“ซูฮยอน เป็นไงบ้างคะ มีของที่ไม่เลวอยู่เยอะเลยใช่ไหมล่ะ”
ผมอ่านข้อความที่ลอยขึ้นมากลางอากาศพร้อมกับอดกลั้นไม่ให้ส่งเสียงอุทานในลำคอออกมาอย่างยากลำบาก ผมได้ยินเสียงอันน่าหลงใหลของโกยอนจูจากด้านข้าง
แน่นอนว่าผมรู้ว่าจะได้รับอุปกรณ์พวกนี้ แต่พอได้มาจริงๆ ก็เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมา แต่มันยังไม่หมดแค่นี้ ยังเหลือที่คาดผม กริชสองเล่มที่ไม่แสดงตัวตน สิ่งที่ทำให้สืบทอดคลาสได้ และผลตอบแทนต่างๆ ที่ได้มาจากห้องทดลองของมาร์โวลโล แล้วก็ห้ามลืมน้ำตาของราชินีแห่งเอลฟ์ด้วย
ผมผ่อนคลายหัวใจที่เต้นรัวแล้วจึงเบนดวงตาที่สามไปทางสิ่งของที่เหลือ
[ที่คาดผมอันบริสุทธิ์(Headband of Innocence)]
เป็นหนึ่งในสิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์ของราชินีแห่งเอลฟ์ มาร์การิต้า ว่ากันว่าช่างตีเหล็กคนแคระฝีมือดีผู้ซึ่งตกหลุมรักในหน้าตาอันงดงามของนางมอบให้เป็นของขวัญ และราชินีถูกใจในที่คาดผมอันนี้เป็นอย่างมาก ตรงส่วนนี้มีความหมายถึงจิตใจอันสะอาดไร้ซึ่งมลทิน อย่างเช่น ความปรารถนาหรือความเห็นแก่ตัว ซึ่งไม่ได้หมายความถึงความเป็นพรหมจารีของหญิงสาวที่เรียกว่าบริสุทธิ์
[ปีกของราชินีแห่งเอลฟ์ที่ถูกฉีกออก(Wings of Elf Queen, Ripped, 12 คู่)]
ปีก 12 คู่ที่มีเพียงหนึ่งเดียวสำหรับพวกเผ่าพันธุ์เอลฟ์ซึ่งได้รับการยินยอมเนื่องจากขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งราชินี ด้วยเหตุที่ถูกจอมเวทผู้ชั่วร้ายบังคับทำให้มันฉีกขาดไปจึงไม่สามารถทำหน้าที่ตามบทบาทที่แท้จริงของมันได้ แต่ยังคงแฝงความอัศจรรย์ไว้อยู่ เพราะฉะนั้นถ้าได้ผสมกับสิ่งอื่นก็เป็นไปได้ที่จะสามารถฟื้นคืนพลังในอดีตกลับมา
[รัตติกร(蟾魄)]
คาตานะที่แมวใต้แสงจันทร์(Moonlight Cats) ออฟอาน่า อัลคาทราส นักรบหญิงผู้โด่งดังของฮอลล์เพลนในอดีตเคยใช้ ว่ากันว่าทุกครั้งที่กวัดแกว่งมันหนึ่งครั้งก็จะทิ้งรอยที่ส่องแสงจันทร์ออกมา จึงถูกเรียกว่า ‘รัตติกร’ ซึ่งเป็นอีกชื่อหนึ่งของดวงจันทร์ ไม่มีประสิทธิภาพทางด้านเวทมนตร์ใดๆ เลย แต่ความสามารถในการตัดและระดับความรุนแรงมีความโดดเด่นมาก
[ไทร์ฟิงค์(TyrFingr)]
ไทร์ฟิงค์ ดาบเวทมนตร์ที่หากชักออกมาแล้วจะไม่ยอมกลับเข้าไปอยู่ในฝักดาบจนกว่าจะเปรอะเปื้อนเลือด เพราะเป็นดาบเวทอันเ**้ยมโหดจึงมีแนวโน้มว่ามันจะเป็นฝ่ายเลือกเจ้าของเองสูงมาก ในกรณีที่มันไม่ชอบเจ้าของ แม้จะแค่นิดเดียวก็ตาม มันจะเป็นดาบเวทอันน่าสยดสยองที่จะทำลายผู้ครอบครอง แต่ในทางกลับกัน ในกรณีที่ไทร์ฟิงค์โปรดปรานเจ้าของนั้น ผู้ใช้จะได้รับพลังเวทด้านการทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวของดาบเวท
