ตอนที่ 95-3 คู่รักจอมโหดที่มาหาเรื่อง

จำนนรักชายาตัวร้าย

“พี่ชายท่านนี้ หากมีโอกาส ท่านจะช่วยข้าฝึกฝนเหยี่ยวไห่ตงชิงสักตัวได้หรือไม่ ข้าอาจไม่มีฝีมือเทียบเท่าพี่ชาย แต่ข้านั้นต้องการเหยี่ยวไห่ตงชิงช่วยข้าเก็บยาจริงๆ!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวจบก็ล้วงเข้าไปในเสื้อของตน หยิบขวดยาขวดเล็กขวดน้อยออกมาหลายขวดกล่าวต่อว่า

 

 

“พวกนี้เป็นยาวิเศษที่ข้าปรุงขึ้น ท่านเอาไปได้ตามใจชอบ ถือเป็นค่าตอบแทน หากไม่เพียงพอ ข้าขอติดเอาไว้ก่อน ข้าจะเขียนเป็นหนังสือให้เป็นหลักฐานด้วยก็ได้!”

 

 

“พี่ชายท่านนี้ รบกวนท่าน บุญคุณใหญ่หลวง ข้าจะไม่มีวันลืมชั่วชีวิต!”

 

 

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีเหงื่อชุ่มไปทั้งร่าง ที่เขาต้องการเหยี่ยวไห่ตงชิงไม่ใช่เพราะต้องการอวดหรือประดับบารมี หากแต่เพื่อเก็บยา ความดื้อรั้นในความรักและสนใจใคร่รู้ในเรื่องของยาและการแพทย์ ทำให้อวี้เฟยเยียนต้องเอ่ยปากช่วยขอร้องแทนเขาอีกแรง

 

 

ราชินีถึงกับออกปาก แน่นอนว่าซย่าโหวฉิงเทียนย่อมต้องทำตาม

 

 

เมื่อเห็นว่าซย่าโหวฉิงเทียนรับปาก ตี้อู่เฮ่ออีก็แสดงอาการดีใจอย่างยิ่งออกมา

 

 

“ขอบคุณท่านมาก พี่ชายท่านนี้…”

 

 

“ข้าซย่าโหวฉิงเทียน เรียกชื่อข้าก็พอ!”

 

 

“ท่านพี่ซย่าโหว ขอบคุณ!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีโค้งคำนับซย่าโหวฉิงเทียนเพื่อขอบคุณ จากนั้นทุกคนจึงพากันเดินทางกลับ

 

 

เมื่อมีคนเพิ่มขึ้นมาสองคน รถม้าที่เตรียมมาจึงแน่นขนัดไปทันที

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนจึงซื้อม้าอีกตัวให้กับตน จากนั้นเขาก็ขี่ม้าอยู่ด้านนอก เดินทางพร้อมกับขบวนรถม้าของทุกคน

 

 

ระหว่างทาง อาการเชียนเยี่ยเสวี่ยมิสู้ดี อวี้เฟยเยียนจึงฝังเข็มให้นางหลับไป ส่วนตี้อู่เฮ่ออีก็รีบปรึกษาหารือกับอวี้เฟยเยียนเรื่องวิธีรักษาดวงตาเชียนเยี่ยเสวี่ยเพื่อทำการรักษาโดยเร็ว

 

 

ทั้งสองต่างก็เชี่ยวชาญชำนาญในวิชาแพทย์ แต่ความรู้ที่เรียนมานั้นแตกต่างจึงมักมีข้อคิดเห็นที่ต่างกันอยู่บ้าง

 

 

ด้วยเหตุนี้ ตี้อู่เฮ่ออีมักจะกล่าวคำว่า ‘ยอดเยี่ยม’ ออกมา เมื่อได้ฟังคำวินิจฉัยของนางยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าอวี้เฟยเยียนเก่งกาจยิ่งนัก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!

 

 

ทว่า เข้าเมืองครานี้กลับมิได้ราบรื่นเฉกเช่นขาออกจากเมืองเลยแม้แต่น้อย

 

 

หลังจากเข้าเมืองมาได้ไม่นาน พวกเขาก็ถูกคนขวางเอาไว้

 

 

ผู้ที่ขวางรถม้าของพวกเขาก็คือตี้อู่หงเยี่ย

 

 

ช่วงเช้า ทั่วทั้งเมืองหลวงมีเสียงเพลงแว่วมา ชัดเจนว่าเป็นแสนยานุภาพของจอมเทวา

 

 

เมื่อตี้อู่หงเยี่ยได้ยินเข้า ความรู้สึกแรกของนางบ่งบอกว่า อวี้หลัวช่ามาแล้ว!

