เล่ม 14 ตอนที่ 13

Memorize

รายการของที่เก็บเอาไว้มีเยอะมาก ทั้งอีลิกเซอร์สามขวด หญิงร่างทรงยามอัสดง ธนูแห่งการทำลายความชั่วร้าย ไข่เพกาซัส ไข่ของราชินีแห่งเอลฟ์ ปีกของราชินีแห่งเอลฟ์ที่ถูกฉีกออก ลูกแก้วเวทสำหรับคงรักษาของมาร์โวลโล กระเป๋าโพชั่นของวิเวียน โพชั่นที่พบในห้องทดลองของมาร์โวลโล ผลของอิกดราซิลที่เน่าแล้ว แสงแปลบปลาบส่องประกาย ลอร่า ฟีลิส เสื้อที่ถักทอขึ้นจากใบไม้ของอิกดราซิล รวมถึงรีซาบู๊ทส์ด้วย 

 

 

ถึงจะเอาลอร่า ฟีลิสไปรวมอยู่ในของพวกนั้นก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่การเอาเสื้อกับรีซา บู๊ทส์ไว้ในรายการของที่เก็บไว้นั้นเกินคาดมากๆ 

 

 

“เสื้อที่ทำจากใบของอิกดราซิลกับรีซา บู๊ทส์ก็เก็บไว้ด้วยเหรอครับ” 

 

 

“ค่ะ อุปกรณ์ของราชินีแห่งเอลฟ์ทั้งหมด ฉันตัดสินว่าจะเก็บไว้ก่อนค่ะ โดยเฉพาะของสองอย่างที่คุณพูดถึง คลาสอื่นๆ น่าจะสามารถใช้ได้ก็จริง แต่ฉันรู้สึกได้อย่างแรงกล้ามากๆ ว่ามันเป็นของใช้สำหรับนักธนูค่ะ” 

 

 

“อืม ไม่มีสมาชิกเผ่าที่ต้องการยกให้เหรอครับ” 

 

 

“เสื้อที่ทำจากใบไม้ก็ไม่มี ส่วนรีซา บู๊ทส์ ทุกคนเห็นด้วยกันหมดว่าจะเก็บไว้รวมกับอุปกรณ์ของราชินีแห่งเอลฟ์ค่ะ ถ้าแคลนลอร์ดต้องการก็สามารถเอาไปได้ค่ะ” 

 

 

มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วสิ อย่างไรก็ตาม ผมคิดขึ้นมานิดหน่อยว่าโกยอนจูคงสังเกตเห็น แต่ผมก็ตัดสินใจว่าจะปล่อยมันไปก่อน อย่างที่พูดไป เป็นเพียงของที่เก็บเอาไว้เท่านั้น เพราะฉะนั้นหากมีสมาชิกเผ่าขอใช้ ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถเอาออกมาให้ได้ 

 

 

ผมทอดสายตามองอุปกรณ์กับสิ่งของที่วางเรียงอยู่ภายในห้องเป็นครั้งสุดท้าย ของพวกนี้ก็มากใช่ย่อยเลยทีเดียว 

 

 

คาลิโก อาบราซัส, พาราดิซุส เพลท เมล, ออร์โธรส ลอง บู๊ทส์, ออร์เดอร์แห่งข้อบังคับ, ที่คาดผมอันบริสุทธิ์, จอมเวทสายมืดแห่งดวงจันทร์สีน้ำเงิน, นักสู้ยามรุ่งสาง, รัตติกร, ไทร์ฟิงค์, น้ำตาของราชินีแห่งเอลฟ์, ตำนานแห่งฮอปโลน, บันทึกการทดลองของมาร์โวลโล, โพชั่นพิเศษด้านพลังเวท 

 

 

ของส่วนใหญ่ในนี้น่าจะถูกมอบให้เจ้าของคนใหม่ในวันนี้ ผมลังเลว่าจะเริ่มต้นด้วยของชิ้นไหนก่อน แล้วในที่สุดจึงเลือกได้อย่างหนึ่ง ว่ากันว่าหากเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่แล้ว เผชิญก่อนย่อมได้เปรียบ ผมจึงรู้สึกเหมือนว่าการเลือกออร์โดแห่งข้อบังคับซึ่งดูเหมือนจะก่อความวุ่นวายมากที่สุดเป็นอย่างแรกน่าจะดี และในตอนนั้นเอง 

 

 

“แคลนลอร์ด เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันอยากขออนุญาตพูดเสนออะไรสักอย่างค่ะ” 

 

 

“…” 

 

 

