ส่วนที่ 4 ตอนที่ 103 แหล่งกำเนิดเดียวกันกับราชางู

ความลับแห่งจินเหลียน

จ่านป๋ายและซีเหมินจินเหลียนมองหน้าสบตากัน ทั้งสองคนต่างสงสัย ตอนนี้ผู้อาวุโสค้นพบเจออะไรกันแน่? 

 

“ผู้มีพระคุณเจอหินหยกใหม่…” เจียหยวนฮวาพูดอธิบาย  

 

“คุณอย่าบอกฉันนะว่า ที่เซี่ยงไฮ้ยังมีเหมืองหยกด้วย?” จ่านป๋ายถาม    

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่” เจียหยวนฮวาส่ายหน้า “เพียงแต่ตอนอยู่ที่พม่า น่าจะมีเหมืองหินหยกเล็กๆ อยู่ ผู้มีพระคุณค้นพบเข้าเป็นเส้นทางที่ผิดกฎหมายของทางพม่าผ่านทางเมืองเซี่ยงไฮ้” 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาแผ่วเบา ความสนใจของผู้อาวุโสคนนี้ถือว่ากว้างขวางจริงๆ เซี่ยงไฮ้จะส่งออกหินหยกหรือ? 

 

นี่ก็คิดไม่ถึงเลย แม้ว่าจะไม่มีบริษัท แต่ก็ใหญ่สุด ใหญ่กว่าร้านของเถ้าแก่โจวที่ขายหินหยกเสียอีก  

 

ถ้าอย่างนั้นมันเกี่ยวข้องอะไรกับเขากัน? ความเสียหายนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์กำไรของรัฐบาลพม่า 

 

เถ้าแก่โจวอยู่ที่ถนนบนเมืองโบราณ เป็นคนมีหลักการในการประกอบธุรกิจ ทำธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายแม้แต่บันทึกประวัติอาชญากรรมยังไม่มี    

 

จ่านป๋ายนิ่งไปชั่วขณะแล้วพูด “ท่านผู้อาวุโสเจีย ขอโทษด้วยที่ผมต้องเสียมารยาทถามขึ้น แต่ผู้อาวุโสหูมีความสัมพันธ์กับรัฐบาลของประเทศพม่าหรือครับ” 

 

“แน่นอนว่าไม่มี!” เจียหยวนฮวาพูด 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ใช่แล้ว ในเมื่อผู้อาวุโสหูกับรัฐบาลทางพม่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน แล้วเรื่องเมืองเซี่ยงไฮ้ที่มีคนขนหยกลับๆ ผิดกฎหมายมันเกี่ยวอะไรกับเขา? พูดอีกก็คือพม่านอกจากจะเป็นเหมืองแร่ใหญ่ๆ แล้ว เหมืองแร่เล็กๆ ก็มีอยู่ไม่น้อย เขายังเคยได้ยินมาว่าทางพม่ามีกฎอยู่ นั่นก็คือควักเงินออกสักหน่อย แล้วสามารถกำหนดพื้นที่ในการเปิดเหมืองของตัวเองได้ ในช่วงนี้หินหยกที่ขุดมาได้ต่างจัดอยู่ในหินหยกของคนที่ลักลอบขนเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย?” จ่านป๋ายถาม เพราะว่าเขาคอยติดตามอยู่ด้านหลังซีเหมินจินเหลียนตลอด เขาย่อมเคยศึกษาค้นหาสภาวะการตลาดหุ้นและแหล่งเหมืองสำคัญของที่นั่น 

 

“อืม ที่คุณพูดก็ไม่ผิด!” เจียหยวนฮวาพูด “ตอนที่คุยโทรศัพท์กันผู้มีพระคุณก็ไม่ได้บอกอะไรชัดเจน แต่ดูจากความคลุมเครือก็ไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น กลัวว่าจะมีสาเหตุอื่นอีก คุณก็รู้ว่าผู้มีพระคุณไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองอะไร เขาใช้จ่ายแบบไม่คิดอะไร อย่างเช่นหินหยกในคืนนี้ สำหรับคนธรรมดาทั่วไปคงคิดว่ามูลค่าราคาประเมินไม่ได้ แต่สำหรับสายตาของเขาแล้วขอแค่ให้ซีเหมินจินเหลียนมีความสุข ย่อมคุ้มค่าไม่มีสิ่งใดมาเปรียบได้!” 

