ตระกูลเจียงทรยศมวลมนุษย์ด้วยหรือ?

“ตระกูลเจียง?” จางเซวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตบหน้าผากเมื่อนึกได้

ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงนึกไม่ออกนะ?

ในบรรดาสามตระกูลใหญ่ ตระกูลจางเชี่ยวชาญเรื่องศิลปะแห่งกาลเวลา ตระกูลหลัวเชี่ยวชาญเรื่องศิลปะแห่งมิติ และตระกูลเจียงเชี่ยวชาญเรื่องศิลปะแห่งจิตวิญญาณ

ตอนที่เหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณถูกกวาดล้างออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์ในครั้งนั้น มรดกตกทอดเรื่องวรยุทธของจิตวิญญาณก็แทบจะหายสาบสูญไปหมด เป็นเพราะผู้ก่อตั้งตระกูลเจียงที่ได้ยืนหยัดและรวบรวมวรยุทธเกี่ยวกับจิตวิญญาณของทวีปแห่งปรมาจารย์ขึ้นมาใหม่ ด้วยความเข้าใจในแก่นสารเรื่องจิตวิญญาณของเขา เขาจึงได้คิดค้นศิลปะแห่งจิตวิญญาณอันไร้เทียมทานขึ้นมามากมายนับไม่ถ้วน และกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยนั้น

จะว่าไป จางเซวียนก็ไม่คุ้นเคยกับตระกูลเจียงนัก เขาเคยพบหัวหน้าตระกูล, เจียงฟังโหย่ว เพียงครั้งเดียวเมื่อตอนที่ตระกูลหลัวจัดงานหมั้น และเคยปะทะกับทายาทชั้นยอดของตระกูลเจียงคนหนึ่ง, เจียงเฟยเฟย ระหว่างการทดสอบของนักออกแบบสวรรค์สร้างที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งของการเข้าท้าทายหอคอยปรมาจารย์เมื่อครั้งอยู่ที่ปูชนียสถานนักปราชญ์

ไม่นึกเลยว่าตระกูลเจียงจะอยู่ห่างจากตระกูลจางเพียงแค่การเดินทางครึ่งวันเท่านั้น

“ท่านหัวหน้า คุณคิดจะศึกษาเทคนิควรยุทธที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณหรือ?” ผู้อาวุโสถามด้วยความอยากรู้

“หลายวันมานี้ ผมยกระดับวรยุทธขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และนั่นส่งผลให้จิตวิญญาณต้นกำเนิดของผมเกิดความไม่มั่นคง ผมกำลังคิดว่าจะศึกษาเทคนิควรยุทธเกี่ยวกับจิตวิญญาณสักหน่อยเพื่อขัดเกลาจิตวิญญาณของผมให้ก้าวไปสู่ระดับขั้นที่สูงขึ้น” จางเซวียนตอบ

ได้ยินคำนั้น ผู้อาวุโสพยักหน้า

ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นได้กับนักรบที่ยกระดับวรยุทธของตัวเองรวดเร็วเกินไป

ครั้งแรกที่หัวหน้าตระกูลของพวกเขามาถึงตระกูลจาง อีกฝ่ายเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 7 พื้นที่ลวงตาเท่านั้น แต่ภายในเวลาไม่นาน เขาก็กลายเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด นี่เป็นการก้าวกระโดดอย่างน่าทึ่งของวรยุทธ แน่นอนว่าปัญหาที่เกิดจากการยกระดับวรยุทธรวดเร็วเกินไปจะยังไม่ส่งผลชัดเจนนักในตอนนี้ แต่หากพยายามยกระดับวรยุทธให้สูงขึ้นไปอีกโดยมีรากฐานที่ไม่มั่นคง ก็อาจทำให้ประสบปัญหาอย่างหนักในอนาคต

เมื่อรู้เจตนาของหัวหน้าตระกูล ผู้อาวุโสตั้งข้อสังเกต “ตระกูลจางของเราไม่ได้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับตระกูลเจียงมากนัก แต่ในฐานะสมาชิกของตระกูลชั้นนำเหมือนกัน ผมก็ไม่คิดว่าตระกูลเจียงจะปฏิเสธคำขอของท่านหัวหน้าหรอก ตราบใดที่คำขอของคุณไม่ได้ล่วงล้ำความลับของมรดกตกทอดของพวกเขา”

ได้ยินคำนั้น จางเซวียนตาโต

จริงด้วย ตอนนี้เขาไม่ใช่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่ไม่มีใครรู้จักอีกต่อไปแล้ว!

