“อวี้หลัวช่าตายได้ แต่ซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องจับกลับมาเป็นๆ ”
เมื่อคิดถึงซย่าโหวฉิงเทียน ในใจตี้อู่หงเยี่ยก็เกิดความสับสนอลหม่าน
ชายผู้นี้โหดเ**้ยมจริงๆ!
ทำเช่นนี้กับนางได้
หรือเขาตาบอด มองไม่เห็นความงามของนางหรืออย่างไรกัน
อย่างน้อยนางก็ดีกว่าสาวน้อยที่เอาแต่เขินอายข้างกายเขาละน่า นางต่างหากที่ทั้งทรงเสน่ห์และมีอำนาจที่สุด!
ความสวยในสายตาเขาแปลกประหลาดไม่น้อย!
คงเพราะเขาไม่เคยเจอหญิงสาวคนอื่น ไม่เคยลองลิ้มชิมรสหญิงสาว ดังนั้นถึงได้รู้สึกแปลกใหม่
ตี้อู่หงเยี่ยปลอบใจตัวเอง
เผ่าตานเป็นชนเผ่าที่วิเศษยิ่งนัก
ผู้ชายในชนเผ่าหน้าตาธรรมดา ทว่าหญิงสาวกลับหน้าตางดงามเลื่องลือ นี่กเหตุผลว่าเพราะเหตุใด ชนเผ่าอื่นๆ ถึงได้อยากแต่งงานกับหญิงสาวชนเผ่าตานนัก
ที่น่าแปลกกว่าคือ หญิงสาวเผ่าตานที่สูญเสียพรหมจรรย์แล้วจะมีกลิ่นหอมพิเศษกำจายออกมาไปชั่วชีวิต ซึ่งกลิ่นหอมของหญิงแต่ละคนแตกต่างกัน และต่อให้เป็นกลิ่นดอกไม้ชนิดเดียวกัน ก็จะมีระดับความเข้มหรือเบาบางของกลิ่นที่ต่างกันชัดเจน
เพราะเหตุนี้ หญิงสาวเผ่าตานจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘หญิงหอม’
กลิ่นหอมดอกขจรที่เข้มข้นรัญจวนจากร่างตี้อู่หงเยี่ยคือเสน่ห์ที่น่าดึงดูดที่สุด ทำให้นางมั่นอกมั่นใจหนักหนาว่าไม่มีชายใดจะต้านทานความหอมนี้ได้
นึกไม่ถึงว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะเป็นพวกหัวแข็งเคี้ยวยากเช่นนี้
เขาแทบไม่สนใจความรักหนุ่มสาวเลยก็ว่าได้ ทั้งยังทำลายเกียรติที่นางภูมิใจหนักหนา ด้วยการทำลายส่วนที่น่าภูมิใจที่สุดของสตรี
น่าแค้นใจที่สุด!
ถึงแม้ว่าในใจนางจะด่าทอเขาอย่างหนักหน่วง แต่ในแววตาตี้อู่หงเยี่ยก็ยังปรากฏเงาซย่าโหวฉิงเทียนที่วูบไหวอยู่
หากนางเดาไม่ผิดละก็ เขายังเป็นหนุ่มบริสุทธิ์อยู่!
ในยุคนี้ ชายที่ร่างกายบริสุทธิ์นับเป็นสิ่งมีค่าที่หายากยิ่งนัก! นับประสาอะไรกับชายบริสุทธิ์ที่เต็มไปด้วยพลังหยางเช่นเขา นับเป็นของบำรุงล้ำค่าให้กับร่างกายยิ่งนัก
ดังนั้น นางจะต้องครอบครองซย่าโหวฉิงเทียนให้จงได้!
ถึงแม้ว่าซย่าโหวฉิงเทียนจะจัดการยาก แต่ตี้อู่หงเยี่ยก็มีวิธีการของนาง
นางพกพาเครื่องหอมนานาชนิดมาด้วย เครื่องหอมนี้แม้ใช้เพียงเล็กน้อยเท่าขนาดข้าวสาร ก็จะทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นหมาป่าร้าย รอให้นางจับซย่าโหวฉิงเทียนมาได้ก่อนเถอะ นางมีวิธีการมากมายที่จะทำให้เขามาสยบอยู่แทบเท้านาง
นานทีปีหนนางจะออกมาข้างนอกสักครั้ง จะไม่หาความสุขเลยได้อย่างไรกันเล่า!
ขยะที่ไร้ค่าที่บ้านนางนั้น ไม่นับเป็นชายด้วยซ้ำไป
ในตอนนั้นหากมิใช่เห็นแก่อิทธิพลของตระกูลหนานกง นางจะยอมแต่งงานกับเจ้าขยะนั่นได้อย่างไร! นางไหนเลยจะยอมมอบความสุขทั้งชีวิตให้กับเขา!