 

“แสดงว่าหินหยกสีแดงประกายม่วงส่องแสงนั้น เป็นของผู้อาวุโสหูที่เอามาล้อเล่นจริงๆ ด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นไม่นานก็เริ่มสติเลื่อนลอย ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสแปลกประหลาดจริงๆ ด้วย 

 

“ครับ ผู้มีพระคุณกำชับด้วยว่า คุณซีเหมินไม่ต้องกังวลใจไป อยากจะทำเป็นเครื่องประดับอะไร ก็ทำตามใจชอบ จะเก็บไว้ประดับใช้เองหรือจะขายออกไปก็ได้ทั้งนั้น” เจียหยวนฮวาพูด “นี่เป็นคำพูดจากเขา” พูดถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็ยังรู้สึกอิจฉาซีเหมินจินเหลียนที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้มีพระคุณไม่ได้ แล้วมองเธออย่างมีความหวัง 

 

“ท่านผู้อาวุโสหูจัดการเรื่องอะไร ย่อมเหนือความคาดหมายจริงๆ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัว 

 

“ในใจของผู้มีพระคุณมีแค่หินปิดฟ้าเท่านั้น” เจียหยวนฮวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดออกมาจากใจ 

 

“สิ่งของที่ไม่มีอยู่จริงจะไปหามาจากที่ไหนกัน?” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูดขึ้น “ผมว่าผู้อาวุโสก็แค่เหงาจนกลัดกลุ้มใจ จากความสามารถในการเดิมพันหินของเขา ถ้าเปิดบริษัทจิวเวอรี่และใช้ชีวิตสุขสงบเงียบๆ ไปวันๆ ก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ? ทำไมอายุปูนนี้แล้วยังจะต้องวิ่งวุ่นอยู่ข้างนอกให้เหนื่อยหน่าย สนใจสิ่งพวกนี้ด้วย?” 

 

“คุณผิดแล้ว คุณจ่าน!” เจียหยวนฮวาพูดด้วยสีหน้าปกติ “ผู้มีพระคุณพูดเองว่า หลังจากเทพธิดาปกปิดฟ้าเบื้องบนได้ ประวัติของฮวาเซี่ยก็ได้มีการแบ่งช่วงอย่างชัดเจน เขาคงสงสัยเรื่องอารายธรรมช่วงนั้นที่ถูกทำลายล้าง บางทีคนในช่วงนั้นอาจจะมีพลังวิเศษ หยุดไฟห้ามลม ราวกับเทพ เพราะฉะนั้นสายเลือดของศิษย์จากทางใต้เลยอยากที่จะสืบตามหาถึงหินปิดฟ้าเบื้องบนมาโดยตลอด ค้นหาประวัติที่ถูกปิดบังเอาไว้” 

 

ชีวิตคนเราต้องอยู่เพื่อเป้าหมายสักอย่าง! ซีเหมินจินเหลียนแอบพูดอยู่ในใจ ความจริงผู้อาวุโสหูที่มีความสามารถในการเดิมพันหิน มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย นั่นก็เป็นเรื่องที่ได้มาอย่างง่ายดาย บางทีเรื่องทั้งหมดก็ได้มาง่ายจนเกินไป ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาตามหา สิ่งที่เขาอยากได้เป็นความมหัศจรรย์ในตำนาน เพื่อตามหาอารายธรรมที่ถูกปกปิดเอาไว้ 

 

ในตอนนั้นเธอไม่เพียงแต่เคลือบแคลงใจ ถ้าหากตำนานมหัศจรรย์มีอยู่จริง คนในตอนนั้นเป็นคนเก่งกาจขนาดนั้นจริงหรือ? 

 

“เรื่องทั้งหมดนี้เหมือนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนระแวงใจอยู่สักพัก แต่ปากก็พูดถามออกไป 

 

“เดิมทีผู้มีพระคุณก็หมดหวังแล้ว!” เจียหยวนฮวาส่ายหน้า “เป้าหมายเดิมของผู้มีพระคุณเพียงแค่อยากจะใช้ชีวิตเงียบสงบในบั้นปลายชีวิตที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ถ้าหากไม่มีการปรากฏตัวของคุณซีเหมิน เขาก็คงจะปลดระวางทุกอย่างออกจนหมด แม้ว่าเรื่องส่วนมากเขาไม่อยากจะบอกผม แต่ผมก็รู้ หลังจากตอนที่คุณซีเหมินไปซื้อหินหยกแปลกประหลาดก้อนนั้นที่โรงงานแปรรูปหยก เขาก็เปลี่ยนเป็นอีกคน ราวกับเป็นหนุ่มขึ้นมาไม่น้อย นิสัยร่าเริงแจ่มใสขึ้นมาก” 

 

“หยกราชางู…” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจพูด 

 

“ใช่ เป็นเพราะหยกราชางูก้อนนั้น” เจียหยวนฮวาพูดขึ้นอีกครั้ง “พูดตามจริงแล้ว เดิมทีผมก็ไม่เชื่อเรื่องมหัศจรรย์พวกนี้ หินปิดฟ้าเบื้องบนอะไรนั่น แต่เมื่อวันนี้ตอนที่ได้เห็นหยกราชางูก้อนนั้น ในใจผมก็เข้าใจเป็นอย่างดี ความมหัศจรรย์บางทีอาจจะมีอยู่จริง” 

