ตอนที่ 266 นายน้อยเฉวียน สบายดีนะครับ 

 

 

“อืม…งานเลี้ยงเหรอ ฉันไม่ไปดีกว่าค่ะ อีกอย่างฉันไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร” งานเลี้ยงเหรอ ฉันไม่ชอบเรื่องแบบนี้ที่สุด 

 

 

ถ้าไปงานเลี้ยงกับเฉวียนหมิง ดีไม่ดีอาจเจอคนพวกนั้นคอยจ้องก่อกวนอีก ไม่สนุกสักนิด 

 

 

สู้อยู่กับหลิ่วเฟยซวงและเหอเย่ว์ไม่ได้ วางตัวได้ตามสบาย อีกอย่างเธอรับปากหลิ่วเฟยซวงแล้ว ขืนเบี้ยวอีก ก็คงผิดต่อความเป็นเพื่อน  

 

 

“อืมๆ งั้นก็ตามนั้นค่ะ คุณไปทำธุระเถอะ แค่นี้นะคะ” อีลั่วเสวี่ยวางสาย พอเหลือบตาขึ้นก็เห็นหลิ่วเฟยซวงกำลังมองมาที่เธอผ่านกระจกมองหลังตาแป๋ว แววตาส่อนัยล้ำลึก 

 

 

มุมปากอีลั่วเสวี่ยกระตุก “อย่ามองฉันอย่างนี้สิ ฉันขึ้นรถโจรของเธอแล้ว จะหนีไปไหนพ้น” 

 

 

“รถโจร? ฟังสิเสี่ยวเย่ว์ เสวียเสวี่ยบอกว่ารถฉันเป็นรถโจร ฉันเสียใจนะ” 

 

 

เหอเย่ว์ยกมือขึ้นกุมหน้าผาก “สองคนนี้เลิกแสดงละครชิงรักหักสวาทในวังหลวงได้ไหม ฉันเห็นแล้วปวดหัว!” เฟยเฟยนี่ก็เหลือเกิน อยู่ดีๆ จะแย่งคนกับเฉวียนหมิง สนุกนักหรือไง 

 

 

“ดูยังไงถึงบอกว่าเป็นละครชิงรักหักสวาทในวังหลวง” อีลั่วเสวี่ยแปลกใจ 

 

 

เหอเย่ว์ย้อน “เดาสิ” 

 

 

สามคนพูดคุยหัวเราะกันไประหว่างนั่งรถไปที่บ้านของหลิ่วเฟยซวง 

 

 

ทางด้านเฉวียนหมิง 

 

 

“นายน้อย นายหญิงว่ายังไงบ้างครับ จะมาไหม” เหล่าเกามองเฉวียนหมิง คล้ายจะเดาได้ ดูเหมือนนายหญิงจะไม่ค่อยชอบงานประเภทนี้ แต่ถึงไม่มาก็ไม่เป็นไร วันนี้ไม่จำเป็นต้องพาสุภาพสตรีไปด้วย 

 

 

เฉวียนหมิงพยักหน้า “เธอไม่ชอบ ไม่มาก็ดีเหมือนกัน” สำหรับเธอ เรื่องที่ทำแล้วไม่สบายใจ ก็ไม่ต้องทำ 

 

 

งานเลี้ยงและการพบปะสังสรรค์ในวงสังคมชั้นสูง เขาเองก็รู้สึกว่าน่าเบื่อ แต่ด้วยฐานะของเขา จะไม่ไปก็ไม่ได้ 

 

 

“ถ้างั้นเราเข้าไปรอข้างในดีไหมครับ นายน้อย” ยืนเป็นเป้าสายตาอยู่ข้างนอกไม่ค่อยดีเท่าใดนัก 

 

 

เฉวียนหมิงไม่พูดอะไร แต่ก้าวเข้าไป เดินไปไม่กี่ก้าวก็มีเสียงดังขึ้นข้างๆ 

 

 

“ผมคิดว่าตาฝาดซะอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคุณ บังเอิญจริงๆ” 

 

 

ดวงตาเฉวียนหมิงเป็นประกายวาบทันทีที่ได้ยินเสียง จึงหันไป 

 

 

“ผมก็คิดไม่ถึงว่าจะได้พบคุณที่นี่ นายน้อยซีเหมิน” คนที่มาไม่ใช่ใคร เป็นคนที่เพิ่งเจอกับพวกอีลั่วเสวี่ยเมื่อครู่ ซีเหมินหลงเซี่ยว 

