ตอนที่ 1955 มุ่งสู่เส้นทางวิญญาณ (1)
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา เรื่องของสิบสองวิหารถูกส่งมอบให้กับวิหารหยกวิญญาณทั้งหมดแล้ว ฉูหลิงเย่ได้จัดการให้กองทัพเตรียมตัวเดินทางกลับอาณาจักรล่างตามคำสั่งของจวินอู๋เสีย
ระดับพลังวิญญาณที่มีอยู่ในอาณาจักรกลางนั้นเข้มข้นหนาแน่นกว่าที่อาณาจักรล่างมาก กองทัพห้าหมื่นนายอยู่ที่นี่มาแค่เดือนกว่าๆเท่านั้น พลังของทุกคนก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก การค้นพบนี้ทำให้จวินชิงตื่นเต้นมาก
ตอนที่อยู่ในอาณาจักรล่าง พวกเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน แต่หลังจากมาที่อาณาจักรกลาง พวกเขาก็ตระหนักว่าพลังวิญญาณในอาณาจักรล่างต่ำกว่าอาณาจักรกลางมาก แค่เดือนกว่านิดๆเท่านั้น หลงฉีและจวินชิงที่ติดอยู่ขั้นสีครามก็ทะลวงเข้าสู่ขั้นสีม่วงได้ หลายคนในกองทัพก็ทะลวงขั้นได้สำเร็จเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะอันตรายที่ซ่อนอยู่ซึ่งเกิดจากเก้าอาราม จวินอู๋เสียก็อยากจะให้ทหารห้าหมื่นนายอยู่ฝึกฝนที่อาณาจักรกลางต่อไป
สำหรับสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญอยู่ จวินอู๋เสียได้ปรึกษากับจวินชิงและฉูหลิงเย่อยู่พักหนึ่ง
สิบสองวิหารถูกวิหารหยกวิญญาณยึดครองแล้ว กว่าวิหารหยกวิญญาณจะกำจัดเศษเดนของสิบสองวิหารเก่าได้ทั้งหมด อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลา 2-3 เดือน และภายใน 2-3 เดือนนี้ วิหารหยกวิญญาณเองก็ยังไม่ถือว่ามั่นคง พวกเขาต้องรอจนกระทั่งวิหารหยกวิญญาณรวมสิบสองวิหารเข้ามาก่อน ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาจะมีความมั่นคงในทุกด้าน ทำให้พอจะยับยั้งการกระทำของเก้าอารามได้บ้าง ถึงตอนนั้น ท่านยายเยว่ก็จะส่งศิษย์ของวิหารหยกวิญญาณไปที่อาณาจักรล่าง และเชิญคนจากอาณาจักรล่างมาฝึกฝนในอาณาเขตของวิหารหยกวิญญาณ
และภายใน 2-3 เดือนนี้ พวกเขาจะเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของเก้าอารามอย่างใกล้ชิด หากมีสถานการณ์ใดๆเกิดขึ้น ท่านยายเยว่จะส่งคนไปแจ้งกับจวินชิงและคนอื่นๆในอาณาจักรล่างก่อน
“จะไปแล้วหรือ……” เฉียวฉู่และฮัวเหยาประคองกันและกัน หลังจากรักษาตัวอยู่ระยะหนึ่ง พวกเขาก็สามารถลงจากเตียงมาเดินได้แล้ว แต่ยืนนานๆก็ทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อยมากได้
ผลข้างเคียงของยาแปลงวิญญาณรุนแรงกว่าที่พวกเขาคิด จากการวินิจฉัยของจวินอู๋เสีย อาการของพวกเขาคงที่แล้ว นั่นหมายความว่าในหนึ่งปีนี้พวกเขาจะต้องใช้ชีวิตอย่างอ่อนแอไปตลอดเช่นนี้
แม้ว่าทั้งห้าคนจะบอกว่ายอมทุ่มสุดตัวด้วยทุกอย่างที่มีเพื่อจะได้แก้แค้นให้กับคนในครอบครัว แต่พอเจอกับสถานการณ์ที่ไหล่ยังไม่อาจตั้งตรงมือยังยกไม่ขึ้นแบบนี้ พวกเขาก็รู้สึกยอมรับไม่ได้อยู่บ้าง
จากพลังวิญญาณสีม่วงขั้นสามกลายเป็นสูญสิ้นพลังวิญญาณ เป็นขยะไร้ประโยชน์ที่แค่เดินยังต้องใช้ไม้ค้ำยัน เหล่าผู้เยาว์ที่ภูมิใจในตนเองจะยอมรับง่ายๆได้อย่างไร