เรื่องซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียน ตี้อู่หงเยี่ยและอู่เม่ยได้ข้อสรุปที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย นั่นก็คือ ซย่าโหวฉิงเทียนเป็นของตี้อู่หงเยี่ย ส่วนอวี้เฟยเยียนเป็นของอู่เม่ย
คนหนึ่งต้องการพลังหยางมาบำรุงร่างกาย อีกคนต้องการตุ๊กตาหนังมนุษย์
แต่ทว่า ภารกิจที่ทั้งสองต้องรีบทำในตอนนี้นั่นก็คือตามหาที่พำนักคนทั้งสองให้เจอเสียก่อน
ก่อนหน้านี้อู่เม่ยเคยสะกดรอยตามรถม้าของพวกเขา แต่สุดท้ายก็ถูกซย่าโหวฉิงเทียนสลัดทิ้งอย่างง่ายดาย
ดังนั้น ไม่ว่าจะคิดไว้สวยงามอย่างไร หากหาที่พำนักพวกเขาไม่พบ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เท่ากับว่างเปล่า
อวี้เฟยเยียนลงมือต้มโจ๊กบำรุงร่างกายด้วยตัวเอง แล้วป้อนให้กับเชียนเยี่ยเสวี่ยทีละคำคำ นางใส่ยาบำรุงร่างกายลงในโจ๊กมากมาย ครั้งนี้ลมปราณเชียนเยี่ยเสวี่ยได้รับบาดเจ็บหนักจึงต้องบำรุงให้ดี
“ช่าช่า รสมือเจ้ายอดเยี่ยมปานนี้ เป็นบุญของหมอนั่นยิ่งนัก!”
เมื่อเชียนเยี่ยเสวี่ยได้รับรู้เรื่องความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจากปากของอวี้เฟยเยียน นางก็มีสีหน้าเสียดายอย่างที่สุด
“ข้าน่าจะเป็นผู้ชาย!”
“ฝันไปเถอะ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นมาลอยๆ และกล่าวต่ออีกว่า
“หากเจ้าเป็นผู้ชายละก็ คงจะตายนานแล้ว…”
คำพูดเขาทำให้ผู้ที่ได้ยินโมโหในทันที
ทว่าสิ่งที่เขาพูดกลับเป็นเรื่องจริงเสียนี่ หากเชียนเยี่ยเสวี่ยเป็นผู้ชาย แล้วมาแย่งชิงอวี้เฟยเยียนกับเขาละก็ ซย่าโหวฉิงเทียนก็คงจะเชือดเขาไปตั้งนานแล้ว
“จะว่าไปก็ต้องขอบพระทัยเสด็จแม่ของข้า ที่ให้ข้าเกิดเป็นหญิง มิเช่นนั้นป่านนี้ข้าคงไปพบยมบาลแล้วกระมัง”
“นั่นสิ!”
ซย่าโหวฉิงเทียนตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ
ถึงแม้ตานางจะมองไม่เห็น แต่เชียนเยี่ยเสวี่ยก็จับทิศทางที่มาของเสียงได้
เจ้าหมอนี่ น่ารังเกียจแม้กระทั่งคำพูดคำจา!
ด้วยเรื่องเชียนเยี่ยเสวี่ยทำให้ทุกคนยุ่งเหยิงอยู่นาน และเพื่อเป็นแสดงความขอบคุณและซาบซึ้งในบุญคุณตี้อู่เฮ่ออีและหนานกงจื่อหลิง อวี้เฟยเยียนลงครัวทำอาหารด้วยตัวเอง เพื่อฉลองที่ทุกคนได้อยู่พร้อมหน้า
ถึงแม้เชียนเยี่ยเสวี่ยจะยังกินเนื้อปลาไม่ได้ ดื่มสุราก็ดื่มไม่ได้ แต่ได้ฟังจากเสียงชื่นชมจากหนานกงจื่อ หลิงรวมทั้งเสียงร้องมีความสุขของตี้อู่เฮ่ออีแล้ว นางก็พอจะเดาออกได้ว่ารสมืออวี้เฟยเยียนยอดเยี่ยมสักเพียงไหน ในใจนางยิ่งรู้สึกว่าซย่าโหวฉิงเทียนช่างมีวาสนายิ่งนัก
ขณะที่กินข้าวกัน ซย่าโหวฉิงเทียนเอาแต่นิ่งเงียบ สายตาก็คอยลอบมองหนานกงจื่อหลิงโดยตลอด เขาไม่เคยลืมเลือน เหตุการณ์ร้ายที่ตนเองต้องเผชิญในอดีต
หากกล่าวถึงความอบอุ่นหนึ่งเดียวจากตระกูลหนานกงละก็ ความอบอุ่นนั้นก็มาจากน้องสาวต่างบิดานี่เอง
ถึงแม้มีชาติกำเนิดมาจากตระกูลหนานกง แต่น้องสาวคนเล็กคนนี้ตั้งแต่เล็กจนโตก็น่ารักสดใสบริสุทธิ์นางไม่เคยหลีกหนีหรือหลบหลีกเขา เพียงเพราะเขาเติบโตมาผิดแผกจากผู้อื่นเลยสักครั้ง ตรงกันข้ามเขาและน้องสาวสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก และนี่คือเหตุผลที่ซย่าโหวฉิงเทียนต้องเดินทางไปที่ตระกูลหนานกงในเทศกาลปีใหม่ของทุกปี
