ตอนที่ 95-4 คู่รักจอมโหดที่มาหาเรื่อง

จำนนรักชายาตัวร้าย

ตี้อู่หงเยี่ยทั้งตะลึงทั้งโกรธ คนที่นางตามหาด้วยความยากลำบาก ที่แท้มาอยู่ในรถม้านี่เอง

 

 

ชาวบ้านที่มุงดูอยู่โดยรอบ เมื่อได้ยินชื่อว่าอวี้หลัวช่าก็พากันกรูเข้ามา

 

 

“ใต้เท้าอวี้หลัวช่าจริงด้วย!”

 

 

ชาวบ้านคนหนึ่งที่เคยเข้ารับการรักษาจากอวี้เฟยเยียน เมื่อเห็นว่าเป็นอวี้เฟยเยียนจริงจึงร้องขึ้น

 

 

“ใต้เท้าอวี้หลัวช่าจริงด้วย ใต้เท้าอวี้หลัวช่า ท่านกลับมาแล้ว!”

 

 

“ใต้เท้าอวี้หลัวช่า ในที่สุดท่านก็มา!”

 

 

“นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้พบใต้เท้าอวี้หลัวช่าอีกครั้ง!”

 

 

พลัน ผู้คนต่างพากันเรียกขานชื่ออวี้หลัวช่าระงม

 

 

เมื่อครั้งที่อวี้หลัวช่าเข้าช่วยเหลือหยุดยั้งโรคติดต่อที่แคว้นฉินจื้อ นางช่วยชีวิตคนเอาไว้มากมาย

 

 

นางไม่เพียงแต่ไม่คิดค่ารักษา ทั้งยังมอบหยูกยาให้กับชาวบ้านไปอีกด้วย ดังนั้นนางจึงมีชื่อเสียงเลื่องลือในหมู่ชาวบ้านยิ่งนัก นี่ก็เป็นสาเหตุที่หลิวกุ้ยเฟยอาฆาตแค้นกับนาง ด้วยเกรงว่านางจะแต่งงานกับเยี่ยน อ๋อง แล้วจะยิ่งทวีความนิยมให้กับเยี่ยนอ๋องมากขึ้นไปอีก

 

 

“ขอบคุณทุกคนมากนะ!”

 

 

น้ำใจจากชาวบ้าน อวี้เฟยเยียนตอบรับอย่างมีมารยาท

 

 

เทียบกับตี้อู่หงเยี่ยที่เอาแต่ยกตนว่าสูงส่งแล้ว ประชาชนชื่นชอบอวี้เฟยเยียนที่สมถะเข้าถึงได้ง่ายมากกว่า

 

 

อวี้เฟยเยียนช่วยชีวิตรักษาผู้คน สิ่งที่นางกระทำล้วนแต่เป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งสิ้น

 

 

อีกทั้งเมื่อได้ยินว่าอวี้เฟยเยียนเปิดหอคืนชีพอยู่ที่ต้าโจว รักษาคนจนที่เจ็บไข้ได้ป่วยโดยไม่คิดเงิน ทุกคนก็รู้สึกอิจฉาประชาชนชาวต้าโจวเป็นยิ่งนัก

 

 

เรื่องดีๆ เช่นนี้ เมื่อไหร่กันนะที่จะมาถึงชาวฉินจื้อบ้าง

 

 

“ใต้เท้าอวี้หลัวช่า ที่ท่านมายังฉินจื้อนี่ เพราะต้องการประลองวิชาแพทย์กับใต้เท้าเยี่ยใช่หรือไม่”

 

 

คนผู้หนึ่งกล่าวถามขึ้น

 

 

“ประลองวิชาแพทย์เป็นเรื่องรอง ที่ข้ามาที่นี่เหตุผลหลักก็เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับเพื่อนรักของข้าเชียนเยี่ยเสวี่ย!”