“เราแค่จากไปชั่วคราว พวกเจ้าทุกคนดีขึ้นรึยัง? ข้าจะให้หลงฉีเตรียมรถม้าให้พวกเจ้า พวกเจ้าจะได้ขึ้นรถม้าไป ระหว่างทางเราต้องเปลี่ยนไปเดินทางทางน้ำ พวกเจ้าทุกคนต้องดูแลตัวเองให้ดี” จวินชิงมองพวกเฉียวฉู่อย่างลำบากใจเล็กน้อย ร่างกายที่อ่อนแอของพวกเด็กๆทำให้อดกังวลไม่ได้
เส้นทางจากอาณาจักรล่างถึงอาณาจักรกลางนั้นไกลอย่างที่สุด นอกจากเส้นทางบนภูเขาแล้ว เส้นทางน้ำก็กว้างใหญ่มาก แม้ว่าจวินชิงจะเตรียมการไว้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
“รบกวนท่านอาจวินแล้ว เพิ่มภาระให้พวกท่านจริงๆ” หรงรั่วกล่าวขอโทษ
“คิดมากน่า” จวินชิงถือว่าเด็กพวกนี้เป็นหลานของเขามานานแล้วnovel-lucky
พวกผู้เยาว์กำลังเก็บข้าวของกัน ก็เห็นจวินอู๋เสียเดินเข้ามาพร้อมกับจวินอู๋เหยา
“เสี่ยวเสียกับพี่ใหญ่อู๋เหยาไม่กลับไปกับพวกเราหรือ?” เฟยเหยียนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
จวินอู๋เสียมองใบหน้าซีดขาวของพวกเฉียวฉู่ แล้วพูดขึ้นช้าๆว่า “ไม่ใช่แค่ข้าที่ไม่กลับ พวกเจ้าก็ต้องไม่กลับเหมือนกัน”
ตอนที่ 1956 มุ่งสู่เส้นทางวิญญาณ (2)
“หา?” พวกเฉียวฉู่มองจวินอู๋เสียอย่างประหลาดใจ ไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด
“เราจะไม่กลับไปหรือ? ถ้าเราไม่กลับไป สภาพร่างกายของเราตอนนี้ หากยังอยู่ในอาณาจักรกลาง มันจะไม่……” เฟยเหยียนพูดอย่างลังเล แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ต่างไปจากขยะไร้ประโยชน์ อยู่ไปก็มีแต่จะเป็นภาระของจวินอู๋เสีย
“พูดให้ถูก เป็นวิญญาณของพวกเจ้าที่ต้องอยู่” จวินอู๋เสียพูดต่อ
พวกฮัวเหยายิ่งสับสนหนักขึ้น
มีเพียงหรงรั่วที่มองจวินอู๋เหยาซึ่งยืนอยู่ด้านหลังจวินอู๋เสียอย่างครุ่นคิด
จวินอู๋เสียมองเพื่อนๆที่พากันสับสนงุนงง แล้วอธิบายว่า “ข้าปรึกษากับอู๋เหยาแล้ว ในหนึ่งปีที่พวกเจ้าทุกคนโดนผลข้างเคียงของยาแปลงวิญญาณ เขาจะพาวิญญาณของพวกเจ้าไปที่โลกวิญญาณ เราจะไปฝึกฝนกันต่อที่นั่น”
“อะไรนะ?”
“โลกวิญญาณ?”
พวกผู้เยาว์ต่างมีสีหน้าตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
“แต่โลกวิญญาณเป็นสถานที่ที่มีแต่วิญญาณเท่านั้นที่ไปได้ไม่ใช่หรือ? พวกเราจะไปที่นั่นได้ยังไง?” หรงรั่วมองจวินอู๋เสียอย่างสงสัย
เฉียวฉู่หน้าซีดเผือด เขากุมหน้าอกพร้อมกับพูดอย่างสิ้นหวังว่า “เสี่ยวเสีย……เจ้าคิดว่าพวกเราไร้ประโยชน์แล้ว ก็เลยจะฆ่าพวกเราให้กลายเป็นผีเร่ร่อนแล้วไปฝึกที่นั่น……”
[พวกเขาเป็นขยะแค่ปีเดียวเอง……พวกเขายังไม่พร้อมจะตาย……]
มุมปากของจวินอู๋เสียกระตุก นางเมินเฉียวฉู่ที่พูดจาไร้สาระ แล้วหันไปอธิบายกับหรงรั่วแทน “วิธีการนั้น อู๋เหยาจะเป็นคนดำเนินการ พวกเราแค่ต้องทำตามเขาก็เท่านั้น”
จวินอู๋เหยามองพวกเด็กๆที่สับสนงุนงงด้วยรอยยิ้ม แล้วทันใดนั้นร่างของเขาก็แวบหายไปโผล่ตรงหน้าเฉียวฉู่
พอเจอใบหน้าหล่อเหลาในระยะประชิด เฉียวฉู่ก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
[พี่ใหญ่อู๋เหยาหล่อโคตรๆ!]