 

 

ทว่า นางเดินหาทั่วทั้งเมืองหลวง ก็หาอวี้หลัวช่าไม่พบ ทำให้ตี้อู่หงเยี่ยโมโหยิ่งนัก

 

 

ในตนนั้นเอง ตี้อู่หงเยี่ยก็เหลือบเห็นซย่าโหวฉิงเทียนควบม้าเข้ามาพร้อมกับรถม้า

 

 

ชายผู้นั้น หล่อเหลายิ่งนัก!

 

 

หัวใจตี้อู่หงเยี่ยเต้นระส่ำอย่างบ้าคลั่ง นางรีบร้อนโบกมือเพื่อให้คนขวางรถม้าหลังนั้นเอาไว้

 

 

ได้เจอตี้อู่หงเยี่ยที่ฉินจื้อนี่ แม้ซย่าโหวฉิงเทียนจะคาดไม่ถึง แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วว่าปรมาจารย์ที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมานั้นคือใคร

 

 

หึ ที่แท้แล้วก็คือตี้อู่หงเยี่ยที่สร้างเรื่องทั้งหมดมานี่เอง โลกนี้มันช่างแคบเสียจริงๆ! 

 

 

เมื่อครั้งที่อยู่บ้านตระกูลหนานกงนั้น ตี้อู่หงเยี่ยคอยพูดจาถากถางเขามาตลอด ทั้งยังเรียกเขาจนติดปากว่า ‘ปีศาจน้อย’ อีกด้วย นางคงคิดว่าที่เขาอดทนอดกลั้นนั้นแปลว่าอ่อนแอ คิดว่าเขารังแกได้ง่ายๆ กระมัง!

 

 

ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่รู้ว่าตี้อู่หงเยี่ยมาที่แผ่นดินหลัวอวี่นี้ด้วยเหตุอันใด แต่ก็แน่ใจว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องดี!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนในตอนนี้ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง เขามิใช่ซย่าโหวฉิงเทียนที่นัยน์ตาสีม่วงเงินเฉกเช่นที่เมืองอู๋โยวอีกต่อไป ดังนั้นตี้อู่หงเยี่ยจึงจำเขาไม่ได้

 

 

นึกไม่ถึงว่า แผ่นดินหลัวอวี่จะมีชายรูปงามเพียงนี้!

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยรู้สึกราวกับว่าหัวใจสาววัยสามสิบกว่าดวงนั้นของนางฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง!

 

 

ใบหน้านั้น ปั้นขึ้นมาพอดิบพอดีเหลือเกิน!

 

 

ท่าทีหยิ่งยโสเย็นชา ดูอย่างไรก็น่ารักไปเสียหมด!

 

 

ยังมีชุดสีม่วงเข้มนั่น คลุมร่างกายที่กำยำสมชายชาตรีของเขาเอาไว้ ในฐานะที่เป็นหมอ มองเพียงแวบแรก ตี้อู่หงเยี่ยก็รับรู้ได้ในทันทีว่าชายผู้นี้คือไม้แขวนเสื้อชั้นเลิศโดยแท้!

 

 

“พี่ชายท่านนี้ ในรถม้าท่านมีใครอยู่หรือ พวกเราต้องการตรวจสอบ!”

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยเดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้ามาหยุดที่เบื้องหน้าซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

นางยื่นมือออกมาลูบหัวม้าเบาๆ สายตาก็ทอดมองไปถ้วนทั่วร่างซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

โอ้ รูปร่างก็ดี หน้าตาก็หล่อเหลา!

 

 

ชายเพียบพร้อมด้วยรูปโฉมเช่นนี้ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร!

 

 

เสียงจากด้านนอก ได้ยินเข้าไปถึงอวี้เฟยเยียนและตี้อู่เฮ่ออีที่นั่งอยู่ด้านในรถม้าเสียแล้ว

 

 

เมื่อเห็นว่าผู้ที่ขวางกั้นรถม้าคือตี้อู่หงเยี่ย ในใจตี้อู่เฮ่ออีถึงกับร่ำร้อง

 

 

หญิงผู้นี้ทั้งฉลาดและยากจะสลัดให้หลุด จะให้นางพบอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!