 

 

เมื่ออวี้เฟยเยียนกล่าวจบก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นมาท่ามกลางหมู่มวลชาวบ้านทันที

 

 

เชียนลั่วเฉิงโปรดปรานหลิวกุ้ยเฟย ลำเอียงรักแต่เยี่ยอ๋อง มิใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับที่ฉินจื้อตั้งนานแล้ว มีผู้คนไม่น้อยที่สงสารและเห็นใจเยี่ยนอ๋อง ฉู่ฮองเฮาและตระกูลฉู่ยิ่งนัก

 

 

อย่างน้อย เยี่ยนอ๋องก็มีความรู้ความสามารถมากกว่าเยี่ยอ๋อง ฉู่ฮองเฮาเอาก็ทรงเป็นคนดีเปี่ยมด้วยคุณธรรม ตระกูลฉู่ยิ่งดีกว่าพวกตระกูลสูงส่งที่เอาแต่ใช้อำนาจข่มเหงรังแกผู้อื่นมากกว่าเป็นไหนๆ

 

 

แต่ทว่า เชียนลั่วเฉิงที่เป็นถึงประมุขแคว้นกลับกล่าวโทษเยี่ยนอ๋อง แล้วประชาชนจะทำอะไรได้เล่า

 

 

“ใต้เท้าหลัวซ่า ท่านจะบอกว่าเยี่ยนอ๋องถูกใส่ร้ายอย่างนั้นหรือ”

 

 

ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวถามอย่างกล้าหาญ

 

 

“ไม่เพียงแค่เยี่ยนอ๋องที่ถูกใส่ร้าย ฉู่ฮองเฮาและตระกูลฉู่ล้วนแต่ถูกใส่ร้าย”

 

 

“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ใช่ชาวฉินจื้อ มิอาจก้าวก่ายเรื่องราชกิจภายในฉินจื้อได้ แต่เชียนเยี่ยเสวี่ยคือสหายของข้า! คนเช่นข้านั้นไม่มีอะไรดี ข้ารู้เพียงว่าข้าต้องปกป้องเพื่อน! หนี้ที่ทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ยนี้ ข้าจะทวงคืนอย่างครบถ้วนสาสมแน่นอน!”

 

 

ขณะที่กล่าว แววตาเย็นชาของอวี้เฟยเยียนจ้องไปที่ตี้อู่หงเยี่ยเขม็ง

 

 

ในเมื่อต้องการที่จะฆ่าแกงกันให้ได้ ไม่เจ้าก็ข้าที่จะต้องตายกันไปข้างหนึ่งอยู่แล้ว เช่นนั้นก็คงมิต้องเกรงใจกันอีกต่อไป!

 

 

“อวี้หลัวช่า ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะประลองกัน!”

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยคิดว่าอวี้เฟยเยียนต้องการแก้แค้นให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยทั้งเลือกลงมือในเวลานี้อีกด้วย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ตัวนางที่กำลังบาดเจ็บหนักเช่นนี้คงไม่สามารถหนีรอดเงื้อมมืออวี้เฟยเยียนไปได้

 

 

“ข้ารู้ดี เรื่องนี้ท่านมิจำเป็นต้องย้ำเตือน!”

 

 

อวี้เฟยเยียนยิ้มเยือกเย็นออกมากล่าวทิ้งท้ายว่า

 

 

“หัวสุนัขท่านยังรักษาเอาไว้บนบ่าได้ชั่วคราว วันที่ประลอง จะเป็นวันตายของท่าน!”

 

 

รอจนกระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนจากไป ตี้อู่หงเยี่ยถึงได้ร่วงลงไปกองกับพื้น

 

 

ภายในรถม้า ตี้อู่เฮ่ออีกล่าวถามขึ้น

 

 

“เมื่อครู่เหตุใดท่านถึงไม่สังหารนางเสีย”

 

 

อวี้เฟยเยียนและเชียนเยี่ยเสวี่ยความสัมพันธ์แน่นแฟ้น โอกาสดีเช่นนี้อวี้เฟยเยียนกลับมิยอมลงมือ มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

 

 

หรือว่า นางให้ความสำคัญกับการประลองมากกว่า

 

 