โดยไม่รอให้เขาได้ส่งเสียงอะไรออกมา มือของจวินอู๋เหยาก็ทะลวงผ่านหน้าอกของเฉียวฉู่ทันที!
“พี่ใหญ่อู๋เหยา ท่านทำอะไร?” ฮัวเหยาผงะ เขามองหน้าอกของเฉียวฉู่ที่มีมือของจวินอู๋เหยาทะลวงเข้าไป ภาพนั้นดูโหดร้ายจนทำให้ทุกคนช็อค!
แม้แต่จวินอู๋เสียก็ตาเบิกโพลงขึ้นเล็กน้อย แต่จวินอู๋เหยาก็ยื่นมือออกมาปิดตาของจวินอู๋เสียทันที
จวินอู๋เหยายิ้มมุมปาก ค่อยๆดึงมือที่ทะลวงเข้าไปในหน้าอกของเฉียวฉู่ออกมา โดยมีร่างวิญญาณถูกดึงออกมาจากร่างกายของเฉียวฉู่!
เมื่อมือของจวินอู๋เหยาออกจากร่างของเฉียวฉู่ เฉียวฉู่ก็ล้มหงายหลังลงไปทันทีพร้อมดวงตาที่ปิดสนิท
โชคดีที่จวินชิงตาไวมือไว เขาพุ่งเข้าไปรับร่างของเฉียวฉู่ได้ทัน
อย่างไรก็ตาม ร่างวิญญาณหนึ่งได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกฮัวเหยา ใบหน้านั้นดูเหมือนเฉียวฉู่เป๊ะ
วิญญาณเฉียวฉู่ยืนอยู่กับที่ด้วยท่าทางประหลาดใจอย่างมาก เมื่อกี้เขารู้สึกเหมือนมีภาพลวงตา ราวกับอยู่ในความฝันที่ทุกอย่างเกินจริง มือของจวินอู๋เหยาทะลุเข้าไปในร่างของเขาชัดๆ แต่เขาไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด แค่รู้สึกไม่สบายตอนที่ถูกดึงเท่านั้น เมื่อความรู้สึกนั้นรุนแรงขึ้น สติของเขาก็พร่าเลือนสับสน พอได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ที่เดิม แต่เมื่อเห็น “ตัวเอง” อยู่ในอ้อมแขนของจวินชิง หัวของเขาก็ว่างเปล่าทันที
“นี่คือวิญญาณของเจ้า” เสียงของจวินอู๋เหยาพลันดังขึ้นในหูของเขา
“วิญญาณ……ของข้า?” เฉียวฉู่ก้มลงมองมือโปร่งแสงทั้งสองข้างของเขาด้วยความตกใจ
ตอนที่ 1957 มุ่งสู่เส้นทางวิญญาณ (3)
เฉียวฉู่รู้สึกดีมาก ความอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย เขาไม่รู้สึกอึดอัดหรือเซื่องซึมอีกต่อไป มีแค่ความรู้สึกว่างเปล่าที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขามองดูสองมือของตัวเอง และสามารถมองเห็นรอยแตกในแผ่นหินบนพื้นผ่านมือโปร่งแสงของเขาได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกที่ไหลผ่านร่างกายของเขานั้นแปลกเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้
“นี่คือวิญญาณหรือ?” ดวงตาของฮัวเหยาเบิกกว้าง ถ้าเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เขาก็คงไม่กล้าเชื่อว่ามีเรื่องแบบนี้อยู่บนโลก ที่ใครบางคนสามารถดึงเอาวิญญาณของคนออกจากร่างได้
ฮัวเหยาก้มลงตรวจสอบลมหายใจที่จมูกของร่างกายเฉียวฉู่ทันที
“การดึงวิญญาณออกจากร่างไม่ส่งผลกระทบใดๆกับร่างกาย แค่ดูเหมือนหลับไปเท่านั้น ความแตกต่างเดียวคือพวกเขาจะไม่ตื่นขึ้นมา” ราวกับมองออกถึงความกังวลของฮัวเหยา จวินอู๋เหยาจึงเปิดปากอธิบาย