แรกเริ่มเดิมที เขาไปเพื่อตามหามารดา ร้องขอความรักจากมารดา ตามหาความรักของแม่ที่มีต่อลูกเช่นเขา
แต่ท่าทีของซย่าจื่ออวี้ที่เย็นชาขึ้นในทุกครั้ง
คำพูดเหล่านั้นของนาง ทำร้ายศักดิ์ศรีและหัวใจซย่าโหวฉิงเทียน
ในตอนที่ซย่าโหวฉิงเทียนเจ็บปวดท้อแท้ใจอย่างที่สุด ต้องการจะยอมแพ้ราบคาบนั้น บังเอิญได้ช่วยเหลือหนานกงจื่อหลิงที่ตกน้ำเอาไว้
ในตอนนั้น ตุ๊กตาน้อยที่ร่างเปียกโชกจับชายเสื้อเขาเอาไว้แน่นและเอ่ยปากขอร้อง
“พี่ใหญ่ ท่านมาเยี่ยมหลิงเอ๋อร์ทุกปีได้ไหม ในใจท่านพ่อและท่านแม่มีแต่พี่รอง หลิงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ตัวคนเดียว หลิงเอ๋อร์กลัว!”
วินาทีนั้น ความรู้สึกที่เรียกว่าญาติสนิทบังเกิดขึ้นในใจเขา และมันกำลังถูกหลอมละลายโดยเด็กหญิงตัวน้อยที่แสนบอบบางคนนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงได้รับปาก
นับตั้งแต่นั้น ทุกปีซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องไปที่บ้านตระกูลหนานกงแล้วพักอยู่สองสามวัน ไม่ใช่เพื่อ ซย่าจื่ออวี้ แต่เป็นการทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหนานกงจื่อหลิงต่างหาก
ซึ่งหนานกงจื่อหลิงเข้ามาเติมเต็มความปรารถนาที่เรียกว่าพี่น้องในใจซย่าโหวฉิงเทียน
นางมักจะเก็บสิ่งดีๆ เอาไว้แบ่งปันร่วมกันกับซย่าโหวฉิงเทียนเสมอ
ถึงแม้ว่าหนานกงจื่อหลิงกับหนานกงเช่อต่างหากที่เป็นพี่น้องแท้ๆ แต่ความสัมพันธ์ของนางกับพี่ใหญ่กลับดียิ่งกว่า
ซย่าโหวฉิงเทียนเองก็รักน้องสาวคนเดียวนี้ยิ่งนัก
แต่ทว่า คนพวกนั้นกลับยืมมือนางมาทำร้ายเขา นี่เป็นสิ่งที่ซย่าโหวฉิงเทียนคาดไม่ถึง
คงเป็นเพราะเขาที่อยากจะได้รับความรักจากพี่น้องเฉกเช่นคนทั่วไปมากเกินไป ดังนั้นหนานกงจื่อหลิงจึงกลายเป็นจุดอ่อนให้คนอื่นได้หลอกใช้
ถึงแม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะผ่านไปแล้ว และเขาได้รับการช่วยเหลือจากอวี้เฟยเยียนจนฟื้นคืนกลับเป็นปกติ และซย่าโหวฉิงเทียนเองก็รู้ดีว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหนานกงจื่อหลิงเลยแม้แต่น้อย ทว่า ซย่าโหวฉิงเทียนและตระกูลหนานกงได้สร้างความแค้นต่อกัน เขากับซย่าจื่ออวี้ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กันเด็ดขาดแล้ว
ทั้งสองฝ่ายจะต้องตายกันไปข้างหนึ่งมิเช่นนั้นคงมิเลิกรา นี่เป็นจุดจบกรรมที่พวกเขาร่วมสร้างกันมา จะโทษที่เขาน้ำมือเ**้ยมโหดมิได้!
สิ่งเดียวที่ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนมิอาจวางใจได้นั่นก็คือ หนานกงจื่อหลิง
นางเป็นผู้ที่อยู่ตรงกลางระหว่างพ่อแม่พี่น้องของนางและซย่าโหวฉิงเทียน สถานการณ์นางมิเพียงอึดอัดทั้งยังลำบากใจมากอีกด้วย
เพราะไม่ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายย่อยยับ นางก็เจ็บปวดเสียใจทั้งสิ้น
ควรจะทำอย่างไรดี ถึงจะป้องกันมิให้น้องสาวของเขาต้องได้รับความเจ็บปวดนั้น