[จอมเวทสายมืดแห่งดวงจันทร์สีน้ำเงิน(Book, Magician of the Blue Moon, Secret Class)]
กลุ่มคนที่ต้องการบุกเบิกเส้นทางใหม่ของตัวเองเพียงคนเดียว ไม่ใช่การเดินไปตามเส้นทางเวทมนตร์ที่ถูกขัดเกลาแล้ว ในความเป็นจริง เวทมนตร์โบราณทั้งหมดสร้างขึ้นมาจากคนพวกนี้และได้พัฒนาต่อมา ผู้ที่พยายามเปลี่ยนแปลงและริเริ่มให้สำเร็จพร้อมทั้งเดินไปตามเส้นทางของเวทสายมืดโดยสิ้นเชิงอยู่เสมอ ผู้ที่ไม่เห็นพ้องกับความเป็นจริงและไม่ล้มเลิกความเชื่อมั่นของตัวเอง พวกเขาคือ ‘จอมเวทสายมืดแห่งดวงจันทร์สีน้ำเงิน’
[นักสู้ยามรุ่งสาง(Sword, Gladiator of the Dawn, Rare Class)]
มีชนกลุ่มน้อยอยู่หลากหลายกลุ่มในฮอลล์เพลนสมัยโบราณ ในบรรดาชนกลุ่มน้อยพวกนั้น ชนเผ่าวิฬาร์(猫)เป็นเผ่าพันธุ์ที่ก้าวร้าวและเพลิดเพลินกับการต่อสู้เป็นอย่างมาก ในตอนที่การแข่งขันการต่อสู้ด้วยดาบมีอิทธิพลไปทั่วทุกหนแห่งในฮอลล์เพลน พวกนักสู้ของชนเผ่าวิฬาร์ก็ทำให้ตัวเองเป็นทหารรับจ้างแล้วเข้าร่วมการแข่งขันด้วยตัวเอง ถ้าชนเผ่าวิฬาร์เข้าร่วมการแข่งขันครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะต่อสู้ทั้งคืนเพื่อจัดการการแข่งขันให้เสร็จเรียบร้อย และเมื่อมาถึงเวลากลางวัน ทหารรับจ้างของชนเผ่าวิฬาร์ก็เป็นนักสู้ดาบที่ยืนอยู่จนถึงคนสุดท้ายเสมอ พวกเขารับเอาแสงยามรุ่งอรุณพร้อมกับส่งเสียงกู่ร้องแห่งชัยชนะอยู่เสมอ ผู้คนต่างพากันชี้ไปทางพวกชนเผ่าวิฬาร์นั้นแล้วขนานนามพวกเขาว่า ‘นักสู้ยามรุ่งสาง’
[น้ำตาของราชินีแห่งเอลฟ์(Tears Of Elf Queen)]
หยาดน้ำตาที่ใส่ความรู้สึกที่แท้จริงของราชินีแห่งเอลฟ์ มาร์การิต้า เธอถูกจอมเวทผู้ชั่วร้ายชักจูงให้ไปในทางที่ไม่ดี และในตอนที่เผชิญกับช่วงเวลาสุดท้าย เธอก็ใส่ความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองไว้ในหยาดน้ำตาแล้วปล่อยให้มันไหลลงมา เมื่อรับประทานเข้าไป แต้มของค่าความสามารถจะเกิดขึ้นใหม่สองแต้ม แต้มของค่าความสามารถที่เสริมเข้ามาจะสามารถทำให้สูงขึ้นได้ตามที่ผู้เล่นต้องการ