 

 

ซีเหมินหลงเซี่ยวยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก สายตาจับจ้องเฉวียนหมิง โดยเฉพาะที่ขาสองข้างของเขา 

 

 

ถ้าจำไม่ผิด หลังจากอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อน เขาก็ยืนไม่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ 

 

 

จากข้อมูลที่ได้มา เขานั่งเก้าอี้รถเข็นหลายปีแล้ว ทำไมตอนนี้ดูแล้วไม่ต่างจากคนปกติ หรือข้อมูลที่ได้จะผิดพลาด 

 

 

เป็นไปได้ไหมว่าข้อมูลล่าสุดจะบอกว่าเขาแกล้งทำ นี่มันไม่มีเค้าเลย 

 

 

“คำพูดนี้ ผมพูดน่าจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่า นายน้อยเฉวียน สบายดีนะครับ” 

 

 

เฉวียนหมิงยกมุมปาก “ก็ดีครับ นายน้อยซีเหมิน” 

 

 

“เราอย่ายืนที่นี่เลย ไม่เจอกันนาน ดื่มด้วยกันสักแก้วไหมครับ” 

 

 

เฉวียนหมิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เชิญครับ นายน้อยซีเหมิน” 

 

 

“นายน้อยเฉวียน เกรงใจไปแล้ว” ทั้งสองพูดคุยกันเรียบๆ เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ความจริงฟาดฟันกันทางคำพูดมาสักครู่แล้ว 

 

 

ต่างฝ่ายต่างเหลือบมองกันเงียบๆ แล้วเดินเข้าไปในงานด้วยกัน 

 

 

การปรากฏตัวของทั้งคู่ดึงดูดความสนใจของทุกคน คนหนึ่งหล่อเหลาสูงศักดิ์ อีกคนเย็นชา ราวกับราชามาปรากฏตัว มองผู้คนอย่างดูแคลน 

 

 

“คุณพระช่วย นั่นเฉวียนหมิงเหรอ ผมไม่ได้ตาฝาดนะ? ขาเขาไม่มีปัญหา!” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 267 รู้แต่แรกแล้วว่าเป็นเขา 

 

 

ที่แท้ข่าวลือก็เป็นความจริง ขาสองข้างของเฉวียนหมิงรักษาหายดีจนเป็นปกติ เมื่อก่อนตอนนั่งเก้าอี้รถเข็นก็หล่อมากแล้ว เวลานี้ยิ่งหล่อเข้าไปอีก ทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก 

 

 

“เดี๋ยวก่อน หนุ่มหล่อข้างๆ เขาเป็นใคร เหมือนจะไม่เคยเห็นนะ” บรรดาสาวๆ ในงานทยอยเบนสายตามาทางนี้ แม้แต่ผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้วก็ยังมองสองหนุ่มด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม 

 

 

“ใช่แล้ว เขาน่าจะเป็นใครสักคนจากบริษัทนอกเมืองเอฟ ว้าว หล่อชะมัด สง่างามอย่างกับเจ้าชายแน่ะ” ดูเหมือนเธอจะเคยเห็นหน้าหล่อๆ แบบนี้ที่ไหนมาก่อน แต่คิดแทบตายก็คิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน แต่เธอแน่ใจว่าเคยเห็นเขามาก่อนแน่ๆ แต่เป็นที่ไหนล่ะ 

 

 

เฉวียนหมิงยืนห่างออกไป มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง มืออีกข้างถือมือถือ ท่าทางเกียจคร้านแฝงด้วยความพึงพอใจ สายตาไม่ได้จับจ้องใครในงาน แต่กลิ่นอายเย่อหยิ่งในตัวเขาไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ขนาดซีเหมินหลงเซี่ยวซึ่งเดินอยู่ข้างๆ ยังถูกเขากลบรัศมีไปด้วย 

 

 

เจ้าชายย่อมมีความสูงศักดิ์ แต่เมื่อเผชิญกับคนที่มีรัศมีเหนือกว่า ย่อมถูกบดบัง 

 

 

“หล่อจัง ฉันแทบจะขาดใจแล้ว ฉันตัดสินใจแล้ว จะตามจีบเฉวียนหมิง!” ในงานมีหญิงสาวที่จ้องเขาอย่างไม่กลัวเกรง 

