ตอนที่ 140 โดนหลอกแล้ว / ตอนที่ 141 ฮูหยินหัวหน้าผู้บวงสรวง

จอมใจจ้าวพิษ

ตอนที่ 140 โดนหลอกแล้ว 

 

 

 

 

 

ถังเฉียนมาถึงสถานที่ลึกลับแห่งนั้น นางโหนเถาวัลย์ที่ฉู่จิ่งเหยาเตรียมไว้ให้ ร่อนถลาลงมาจากข้างบน พอลงถึงพื้นก็เห็นฉู่จิ่งเหยากำลังฝึกกระบี่ แต่นางไม่มีใจอยากจะฝึก 

 

 

แต่เมื่อเห็นฉู่จิ่งเหยา นางจึงทำตามที่ตกลงไว้เมื่อวานจนเสร็จสิ้น 

 

 

“เจ้ามีเรื่องกลุ้มใจหรือ เพราะเขาเพิ่งจะมา แต่ก็ไปแล้ว” 

 

 

ถ้าคนอื่นฟังที่เขาพูดขึ้นลอยๆ ก็คงแปลกใจ แต่ถังเฉียนเข้าใจความหมายที่ฉู่จิ่งเหยาพูด 

 

 

“ใช่และก็ไม่ใช่…” 

 

 

นางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เขาฟัง ฉู่จิ่งเหยาถอนหายใจแล้วพูดว่า 

 

 

“เจ้าหนูนี่ร้ายกาจขึ้นทุกที ทิ้งปริศนาข้อใหญ่ให้เจ้า มิน่าเจ้าถึงจิตใจว้าวุ่น แม้ท่ากระบี่จะถูกต้อง แต่ก็ยังขาดอารมณ์” 

 

 

ถังเฉียนแสดงการคารวะเป็นการขออภัย นางไม่มีสมาธิฝึกจริงๆ ในใจมัวแต่คอยคิดว่าเหตุใดเขาต้องทำเช่นนี้ 

 

 

ฉู่จิ่งเหยาเห็นนางก้มศีรษะก็ใช้กระบี่ทะลุตะวันดันหน้ากากนางขึ้นเบาๆ 

 

 

“อาหรูน่า จงจำไว้ วิชาเวทย์ที่ยิ่งแข็งกล้าก็ยิ่งทำร้ายผู้ใช้รุนแรงขึ้น” 

 

 

คำพูดฉู่จิ่งเหยาทิ่มแทงใจถังเฉียนทันที นางอดถามไม่ได้ 

 

 

“แล้วเหตุใเขาจึงต้องทำเช่นนั้น เขาแค่บอกว่าช่วยข้ารักษาบาดแผลคราวก่อนเท่านั้น ยาตำรับลับของเผ่าพีส่าต้องใช้คู่กับคาถาลับของพวกเขาจึงจะได้ผล เขาบอกให้ข้าไว้ใจเขา ทั้งๆ ที่เจ็บปวดมาก แต่เขาบอกว่าเป็นผลดีต่อข้า ข้าจึงเชื่อ เหตุใดข้าถึงโง่นัก ถ้าแค่รักษาการบาดเจ็บ เหตุใดถึงเจ็บปวดขนาดนั้น เขาต้องทำเรื่องอื่นแน่นอน ข้าช่างโง่จริงๆ” 

 

 

ถังเฉียนอดตำหนิตัวเองไม่ได้ ถ้าหากนางปฏิเสธ บางทีเขาคงไม่ต้องเจ็บปวด 

 

 

“เป็นเด็กโง่จริงๆ พรศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าพีส่านั่น ไม่ใช่บอกว่าจะมอบให้เจ้าก็มอบได้ ผู้ที่ร่ายคาถากับผู้รับต้องมีการเชื่อมโยงกัน นี่คือความผูกพัน หมายความว่าเจ้าไว้ใจเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข มีเพียงเจ้าเชื่อมั่นเขา จึงจะรับพรนี้ได้ เขาก็แค่อ่อนแรงไปชั่วเวลาหนึ่ง ต่อไปนี้เจ้าจะมีความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างหนึ่ง” 

 

 

“ความสามารถ?” 