โกยอนจูร้องขอสิทธิในการเสนอความคิดเห็น และถึงไม่รู้ว่าเธอทำแบบนั้นเพราะตั้งใจจะพูดเรื่องอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญมากพอที่จะขออย่างเป็นทางการ สีหน้าของเธอก็ไม่ปกติด้วย พอพยักหน้าหนึ่งครั้ง เธอจึงหันไปมองสมาชิกทุกคนแล้วพูดต่อ 

 

 

“จริงๆ แล้วเมื่อวานหลังจากที่แคลนลอร์ดขึ้นไปก่อน พวกเราก็ได้พูดคุยกันค่ะ” 

 

 

“ครับ” 

 

 

“เพราะรู้สึกว่าการแบ่งให้พวกเราก่อนก็ดี แต่ควรให้สิทธิในการเลือกกับแคลนลอร์ดก่อนไม่ใช่เหรอคะ เพราะอย่างนั้น บทสรุปจากที่คุยกัน พวกเราพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะไม่เรียกร้องสิทธิเกี่ยวกับคาลิโก อาบราซัส, พาราดิซุส เพลท เมล, ออร์โธรส ลอง บู๊ทส์, ไทร์ฟิงค์ แล้วก็น้ำตาของราชินีแห่งเอลฟ์เลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ” 

 

 

“ฮ่าๆ…” 

 

 

“ถ้ายอมรับคำขอของพวกเราก็คงจะดีนะคะ” 

 

 

คำพูดของโกยอนจูทำให้สมาชิกเผ่าพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงราวกับเห็นด้วย ผมถึงกับกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขา 

 

 

โกยอนจูบอกว่าจะให้ของห้าชิ้นจากทั้งหมดสิบสองชิ้นกับผม นั่นหมายความว่า ผมจะได้ครอบครองก่อนห้าชิ้น และที่เหลืออีกเจ็ดชิ้นก็ให้สิทธิในการเลือกก่อน 

 

 

ถึงอย่างนั้น เหตุผลที่โกยอนจูใช้น้ำเสียงนอบน้อมขนาดนั้นเป็นเพราะผมคือคนที่ทำความดีความชอบอันดับหนึ่งในการออกเดินทางไกลครั้งนี้ จริงๆ แล้ว ทั้งการได้รับมอบหมาย ทั้งการโค่นมาร์โวลโล ต่างก็มีผมเป็นผู้นำ ถ้าจะให้พูดว่าคนถัดมาคือใครก็น่าจะบอกได้ว่าเป็นโกยอนจู แพคฮันกยอล แล้วก็คิมฮันบยอล 

 

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาแสดงให้เห็นความจริงใจถึงขนาดนี้ ผมจึงไม่ได้รู้สึกไม่ดีขนาดนั้น ผมยิ้มบางๆ แล้วตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบา 

 

 

“ผมจะรับสิทธิในการครอบครองคาลิโก อาบราซัส, ออร์โธรส ลอง บู๊ทส์ แล้วก็น้ำตาของราชินีแห่งเอลฟ์ครับ ในทางกลับกัน ผมจะคืนพาราดิซุส เพลท เมลกับไทร์ฟิงค์ให้ แล้วสละสิทธิ์ในการเลือกก่อนด้วย” 

 

 

“แต่…” 

 

 

“ผมขอไม่รับคำคัดค้านมากกว่านี้ครับ” 

 

 

พอพูดตัดบท โกยอนจูจึงปิดปากเงียบทันที 

 

 

ดาบน่ะ ผมมีเยอะเกินไปแล้ว ส่วนเสื้อเกราะก็ไม่จำเป็นสำหรับผม ต่อให้บอกว่ามีสิทธิ แต่การที่ผมได้ครอบครองเพียงคนเดียวขนาดนั้นมันไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ดีเลย และถึงแม้จะเพิกเฉยต่อเรื่องนั้น อย่างไรเสียก็เป็นสมาชิกเผ่าเดียวกัน เพราะฉะนั้นการคืนมันกลับไปให้ผู้เล่นที่ต้องการน่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ที่เก็บเอาไว้ก่อนก็อยู่ภายใต้การดูแลของผม เพราะฉะนั้นแม้จะแค่ตอนนี้แต่ก็อยู่ในระดับที่เยอะมากเกินไปแล้ว 

 

 

“ถ้างั้น…” 

 

 

ตอนนี้เป็นเวลาที่จะเริ่มต้นสรุปผลที่แท้จริงแล้ว คงอ่านสถานการณ์ออกจากสีหน้าของผม ผมจึงได้ยินเสียงกลืนน้ำลายจากทั่วทุกทิศ 