“เฮ้อ”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับข้อความมากมายที่ลอยขึ้นมาจนอัดแน่นกลางอากาศ ผมปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอแล้วมองดูพวกผลตอบแทนที่เหลือทั้งหมดด้วย ไข่ของราชินีแห่งเอลฟ์ ลูกแก้วเวทสำหรับปกป้องให้คงเดิมของมาร์โวลโล โพชั่นสารพัดสี โพชั่นพิเศษด้านพลังเวท(เมื่อค่าพลังเวทต่ำกว่า 95 แต้ม ค่าพลังเวทจะเพิ่มขึ้น 2 แต้ม) ผลของอิกดราซิลที่เน่าไปแล้ว รวมถึงอุปกรณ์ที่ได้มาจากมิวล์ด้วย โชคดีมากๆ ที่ไม่เห็นอีลิกเซอร์ ถึงอย่างนั้น โกยอนจูก็ดูเหมือนเคยคิดอยู่บ้างเหมือนกัน
ผมทอดสายตามองของพวกนั้นครู่หนึ่งแล้วจึงหันไปมองรอบๆ
สมาชิกเผ่ากลืนน้ำลายดังเอื้อกๆ และพวกดอกไม้กลางคืนที่ล้อมรอบอยู่ทั่วทุกทิศ ความรู้สึกที่แฝงอยู่ในดวงตาของพวกเธอมันทั้งยุ่งเหยิงและซับซ้อนเกินบรรยาย ทั้งอิจฉา ริษยา อยากได้ ละโมบ และอับอายเป็นต้น
โมนิก้าเป็นเมืองที่โดดเด่นในด้านความสงบเรียบร้อย แม้จะอยู่ในแผ่นดินใหญ่ทางเหนือก็ตาม และอย่างไรเสียมันก็เป็นของที่จะใส่ไปไหนมาไหนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงจำต้องเปิดเผยให้เห็นในที่สาธาณะด้วย
พวกเรามีสิทธิอันชอบธรรม และเป็นไปไม่ได้ที่จะทำการกระทำอันคุกคามในที่สาธาณะเพื่อแย่งชิงของพวกนี้ด้วย แต่ก็อาจจะมีการกระทำที่เคลื่อนไหวอย่างลับๆ ในช่วงที่หลับอยู่ได้ถ้าบอกว่ายากที่จะเปิดเผยในที่สาธารณะ
แน่นอนว่าน่าจะมีเศษเสี้ยวอะไรบางอย่างที่เธอเชื่ออย่างนั้นในฐานะราชินีแห่งเงามืด แต่ถึงแม้จะไตร่ตรองดูในส่วนนั้น ผมคิดว่าการกระทำในครั้งนี้ก็ไม่รอบคอบอยู่เหมือนกัน ครั้งนี้ตั้งใจจะเชื่อมการประชาสัมพันธ์การเดินทางไกลไปสำรวจกับยูนิคอร์นเข้าด้วยกัน เพราะฉะนั้นอย่างไรก็มองข้ามไปได้ แต่จากนี้ไปจำเป็นจะต้องปฏิบัติตัวอย่างระมัดระวังแล้ว
สมาชิกเผ่ายังคงส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดพร้อมกับจ้องมองพวกอุปกรณ์อย่างใจจดใจจ่อ
‘คึกคักกันเกินไปแล้ว’
ถึงจะบอกว่าจิตใจร้อนรุ่มก็ร้อนรุ่มมากเกินไป ความตื่นเต้นอย่างพอควรช่วยทำให้บรรยากาศสนุกสนานก็จริง แต่ผมมีความรู้สึกว่านี่มันเกินขอบเขตไปแล้ว ผมไม่ชอบใจกับสถานการณ์รอบข้างเอาเสียเลย
หลังจากอ่านข้อมูลทั้งหมดด้วยดวงตาที่สามแล้ว ผมก็ทำตัวเงียบสนิท พออยู่เฉยๆ โดยไม่ได้พูดอะไรเลย สมาชิกเผ่าบางคนที่ความรู้สึกไวจึงเริ่มปิดปากเงียบทีละนิดๆ ในตอนที่ความวุ่นวายค่อยๆ สงบลงก็คงจะใช้กู๊ดส์แอพเพรซอลเร็จเรียบร้อยแล้ว จองฮายอนกับคิมฮันบยอลจึงเช็ดเหงื่อพลางลุกขึ้นยืน
“จองฮายอน คิมฮันบยอล เหนื่อยหน่อยนะครับ”
“ไม่หรอกค่ะ”
“ทั้งสองคนน่าจะไปพักกันได้แล้วครับ”
“คะ?”