 

 

ฉู่จิ่งเหยายิ้มแล้วว่า 

 

 

“รออีกระยะหนึ่ง เมื่อร่างกายเขาฟื้นขึ้น เจ้าก็จะรู้ ที่เรียกว่าพรศักดิ์สิทธิ์นั้น นั่นก็คือการมอบตราประทับของเขาไว้ในตัวเจ้า ทันทีที่เขาได้รับบาดเจ็บหรือทรมาน เจ้าจะรับรู้และแบ่งปันความเจ็บปวดกับเขา สภาพเดียวกันนี้ก็จะใช้กับเจ้าได้ นี่เรียกว่าใช้ชีวิตร่วมกัน” 

 

 

ถังเฉียนฟังแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง จึงถามว่า 

 

 

“ถ้าเขาเกิดป่วย ข้าจะรู้สึกเจ็บปวดด้วยใช่หรือไม่ หากเขาเกิดตาย ข้าก็ต้องตายตามไปด้วยหรือ” 

 

 

ฉู่จิ่งเหยาครุ่นคิดแล้วบอกว่า 

 

 

“เท่าที่รู้ น่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าเกิดเขาได้รับพิษ เป็นไปได้ว่าสองคนจะแบ่งรับพิษเท่าๆ กัน อาจจะไม่ตายทั้งคู่ กึ่งเป็นกึ่งตาย แต่ข้าไม่รู้รายละเอียด” 

 

 

ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็พอจะเข้าใจแล้ว นี่เป็นแผนเล่นงานอย่างร้ายกาจ รู้สึกโกรธแค้นทันที 

 

 

“เหตุใดข้าต้องถูกผูกไว้กับเขา เขาเป็นคนป่วย เป็นคนสารเลว ข้าอุตส่าห์ห่วงใยเขา ที่แท้เขาตั้งใจเล่นงานข้า” 

 

 

ถังเฉียนโกรธ ในแบบที่โกรธมาก แบบที่พูดปลอบก็ไม่หายโกรธ 

 

 

ขณะนี้เถิงเฟิงซึ่งถูกบิดาจับตัวกลับบ้าน นอนกินองุ่นฟังบิดาอบรม เกิดจามขึ้นมาทันที 

 

 

“โธ่เอ๊ย คงเพราะฉู่จิ่งเหยาเอาคำพูดข้าบอกให้นางรู้ นางเด็กโง่คงกำลังด่าข้าแน่ๆ” 

 

 

เถิงเฟิงกินอย่างเอร็ดอร่อย มองไม่ออกว่าได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย กลับมีท่าทางสุขสบายดี มารดาเขาผลักประตูเดินเข้ามา พอเห็นเขายิ้มระรื่นก็อดพูดไม่ได้ว่า 

 

 

“ย่ารองเจ้าเขียนจดหมายมา เล่าให้แม่ฟังถึงเรื่องชั่วที่เจ้าทำไว้ เหตุใดเจ้าไม่บอกฝ่ายหญิงว่าพรศักดิ์สิทธิ์คืออะไร ก็เอาใส่ให้นางแล้ว เจ้าจะเป็นผู้บวงสรวงของเผ่าพีส่าในวันหน้า…” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 141 ฮูหยินหัวหน้าผู้บวงสรวง 

 

 

 

 

 

เถิงเฟิงลุกพรวดขึ้นนั่ง แล้วลงจากเตียงมากอดมารดา นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าสด บนเสื้อปักเป็นสัญลักษณ์ประจำเผ่าของเผ่าอินทรีเงินและเผ่าพีส่า 

 

 

“ท่านแม่ ท่านอ่อนโยนและมีเมตตาเช่นนี้ อย่าตำหนิลูกเลยนะ ลำบากแทบแย่กว่าจะได้เจอลูก ยังไม่รีบไปทำอะไรอร่อยๆ มาบำรุงลูกอีก โธ่เอ๊ย มิน่าพรศักดิ์สิทธิ์จึงทำได้ครั้งเดียว เหนื่อยและเสียเลือดทิพย์มากจริงๆ ลูกอ่อนเพลียมาก แม่ แม่จ๋า แม่อย่าเอาอย่างพ่อเลย พูดตำหนิจนหูชา” 

 

 

ผู้เป็นแม่ผลักศีรษะลูกชายออกไปแล้วพูดว่า 

 

 

“เจ้าร้ายนัก แม่จะพูดเป็นเรี่องเป็นราวกับเจ้า เมื่อไรจะพาแม่นางคนนั้นมาให้แม่ดูตัว ถึงพ่อเจ้าจะโกรธ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าบอกให้เด็กคนนั้นอ่อนน้อมหน่อย พ่อเจ้าย่อมชอบ” 

 

 

เถิงเฟิงดึงแม่นั่งลง พูดด้วยความดีใจว่า 

 

 

“อย่างนั้นดีเลย แม่รีบไปขอร้องท่านพ่อ ให้ปล่อยข้ากลับไป แล้วบอกท่านลุงให้ข้ายืมเจ้าพายุเงิน ข้าจะพานางมาให้แม่ดูตัวทันที” 

 

 

อิ๋นซานมารดาเถิงเฟิงเป็นบุตรีของหัวหน้าเผ่าอินทรีเงินคนก่อน อิ๋นจ้านหัวหน้าเผ่าอินทรีเงินคนปัจจุบันเป็นพี่ชายนาง ส่วนเจ้าพายุเงินเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอินทรีเงิน ที่เถิงเฟิงพูดเช่นนี้ เพราะเขาคงไม่ถูกปล่อยออกไปแน่นอน 