ศิลปะแห่งจิตวิญญาณอาจเป็นความลับของตระกูลเจียงที่ได้รับการอารักขาอย่างแน่นหนา แต่ในฐานะหัวหน้าตระกูลจาง หัวหน้าปูชนียสถานนักปราชญ์ และศิษย์พี่ของปรมาจารย์หยาง หากเขาเอ่ยปากขอศึกษาหนังสือศิลปะเกี่ยวกับจิตวิญญาณขั้นพื้นฐานที่อยู่ในหอสมุดของตระกูลเจียง พวกนั้นก็ไม่น่าจะปฏิเสธ

หลังจากกล่าวลาผู้อาวุโสแล้ว จางเซวียนก็บอกหลัวลั่วชิงว่าจะออกไปข้างนอกสักครู่ ก่อนจะชักหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมาเพื่อเปิดรอยแยกแห่งมิติและออกเดินทาง

เขาได้พิกัดของตระกูลเจียงจากผู้อาวุโสที่เพิ่งสนทนาด้วยเมื่อครู่นี้

จางเซวียนเดินทางด้วยความเร็วสูง ไม่ช้าก็มาถึงชานเมืองแห่งหนึ่ง ก็เหมือนกับตระกูลจาง เมืองนี้ครอบคลุมพื้นที่หลายหมู่ กว้างใหญ่กว่าสมาพันธ์นานาจักรวรรดิเสียอีก

ตระกูลเจียง!

หนึ่งในสามตระกูลชั้นนำ, ยักษ์ใหญ่ของทวีปแห่งปรมาจารย์!

จางเซวียนสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็วและพบว่ามีค่ายกลป้องกันตัวมากมายถูกฝังไว้ เขาอดชื่นชมไม่ได้ ดูเหมือนตระกูลชั้นนำทุกตระกูลจะมีพละกำลังและอำนาจที่สบประมาทไม่ได้เลย

เขาเคยเข้าสู่ตระกูลหลัวและตระกูลจาง ซึ่งทั้งสองตระกูลก็มีค่ายกลทุกชนิดที่ทำให้แม้แต่นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังตกที่นั่งลำบากได้หากขาดความระมัดระวัง ชัดเจนว่าตระกูลเจียงก็เป็นแบบเดียวกัน

แต่ถึงอย่างนั้น ค่ายกลก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับจางเซวียน ด้วยหอสมุดเทียบฟ้า สิ่งที่เขาเห็นก็มีแต่ข้อบกพร่องกับข้อบกพร่องเท่านั้น

หลังจากเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ครู่หนึ่ง จางเซวียนกำลังคิดจะยื่นสมุดแนะนำตัวให้องครักษ์ที่อารักขาบริเวณทางเข้าตระกูลเจียงเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าไปรายงานถึงการมาเยือนของเขา ก็พอดีกับที่ต้องหรี่ตาด้วยความระแวง

จางเซวียนผลุบเข้าไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้ๆ

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าผ่านพุ่มไม้เขียวชอุ่มนั้น และเห็นร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนืออาณาเขตตระกูลเจียง

จากนั้น หัวหน้าตระกูลเจียง, เจียงฟังโหย่ว ก็รีบออกมาต้อนรับผู้มาเยือน แล้วทั้งสองก็ร่อนลงกับพื้นพร้อมกัน

“ทำไมเขามาที่นี่? หมายความว่าตระกูลเจียงก็ร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นด้วยหรือ?” จางเซวียนคิดอย่างเคร่งเครียด

ผู้ที่เพิ่งปรากฏตัวนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดที่เขาได้พบเมื่อครั้งอยู่ที่ภูเขาห้วยขาวและสมาคมผู้หยั่งรู้แห่งเมืองหุบเขาเก็บเกี่ยว

ทำไมชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดถึงมาปรากฏตัวที่นี่?