 

 

“ท่านรู้จักหรือ”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวถามเสียงเบา

 

 

“นางก็คือคนที่ทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ยจนบาดเจ็บ ปรมาจารย์!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีอธิบาย

 

 

“อะไรนะ”

 

 

หญิงสูงวัยผู้นี้เองนะหรือที่ทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ยจนบาดเจ็บ

 

 

อวี้เฟยเยียนได้ยินดังนั้นก็อารมณ์คุกรุ่นขึ้นมาทันที

 

 

ในเมื่อเชียนเย่เฉิงและหลิวกุ้ยเฟยปล่อยให้เป็นหน้าที่เชียนเยี่ยเสวี่ยจัดการ เช่นนั้นหญิงตรงหน้านี้ให้นางเป็นคนจัดการก็แล้วกัน!

 

 

“เจ้าน่ะหรือ กล้ามาตรวจค้นข้า ไสหัวไป …”

 

 

มองเห็นสายตาโลมเลียราวสาวแรกแย้มของตี้อู่หงเยี่ยเข้า ซย่าโหวฉิงเทียนก็สบถออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาตวัดบังเ**ยน ทันใดนั้นเจ้าม้าก็ยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้น เตรียมเหยียบไปที่ใบหน้าของตี้อู่หงเยี่ย

 

 

“บังอาจ!”

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยนึกไม่ถึงว่าชายรูปงามจะมีนิสัยเย่อหยิ่งจองหองเพียงนี้

 

 

นางเจตนาจะแสดงอิทธิพลของตนให้เขาได้เห็น เพื่อให้เขายินยอมสยบที่เบื้องหน้านาง ด้วยความโกรธนางจึงชักดาบออกมาเตรียมตวัดตัดกีบขาม้าทั้งสี่ข้างให้ขาด

 

 

ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ ร่างตี้อู่หงเยี่ยก็ขยับเขยื้อนไม่ได้ กีบทั้งสองข้างของม้าตัวนั้นเสมือนหมัดอันหนักอึ้ง มันกระแทกเข้าที่อกซ้ายและอกขวานางอย่างจัง

 

 

“สมน้ำหน้า!”

 

 

เมื่อเห็นหน้าอกทั้งสองข้างของตี้อู่หงเยี่ยถูกม้าเหยียบจนบุบบี้เปลี่ยนรูป ตี้อู่เฮ่ออีถึงกับยกมือขึ้นปิดตา

 

 

หากข้ามองไม่ผิดละก็

 

 

หน้าอกหน้าใจที่ใช้เป็นเครื่องมือนำพานางไปสู่ความสุขสบายนั้นถูกม้าเหยียบจนแตกรูปทรงบิดเบี้ยว อีกทั้งภายใต้ฝีเท้าอาชานี้กระดูกน่าจะหักอย่างน้อยสี่ท่อนเสียด้วย

 

 

นี่ควรจะดีใจตีฆ้องร้องป่าวใช่หรือไม่นะ

 

 

“พวก พวกเจ้า ไปตายกันหมดแล้วหรืออย่างไรกัน…”

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยล้มลงบนพื้นอย่างแรง นางกระอักเลือดออกมา

 

 

“คนบนรถคือเยี่ยนอ๋อง รีบตามจับพวกเขาเร็ว!”

 

 

ในเมื่อไม่ได้มาก็ทำลายมันเสีย

 

 

นี่คือวิธีการจัดการในแบบตี้อู่หงเยี่ย

 

 

ตอนนี้นางคือปรมาจารย์ของฉินจื้อ สิ่งที่นางพูด แน่นอนว่าผู้คนย่อมฟัง ทันใดนั้นคนกลุ่มใหญ่ก็ลุกฮือเข้ามาล้อมซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่บนม้าและรถม้าเอาไว้

 

 

“มอบตัวเยี่ยนอ๋องออกมา!”

 

 

ถึงแม้ว่าทหารต่างพากันโห่ร้องข่มขวัญเสียงดัง แต่พวกเขาก็ได้เห็นความโหดเ**้ยมของซย่าโหวฉิงเทียนด้วยตาตนเองแล้ว

 

 

ให้ตายเถอะ!

 

 

สามารถเล่นงานจอมเทวาจนเละถึงขนาดนี้ ชายผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่!

 

 

แน่นอนด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีใครกล้าพุ่งเข้าไปหาเรื่องซย่าโหวฉิงเทียนสักคน

 

 

“บอกเชียนลั่วเฉิงด้วยว่า ซย่าโหวฉิงเทียนกลับมาแล้ว!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนมองทหารเหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียน เทพแห่งความโชคร้ายนั่น!”

 

 

“โอ้ เขามาได้อย่างไรกัน”

 

 

“เร็ว! รีบไปกราบทูลฝ่าบาท!”