จองฮายอนทำตาโตพลางย้อนถาม คิมฮันบยอลเองก็ทำหน้างุนงง ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ตอนนี้ยังคงเหลือการสรุปบัญชีที่สำคัญที่สุดอยู่ แต่ผมกลับบอกว่าให้ไปพัก เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะคิดว่าแปลก จากนั้นในตอนที่สายตาของทุกคนจับจ้องมา ผมจึงพูดขึ้นเบาๆ
“อย่างที่เห็นกัน ผลตอบแทนที่ได้มาในครั้งนี้มีเยอะมากๆ ครับ แล้วก็มีพวกของที่ซับซ้อนอยู่มากด้วย”
แม้จะครู่เดียว แต่ใบหน้าของพวกสมาชิกเผ่าก็มีสีหน้าแปลกประหลาดพาดผ่านไป ตัวเองก็น่าจะรู้อยู่ ในเมื่อเป็นคน ไม่สิ ในเมื่อเป็นผู้เล่นก็ไม่มีทางที่จะไม่มีความโลภมากในอุปกรณ์ต่างๆ แต่ถ้าได้รับอุปกรณ์ที่ใครคนหนึ่งต้องการ อีกคนก็จำเป็นจะต้องยินยอมอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงจำเป็นจะต้องแบ่งสรรปันส่วนให้เหมาะสมที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความไม่ปรองดองกันเพราะขั้นตอนนั้น
“ผมจะยังไม่สรุปบัญชีในวันนี้นะครับ มีกำหนดการที่จะเลื่อนไปพรุ่งนี้เช้าครับ”
“…”
“ผมจะให้เวลาคิดครับ หรือไม่แต่ละคนจะพูดคุยกับอีกฝ่ายให้เข้าใจกันก็ได้นะครับ คืนนี้ก็ลองไปคิดดูให้ละเอียดแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยพูดกับผมในที่ประชุมก็ได้ครับ ลองฟังสักครั้งแล้วถ้าดูมีความเหมาะสม ผมก็จะอนุญาตครับ”
‘ออร์โดแห่งข้อบังคับมันหนักหนาที่สุดเลยสินะ’
ถ้าการจำกัดของคลาสมันจำกัดไว้แค่เพียงอย่างเดียวก็น่าจะง่ายกว่านี้แท้ๆ แต่นี่มันจำกัดไว้ให้ทั้งจอมเวท นักเล่นแร่แปรธาตุ และนักบวช สถานการณ์ก็เลยคลุมเครือมากขึ้นมากๆ
พอผมพูดจบ บางคนในบรรดาสมาชิกเผ่าก็เริ่มสังเกตท่าทีของผมแบบลับๆ แต่ผมก็ตัดสินใจว่าจะเชื่อในตัวของสมาชิก ทุกคนต้องพูดคุยกันก่อนเป็นอย่างแรกเพื่อที่จะได้เข้าใจในสถานภาพของตัวเอง จะได้ไม่มีการทะเลาะถกเถียงกันเกินความจำเป็น จู่ๆ ผมก็จิตนาการขึ้นมาว่าอันซล จองฮายอน กับวิเวียนต่างก็กระชากผมกันแล้วแผดเสียงกรีดร้องออกมา
‘เรื่องนั้นก็คงจะตลกอย่างที่จิตนาการล่ะนะ’
ในใจผมหัวเราะคิกคักแลวจึงหันไปมองโกยอนจูซึ่งเพียงแค่สังเกตท่าทีของผมอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว
“โกยอนจู รับผิดชอบอุปกรณ์ที่วางเรียงไว้ที่ชั้นหนึ่งแล้วเอาขึ้นไปวางไว้ข้างบนด้วยครับ คงจำเป็นจะต้องใส่ใจในเรื่องการดูแลจัดการหลังจากนี้แล้วครับ”
“รับทราบคำสั่งท่านแคลนลอร์ดค่ะ”
“ถ้างั้นไว้พบกันพรุ่งนี้เช้านะครับ ผมขอตัวขึ้นไปก่อนเลยนะครับ”
โกยอนจูรับคำสั่งของผมอย่างนอบน้อมมากเกินไป ผมเดินผ่านเธอซึ่งทำแบบนั้นแล้วเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองทันที
เช้าวันต่อมา ผมก็ต้องรับรู้ถึงความรู้สึกลำบากใจแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว ผมเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อที่จะได้ให้ร่างกายพักผ่อน แต่เดิมทีก็เป็นคนที่ตื่นเช้ามากพอสมควร ผมดันตัวขึ้นจากเตียงแล้วจึงวางมือบนหัวของลูกยูนิคอร์นที่กำลังหลับฝันหวานพลางออกจากห้องไป
พอผมทุบเนื้อตัวที่ตึงแข็งพร้อมกับเดินลงบันไดไป ผมจึงได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่สมาชิกเผ่าทุกคนต่างตื่นนอนกันอยู่แล้ว ทุกคนกินข้าวเช้ากันเรียบร้อยและกำลังรอให้ผมตื่นอยู่
ไม่ใช่แค่นั้น พอล้างหน้าแบบง่ายๆ เสร็จแล้วกินข้าวเช้าเสร็จจึงได้รู้ว่าในห้องทำงานของผมก็เต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ดูจากที่ส่วนใหญ่ทำคอยืดคอยาว คงกำลังรอว่าเมื่อไรผมจะมาแน่ๆ
“ถ้าทำให้แบบนี้ทุกครั้งก็คงดีนะครับ”
พอผมพูดหยอกล้อแบบสบายๆ ออกไปเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อยเมื่อวานนี้ ผมจึงได้เห็นสมาชิกบางคนหลุดหัวเราะสั้นๆ ออกมา บางทีถึงแม้ว่าตัวเองจะลองคิดดูก็คงน่าขำ ผมลูบหัวเจ้ายูนิคอร์นที่ทำตัวออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขนของผมแล้วจึงนั่งลงตรงหัวโต๊ะ
“ถ้างั้นมาเริ่มกันที่สรุปบัญชีเลยไหมครับ ผู้เล่นจองฮายอน”
“ค่ะ”
“ช่วยพูดเรื่องเงินทุนที่เผ่าเมอร์เซนต์นารี่ครอบครองอยู่ในตอนนี้ด้วยครับ บอกจำนวนเหรียญทองกับอัญมณีแยกด้วย”
“ตอนมาโมนิก้าตอนแรก เงินทุนมีราวๆ แปดหมื่นแปดพันโกลด์ค่ะ จำนวนของอัญมณีมีเกินกว่าหนึ่งพันเม็ด และการออกเดินทางไกลไปสำรวจครั้งนี้ได้เหรียญทองประมาณเจ็ดพันโกลด์อย่างแน่นอน ส่วนอัญมณีที่แกะมาจากพวกของตกแต่งก็มีทั้งหมดมากกว่าสามร้อยเม็ดค่ะ รายละเอียดค่าใช้จ่ายที่กำหนดแน่นอนในตอนนี้ก็จะมีรายจ่ายประมาณหนึ่งหมื่นโกลด์ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับส่วนผสมกับเครื่องมือที่คุณวิเวียนสั่งไปค่ะ นอกเหนือจากนั้นก็จะคงเหลือเหรียญทองมากกว่าแปดหมื่นโกลด์กับอัญมณีมากกว่าหนึ่งพันเม็ดค่ะ”
คงคาดการณ์ไว้แล้วว่าผมจะถาม จองฮายอนจึงตอบราวกับท่องจำมา การพูดว่าเจ็ดพันโกลด์ตรงนี้น่าจะเป็นพวกผลตอบแทนที่ได้มาจากห้องทดลองของมาร์โวลโล การที่บอกว่ายังคงเหลือเงินมากกว่าแปดหมื่นโกลด์แม้จะบอกว่าตัดค่าครองชีพในช่วงที่ผ่านมาแล้ว เป็นเรื่องที่กระตุ้นให้เกิดกำลังใจอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าต่อจากนี้จะมีรายจ่ายเยอะมากแน่ๆ ก็เถอะ
“ผู้เล่นอันฮยอน”
“คะ ครับ! ครับพี่! อ๊ะ แคลนลอร์ด!”