การที่หัวหน้าตระกูลเจียงออกมาต้อนรับด้วยตัวเองนั้นบ่งบอกว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

“ขอดูหน่อยเถอะ!” จางเซวียนสูดหายใจลึก จากนั้นก็ใช้ดวงตาหยั่งรู้สำรวจพื้นที่โดยรอบก่อนจะเดินออกไป

ตอนนี้เขาอาจไม่มีไม้ตายอยู่กับตัวมากนัก หากต้องปะทะกับชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดในเวลานี้ก็คงพ่ายแพ้แน่ แต่ถึงอย่างนั้นจางเซวียนก็ยังมั่นใจในทักษะการซ่อนตัวของตัวเอง

อีกอย่าง ด้วยการที่เขาสำเร็จความเข้าใจเรื่องมิติและเวลาแล้ว เขาก็มั่นใจว่าต่อให้สู้ไม่ได้ ก็ยังหลบหนีทัน

ฟึ่บ!

รอยแยกแห่งมิติมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นตรงหน้าจางเซวียนขณะที่เขาแทรกตัวเข้าไปผ่านประตูใหญ่ของตระกูลเจียง

มีองครักษ์มากมายอารักขาอยู่หน้าประตู ซึ่งระดับวรยุทธของพวกเขาก็มีตั้งแต่ระดับเซียนขั้น 3 ไปจนถึงขั้น 4 แต่ไม่มีใครสักคนที่รู้สึกได้ว่าจางเซวียนผ่านเข้าไป ราวกับเขาไม่มีตัวตน

นี่คือทักษะการควบคุมมิติที่ทรงพลัง

ด้วยการปิดกั้นพื้นที่รอบตัวเองและป้องกันไม่ให้มีพลังงานเล็ดลอดออกไปจากการเข้าสู่พื้นที่หรือออกจากพื้นที่ จางเซวียนก็สามารถซ่อนตัวได้แม้แต่จากแสง ตราบใดที่อีกฝ่ายมีระดับวรยุทธต่ำกว่า ก็ไม่มีทางรู้สึกถึงการปรากฏตัวของเขาได้เลย

หลังจากเดินผ่านทางเดินและเลี้ยวอีกหลายครั้ง ในที่สุดจางเซวียนก็มาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่หรูหรางดงาม

ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือบริเวณที่เจียงฟังโหย่วกับชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดร่อนลง ถึงจางเซวียนจะมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเรื่องกฎเกณฑ์แห่งมิติแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป

จางเซวียนจึงหาพื้นที่เพื่อซ่อนตัวก่อนจะมองเข้าไปในห้องโถง

ด้านในห้อง เขาเห็นชาย 2 คนยืนหันหน้าเข้าหากัน ดูเหมือนกำลังหารือเรื่องสำคัญบางอย่าง

จางเซวียนสูดหายใจลึกและเพ่งสมาธิเข้าสู่ห้องโถงนั้น ไม่ช้าเขาก็ได้ยินบทสนทนา

“…ข่าวที่คุณได้มา? ผมเข้าใจแล้ว!”

ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดพยักหน้าและพูดว่า “ผมจะมอบหมายให้คุณจัดการก็แล้วกัน จะมีอะไรผิดพลาดไม่ได้นะ ถ้าเราทำสำเร็จล่ะก็ พวกเราจะพบกับวันคืนใหม่ ความฝันที่เราเคยใฝ่ฝันมาเนิ่นนานหลายปีจะได้กลายเป็นจริงเสียที!”

“ได้ ผมเข้าใจ” เจียงฟังโหย่วรีบพยักหน้า

“คุณเข้าใจก็ดีแล้ว จำคำเตือนไว้ด้วยนะ เหตุการณ์สำคัญกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ และสงครามครั้งใหญ่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คุณจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกเมื่อ!”

หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดก็ส่ายหน้าอย่างเคร่งเครียด เขากล่าวอำลาก่อนจะจากไป

ถึงชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดจะจากไปแล้ว จางเซวียนก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหว เขาปิดกั้นรังสีไว้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ขณะที่ซ่อนมิติที่อยู่รอบตัวไว้อย่างแน่นหนา ไม่เปิดช่องโหว่ให้ใครรู้ได้ว่ามีตัวเขาอยู่

ขณะที่จากไป ชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดลดสายตาลงมองด้านล่างอยู่ครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนจะเป็นแค่การกวาดสายตามองผ่านๆ เพียงครู่เดียวเขาก็หายวับไป ดูเหมือนจะจากไปอีกทาง