 

 

เมื่อได้ยินนามว่าซย่าโหวฉิงเทียน ทหารทั้งหมดรวมทั้งกลุ่มชาวบ้านต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน

 

 

เรื่องราวน่าแปลกประหลาดอัศจรรย์ของอ๋องผู้นี้ ชาวฉินจื้อต่างก็คุ้นหูเป็นอย่างดีราวกับเรื่องในบ้านตนก็ไม่ปาน

 

 

ถูกส่งไปเป็นตัวประกันตั้งแต่เกิด สิบขวบกลับคืนสู่ต้าโจว สิบห้าขวบใช้การสู้รบที่เด็ดขาดเหนือชั้นท่ามกลางกองเถ้ากระดูกและเลือดเนื้อของศัตรูประจักษ์ถึงความสามารถที่แท้จริง

 

 

ในตอนนั้นก่อนที่ซย่าโหวฉิงเทียนจะกลับสู่ต้าโจว เขาเคยชี้หน้าเชียนลั่วเฉิงพร้อมกับลั่นวาจาเอาไว้ว่า

 

 

“เชียนลั่วเฉิง เจ้าคอยดูเถอะ! ข้าจะต้องกลับมาที่นี่อย่างแน่นอน!”

 

 

เดิมทีทุกคนคิดว่านั่นเป็นคำพูดเพราะความโกรธเคืองของเด็กสิบขวบเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าระยะเวลาผ่านไปอีกยี่สิบปี เขาจะถืออาวุธควบม้ากลับมาที่นี่จริงๆ!

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขากลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้ง ทั้งยังเล่นงานปรมาจารย์จนย่อยยับถึงเพียงนี้ สมคำร่ำลือจริงๆ!

 

 

หลายปีที่ผ่านมา ต้าโจวและฉินจื้อสมานฉันท์อยู่กันด้วยดีมาโดยตลอด ไม่เคยเกิดความขัดแย้งใดๆ

 

 

ตรงกันข้ามกลับเป็นแคว้นซีเย่ว์เสียอีก ที่ล่วงเกินซย่าโหวฉิงเทียนเข้า ถูกเขาเล่นงานจนสะบักสะบอมล้มลุกคลุกคลานเหตุเพราะสอดมือเข้าไปยุ่มย่ามเรื่องภายในต้าโจว ในวันนี้ยังต้องเป็นฝ่ายที่บ้านเมืองล่มสลาย…

 

 

เมื่อนึกถึงความโหดร้ายและความผิดต่างๆ ของชายชุดสีม่วงที่อยู่ตรงหน้านี้ ในใจใครหลายคนก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนมาทำอะไรที่นี่

 

 

คงไม่ได้มาทวงความยุติธรรมคืนจากชีวิตที่ต้องตกเป็นตัวประกันเมื่อสิบปีก่อนกระมัง!

 

 

         “พวกเจ้าเป็นอะไรไปกันหมด เสียสติกันไปแล้วหรือ รีบเข้าไปจับเขาสิ!”

 

 

ก้อนเนื้อสองก้อนที่หน้าอกของตี้อู่หงเยี่ยแดงช้ำเลือด ก้อนเนื้อที่เดิมทีกลมเกลี้ยงราวลูกบอลถูกเหยียบจนแบนราวแผ่นขนมปัง นางประคองร่างตนเองขึ้นมา ทันใดนั้นสาวน้อยผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากรถม้า

 

 

“ใครกล้าบังอาจ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนเดินออกมายืนเคียงข้างซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

จู่ๆ ก็มีสาวน้อยอีกคนโผล่ขึ้นมาจากไหนไม่รู้ ทำให้ตี้อู่หงเยี่ยกัดฟันกรอด

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นท่าทีอ่อนโยนที่ซย่าโหวฉิงเทียนปฏิบัติต่อนาง ตี้อู่หงเยี่ยก็รับรู้ได้ในทันทีว่าทั้งสองคือคนรักกัน

 

 

มันช่างบาดตายิ่งนัก!

 

 

“เจ้าเป็นใคร”

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยจ้องมองอวี้เฟยเยียนด้วยสายตาแค้นเคือง

 

 

“เหอะ…”

 

 

อวี้เฟยเยียนยิ้มแล้วเอ่ยนามตนเองออกมา

 

 

“ข้าคืออวี้หลัวช่า”

 

 

“อีกเรื่องหนึ่ง นี่คือบุรุษของข้า และข้าก็เกลียดการที่มีผู้ใดจ้องหน้าเพ้อฝันถึงบุรุษของข้าที่สุด!”

 

 

อวี้หลัวช่า!

 

 

เป็นนางจริงหรือนี่!