แดนนิรมิตเทพ บทที่ 883
“แต่พวกเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสูตรยาของนายเป็นสูตรยาจริงหรือไม่” มู่จือเสว๋มองเฉินโม่และกล่าว

สีหน้าของเฉินโม่ผ่อนคลาย “แล้วนายต้องการอะไร?”

มู่จือเสว๋กล่าวว่า “เว้นเสียแต่นายจะนำสูตรยาออกมาให้พวกเราก่อน และให้ผมทำการทดสอบก่อน ถ้าสามารถกลั่นยาวิเศษล้ำเลิศออกมาได้จริง ๆ มันก็จะพิสูจน์ว่าสูตรยาของนายเป็นสูตรยาจริง”

“นายวางใจเถอะ ผมจะใช้ชื่อเสียงของสำนักยาเซียนรับประกันกับนายพวกเราจะไม่ลอกสูตรยาของนายอย่างแน่นอน และจะไม่ขโมยสูตรยาของนายเช่นกัน”

สามารถกล่าวว่าเงื่อนไขนี้ไร้ยางอายมาก แม้แต่สมาชิกของตระกูลมู่บางคนที่เป็นคนหน้าบางและขี้เกรงใจ ก็ยังแอบรู้สึกละอายใจ

สูตรยาวิเศษล้ำเลิศนั้นล่ำค่ามาก แล้วใครจะยอมให้คนนอกเห็นล่ะ? เพราะเมื่อคนอื่นเห็นแล้ว จะต้องจำไว้อย่างแน่นอน

สำหรับการรับประกันของมู่จือเสว๋ เป็นเพียงการพูดเรื่อยเปื่อยเท่านั้น หลังจากพวกเขาอ่านแล้ว หรือว่าคนอื่นจะสามารถลบความทรงจำของพวกเขาออกจากสมองได้?

ขอเพียงแค่ไม่สามารถลบความทรงจำได้ สูตรยานี้ก็จะกลายเป็นของพวกเขาเช่นกัน

สมาชิกของตระกูลมู่ต่างมองเฉินโม่ ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง พวกเขาหวังว่าเฉินโม่จะตกลง แต่ยังมีคนบางคนแอบตำหนิว่าเงื่อนไขที่ผู้นำตระกูลเสนอนั้นโหดร้ายเกินไป ถ้าทำให้เฉินโม่ตกใจจนหนีไป แล้วพวกเขาจะไปหาสูตรยาวิเศษล้ำเลิศแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก?

มีความเหยียดหยามประกายอยู่ในดวงตาของเฉินโม่ และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมรับปากนาย”

ใบหน้าของมู่จือเสว๋เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขากำลังคิดที่จะลดเงื่อนไขลง แต่นึกไม่ถึงว่าเฉินโม่จะตกลงทันทีโดยไม่ต่อรอง

สมาชิกที่เหลือของตระกูลมู่เกือบจะตะโกนออกมา ขอเพียงแค่เฉินโม่ตกลง สูตรยาวิเศษล้ำเลิศนี้ก็จะกลายเป็นของตระกูลมู่แล้ว

สีหน้าของมู่เจิ้งเฟิงผ่อนคลาย เผยให้เห็นความโล่งอก เมื่อมีสูตรยาวิเศษล้ำเลิศนี้แล้ว ทักษะการกลั่นยาของเขาต้องสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีกอย่างแน่นอน

เฉินโม่พลิกมือ แล้วหยิบสูตรยาเสริมจิตที่คัดลอกไว้ล่วงหน้าออกมาจากแหวนเก็บของ แล้วโยนให้มู่จือเสว๋ราวกับขยะ

มู่จือเสว๋รีบถือกระดาษแผ่นนั้นอยู่ในมือ และอ่านอย่างจริงจัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ ราวกับว่าเขาได้รับสมบัติล่ำค่า!

ผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลมู่ที่เหลือต่างชะเง้อคอ และต้องการดูก่อน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลภายนอกแล้ว พวกเขาทำได้เพียงอดทนเท่านั้น เพื่อจะไม่ให้ตระกูลมู่สูญเสียความน่าเกรงขามไป

หลังจากมู่จือเสว๋อ่านจบ เขามองเฉินโม่ด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “คุณโม่สูตรยาของนายน่าทึ่งจริง ๆ แต่พวกเรายังต้องตรวจสอบความถูกต้อง โปรดรอสักครู่!”

“โอเค” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วพาโจวลี่เต๋อไปหาเก้าอี้นั่งรอ และรอสมาชิกของตระกูลมู่ทดสอบอย่างเงียบ ๆ

มู่จือเสว๋เดินจากไปพร้อมกับมู่เจิ้งเฟิง ส่วนสมาชิกอาวุโสระดับสูงของตระกูลมู่ต่างรู้สึกกระวนกระวายใจ แล้วพวกเขาก็หาข้ออ้างออกไปจากห้องโถงทีละคน ความจริงแล้วสมาชิกรุ่นใหม่ของตระกูลมู่ ต่างก็รู้ว่าผู้อาวุโสเหล่านั้นอยากจะไปเห็นสูตรยาวิเศษล้ำเลิศ

ห้องกลั่นยาของตระกูลมู่

มู่จือเสว๋และมู่เจิ้งเฟิง รวมถึงผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลมู่ ที่อยู่ในห้องโถงมาอยู่ที่นี่เกือบครบแล้ว

เปลวเพลิงกำลังลุกโชนอยู่ในเตากลั่นยาโบราณทองแดงขนาดใหญ่ และแสงของเปลวไฟทำให้ใบหน้าสมาชิกทุกคนของตระกูลมู่กลายเป็นสีแดงระเรื่อ

มู่จือเสว๋มองมู่เจิ้งเฟิงด้วยสีหน้าจริงจัง และถามว่า “เจิ้งเฟิง นายคิดว่าสูตรยานี้ เป็นสูตรยาจริงหรือไม่?”

มู่เจิ้งเฟิงเช็ดฝุ่นที่อยู่บนหน้า และพยักหน้าอย่างหนักแน่น “น่าจะเป็นจริง และศัพท์การกลั่นยาที่บันทึกไว้ในสูตรยานี้ ผมเดินทางท่องไปทั่วหัวเซี่ยแล้ว แต่แทบจะไม่เคยเห็นสูตรยาแบบนี้ ถ้าผมเดาไม่ผิด สูตรยานี้น่าจะเป็นสูตรยาที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณ”

“สูตรยาโบราณ!”

สมาชิกทุกคนของตระกูลมู่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

“ถ้าเป็นสูตรยาโบราณ เกรงว่าจะประเมินค่าไม่ได้ และผมกลัวว่าตระกูลมู่จะไม่มีวัตถุดิบยาที่เขาต้องการ!” มู่จือเสว๋ถอนหายใจแล้วกล่าว

สีหน้าสมาชิกของตระกูลมู่ต่างเคร่งขรึม ถ้าตระกูลมู่ไม่มีวัตถุดิบยาที่เฉินโม่ต้องการ เฉินโม่ก็จะเอาสูตรยานี้กลับคืนไป