“น่าทึ่งจริงๆ” เฉียวฉู่มองตัวเองในร่างวิญญาณ แล้วหันไปมองร่างกายของตน เขาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปสัมผัสร่างของตัวเอง
แต่พอยื่นมือออกไป มือของเขาก็ทะลุผ่านร่างกายของเขา
“นี่……”
“เจ้าเป็นแค่วิญญาณใหม่ ยังไม่เข้าใจคุณสมบัติพิเศษของร่างวิญญาณ ด้วยระดับพลังในวิญญาณของเจ้าตอนนี้ เจ้าจะไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย” จวินอู๋เหยาพูด
“ตอนนี้ข้าเป็นวิญญาณใหม่?” เฉียวฉู่คิดว่าความรู้สึกนี้มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว พอตรวจสอบร่างวิญญาณของตน เขาก็พบว่าภายในหน้าอกของเขามีร่างเล็กจิ๋วขดตัวหลับสนิท
ร่างนั้นไม่ได้โปร่งแสง มันมีสีขาวและดำ ขดตัวเป็นลูกบอล ดูน่ารักอย่างยิ่ง
“โรลลี่?” เฉียวฉู่มองเจ้าก้อนขนเล็กจิ๋วในหน้าอกของเขา แล้วจำมันได้ทันที
นี่มันหมีหยินหยางเวอร์ชั่นมินิไม่ใช่หรือ?
“ภูติประจำตัวเป็นร่างวิญญาณอยู่แล้ว ตัวตนของพวกมันเชื่อมโยงกับวิญญาณของเจ้าโดยตรง” จวินอู๋เหยาพูดพร้อมกับยักไหล่
“เฮ้ เจ้าหนู งั้นเจ้าก็ยังอยู่กับข้าสินะ” เฉียวฉู่อดเอานิ้วจิ้มหมีหยินหยางไม่ได้ ขณะที่กำลังยิ้ม เขาก็พบบางอย่างที่น่าตกใจมาก
“เชี่ย! เสื้อผ้าข้าล่ะ!!”
เฉียวฉู่มัวแต่ตกใจที่วิญญาณออกจากร่าง จึงเพิ่งรู้ตัวว่าร่างของตนเปลือยเปล่าไม่มีอะไรปกปิดเลยแม้แต่นิด!
“พรืด! ฮ่าๆๆ!” เฟยเหยียนสังเกตเห็นอยู่นานแล้ว เขาหลุดหัวเราะออกมาหลังจากที่กลั้นอยู่นานมาก
“อ๊าาาา!!!” เฉียวฉู่ส่งเสียงร้องโหยหวน แล้วลงนั่งยองๆพยายามปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของตนอย่างเต็มที่ แต่ด้วยความที่เป็นวิญญาณใหม่ ร่างโปร่งแสง ไม่มีทางที่เขาจะปกปิดตัวเองได้เลย
เฉียวฉู่อยากจะร้องไห้
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมจวินอู๋เหยาถึงปิดตาของจวินอู๋เสียเอาไว้!!
เมื่อรู้ว่าวิญญาณของตนสามารถออกจากร่างได้ พวกฮัวเหยาก็เตรียมพร้อมมากขึ้น จวินชิงให้หลงฉีไปพาผู้ชายมาอีกสองสามคนเพื่อคอยรับร่างของพวกฮัวเหยาตอนล้ม ก่อนที่จวินอู๋เหยาจะดำเนินการดึงวิญญาณของพวกเขา ซึ่งเขาได้ปิดตาจวินอู๋เสียเอาไว้แน่นตลอดกระบวนการ
แม้ว่านางจะรู้ว่าจวินอู๋เหยากังวลเรื่องอะไร แต่……
จวินอู๋เสียอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่า เมื่อชาติก่อนของนาง นางเคยผ่าร่างของเพศตรงข้ามมาแล้วนับไม่ถ้วน!
เมื่อถึงคราวของหรงรั่ว วิญญาณเฟยเหยียนที่เพิ่งถูกดึงออกจากร่างก็พุ่งเข้ามาขวางระหว่างหรงรั่วและจวินอู๋เหยา ใบหน้าของเขาเศร้าสลด
“พี่ใหญ่อู๋เหยา เข้าไปในห้องแล้วค่อยทำได้ไหม?”
[นี่คือภรรยาในอนาคตของเขานะ!!]