 

 

ก่อนหน้านี้ลือกันว่าเขาขาพิการสองข้าง ไร้สมรรถภาพทางเพศ แถมยังอายุสั้น ทุกคนจึงคอยเลี่ยงเขาอยู่ห่างๆ ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาคงรักษาตัวจนหายดี ถ้าได้เป็นนายหญิงน้อยแห่งเฉวียนกรุ๊ปละก็ สถานะนั้นคงมีอิทธิพลไม่เบา 

 

 

ยิ่งกว่านั้น เฉวียนหมิงที่สามารถลุกขึ้นยืนได้แบบนี้ยิ่งหล่อกว่าตอนนั่งเก้าอี้รถเข็นเสียอีก ทำเอาบรรดาสาวโสดถึงกับจ้องเขาไม่วางตา 

 

 

“ตามจีบ? คนอย่างเฉวียนหมิงขึ้นชื่อว่าไม่ยุ่งกับผู้หญิง ได้ยินว่าเขารอผู้หญิงคนหนึ่งมาตลอด เธอไม่มีโอกาสหรอก” 

 

 

หญิงสาวคนหนึ่งแม้จะมองเฉวียนหมิงด้วยสายตาร้อนแรง แต่ก็พยายามข่มใจตัวเอง ซ้ำยังเตือนคนอื่นที่มีความคิดแบบนี้ด้วย เธอก็คือฟังฟังนั่นเอง 

 

 

“ไม่มีโอกาส เธอว่าใครไม่มีโอกาสเหรอ” อ้ายเวยเวยยกชายกระโปรงที่ยาวลากพื้นเดินมาแต่ไกล ดูเหมือนเพิ่งไปห้องน้ำมา  

 

 

ฟังฟังยกมุมปาก ชูแก้วไวน์ไปทางเฉวียนหมิง อ้ายเวยเวยมองตามสายตาเธอไป แล้วก็ชะงักเท้าทันที 

 

 

หล่อ…หล่อจัง พอสองคนนี้ปรากฏตัว ก็ดึงดูดสายตาทุกคู่ในงาน 

 

 

เขาคือเฉวียนหมิง แล้วอีกคนล่ะ จริงสิ เขาดูเหมือน…อ้ายเวยเวยเบิกตากว้างยิ่งขึ้น ยกมือขึ้นปิดปากโดยไม่รู้ตัว 

 

 

หรือเขาจะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงนี้ บุคคลลึกลับคือเขานี่เอง 

 

 

ซีเหมินหลงเซี่ยวเดินมาช้าๆ ท่ามกลางสายตาทุกคู่ สุดท้ายก็ขึ้นมาบนเวทีกลางงานมา ยืนอยู่หน้าไมโครโฟน 

 

 

“ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานเลี้ยงที่ผมจัดขึ้น ผมยินดีมาก คืนนี้ขอให้ทุกท่านสนุกกันให้เต็มที่ ผมขอเป็นตัวแทนไหลย่ากรุ๊ป ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุน ขอบคุณครับ!” 

 

 

เหล่าเกายืนอยู่ข้างๆ เฉวียนหมิง เขาเหลือบมองซีเหมินหลงเซี่ยว “นายน้อย คุณรู้แต่แรกแล้วว่าบุคคลลึกลับคนนี้ก็คือเขาใช่ไหมครับ” 

 

 

คนที่แจกการ์ดเชิญผู้นำกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ มาที่นี่ได้ ต้องมีฝีมือแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องสามารถเช่าสถานที่จัดเลี้ยงนี้ได้ จึงจะมีคุณสมบัติที่จะส่งบัตรเชิญได้ 

 

 

เฉวียนหมิงเลิกคิ้ว “นอกจากเขาแล้ว ช่วงนี้ในเมืองเอฟก็มีไม่กี่คนที่จะส่งบัตรเชิญ” ถ้าไม่มีการค้าใหญ่ที่ต้องเจรจากัน ไม่มีใครจัดงานเลี้ยงแบบนี้หรอก 

 

 

จากข้อมูลที่เขาได้มา ซีเหมินหลงเซี่ยวมาถึงที่นี่แล้ว ในเมื่อมาแล้วก็ต้องหาเหตุผลที่เหมาะสมมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน จึงไม่แปลกที่เขาจะเป็นคนจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ขึ้น