 

 

“เจ้าฝันเฟื่องอยู่ที่นี่เถอะ ส่วนนาง เมื่อย่ารองเจ้ากลับมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะพามาด้วย เจ้าทำตัวดีๆ รออยู่ที่นี่ ได้ยินว่านางเพิ่งอายุสิบสี่ รอให้อายุสิบหกก่อนค่อยแต่งงานเถอะ” 

 

 

เถิงเฟิงเลิกคิ้วขึ้น พูดอย่างเริงร่า 

 

 

“ข้าเชื่อแม่ แม่ใจดีที่สุด” 

 

 

อิ๋นซานส่ายหน้า ตบศีรษะลูกชายเบาๆ พลางพูดว่า 

 

 

“พี่ใหญ่เจ้า จะยี่สิบห้าแล้ว ยังหาผู้หญิงที่เขาจะมอบพรศักดิ์สิทธิ์ให้ไม่ได้ กลับเป็นเจ้าที่อายุเพียงสิบเจ็ด เหตุใดถึงมอบออกไปแล้ว” 

 

 

อิ๋นซานพูดแล้วอดถอนหายใจไม่ได้ เถิงเฟิงหนอนหนุนตักมารดา กินองุ่นแล้วแอบยิ้ม 

 

 

ร่างกายเถิงเฟิงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพียงแต่หลังจากการมอบพรศักดิ์สิทธิ์แล้วร่างกายอ่อนเพลียมาก ใช้คาถาหลายอย่างไม่ได้ เขาจึงถูกส่งกลับมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูแลเป็นพิเศษ เถิงเสวี่ยไม่อยากพูดเรื่องเหล่านี้เพราะคร้านที่จะยุ่งเกี่ยวด้วย ส่วนฉู่จิ่งเหยาพูดก็เพื่อเปิดโปงเถิงเฟิง 

 

 

ถังเฉียนกลับมายังห้องของตนอย่างโกรธขึ้ง ขณะนี้นางจะจัดสัมภาระเพื่อเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจะให้เถิงเฟิงเอาพรศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นในตัวนางออกไป นางอยู่ด้วยตัวเองก็ดีมากแล้ว ไม่ได้อยากจะร่วมใช้ชีวิตกับใคร 

 

 

“เจ้ากำลังทำอะไร ได้ข่าวว่าเถิงเฟิงมอบพรศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้า เด็กอย่างเจ้าถึงจะโง่ไปหน่อย แต่กลับเก่งในเรื่องล่อลวงผู้ชาย” 

 

 

ถังเฉียนหันมามองฮว่าเหยียนซึ่งพูดจาแดกดัน แม้จะไม่อยากข้องแวะกับนาง แต่ในใจยังโกรธไม่หาย จึงอดเอ่ยปากพูดไม่ได้ 

 

 

“ถึงข้าอาจจะโง่บ้าง ถูกคนอย่างเถิงเฟิงหลอกอย่างไม่รู้ตัว เขาวางแผนไว้ล่วงหน้า ข้าจะไปหาเขาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไปคิดบัญชีกับเขา” 

 

 

พอถังเฉียนพูดจบ ฮว่าเหยียนกลับประหลาดใจ 

 

 

“เจ้าพูดพล่ามอะไร เจ้าไม่รู้หรือว่าพรศักดิ์สิทธิ์คืออะไร” 

 

 

“ก็แค่จะให้ข้าร่วมใช้ชีวิตกับเขาไม่ใช่หรือ คนหลอกลวง!” 

 

 

ฮว่าเหยียนได้ยินเช่นนั้นจึงพูดว่า 

 

 

“เจ้าฟังใครพูดเหลวไหล คงไม่ใช่ศิษย์พี่เจ้าคนนั้นจงใจทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่ ถ้าไม่ใช่เรื่องดี หงหลิงเอ๋อร์นั่นจะคลั่งหรือ” 

 

 

ถังเฉียนสงบใจลงบ้าง นั่งลงบนม้านั่งแล้วพูดว่า 

 

 

“นั่นเพราะนางไม่รู้ว่าเถิงเฟิงเป็นคนขี้โรค ยังคอยก่อเรื่องเดือดร้อน ใครจะรู้ว่าเขาจะตายเมื่อไหร่” 

 

 

ฮว่าเหยียนฟังแล้วก็ร้องหึ 

 

 

“อย่างนั้นก็แปลกละ ไม่รู้ว่าเจ้าพูดเหลวไหลอะไร เถิงเฟิงอนาคตเขาก็คือหัวหน้าผู้บวงสรวงแห่งเผ่าพีส่า เขาอยู่ได้ถึงร้อยปี จะเป็นคนขี้โรคได้อย่างไร เจ้าอย่าทำตัวพอได้ดีแล้วแกล้งอำพรางจะดีกว่า ฮูหยินหัวหน้าผู้บวงสรวงในวันหน้า”