 

จ่านป๋ายยิ้ม หยกราชางูก้อนนั้นทำให้คนรู้สึกตกตะลึงและตราตรึงใจมากเหลือเกิน ตอนที่เขาเจียระไนเปิดมันออกมาเองก็ตกใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเห็นอะไรมามาก แต่ไม่เคยเห็นสิ่งของที่มหัศจรรย์ใจเท่านี้ที่ไหนมาก่อน 

 

“ในตำนาน เทพธิดาสาวหน้าตาเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงู แถมงูที่อยู่ในหยกก็มีผิวเหมือนมนุษย์ นั่นไม่ใช่ซากฟอสซิล แต่ดูแล้วเหมือนสิ่งมีชีวิตอยู่จริง” เจียหยวนฮวาถอนหายใจ “ถ้าจะให้ผมเชื่อว่านี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายในธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เทพเจ้าสร้างมา สู้ให้ผมไปเชื่อว่านี่เกิดจากสิ่งมหัศจรรย์สร้างขึ้นดีกว่า” 

 

“ตอนที่ฉันเห็นหยกราชางูก้อนนั้นก็ตกใจมากเหมือนกัน” ซีเหมินจินเหลียนพูด “พูดตามตรง ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่างูที่อยู่ในหยกก้อนนั้นจะเป็นฟอสซิล เพราะดูยังไงมันก็ดูเหมือนมีชีวิต” 

 

“เห็นอย่างนี้แล้วดูเหมือนว่าคุณซีเหมินก็คิดเช่นเดียวกันกับผม” เจียหยวนฮวาพูด “ผู้มีพระคุณเห็นว่า หลินเสวียเหวินตายไปแล้ว แต่ก่อนตายก็ไม่ได้จัดการเรื่องราชาหยกให้ดี จากนั้นเขาก็ได้ไปที่ร้านของเถ้าแก่โจวแล้วค้นพบเบาะแสใหม่บางอย่างด้วยความบังเอิญ” 

 

“เบาะแสใหม่อะไรกัน?” จ่านป๋ายถาม เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคืนวันนั้น คนพวกนั้นที่ช่วยขนย้ายสินค้าลงมาจากร้านเถ้าแก่โจว คนพวกนั้นต้องไม่ใช่คนพม่าธรรมดาแน่ๆ ในเมื่อเป็นอย่างนี้แหล่งสินค้าจากร้านเถ้าแก่โจวก็มีปัญหาใหญ่แล้ว 

 

 “เหล่าโจวกับตระกูลหลิน วัวเคยค้าม้าเคยขี่กันมาตลอด หลินเสวียเหวินไม่ได้นำราชาหยกส่งมอบต่อให้ลูกหลาน แต่กลับไปให้เถ้าแก่โจว” เจียหยวนฮวาพูด 

 

“คุณก็หมายความว่า…ราชาหยกอยู่ในร้านของเถ้าแก่โจว?” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความสงสัย 

 

“ไม่ใช่ เมื่อยี่สิบปีก่อนหน้านี้ เถ้าแก่โจวกับหลินเสวียเหวินจัดหินหยกชุดหนึ่งส่งไปที่เมืองหยางโจวแล้วให้คนแซ่เฉา หนึ่งในนั้นก็มีราชาหยกอยู่ด้วย” เจียหยวนฮวาพูด 

 

จ่านป๋ายรู้สึกสับสน ก่อนจะพยายามทำความเข้าใจ ขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “สองคนนั้นคิดจะทำอะไร” 

 

“บริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ก่อร่างสร้างตัวมาตั้งหลายปี แต่ไม่มีเงินทุนสะสม พวกคุณไม่คิดว่ามันแปลกเลยเหรอ?” เจียหยวนฮวาย้อนถามขึ้นอีกครั้ง 

 

ซีเหมินจินเหลียนสับสน เงินทุนของบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่มีปัญหาใหญ่จริงๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม        หลินเสวียเหวินทำธุรกิจมานาน แต่ไม่ได้ขายหินหยกแม้แต่ก้อนเดียว การหมุนเวียนเงินเลยไม่คล่อง             เท่าที่เคยได้ฟังหลินเสวียนหลานอธิบาย เขาบอกว่าชายชราหลินที่เดิมพันติดเป็นนิสัยจนไปแพ้ราบคาบอยู่ที่ลาสเวกัส 

 

ถ้าหากตอนที่ชายชราหลินยังหนุ่มแน่น เดิมพันเหลวไหลยังพออธิบายได้ แต่ตอนนี้เขาก็มีอายุแล้ว ลูกหลานเต็มบ้าน ถึงแม้จะไม่คิดถึงตัวเอง แต่ก็คงจะคิดหน้าคิดหลังเพื่อลูกหลานไว้บ้าง ไม่มีทางที่จะนำความยากลำบากในการทำธุรกิจมาหลายปีเพื่อมาแลกกับความสนุกสนานในครั้งเดียว? 