หรือสังหารตี้อู่หงเยี่ยตอนนี้ ออกจะฉวยโอกาสเมื่อนางเพลี่ยงพล้ำเกินไปหน่อย นางไม่กระทำเรื่องเช่นนี้

 

 

“ตอนนั้นมียอดฝีมือจับตาอยู่ใกล้ๆ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวตอบ ตาก็จ้องมองเชียนเยี่ยเสวี่ยที่กำลังหลับสนิทไม่วางตา

 

 

นางมิสนใจชื่อเสียงเกียรติยศอะไรแม้แต่น้อย ทั้งมิสนใจการประลองวิชาแพทย์อะไรนั่นด้วย ในเมื่อทำร้ายเชียนเยี่ยเสวี่ย ตี้อู่หงเยี่ยก็ต้องตายเท่านั้น

 

 

แม้จะไม่รู้ว่ายอดฝีมือที่อยู่ในที่มืดเป็นใคร แต่อวี้เฟยเยียนรู้ดีว่าวรยุทธ์เขาสูงขั้นกว่านางเป็นไหนๆ

 

 

หาก มีเพียงแค่นางและซย่าโหวฉิงเทียนสองคนละก็นางจะลงมืออย่างแน่นอน

 

 

แต่ในรถม้ายังมีเชียนเยี่ยเสวี่ยที่บาดเจ็บกับตี้อู่เฮ่ออีที่วรยุทธ์ไม่สูงนักอยู่ด้วย

 

 

นางเกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิชามารเบี่ยงเบนความสนใจนางออกไป แล้วมุ่งโจมตีเชียนเยี่ยเสวี่ย ด้วยเหตุนี้อวี้เฟยเยียนจึงได้อดทนไว้ไม่ยอมลงมือ

 

 

ตี้อู่เฮ่ออีก็พอที่จะคาดเดาความกังวลของอวี้เฟยเยียนได้

 

 

ในเวลาเช่นนี้อวี้เฟยเยียนยังคิดถึงเชียนเยี่ยเสวี่ย นางช่างเปี่ยมด้วยน้ำใจจริงๆ ไม่เสียแรงที่เชียนเยี่ยเสวี่ยที่บาดเจ็บสาหัสจะหอบร่างที่บอบช้ำไปของนางออกไปพบอวี้เฟยเยียนให้ได้!

 

 

เมื่อถึงที่พัก และตี้อู่เฮ่ออีเคาะประตู หนานกงจื่อหลิงก็รีบมาเปิดประตูทันที

 

 

ทว่าเมื่อซย่าโหวฉิงเทียนได้พบหน้าหนานกงจื่อหลิงเข้า เขาถึงกับขมวดคิ้ว

 

 

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยมายังฉินจื้อ หนานกงจื่อหลิงก็อยู่ที่ฉินจื้อ นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า

 

 

ประโยคเมื่อครู่ของซย่าโหวฉิงเทียนทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก หนานกงจื่อหลิงเองก็ขมวดคิ้วสงสัยเช่นกัน

 

 

“พี่เฮ่ออี เขาเป็นใครกัน เหตุใดถึงไร้มารยาทเช่นนี้”

 

 

ตอนนั้นเองซย่าโหวฉิงเทียนถึงนึกขึ้นได้ว่าตนเองนั้นได้กลายเป็นอีกคนไปแล้ว ซึ่งหนานกงจื่อหลิงจำเขาไม่ได้ ดังนั้นซย่าโหวฉิงเทียนรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ แล้วตอบกลับเสียงเรียบ

 

 

“จำคนผิด!”

 

 

อวี้เฟยเยียนหาได้สนใจกับเหตุการณ์สั้นๆ นั้นไม่ ความสนใจนางในตอนนี้พุ่งตรงไปที่เชียนเยี่ยเสวี่ยเพียงคนเดียว

 

 

เวลานี้ ภายในวังหลวงแห่งแคว้นฉินจื้อกำลังวุ่นวายอย่างหนัก

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียนมาที่นี่อย่างนั้นหรือ”

 

 

เชียนลั่วเฉิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกแน่นหน้าอกจวนเจียนจะเป็นลมขึ้นมา

 

 

ทำไมถึงไม่มีเรื่องดีเลยสักเรื่องนะ!