 

 

“เมื่อคืนทุกคนน่าจะคิดแล้วก็พูดคุยกันพอสมควรแล้วนะครับ” 

 

 

“…” 

 

 

“ผมจะไม่พูดยืดเยื้อครับ ผมเชื่อว่ามันคงเป็นแบบนั้นและจะเริ่มเลยนะครับ ชิ้นแรกก็คือออร์โดแห่งข้อบังคับครับ ผมอนุญาตให้สมาชิกเผ่าที่ต้องการอุปกรณ์ชิ้นนี้พูดแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเลยครับ และในกรณีที่ต้องการมากกว่าสองคน ผมจะแก้ปัญหาผ่านการสนทนาด้วยความปรองดองให้ได้มากที่สุดครับ” 

 

 

 ในตอนที่ผมพูดจบ ความเงียบราวก็คืบคลานเข้ามาปกคลุม ถึงขนาดที่ได้ยินเสียงหายใจของยูนิคอร์นซึ่งกำลังหลับอยู่ข้างผม 

 

 

แต่นั่นก็แค่ครู่เดียว จากนั้นผมจึงได้เห็นสมาชิกยกมือขึ้นกลางอากาศอย่างช้าๆ ช้ามากๆ มือมีทั้งหมดสองข้าง 

 

 

“ถึงแม้จะไม่ได้ออกไปเดินทางไกลด้วย และถึงแม้จะน่าละอาย แต่ก็ยกมือเสียแล้วนะคะ ช่วยยอมรับด้วยค่ะ” 

 

 

คนแรกคือจองฮายอนตามที่คาด เพราะเป็นนักเวทจึงไม่มีทางที่จะไม่ละโมบในออร์โดแห่งข้อบังคับ ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือ… 

 

 

“ขอโทษด้วย แต่ฉันเองก็ไม่ได้เข้าร่วมการเดินทางไกลเหมือนกัน ถึงอย่างนั้นก็ยกมือได้ใช่ไหม จะไม่ว่าอะไรใช่ไหม” 

 

 

วิเวียนนั่นเอง 

 

 

เหตุผลที่ผมเลือกการออกเดินทางไกลไปมาเจียในครั้งนี้มีทั้งหมดสามอย่าง เป็นเพราะมันคือสถานที่ที่เรียกได้ว่ามีมูลค่าสูงที่สุดในบรรดาซากโบราณสถานที่อยู่รอบข้างโมนิก้า มันมีคลาสกับอุปกรณ์ที่พอจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกเผ่าได้ และเพราะมีคำขอจากอีสตันเทลลอว์ 

 

 

และตอนนี้ผมคิดจะเก็บเกี่ยวผลลัพธ์อันน่าพอใจในการเดินทางไกลที่รวบรวมเหตุผลทั้งสามนี้เข้าด้วยกัน  

 

 

จองฮายอนและวิเวียนต่างร้องขอสิทธิในการครอบครองออร์โดแห่งข้อบังคับ ผมลองรอต่ออีกหน่อยเผื่อเอาไว้ แต่ก็ไม่มีสมาชิกเผ่าที่ยกมือขึ้นมาเพิ่มแล้ว 

 

 

ถึงแม้ว่าชินซังยงซึ่งอมยิ้มน้อยๆ จะไม่ได้ร้องขอก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่สำหรับอันซลนั้นเกินคาด เธอเข้าร่วมการเดินทางไกลแล้วทำตัวกระตือรือร้นด้วย แถมมันยังเขียนไว้อีกว่านักบวชก็สามารถใช้ได้ เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าอารมณ์ดีอะไรขนาดนั้น เธอจึงเพียงแค่หัวเราะร่าด้วยใบหน้าแจ่มใสเท่านั้น 

 

 

ผมใช้นิ้วชี้เคาะโต๊ะอย่างเรื่อยเปื่อยแล้วพยักหน้าเบาๆ ทันใดนั้นทั้งสองคนก็เอามือลงอย่างพร้อมเพรียงกัน 

 

 

ตอนแบ่งอุปกรณ์จะต้องไม่มองดูความสัมพันธ์ของอีกฝ่าย ผมไม่คิดจะทำแบบนั้น แต่การทำให้จบอย่างเรียบร้อยที่สุดก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด ประกาศสถานการณ์ให้รับรู้กันอย่างเป็นทางการแล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงคิดว่าพุ่งเข้าไปตรงๆ เลยน่าจะดีกว่าการอ้อมไปอ้อมมา 

 

 

ผมพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา 

 

 