พอผมเรียกตนเองก็คงจะตกใจมาก อันฮยอนจึงเงยหน้าพรวดพร้อมกับตอบ พูดตามตรงว่าช่วงที่ผ่านมา ผมมีแนวโน้มที่จะมอบหมายงานภายในเผ่ากับโกยอนจูหรือไม่ก็จองฮายอนเสียเยอะ จากนี้ไปจำเป็นจะต้องค่อยๆ ทำให้เด็กๆ มีความสนใจในเรื่องพวกนี้บ้างแล้ว ผู้ที่ได้รับเลือกคนแรก ผมคิดจะให้เป็นอันฮยอน
“น่าจะมีพวกอุปกรณ์ที่ไม่มีเจ้าของจากการออกเดินทางไกลอยู่นะ”
“ชะ ใช่แล้วครับ ใช่ครับ เป็นอย่างนั้นครับ”
“ของพวกนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“ผมเก็บรวมเอาไว้เป็นอย่างดีในห้องเก็บของโดยไม่ตกหล่นแม้แต่อันเดียวครับ”
“ฉันขอรู้การประเมินราคาคร่าวๆ ได้ไหม ว่าพวกอุปกรณ์มีอะไรบ้าง”
“ระ เรื่องนั้น…”
อันฮยอนเกาหัวพร้อมกับปล่อยให้ท้ายประโยคเงียบหายไป พอจองฮายอนกำลังจะตอบด้วยความรีบร้อน ผมจึงกางมือออกเล็กน้อยเพื่อหยุดไม่ให้เธอพูด
“ไปดูมาภายในเย็นวันนี้แล้วมารายงานให้ฉันรู้ด้วย”
“ครับ ทราบแล้วครับ ขอโทษด้วยครับ”
ใบหน้าของอันฮยอนผู้ซึ่งถูกผมตำหนิเจือสีแดงขึ้นมา แต่นั่นไม่ใช่ความรู้สึกอับอาย คงดีใจไม่น้อยที่ผมเล็งตัวเอง ใบหน้าของเขาจึงเป็นสีก่ำ ผมคิดว่านั่นมันลี้ลับจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดลำดับต่อไปก็คืออุปกรณ์ต่างๆ ผู้เล่นที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีก็คือ…
“ผู้เล่นโกยอนจู”
“ค่ะ แคลนลอร์ด”
“อุปกรณ์มันดูน้อยกว่าที่เห็นเมื่อวานหน่อยนะครับ”
“ค่ะ อุปกรณ์ที่ฉันคิดว่าไม่สามารถเลือกเจ้าของได้ภายใต้การตัดสินพื้นฐาน ฉันวางเอาไว้ในห้องเก็บของค่ะ ซึ่งนั่นหมายความว่าเก็บเอาไว้ก่อนค่ะ”
“ทำดีแล้วครับ ถ้างั้นผมขอทราบรายการของที่เก็บไว้ก่อนได้ไหมครับ”
ก่อนหน้านี้ก็น่าจะเป็นอย่างนี้สิ พอผมถอนหายใจสั้นๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ โกยอนจูจึงตอบมาเรื่อยๆ อย่างไม่ติดขัด