 

 

กองทัพทหารนับแสนของซย่าโหวจวินอวี่ก็ทำให้เชียนลั่วเฉิงปวดหัวพออยู่แล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนยังมาปรากฏตัวที่ฉินจื้อตอนนี้อีก

 

 

เขามาเพื่ออะไรกันนะ

 

 

หรือเขาแค้นเคืองเรื่องที่ตนต้องมาเป็นตัวประกันในปีนั้นไม่สร่าง จึงมาที่นี่เพื่อหาเรื่อง

 

 

กล้าเกินไปแล้วกระมัง!

 

 

เขาไม่เกรงกลัวว่าข้าจะเด็ดหัวเขาเสีย หรืออย่างไรกัน

 

 

แต่เชียนลั่วเฉิงก็มีความอดทนเพียงพอที่ฟังต่อว่าเรื่องราวดำเนินต่อไปอย่างไร ครั้งเมื่อได้ฟังเรื่องที่ซย่าโหวฉิงเทียนควบม้าเหยียบอกตี้อู่หงเยี่ยเข้าให้แล้ว เขาถึงกับหน้าถอดสีทีเดียว

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนโหดเ**้ยมถึงเพียงนี้

 

 

จะชั่วดีอย่างไรเยี่ยหงก็เป็นถึงปรมาจารย์ แล้วเจ้าก็เล่นงานปรมาจารย์เสียจนหมอบเช่นนี้ มันไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ หรือซย่าโหวฉิงเทียนก็เป็นปรมาจารย์เช่นกัน

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจเชียนลั่วเฉิงก็เริ่มปวดขึ้นมา

 

 

ต้าโจวมีจอมเทวาคนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังมีซย่าโหวฉิงเทียนเพิ่มมาอีกคน นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ซย่าโหวจวินอวี่ทำบุญมาด้วยอะไรกัน!

 

 

แต่ เรื่องที่ทำให้เชียนลั่วเฉิงยิ่งเจ็บปวดรวดร้าวเข้าไปอีกนั้นคืออีกเรื่อง

 

 

“เจ้าบอกว่า ซย่าโหวฉิงเทียนมาเป็นเพื่อนอวี้หลัวช่าอย่างนั้นหรือ พวกเขาเป็นคนรักกัน อีกทั้งที่อวี้หลัวช่ามาเพื่อแก้แค้นให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย”

 

 

เชียนลั่วเฉิงเรียบเรียงได้ดังนั้นเขาก็ถึงกับส่ายหัวหมดหวังแล้วทรุดนั่งลงที่พื้น

 

 

ปีนั้นเชียนเยี่ยเสวี่ยตามจีบอวี้หลัวช่า เรื่องคนทั้งสองโจษจันกันไปทั่ว

 

 

เพราะหลังจากเรื่องที่ว่าอวี้หลัวช่าสำเร็จทั้งจอมเทวาและจักรพรรดิโอสถแพร่ออกไป เชียนลั่วเฉิงเกรงว่านางและเชียนเยี่ยเสวี่ยจะผนึกกำลังรวมเป็นพวกเดียวกัน แล้วจะกระทบต่ออนาคตของเยี่ยอ๋อง ดังนั้นเชียนลั่วเฉิงจึงใช้ชีวิตฉู่ฮองเฮาข่มขู่ หลอกให้เชียนเยี่ยเสวี่ยกลับมา

 

 

เช่นนี้แล้วจึงสามารถแยกเชียนเยี่ยเสวี่ยและอวี้หลัวช่าออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิง!

 

 

มาตอนนี้สิ เพชรในมือกับถูกซย่าโหวฉิงเทียนคว้าเอาไปเสียแล้ว!

 

 

หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงจะยินยอมให้เชียนเยี่ยเสวี่ยซึ่งเป็นลูกชายเขาคว้าเอาเพชรเม็ดนั้นมาไว้เสียตั้งแต่แรก!