“วิเวียน ลา คลาดัส เธอบอกเหตุผลที่ต้องการออร์โดแห่งข้อบังคับมาซิ” 

 

 

ในตอนที่ได้ยินคำพูดของผม วิเวียนก็กัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าของสมาชิกเผ่าต่างก็มีสีหน้าเหมือนจะบอกว่าอย่างที่คิดเอาไว้เลย 

 

 

ถ้าจะให้พูดความคิดส่วนตัว ออร์โดแห่งข้อบังคับเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับจองฮายอนมากกว่า เธอเป็นผู้เล่นักเวทมีฝีมือ อีกทั้งถ้าผนวกเข้ากับ ‘จอมเวทสายมืดแห่งดวงจันทร์สีน้ำเงิน’ ซีเคร็ตคลาสที่ผมเก็บไว้หลังจากนี้สักสองสามปี เธออาจจะกลายเป็นผู้มีความสามารถมากพอที่จะเทียบเคียงกับผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดหนึ่งในสิบก็ได้  

 

 

แม้ผมจะไม่ได้เผยอะไรออกมา แต่คำพูดของผมเมื่อครู่นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับผายมือไปทางจองฮายอนทั้งที่ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมา 

 

 

และแล้วก็เกิดความเงียบชั่วขณะ พอผมรอในท่าประสานมือเข้าหากัน วิเวียนจึงค่อยๆ เปิดปากพูดขึ้นช้าๆ 

 

 

“แน่นอนว่าฉันรู้ดีอยู่แล้วว่าออร์โดแห่งข้อบังคับเหมาะสมกับจองฮายอน แต่ฉันก็มั่นใจว่าจะใช้มันได้เป็นอย่างดีเหมือนกัน” 

 

 

“เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็พูดได้ คำพูดที่ฉันต้องการไม่ใช่แบบนั้น ถ้าเธอได้สิ่งนี้ไป เธอจะแสดงให้เห็นความสามารถแบบไหน อะไรแบบนี้ต่างหาก นั่นหมายความว่าให้พูดอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่านี้อีกหน่อยน่ะ” 

 

 

วิเวียนหลับตาลง พอเห็นท่าทางนั้น จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันน่าสนุกมากๆ เธอเป็นเด็กปัญญาอ่อนพอสมควร แต่เหตุผลที่ผมปล่อยวิเวียนไว้ทั้งอย่างนั้นเป็นเพราะเวลาเธอจริงจังก็จะจริงจัง แตกต่างกับเด็กคนอื่นๆ หากผมออกคำสั่งเสียตอนนี้ เธอก็จะหัวเราะแหะๆ แล้วจัดการมันทันทีโดยไม่ตะขิดตะขวงใจถึงแม้จะเป็นการเข่นฆ่าอย่างโหดเ**้ยมก็ตาม นั่นคือนิสัยโดยพื้นฐานของวิเวียน 

 

 

จากนั้นวิเวียนก็ลืมตาโพลงขึ้นมา ดวงตาของเธอเป็นประกาย 

 

 

“เมื่อวานฉันลองพิจารณาดูใบประเมินคุณค่าสิ่งของที่ติดอยู่กับออร์โดแห่งข้อบังคับอย่างละเอียดแล้ว ออฟชั่นที่ฉันสนใจจากออฟชั่นทั้งหมดมีสี่อย่าง การทำให้เวทมนตร์ทั้งหมดบรรลุผลอย่างรวดเร็วถึงร้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วปล่อยมันออกมา, ฟื้นคืนพลังเวทร้อยเปอร์เซ็นต์, ความสามารถในการใช้เวทโดยไม่ต้องท่องบทเวท และกุญแจของมาเจีย” 

 

 

“กุญแจของมาเจียน่ะเอาไว้ก่อน… ออฟชั่นสามอย่างก่อนหน้าน่ะมีความเกี่ยวข้องกับพวกนักโทษเวทมนตร์คิเมร่าของเธอเหรอ” 

 

 

“อือ พูดให้ถูกก็คือทำพันธสัญญากับนักโทษเวทมนตร์และพวกนักโทษนั้นก็จะเป็นเด็กๆ ที่แข็งแกร่งขึ้นตามใจชอบของฉันเลยล่ะ เอาจริงๆ ถึงบอกว่าฉันเป็นผู้กุมอำนาจของกองบัญชาการทหารนักโทษเวทมนตร์ที่ 66 แต่ก็ไม่ได้กุมอำนาจอย่างสมบูรณ์แบบสักหน่อย ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ความสามารถของฉันยังมีไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากวงแหวนเวท อย่าว่าแต่กองบัญชาการทหารเลย พวกระดับสูงก็ยากที่จะอัญเชิญมาได้ อย่างเช่น พวกที่อยู่ภายใต้กองบัญชาการที่สี่ อะไรแบบนี้” 