“เฮ่อออ!” เห็นชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดจากไป เจียงฟังโหย่วถอนหายใจเฮือกใหญ่ แววตาของเขาบ่งบอกความรู้สึกที่ซับซ้อน เขาเดินออกจากห้องโถง

จางเซวียนคาดว่าอีกฝ่ายคงจะไปดำเนินการบางอย่างตามที่ตกลงไว้กับชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดคนนั้น

“ตระกูลเจียงร่วมมือกับไอ้สารเลวกลุ่มนั้นด้วยหรือ พวกเขาทรยศมวลมนุษย์ใช่ไหม?” จางเซวียนเฝ้ามองเจียงฟังโหย่วเดินจากไป เขาย่นหน้าผากเป็นร่องลึก

ตระกูลเจียงเป็น 1 ใน 3 ตระกูลชั้นนำ! แม้สถานภาพของพวกเขาจะด้อยกว่าตระกูลจางและตระกูลหลัว แต่ก็ได้รับความเคารพอย่างสูงในทวีปแห่งปรมาจารย์ ในตระกูลของพวกเขามีปรมาจารย์อยู่มากมาย ทำไมถึงทรยศมวลมนุษย์และไปร่วมมือกับไอ้สารเลวกลุ่มนั้นได้?

เขาเคยพบชายหนุ่มหน้าตาเฉลียวฉลาดคนนั้น 2 ครั้งแล้ว ถึงจะยังมองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่าย แต่การที่หมอนั่นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์ปีศาจก็บ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของเขาได้

ต่อให้หมอนั่นไม่ใช่เผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่การที่เขาอยู่ในแก๊งเดียวกับพวกมันก็แปลว่าเขาคือคนทรยศ

ส่วนการที่หัวหน้าตระกูลเจียงมีการหารือเรื่องราวที่เป็นความลับกับหมอนั่น ก็ทำให้ยากเต็มทีที่จางเซวียนจะไม่สงสัย

“’พวกเราจะพบกับวันคืนใหม่’, ‘สงครามครั้งใหญ่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้’…หมายความว่าอย่างไร? พวกเขาคงตั้งใจสร้างความเดือดร้อนให้สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ หรือบางที อาจจะเป็นทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์เลยก็ได้” จางเซวียนกำหมัดแน่น

เขายังคงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนการอย่างไร แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกนั้นขโมยร่างกายท่อนบนของไอ้โหดไปและพาเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณหลายตัวเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์ ก็บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าพวกมันมีเป้าหมายยิ่งใหญ่อยู่ในใจ! หากเกิดอะไรขึ้นกับทวีปแห่งปรมาจารย์ ทุกอย่างที่เขาเป็นห่วงเป็นใยจะต้องตกอยู่ในอันตราย

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจาง ตระกูลหลัว แก๊งชวนชวน สถาบันปรมาจารย์หงหย่วน…ทันทีที่รังนกถูกทำลาย ก็จะไม่มีไข่ใบไหนยังคงอยู่รอดปลอดภัยได้!

การร่วมมือกันระหว่างตระกูลเจียงกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นถือเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่สำหรับมวลมนุษย์ ซึ่งในเมื่อเขารู้แล้ว เขาก็จะต้องยับยั้งมันให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม

“เราต้องหารือกับท่านพ่อท่านแม่เพื่อตัดสินใจว่าจะรับมือกับตระกูลเจียงอย่างไร…” จางเซวียนส่ายหน้าอย่างเคร่งเครียด

หากพวกเขาไม่อาจถอนรากถอนโคนอิทธิพลของตระกูลเจียงได้ในคราวเดียว พวกนั้นก็จะต้องเตลิดหนีไปซ่อนตัว ด้วยอิทธิพลยิ่งใหญ่ที่ตระกูลเจียงมีอยู่ทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์ การปฏิบัติการในเงามืดก็จะถือเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ของมวลมนุษย์หากเกิดสงครามกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นขึ้นมาจริงๆ

“ในเมื่อตระกูลเจียงทรยศมวลมนุษย์ เราก็ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองแล้วล่ะ…ขอเข้าไปสำรวจหนังสือในหอสมุดของพวกเขาหน่อยเถอะ!”

เมื่อคิดได้ จางเซวียนรีบสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างรวดเร็วก่อนจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง