไร้ขนของมันไปตากแดดแล้วให้เหยี่ยวตัวอื่นรุมกินร่างของมันเสีย!”
ได้ฟังคำอธิบายนั้นทำเอาตี้อู่เฮ่ออีถึงกับต้องยอม
พี่ชาย ท่านใช้วิธีการที่โหดร้ายทารุณดูหมิ่นสัตว์ที่ทะนงในศักดิ์ศรีตนเช่นนี้ มิน่าเล่ามันถึงไม่กล้าตาย!
เพราะหากตายก็คงตายตาไม่หลับเป็นแน่
——
[1] นกเหยี่ยวไจร์ฟัลคอน