 

 

“อืม…” 

 

 

ผมตั้งใจฟังคำพูดของวิเวียน สิ่งที่ผมคาดหวังจากเธอคือการเปลี่ยนบรรยากาศ ตอนนี้สมาชิกเผ่าส่วนใหญ่รวมถึงผมกำลังจิตโจโอนเอียงไปทางจองฮายอน วิเวียนก็คงรับรู้ได้ถึงเรื่องนั้น เธอจึงกระแอมเพื่อปรับน้ำเสียงหนึ่งครั้งก่อนจะพูดต่อ จากนี้ไปคือประเด็นหลักและเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดแล้ว 

 

 

“แต่ถ้าได้ครอบครองออร์โดแห่งข้อบังคับก็จะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ จำนวนครั้งในการอัญเชิญก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นจากออฟชั่นปลดปล่อยพลังร้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์ มีเงื่อนไขว่าเจ็ดวันก็จริง แต่ถ้าสามารถฟื้นฟูพลังเวทของฉันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็เป็นไปได้มากขึ้นที่จะอัญเชิญกองทหารบัญชาการออกมาเหมือนกัน ไม่ใช่แค่นั้นนะ ถ้าคุ้นเคยกับความสามารถในการร่ายเวทโดยไม่ต้องท่องบทเวทแล้ว นอกเหนือจากเวทที่เชื่อมโยงถึงนักโทษเวทมนตร์ที่แตกต่างกับเวทอื่นๆ ก็จะทำให้ย่นระยะเวลาลงได้จนหมดเลยละ เวลาในการอัญเชิญก็จะลดลงอย่างมากเลย แล้วก็นี่เป็นการคาดเดาของฉันเฉยๆ นะ แต่ถ้าหากจะทำให้เมืองเวทมนตร์เจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง ฉันก็จะมีประโยชน์อย่างมากเลยละ” 

 

 

“โอ้โฮ ฉันอยากฟังเรื่องเกี่ยวกับกองบัญชาการนั้นเพิ่มเติมอีกหน่อยจังเลยนะ” 

 

 

“ถ้าให้พูดแบบละเอียดก็จะยาวเกินไป แต่สิ่งที่มั่นใจก็คือสามารถใช้ออร์โดแห่งข้อบังคับแทนวงแหวนเวทได้ กองบัญชาการทหารระดับสูงก็หนึ่งแล้ว พวกที่อยู่ในระดับสูงๆ บางที…อาจจะอัญเชิญกองกำลังทหารได้ถึงสองกองด้วยซ้ำ ยังไงก็เถอะ ฉันพูดเรื่องที่อยากพูดหมดแล้ว จะพูดถึงแค่ตรงนี้” 

 

 

พอแสดงให้เห็นถึงความสนใจนิดหน่อย วิเวียนก็พูดจนจบด้วยใบหน้าสบายใจขึ้นอีกขั้น ผมลูบไล้คางของตัวเอง พอได้ฟังเธอพูด พูดตามตรงว่าจิตใจของผมก็โอนเอียงไปหาเธอทีละนิด ตามที่เธอพูดมา ถ้าสามารถอัญเชิญกองกำลังทหารบัญชาการได้ก็จะมีประโยชน์อย่างมากกับแผนการต่อจากนี้ 

 

 

‘จะผลักดันจองฮายอนแบบชัดๆ กันไปเลย หรือว่าแบ่งส่วนหนึ่งมาทางวิเวียนแล้วมองดูการพัฒนาไปพร้อมๆ กันดีนะ’ 

 

 

มองอย่างไรก็เป็นความลังเลที่แสนมีความสุข แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะลองฟังคำพูดของอีกคนที่เหลือแล้ว ดีกว่าจมอยู่กับความลังเลแบบนี้ ต้องทำแบบนั้นถึงจะสามารถตัดสินได้อย่างแม่นยำ ในตอนที่ผมกำลังจะหันหน้าไปทางจองฮายอนแบบนั้น  

 

 

“อย่างนั้นเองสินะคะ” 

 

 

“ผู้เล่นจองฮายอน” 

 

 

“ฉันได้ฟังคำพุดของคุณวิเวียนเป็นอย่างดีเลยค่ะ แคลนลอร์ด ฉันจะสละสิทธิ์ในออร์โดแห่งข้อบังคับค่ะ” 

 

 

“…”