 

 

มิน่าเล่า ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้มั่นอกมั่นใจเสียขนาดนั้น เพราะอวี้หลัวช่าเป็นพวกต้าโจวตั้งแต่ต้น แล้วซย่าโหวฉิงเทียนจะไม่ลำพองใจได้อย่างไรกัน!

 

 

แย่แล้ว แย่แล้ว!

 

 

จู่ๆ เชียนลั่วเฉิงชักจะสังหรณ์ไม่ดี

 

 

อวี้หลัวช่ามุ่งมาหาเรื่องด้วยข้ออ้างที่ว่าต้องการแก้แค้นให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ย ส่วนซย่าโหวฉิงเทียนที่เคยตกเป็นตัวประกันในอดีตก็ถูกรังแกมาไม่น้อย เขามากับอวี้หลัวซ่าในครั้งนี้ด้วย จะต้องมีเจตนาไม่ดีเป็นแน่

 

 

จู่ๆ ก็มีเทพองค์ใหญ่มาพร้อมกันถึงสององค์ ไม่คิดจะให้เขามีชีวิตรอดเลยใช่หรือไม่!

 

 

เยี่ยหงเชื่อถือไม่ได้แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจที่สุดในฉินจื้อก็เป็นเพียงขั้นราชัน

 

 

ขั้นราชันเท่านั้นเอง!

 

 

เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บของจอมเทวา…

 

 

พลันเชียนลั่วเฉิงก็รู้สึกเย็นวูบที่ลำคอ ถึงกับต้องคลำว่าศีรษะตนยังอยู่บนบ่าเช่นเดิมหรือไม่เลยทีเดียว

 

 

ต้าโตวเดิมทีก็เป็นพวกจิตใจเ**้ยมโหดอยู่แล้ว ซย่าโหวจวินอวี่จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เขาคิดที่จะลงมือกับฉินจื้อมาตั้งนานแล้ว

 

 

ตอนนี้ เป็นโอกาสของเขาแล้วสินะ!

 

 

ได้ยินว่าซย่าโหวฉิงเทียนสำคัญกับซย่าโหวจวินอวี่ยิ่งนัก หากเขาเกิดเรื่องที่ฉินจื้อละก็ จิ้งจอกเฒ่ามิตามมาเอาชีวิตเขาถึงที่ฉินจื้อนี่เลยหรือ!

 

 

ในเวลานั้น เชียนลั่วเฉิงเริ่มว้าวุ่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

 

ไม่รู้ว่าเริ่มจากตรงไหนกัน ที่หมากกระดานนี้เริ่มมีอะไรแปลกไป

 

 

ร่างเชียนเยี่ยเสวี่ยตอนนี้ก็ยังหาไม่พบ พวกโจรตระกูลฉู่ก็ยังหายสาบสูญไปโดยไร้เบาะแส ตอนนี้ปรมาจารย์ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังของฉินจื้อส่วนใหญ่ถูกลดทอน

 

 

แต่ละเรื่องล้วนแต่ไม่ได้ดั่งใจ! ไม่มีข่าวดีเลยสักเรื่อง!

 

 

ทันใดนั้นเชียนลั่วเฉิงก็นึกถึงคู่หญิงชายที่เข้ามาก่อเรื่องในวังหลวง จนทำให้หลิวกุ้ยเฟยตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

 

 

หรือ…คนทั้งสองก็คือซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้หลัวช่า

 

 

ยิ่งคิด เชียนลั่วเฉิงก็ยิ่งรู้สึกว่าการคาดการณ์ของตนเองนั้นถูกต้อง!

 

 

คนพวกนั้นบังอาจยิ่งนัก ไม่เห็นใครในสายตา!

 

 

นอกจากความเคืองแค้น เชียนลั่วเฉิงนั้นรู้ดีว่า หากคนทั้งสองจะเด็ดหัวเขามันง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

 

 

ไม่ได้!

 

 

เขาจะนั่งรอความตายมิได้!