 

จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “หลังจากที่พวกเรารับช่วงต่อจากบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ ผมก็เคยให้หลินเสวียนหลานค้นหาบัญชีเมื่อก่อน เป็นความจริง หลินเสวียเหวินปิดบังหุ้นใหญ่ไว้มากมาย และนำเงินก้อนใหญ่ออกมา เอาไปใช้ทำอะไรไม่ทราบแน่ชัด และคอยกังวลกับหุ้นพวกนั้นที่คอยก่อเรื่อง เพราะฉะนั้นได้แต่คอยปิดบังเรื่องนี้ไว้อยู่ตลอด” 

 

“ผู้มีพระคุณบอกว่า หลินเสวียเหวินเถ้าแก่โจวและคุณเฉาผู้ลึกลับที่อยู่ในเมืองหยางโจว น่าจะร่วมมือกันหาของอะไรบางอย่าง” เจียหยวนฮวาพูด 

 

ซีเหมินจินเหลียนหันไปสบตากับจ่านป๋าย ในใจของทั้งคู่รู้สึกถึงความไม่ปกติ พวกเขาก็คงตามหาความมหัศจรรย์ในตำนาน ตามหาเทพธิดาปกปิดฟ้าเบื้องบนสินะ 

 

“เป้าหมายของเขา น่าจะเหมือนกับผู้อาวุโสหูใช่ไหมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืน ความจริงฟังจากที่เจียหยวนฮวาพูดแล้ว ในใจเธอก็เต้นรัว หินปกปิดฟ้าเบื้องบน ความมหัศจรรย์ในตำนานที่ถูกปกปิด ประวัติอารายธรรมฮวาเซี่ยที่รุ่งโรจน์… 

 

เจียหยวนฮวาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า “ใช่แล้ว! ผู้มีพระคุณเห็นว่าผมฉลาดหลักแหลม แน่นอนว่าไม่อยากบอกเรื่องนี้กับผม แต่ช่วงนี้เขาต้องการคนมาจัดการเรื่องให้แทน ถึงมาบอกเรื่องราวคร่าวๆ ให้ผมรู้ ความหมายของเขาก็คือรอให้งานนิทรรศการอัญมณีสิ้นสุดลง จะรบกวนให้คุณซีเหมินไปที่เมืองหยางโจวสักครั้ง เพื่อไปหาคุณเฉาได้ไหม?” 

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดไปมา การไปหยางโจวสักครั้ง แน่นอนว่าเธออย่างไรก็ได้ แต่ปัญหาก็คือเธอกับคุณเฉาคนนั้นไม่ได้สนิทชิดเชื้อกัน จะให้ไปหาเขาเพื่อบอกว่าต้องการราชาหยกอย่างนี้หรือ? 

 

จ่านป๋ายส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสล้อเล่นอะไรกันครับ ถึงพวกเราจะหาคุณเฉาท่านนั้นเจอ แต่เขาก็กำลังตามหาหินที่เหลือจากการปกปิดฟ้าเบื้องบน แล้วพวกเราจะสามารถซื้อราชาหยกมาจากมือเขาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราไม่รู้ว่าราชาหยกหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าเขาให้หินหยกอื่นมากลบเกลื่อนสักก้อน พวกเราก็คงแยกไม่ออก” 

 

เจียหยวนฮวาได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มขมขื่น “ผู้มีพระคุณจัดการเรื่องอะไรต่างทำให้คนตามจับได้ยาก พูดความจริงผมก็ไม่รู้ว่าราชาหยกเป็นอย่างไร แต่ผู้มีพระคุณบอกว่าราชาหยกกับราชางูเดิมทีอยู่ด้วยกัน มาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน ถ้าคุณซีเหมินเห็นก็ย่อมดูออกแน่” 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นโอกาสที่จะได้เห็นมันแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “หลังจากงานนิทรรศการจัดแสดงสินค้าอัญมณีสิ้นสุดลง ฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรหากจะต้องไปเมืองหยางโจวสักครั้ง แต่จะได้เจอราชาหยกก้อนนั้นหรือเปล่า ก็สุดแล้วแต่โชคชะตาแล้วล่ะค่ะ” พูดตามตรง ตอนนี้เธอก็เริ่มรู้สึกสนใจแหล่งกำเนิดของราชาหยกมากขึ้นแล้ว หินหยกที่อยู่ด้วยกันกับหยกราชางู ไม่รู้ว่าจะทำให้ผู้พบเห็นตื่นตาตกใจได้มากขนาดไหนกัน?