 

 

หากปล่อยให้ตัวอันตรายอยู่เมืองหลวงนี้ต่อไป เขาต้องอกสั่นขวัญแขวน จิตใจไม่สงบสุขเป็นแน่

 

 

จะต้องทำอะไรสักอย่าง!

 

 

เชียนลั่วเฉิงระดมสมองตนคิดใคร่ครวญหาวิธีอย่างหนัก เพื่อหาวิธีรับมือกับอวี้หลัวช่าและซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยใช้ป้ายคำสั่งใบไม้เขียวที่ตระกูลหนานกงมอบให้กับนางเมื่อครั้งที่นางออกจากเมืองอู๋โยว สั่งการให้อู่เม่ยไปสังหารซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้หลัวช่าเสีย

 

 

“เจ้ามิใช่ต้องประลองวิชาแพทย์กับอวี้หลัวช่าหรือ”

 

 

อู่เม่ยที่ขณะนี้มีผ้าดำปกปิดใบหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตาและริมฝีปากเท่านั้น มองดูแล้วให้ความรู้สึกแปลกประหลาดลึกลับยิ่งนัก

 

 

“ประลองวิชาแพทย์ ในสภาพนี้นะหรือ ข้าจะประลองได้อย่างไรกัน!”

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยแค่เปล่งเสียงพูดจามาประโยคหนึ่ง หน้าอกนางก็จะตึงคัดอย่างหนัก

 

 

ในฐานะที่เป็นหญิง ตำแหน่งที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของร่างกายเสียหายไป ทำเอาตี้อู่หงเยี่ยถึงกับอยากตายเลยทีเดียว

 

 

“อู่เม่ย ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะใช้วิธีการอะไร จับซย่าโหวฉิงเทียนมาให้ข้าให้ได้ สำหรับอวี้เฟยเยียน เจ้าจะทำอย่างไรกับนางก็ได้!”

 

 

มองดูการแต่งกายที่แปลกประหลาดพิลึกพิลั่นของอู่เม่ย ตี้อู่หงเยี่ยถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง

 

 

“แม่นางคนนั้น ผิวพรรณขาวใส เจ้าชอบสะสมหนังมนุษย์ที่สุดมิใช่หรือ เชื่อข้า นางจะต้องทำให้เจ้าพอใจ!”

 

 

คำพูดตี้อู่หงเยี่ยทำให้อู่เม่ยแสยะยิ้ม ‘หึหึ’ ชั่วร้ายน่าเกลียดออกมา

 

 

“ไม่ต้องรอให้ท่านบอกหรอก ข้าเห็นนางกับตามาแล้ว ใช้ผิวนางทำเป็นตุ๊กตาหนังมนุษย์ เหมาะสมที่สุด!”

 

 

อู่เม่ยกล่าวไปพลาง เลียริมฝีปากไปพลาง

 

 

“นางจะต้องเป็นตุ๊กตาหนังมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด!”

 

 

อวี้หลัวช่าเป็นที่ดึงดูดของอู่เม่ย ตี้อู่หงเยี่ยก็วางใจแล้ว!

 

 

หมอนี่ไม่มีความชอบอื่นใด นอกจากชอบที่จะกรอกสารปรอทเข้าไปในร่างของคน แล้วถลกหนังแล่เนื้อคนแยกออกจากกันทั้งเป็น จากนั้นจึงค่อยสูบลมเข้าไปในหนังมนุษย์นั้น ทำเป็นตุ๊กตาหนังมนุษย์

 

 

ถึงแม้ว่าความชอบนี้คล้ายจะเป็นโรคจิตวิปลาสและน่าขยะแขยง แต่ตี้อู่หงเยี่ยก็รู้ดีว่าเป็นเพราะอย่างนี้ อู่เม่ยจึงได้ยอมช่วยเหลือนาง

 

 

อวี้หลัวช่าหากเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมืออู่เม่ยละก็ นางก็รอที่จะตายทั้งเป็นได้เลย!

 

 

ตี้อู่หงเยี่ยยิ้มร้ายออกมา